Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 23-24

นักบวชเยโฮยาดากับกษัตริย์โยอาช

(2 พกษ. 11:4-21)

23 ในปีที่เจ็ด นักบวชเยโฮยาดาได้แสดงความแข็งแกร่งของเขา เขาทำข้อตกลงกับพวกนายร้อยทั้งหลาย คือ อาซาริยาห์ลูกชายของเยโรฮัม อิชมาเอลลูกชายของเยโฮฮานัน อาซาริยาห์ลูกชายของโอเบด มาอาเสอาห์ลูกชายของอาดายาห์ และเอลีชาฟัทลูกชายของศิครี พวกเขาไปทั่วทั้งยูดาห์ และไปรวบรวมชาวเลวีและพวกผู้นำครอบครัวชาวอิสราเอลมาจากทุกเมือง เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเยรูซาเล็ม คนที่มาชุมนุมทั้งหมดได้ให้คำมั่นสัญญากับกษัตริย์ที่วิหารของพระเจ้า

เยโฮยาดาพูดกับพวกเขาว่า “ลูกชายของกษัตริย์จะต้องครองบัลลังก์เหมือนที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้เกี่ยวกับพวกลูกหลานของดาวิด ต่อไปนี้คือสิ่งที่พวกท่านจะต้องทำ หนึ่งในสามของพวกท่านที่เป็นนักบวชและชาวเลวีที่กำลังอยู่เวรในวันหยุดทางศาสนาจะต้องเฝ้าดูแลอยู่ที่ประตูทั้งหลาย อีกหนึ่งในสามของพวกท่านให้เฝ้าอยู่ที่วังกษัตริย์ และอีกหนึ่งในสามที่เหลือให้เฝ้าอยู่ตรงประตูฐานราก และคนอื่นๆที่เหลือจะต้องอยู่ที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ ห้ามใครเข้าในวิหารของพระยาห์เวห์ ยกเว้นพวกนักบวชและชาวเลวีที่อยู่เวร พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ เพราะว่าพวกเขาบริสุทธิ์ แต่คนอื่นๆต้องคอยเฝ้าตามจุดที่พระยาห์เวห์ได้มอบหมายให้พวกเขาอยู่ พวกชาวเลวีต้องอยู่ใกล้ๆกษัตริย์ ทุกคนจะต้องมีอาวุธอยู่ในมือ ใครก็ตามที่บุกรุกเข้าไปในวิหารจะต้องถูกฆ่า อยู่ให้ใกล้กับกษัตริย์ไว้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม”

พวกชาวเลวีและคนของยูดาห์ทั้งหมดทำตามคำสั่งของนักบวชเยโฮยาดา แต่ละคนพาคนของเขามา คือทั้งพวกที่อยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา และพวกที่กำลังจะออกเวร เพราะนักบวชเยโฮยาดาไม่ปล่อยให้ใครว่างเลย แล้วเขาก็มอบหอกกับโล่ใหญ่และโล่เล็กที่เคยเป็นของกษัตริย์ดาวิด ที่เก็บอยู่ในวิหารของพระเจ้าให้กับพวกนายร้อย 10 เขาได้วางกำลังคนทั้งหมดประจำที่ แต่ละคนถืออาวุธพร้อมมือ เฝ้าอยู่รอบๆตัวกษัตริย์ ใกล้กับแท่นบูชาและวิหาร ตั้งแต่ทิศใต้จดทิศเหนือของวิหาร 11 เยโฮยาดากับพวกลูกชายของเขานำตัวโยอาชลูกชายของกษัตริย์ออกมา และสวมมงกุฎไว้บนหัวของโยอาช พวกเขามอบสำเนาข้อตกลง[a] ให้กับกษัตริย์ และประกาศให้โยอาชเป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมแต่งตั้งโยอาชและตะโกนออกมาว่า “ขอให้กษัตริย์จงเจริญ”

12 เมื่อนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงอึกทึกของประชาชนที่กำลังวิ่งและโห่ร้องให้กับกษัตริย์ นางออกไปหาพวกเขาที่วิหารของพระยาห์เวห์ 13 นางมองออกไปและเห็นกษัตริย์องค์นั้นยืนอยู่ข้างเสาของเขาที่ทางเข้า มีพวกเจ้าหน้าที่และคนเป่าแตรอยู่ข้างๆกษัตริย์ และประชาชนทั้งหมดบนแผ่นดินนั้นก็กำลังสนุกสนานรื่นเริงและเป่าแตรกัน พวกนักร้องกับนักดนตรีก็กำลังร้องนำบทสรรเสริญ นางอาธาลิยาห์จึงฉีกเสื้อของนางออก[b] และตะโกนว่า “พวกทรยศ พวกทรยศ”

14 นักบวชเยโฮยาดาได้ส่งพวกนายร้อยที่ดูแลกองทัพ เขาพูดกับพวกนั้นว่า “นำตัวนางออกไปจากท่ามกลางกองทัพและฆ่าทุกคนที่ติดตามนาง” เพราะนักบวชพูดว่า “อย่าฆ่านางในวิหารของพระยาห์เวห์” 15 ดังนั้น พวกเขาจึงจับตัวนางไว้ได้ ตอนที่นางวิ่งไปถึงทางเข้าของประตูม้า ในเขตวัง พวกเขาจับนางและฆ่านางที่นั่น

16 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ทำสัญญาว่า เขาและประชาชนทั้งหมดรวมทั้งกษัตริย์จะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ 17 ประชาชนทั้งหมดไปที่วิหารของพระบาอัลและรื้อมันทิ้ง พวกเขาทุบพวกแท่นบูชา และรูปเคารพทั้งหลาย และฆ่ามัทธานที่เป็นนักบวชของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชาเหล่านั้น

18 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ตั้งให้นักบวชชาวเลวีดูแลวิหารของพระยาห์เวห์ ตามที่ดาวิดเคยมอบหมายงานนี้ให้กับพวกเขาทำ พวกนี้จะต้องถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัว ให้กับพระยาห์เวห์ ตามกฎของโมเสส ด้วยใจชื่นบานและร้องเพลงตามที่ดาวิดได้สั่งไว้ 19 เยโฮยาดายังจัดเวรยามไว้เฝ้าประตูต่างๆของวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่บริสุทธิ์เข้ามาในวิหาร

20 เยโฮยาดาพาพวกนายร้อย พวกขุนนาง พวกผู้ปกครองประชาชนและประชาชนของดินแดนนี้ทั้งหมดรวมทั้งกษัตริย์ลงมาจากวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาเข้าไปในวังผ่านทางประตูด้านบนและให้กษัตริย์นั่งบนบัลลังก์ 21 และประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินต่างก็รื่นเริงยินดีกัน เมืองทั้งเมืองก็สงบสุขเพราะนางอาธาลิยาห์ถูกฆ่าตายด้วยดาบแล้ว

กษัตริย์โยอาชซ่อมแซมวิหาร

(2 พกษ. 11:21-12:21)

24 โยอาชมีอายุเจ็ดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสี่สิบปี แม่ของเขาชื่อว่าศิบียาห์ นางมาจากเบเออร์เชบา ตลอดชั่วชีวิตของนักบวชเยโฮยาดา เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เยโฮยาดาเลือกเมียสองคนให้กับโยอาช และโยอาชก็มีลูกชายลูกสาวมากมาย

ต่อมาภายหลัง โยอาชตัดสินใจที่จะซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์ เขาเรียกพวกนักบวชกับชาวเลวีมาชุมนุมกันและพูดกับพวกเขาว่า “ไปตามเมืองต่างๆของยูดาห์และไปรวบรวมเงินที่ชาวอิสราเอลทั้งหมดต้องจ่ายเป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะนำมาซ่อมแซมวิหารของพระเจ้าของพวกท่าน ให้ไปเดี๋ยวนี้” แต่พวกชาวเลวีไม่ยอมทำในทันที

กษัตริย์จึงเรียกตัวเยโฮยาดาที่เป็นหัวหน้านักบวชมาและพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงไม่สั่งให้พวกชาวเลวีไปนำเงินภาษีจากยูดาห์และเยรูซาเล็มมา เป็นภาษีที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้กำหนดไว้ให้กับชุมชนอิสราเอล เพื่อใช้สำหรับเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง”

ในอดีต พวกลูกชายของนางอาธาลิยาห์หญิงชั่ว ได้บุกเข้าไปในวิหารของพระเจ้า และได้ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปใช้กับพระบาอัล

กษัตริย์สั่งให้ทำหีบขึ้นมาใบหนึ่ง และให้นำมันไปวางไว้ที่ด้านนอกตรงประตูของวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกเลวีก็ป่าวประกาศไปทั่วทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็ม ให้พวกเขาเอาเงินภาษีมาให้กับพระยาห์เวห์ เงินภาษีนี้เป็นสิ่งที่โมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าเคยเรียกร้องจากชาวอิสราเอลในช่วงที่พวกเขาอยู่ในทะเลทราย 10 พวกเจ้าหน้าที่และประชาชนทั้งหมด ต่างนำเงินของพวกเขามาให้ด้วยความเต็มใจ พวกเขาใส่เงินเหล่านั้นไว้ในหีบใบนั้นจนเต็ม 11 เมื่อพวกเลวีนำหีบมาให้พวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ และพวกเขาเห็นว่ามีเงินอยู่เต็มแล้ว เลขานุการของกษัตริย์และเจ้าหน้าที่ของหัวหน้านักบวช ก็จะเข้ามาและเอาเงินออกจากหีบ และนำหีบนั้นกลับไปไว้ที่เดิมอีกครั้ง พวกเขาทำอย่างนี้เป็นประจำและรวบรวมเงินได้เป็นจำนวนมาก 12 กษัตริย์และเยโฮยาดาเอาเงินนี้ไปจ่ายให้กับพวกคนที่ทำงานให้กับวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาจ้างพวกช่างก่อตึกและช่างไม้ และยังจ้างพวกคนงานที่ชำนาญเกี่ยวกับเหล็กและทองสัมฤทธิ์ให้มาซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์

13 พวกคนที่ทำงานล้วนแต่เป็นคนขยัน และการซ่อมแซมก้าวหน้าไปเรื่อยๆด้วยฝีมือของพวกเขา พวกเขาสร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นใหม่อีกครั้ง ตามแบบเดิมและทำให้มันมั่นคงแข็งแรงขึ้น 14 เมื่อพวกเขาทำเสร็จหมดแล้ว ก็นำเงินที่เหลือไปให้กับกษัตริย์และเยโฮยาดา พวกเขาเอาเงินนั้นไปทำเครื่องใช้สำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ เป็นเครื่องใช้สำหรับงานรับใช้ และสำหรับเครื่องเผาบูชา พวกเขายังทำถ้วยและสิ่งอื่นๆจากทองคำและเงิน ตลอดระยะเวลาที่เยโฮยาดายังมีชีวิตอยู่ มีการถวายเครื่องเผาบูชาในวิหารของพระยาห์เวห์เป็นประจำ

15 ต่อมาเยโฮยาดาแก่ตัวลง และตายไปในขณะที่มีอายุหนึ่งร้อยสามสิบปี 16 เป็นเพราะความดีที่เขาทำไปในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและวิหารของพระองค์ ศพของเขาจึงถูกฝังไว้กับพวกกษัตริย์ในเมืองของดาวิด

โยอาชหลงไปจากพระยาห์เวห์

17 ภายหลังที่เยโฮยาดาตายไปแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ของยูดาห์ได้มาก้มกราบต่อกษัตริย์ และกษัตริย์ก็ฟังพวกเขา 18 พวกเขาละทิ้งวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และหันไปสักการะบูชาพวกเสาของพระอาเชราห์ และรูปเคารพทั้งหลาย เป็นเพราะความผิดนี้ของพวกเขา ความโกรธของพระเจ้าจึงลงมาที่ยูดาห์และเยรูซาเล็ม 19 ถึงแม้พระยาห์เวห์ได้ส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้ามาให้กับประชาชน เพื่อที่จะชักนำพวกเขากลับมาหาพระองค์ และถึงแม้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้นจะต่อว่าพวกเขาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง

20 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็มาสถิตกับเศคาริยาห์ลูกชายของนักบวชเยโฮยาดา เขายืนอยู่ต่อหน้าประชาชนและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระเจ้าพูด ‘ทำไมพวกเจ้าจึงไม่เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์ พวกเจ้าจะไม่รุ่งเรืองอีกต่อไป เพราะพวกเจ้าละทิ้งพระยาห์เวห์ พระองค์ก็จะละทิ้งพวกเจ้าเหมือนกัน’”

21 แต่ประชาชนวางแผนต่อต้านเศคาริยาห์ และกษัตริย์สั่งให้ประชาชนเอาหินขว้างเขาจนตายที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ 22 กษัตริย์โยอาชลืมบุญคุณที่เยโฮยาดาพ่อของเศคาริยาห์เคยมีต่อเขา และได้ฆ่าลูกชายของเยโฮยาดาตาย เมื่อเขาใกล้จะขาดใจตายนั้น เขาพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และลงโทษเจ้าด้วย”

23 ในช่วงปลายปี กองทัพของชาวอารัมยกมาสู้รบกับโยอาช พวกนั้นบุกเข้ายูดาห์และเยรูซาเล็มและฆ่าพวกผู้นำทั้งหมดของประชาชน ชาวอารัมส่งข้าวของที่ยึดมาได้กลับไปให้กับกษัตริย์ของพวกเขาในดามัสกัส 24 ถึงแม้ว่ากองทัพของชาวอารัมจะยกกันมาไม่มาก แต่พระยาห์เวห์ก็ทำให้กองทัพขนาดใหญ่ของโยอาชต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกอารัม เพราะชาวยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา คำตัดสินโทษได้ตกอยู่ที่โยอาช 25 เมื่อพวกชาวอารัมถอยทัพไปแล้ว พวกเขาก็ทิ้งโยอาชที่บาดเจ็บสาหัสไว้ พวกเจ้าหน้าที่ของโยอาชคบคิดกันทรยศเขา เพราะเขาได้ฆ่าลูกชายของนักบวชเยโฮยาดาตาย และคนพวกนั้นก็ได้ฆ่าเขาตายบนเตียงของเขาเอง ศพของโยอาชถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด แต่ไม่ได้อยู่ในหลุมฝังศพของพวกกษัตริย์

26 พวกคนที่รวมหัวกันต่อต้านเขาคือ ศาบาดลูกชายของนางชิเมอัทชาวอัมโมน กับเยโฮซาบาดลูกชายของนางชิมริทชาวโมอับ 27 รายชื่อพวกลูกชายของโยอาช พวกคำพูดมากมายจากพระเจ้าที่ต่อต้านเขา และบันทึกการซ่อมแซมวิหารของพระเจ้า มีเขียนอยู่ในคำอธิบายในหนังสือพงศ์กษัตริย์ และอามาซิยาห์ลูกชายของโยอาชก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

ยอห์น 15

พระเยซูคือเถาองุ่นที่แท้จริง

15 “เราเป็นเถาองุ่นที่แท้จริง และพระบิดาของเราเป็นผู้ดูแลสวน พระองค์จะตัดกิ่ง[a] ของเราที่ไม่ออกลูกทิ้งไป และจะแต่งกิ่งที่ออกลูกให้สะอาดเพื่อให้ออกลูกมากขึ้น พวกคุณก็สะอาดแล้วเพราะคำสั่งสอนของเรา ให้ติดสนิทกับเราและเราก็จะติดสนิทกับคุณ กิ่งจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทกับเถาเท่านั้น คุณก็เหมือนกับกิ่ง คุณจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทกับเรา

เราเป็นเถาองุ่น พวกคุณเป็นกิ่ง ถ้าคุณติดสนิทกับเราและเราติดสนิทกับคุณ คุณจะออกลูกมาก ถ้าไม่มีเราคุณจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าใครไม่ได้ติดสนิทกับเรา เขาก็จะเหมือนกับกิ่งที่ถูกตัดทิ้งให้เหี่ยวแห้งตาย และถูกเก็บไปเผาไฟ

ถ้าพวกคุณติดสนิทกับเรา และคำสั่งสอนของเราติดสนิทกับคุณ ไม่ว่าคุณจะขออะไรมันก็จะเป็นอย่างนั้น เมื่อคุณเกิดผลมาก แสดงว่าคุณเป็นศิษย์ของเรา และคุณได้ทำให้คนเห็นความยิ่งใหญ่ของพระบิดาของเรา เรารักคุณเหมือนกับที่พระบิดารักเรา ขอให้ยึดมั่นอยู่กับความรักของเรา 10 ถ้าคุณทำตามที่เราสั่ง ก็แสดงว่าคุณยังยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราทำตามคำสั่งของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์ 11 เราบอกเรื่องพวกนี้กับคุณ เพื่อว่าคุณจะได้มีความสุขเหมือนกับที่เรามีและมีอย่างล้นเหลือ 12 คำสั่งของเราคือให้รักกันเหมือนกับที่เรารักคุณ 13 ไม่มีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว คือการที่คนๆหนึ่งจะยอมตายเพื่อเพื่อนของตน 14 พวกคุณก็เป็นเพื่อนของเราถ้าทำตามที่เราสั่ง 15 เราจะไม่เรียกพวกคุณว่า ‘ทาส’ อีกต่อไป เพราะทาสจะไม่รู้ว่านายของเขาทำอะไร แต่เราเรียกพวกคุณว่า ‘เพื่อน’ เพราะเราได้บอกให้คุณรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ยินจากพระบิดาของเราแล้ว 16 พวกคุณไม่ได้เลือกเราหรอก แต่เราต่างหากที่เลือกคุณ และแต่งตั้งคุณให้ออกไปและเกิดผล เป็นผลที่ยั่งยืนตลอดไป แล้วพระบิดาจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณขอ เพราะคุณเป็นคนของเรา 17 คำสั่งของเราคือ ให้รักกันและกัน

พระเยซูเตือนพวกศิษย์

18 ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกคุณ ก็ให้จำไว้ว่าโลกนี้เกลียดชังเราก่อน 19 ถ้าพวกคุณเป็นของโลกนี้ โลกก็จะรักคุณเพราะคุณเป็นของมันเอง แต่เราได้เลือกคุณออกจากโลกนี้ คุณเลยไม่เป็นของโลกนี้อีกแล้ว โลกเลยเกลียดชังคุณ 20 จำได้ไหมที่เราเคยบอกว่า ‘ทาสไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่านาย’ ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา เขาก็จะข่มเหงพวกคุณด้วย ถ้าพวกเขาทำตามคำสั่งสอนของเรา พวกเขาก็จะทำตามคำสั่งสอนของพวกคุณด้วย 21 พวกเขาข่มเหงคุณก็เพราะเรา เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์ผู้ที่ส่งเรามา 22 ถ้าเราไม่ได้มาพูดกับพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาปอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับบาปของพวกเขาอีกต่อไป 23 คนที่เกลียดเราก็เกลียดพระบิดาของเราด้วย 24 เราได้ทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในหมู่พวกเขา ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาป แต่ตอนนี้ทั้งๆที่พวกเขาเห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราทำไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเกลียดเราและพระบิดาของเรา 25 แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อพระคัมภีร์ที่เขียนไว้ว่า ‘พวกเขาเกลียดเราโดยไม่มีเหตุผล’[b]

26 เราจะส่งผู้ช่วยจากพระบิดามาให้คุณ พระองค์คือพระวิญญาณแห่งความจริง พระองค์จะประกาศเกี่ยวกับเรา 27 พวกคุณเองก็ต้องประกาศให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเราด้วย[c] เพราะพวกคุณได้อยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International