Revised Common Lectionary (Complementary)
ชีวิตอันแสนสุขเมื่ออยู่กับพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองกิททิธ ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดี
1 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
กระโจมที่พำนักของพระองค์ช่างงดงามอะไรเช่นนี้
2 จิตวิญญาณข้าพเจ้าปรารถนาด้วยใจจดจ่อ
และใฝ่ฝันถึงลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
ทั้งกายและใจข้าพเจ้าร้องเพลงถึง
พระเจ้าผู้ดำรงอยู่
3 แม้แต่นกกระจอกก็ยังหารังได้
แม่นกนางแอ่นหารังสำหรับตัวเอง
เพื่อให้ลูกน้อยได้อยู่ใกล้กับแท่นบูชาของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา กษัตริย์ของข้าพเจ้า
และพระเจ้าของข้าพเจ้า
4 บรรดาผู้อยู่ในพระตำหนักของพระองค์จะเป็นสุข
และสรรเสริญพระองค์เรื่อยไป เซล่าห์
5 บรรดาผู้ได้รับกำลังจากพระองค์ก็เป็นสุข
เป็นผู้มีใจมุ่งมั่นจะขึ้นไปยังศิโยน
6 บรรดาผู้เดินทางผ่านหุบเขาบาคา
จะทำสถานที่ให้เป็นแหล่งน้ำ
และยิ่งกว่านั้นฝนต้นฤดูจะเป็นพระพรแก่ทุกแห่งหน
7 ขณะก้าวไป พวกเขาก็เข้มแข็งขึ้น
และจะปรากฏ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าในศิโยน
9 โอ อยากให้ศีรษะข้าพเจ้าเป็นแอ่งน้ำ
และดวงตาข้าพเจ้าเป็นน้ำพุของน้ำตา
ข้าพเจ้าจะได้ร้องไห้ทั้งวันและคืน
ที่บุตรหญิงของประชาชนของข้าพเจ้าถูกฆ่าตาย
2 โอ ข้าพเจ้าอยากจะมีที่พัก
สำหรับค้างแรมในทะเลทราย
จะได้ปล่อยประชาชนไว้
และไปจากพวกเขา
เพราะพวกเขาทุกคนผิดประเวณี
เป็นกลุ่มชนที่ไม่ภักดี
3 “พวกเขางอลิ้นได้อย่างคันธนู
ความจอมปลอมซึ่งไร้ความจริงเกิดขึ้นทั่วแผ่นดิน
ด้วยว่าพวกเขาทำความชั่วเรื่อยไป
และพวกเขาไม่รู้จักเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
4 “ให้ทุกคนระวังเพื่อนบ้านของตน
อย่าไว้ใจพี่น้องคนใด
เพราะพี่น้องทุกคนเป็นผู้หลอกลวง
และเพื่อนบ้านทุกคนพูดว่าร้ายคนอื่น
5 ทุกคนหลอกลวงเพื่อนบ้านของตน
ไม่มีผู้ใดพูดความจริง
พวกเขาชำนาญในการพูดเท็จ
และทำบาปอย่างไม่หยุดหย่อน
6 กดขี่ข่มเหงและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำอีก
พวกเขาไม่ยอมรู้จักเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
7 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้
“ดูเถิด เราจะหลอมพวกเขาอย่างโลหะและทดสอบพวกเขา
เพราะชนชาติของเราทำความชั่ว
เราจะทำอะไรต่อพวกเขาอีก
8 ลิ้นของพวกเขาเป็นเหมือนลูกธนูมีพิษ
พูดลวงหลอก
เขาแต่ละคนใช้ปากพูดอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน
แต่ในใจก็วางแผนให้เขาติดกับดัก
9 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
เราควรจะลงโทษพวกเขาเพราะเรื่องเหล่านี้มิใช่หรือ
และเราควรจะแก้แค้นประชาชาติที่เป็นอย่างนี้มิใช่หรือ
10 เราจะร้องไห้และคร่ำครวญให้แก่เทือกเขา
และร้องคร่ำครวญให้แก่ทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดาร
เพราะมันกลายเป็นที่รกร้างจนไม่มีผู้ใดผ่านไป
และไม่มีเสียงฝูงโคส่งเสียงร้องถึงกันและกัน
ทั้งนกในอากาศและสัตว์ป่า
หนีไปกันหมดแล้ว
11 เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นกองซากปรักหักพัง
เป็นที่อยู่ของหมาใน
และเราจะทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่รกร้าง
ปราศจากผู้อยู่อาศัย”
12 ใครเป็นผู้เรืองปัญญาที่อาจจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวให้ใครฟัง เพื่อให้เป็นผู้ประกาศเรื่องดังกล่าว ทำไมแผ่นดินจึงเสียหายและรกร้างเหมือนถิ่นทุรกันดาร จนถึงกับไม่มีผู้ใดผ่านไป
13 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งกฎบัญญัติที่เราตั้งให้พวกเขาปฏิบัติตาม และเขาไม่ได้เชื่อฟังเรา หรือดำเนินตามกฎ 14 แต่ดื้อรั้นทำตามใจตนเอง และไปติดตามเทพเจ้าบาอัล อย่างที่บรรพบุรุษได้สอนพวกเขา 15 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะให้อาหารขมแก่ชนชาตินี้รับประทาน และให้น้ำมีพิษแก่พวกเขาดื่ม 16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ ซึ่งพวกเขาและบรรพบุรุษของเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และเราจะให้พวกเขาต้องเจอกับสงคราม จนกว่าเราจะทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น”
ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
3 แต่จงทราบไว้ด้วยว่า ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้ายจะมีความยากลำบาก 2 ผู้คนจะเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง เห็นแก่เงิน ขี้อวด หยิ่งยโส ดูหมิ่นผู้อื่น ไม่เชื่อฟังบิดามารดา ไม่รู้คุณคน ไม่นับถือพระเจ้า 3 ไม่มีความรัก ไม่ให้อภัย ใส่ร้าย ไม่ควบคุมตนเอง โหดร้าย ไม่รักดี 4 ทรยศ มุทะลุ หยิ่งผยอง รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า 5 ปฏิบัติตนเหมือนว่าใช้ชีวิตในทางของพระเจ้า แต่ใจจริงแล้วไม่เชื่อในอานุภาพนั้น อย่าคบกับคนเช่นนั้นเลย 6 คนพวกนี้เป็นประเภทหาทางเข้าบ้านของพวกผู้หญิงที่ไม่มีความคิดเป็นของตนเองและเป็นคนบาปหนา ปล่อยให้กิเลสต่างๆ นำพาชีวิต และเขาทำให้พวกนางอยู่ใต้บังคับของตน 7 ผู้หญิงเหล่านี้พยายามเรียนรู้เสมอแต่ไม่เคยรับรู้ความจริง 8 ยันเนสกับยัมเบรสได้ต่อต้านโมเสสเช่นไร คนเหล่านี้ก็ต่อต้านความจริงเช่นนั้น เป็นคนเสื่อมศีลธรรม มีความเชื่อที่ไม่แท้ 9 พวกเขาไม่ก้าวหน้าไปไกลนัก เพราะความเขลาของพวกเขาจะเป็นที่เห็นชัดต่อคนทั้งปวง เช่นเดียวกับความเขลาของชาย 2 คนนั้น
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation