Revised Common Lectionary (Complementary)
(มัสคิล[a]บทหนึ่งของดาวิด)
32 ความสุขมีแก่ผู้ที่
การล่วงละเมิดของเขาได้รับการอภัย
ผู้ที่บาปของเขาได้รับการกลบเกลื่อน
2 ความสุขมีแก่ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงถือโทษบาปของเขา
ผู้ซึ่งจิตวิญญาณไม่มีเล่ห์เพทุบาย
3 เมื่อข้าพระองค์นิ่งเงียบอยู่
กระดูกของข้าพระองค์ก็สึกกร่อนไป
โดยการคร่ำครวญวันยังค่ำ
4 เพราะทั้งวันทั้งคืน
พระหัตถ์ของพระองค์วางอยู่เหนือข้าพระองค์อย่างหนักหน่วง
พละกำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไป
เหมือนอยู่ในฤดูร้อนที่แผดเผา
เสลาห์
5 แล้วข้าพระองค์สารภาพบาปต่อพระองค์
และไม่ปิดซ่อนความชั่วช้าไว้
ข้าพระองค์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะสารภาพ
การล่วงละเมิดทั้งปวงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า”
และพระองค์ก็ทรงอภัย
ความผิดบาปของข้าพระองค์
เสลาห์
6 ฉะนั้นผู้ที่ซื่อสัตย์ทุกคนจงอธิษฐานต่อพระองค์
ในขณะที่ยังมีโอกาสพบพระองค์ได้
และเมื่อกระแสน้ำหลากโถมซัดเข้ามา
น้ำนั้นก็จะไม่แผ้วพานเขาเลย
7 พระองค์ทรงเป็นที่หลบภัยของข้าพระองค์
พระองค์ทรงคุ้มครองข้าพระองค์จากความยากลำบาก
และทรงโอบล้อมข้าพระองค์ด้วยบทเพลงแห่งการช่วยกู้
เสลาห์
1 นิมิตเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มซึ่งอิสยาห์บุตรอาโมศเห็นในช่วงรัชกาลของอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ เป็นดังนี้
ชนชาติจอมกบฏ
2 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงฟัง! แผ่นดินโลกเอ๋ย! จงฟังเถิด
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราเลี้ยงลูกๆ มาจนเติบใหญ่
แต่พวกเขากลับกบฏต่อเรา
3 วัวยังรู้จักนาย
ลารู้จักเจ้าของรางหญ้า
แต่อิสราเอลไม่รู้จัก
ประชากรของเราไม่เข้าใจ”
4 โอ ชนชาติบาปหนา
ประชากรผู้แบกความผิดไว้อย่างมากมายหนักหนา
เผ่าพันธุ์ผู้กระทำชั่ว
ลูกหลานของความเสื่อมทราม!
พวกเขาได้ละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า
หมิ่นประมาทองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
และหันหลังให้พระองค์
5 ทำไมต้องให้โบยอยู่ร่ำไป?
ทำไมจึงกบฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ศีรษะของเจ้าก็ร้าวระบม
หัวใจก็ร้าวราน
6 ตั้งแต่ศีรษะจดเท้า
ไม่มีส่วนใดปกติ
ล้วนมีแต่แผลถลอก แผลขึ้นแนว
และรอยแผลอักเสบ
ไม่ได้ล้างแผล ทายา
หรือพันแผลไว้เลย
7 ดินแดนของเจ้าก็ร้างเปล่า
เมืองต่างๆ ถูกเผาผลาญ
ท้องทุ่งเหี้ยนเตียนด้วยน้ำมือของคนต่างชาติ
เริศร้างต่อหน้าต่อตาเจ้า
เหมือนเมื่อถูกคนแปลกหน้าล้มล้าง
8 ธิดาแห่งศิโยน[a]ถูกทิ้งร้าง
เหมือนเพิงในสวนองุ่น
เหมือนกระท่อมกลางไร่แตง
เหมือนเมืองที่ถูกล้อม
9 หากพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ไม่เหลือคนหยิบมือหนึ่งให้เรา
เราก็คงกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม
เราก็คงเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์
39 พวกเขาทูลตอบว่า “อับราฮัมคือบิดาของเรา”
พระเยซูตรัสว่า “ถ้าท่านเป็นลูกหลานของอับราฮัม ท่านคงจะ[a]ทำสิ่งที่อับราฮัมได้ทำ 40 แต่นี่ท่านตั้งใจแน่วแน่จะฆ่าเราผู้บอกความจริงซึ่งเราได้ยินจากพระเจ้าแก่ท่าน อับราฮัมไม่ทำเช่นนี้ 41 ท่านกำลังทำสิ่งที่บิดาของท่านเองทำ”
พวกเขาคัดค้านว่า “เราไม่ใช่ลูกนอกสมรส เรามีพระบิดาองค์เดียวคือพระเจ้าเท่านั้น”
ลูกของมาร
42 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “หากพระเจ้าเป็นพระบิดาของท่าน ท่านก็คงจะรักเราเพราะเรามาจากพระเจ้าและบัดนี้เราอยู่ที่นี่แล้ว เราไม่ได้มาเองแต่พระองค์ทรงส่งเรามา 43 ทำไมท่านจึงไม่เข้าใจคำพูดของเรา? ก็เพราะท่านไม่สามารถรับฟังสิ่งที่เราพูด 44 ท่านเป็นของมารผู้เป็นบิดาของท่านและท่านต้องการทำตามความประสงค์ของบิดาของท่าน มารเป็นผู้ฆ่าคนมาตั้งแต่แรก มันไม่ได้ยึดมั่นในความจริงเพราะไม่มีความจริงอยู่ในมาร เมื่อพูดโกหกมันก็พูดตามสันดานของมันเพราะมารเป็นผู้มุสาและเป็นบิดาแห่งคำมุสา 45 แต่เพราะเราพูดความจริง ท่านจึงไม่เชื่อเรา! 46 มีใครในพวกท่านที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำผิดบาป? ถ้าเราพูดความจริงทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา? 47 ผู้ที่เป็นคนของพระเจ้าย่อมรับฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัส เหตุที่พวกท่านไม่ยอมรับฟังก็เพราะพวกท่านไม่ได้เป็นของพระเจ้า”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.