Old/New Testament
คำสั่งของกษัตริย์ดาริอัส
6 กษัตริย์ดาริอัสจึงได้ออกคำสั่ง ให้พวกเขาค้นห้องเก็บเอกสารที่บาบิโลนใช้เก็บทรัพย์สมบัติ 2 แล้วพวกเขาก็พบหนังสือม้วนหนึ่ง ที่ป้อมปราการในเอกบาทานา ซึ่งอยู่ในมณฑลมีเดีย และในหนังสือม้วนนั้นเขียนไว้ว่าอย่างนี้
บันทึกความจำ 3 ในปีแรกของรัชกาลกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ไซรัสได้มีคำสั่งที่เกี่ยวกับวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็มว่าอย่างนี้
ให้สร้างวิหารขึ้นมาใหม่ ในสถานที่ที่พวกเขาเคยถวายเครื่องบูชา และให้วางรากฐานให้เหมือนกับสภาพเดิม ให้มีความสูงหกสิบศอก และกว้างหกสิบศอก 4 ให้สร้างด้วยหินใหญ่สามชั้น และสร้างด้วยไม้หนึ่งชั้น ให้คลังหลวงเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย 5 นอกจากนั้น พวกเครื่องใช้ทองคำและเงินของวิหารของพระเจ้า ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้เอามาจากวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม และเอามาไว้ที่บาบิโลนนั้น จะต้องส่งกลับคืนไปยังวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม เอาไปไว้ในที่ของมัน และเก็บรักษาไว้ในวิหารของพระเจ้า
6 ดังนั้น ทัทเธนัยเจ้าเมืองมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และเชธาร์โบเซนัย รวมทั้งพวกท่านที่เป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขา ที่เป็นผู้ตรวจราชการของมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส อยู่ให้ห่างจากที่นั่น 7 อย่าไปรบกวนงานสร้างวิหารของพระเจ้า ปล่อยให้เจ้าเมืองของชาวยิวและพวกผู้อาวุโสของพวกเขา สร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นมาใหม่บนพื้นที่เดิม
8 และตอนนี้ เราขอสั่งพวกท่านให้ช่วยพวกผู้อาวุโสของชาวยิวเหล่านั้น ที่กำลังสร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นมาใหม่ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างของคนพวกนี้ ให้จ่ายจากเงินหลวงทั้งหมด คือเงินที่เก็บได้จากภาษีของมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องหยุดงาน 9 ให้จัดหาทุกสิ่งให้กับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นพวกวัวหนุ่ม แกะตัวผู้ หรือลูกแกะ ที่ต้องใช้สำหรับถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ หรือจะเป็นข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น หรือน้ำมัน ที่พวกนักบวชในเมืองเยรูซาเล็มขอ ก็ให้จัดหามาให้กับพวกเขาทุกๆวันอย่าให้ขาดเลย 10 เพื่อพวกเขาจะได้ถวายเครื่องบูชาอันมีกลิ่นหอมให้กับพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และให้อธิษฐานเผื่อเราผู้เป็นกษัตริย์และพวกลูกชายของเรา
11 และถ้าใครไม่เชื่อฟังคำสั่งนี้ เราขอสั่งให้ดึงเสาไม้ค้ำบ้านของคนๆนั้นมาอันหนึ่ง และเอามาผูกคนๆนั้นและเฆี่ยนเขา และให้เอาบ้านของเขามาทำเป็นส้วมสาธารณะ
12 ขอให้พระเจ้า ที่ได้เลือกสถานที่นั้นให้เป็นที่นมัสการพระองค์ โค่นล้มกษัตริย์องค์ไหนๆหรือประชาชนกลุ่มใดก็ตาม ที่ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ และอยากจะทำลายวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม
เรา กษัตริย์ดาริอัส เป็นผู้ออกคำสั่งนี้เอง ให้เชื่อฟังคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัด
วิหารสร้างเสร็จ
13 แล้วทัทเธนัย เจ้าเมืองฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และเชธาร์โบเซนัย รวมทั้งเพื่อนร่วมงานของพวกเขา ก็ทำทุกอย่างตามที่กษัตริย์ดาริอัสสั่ง 14 พวกผู้อาวุโสของชาวยิว ได้ก่อสร้างวิหารสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภายใต้การพูดแทนพระเจ้าของฮักกัย ผู้พูดแทนพระเจ้า และเศคาริยาห์ลูกชายของอิดโด พวกเขาสร้างวิหารเสร็จตามคำสั่งของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และตามคำสั่งของพวกกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย คือไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีส 15 แล้ววิหารนี้ก็สร้างเสร็จในวันที่สามของเดือนอาดาร์[a] ในปีที่หกแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส[b]
16 แล้วประชาชนของอิสราเอล รวมทั้งพวกนักบวช และพวกชาวเลวี และเชลยทุกคนที่ได้กลับมา ได้อุทิศวิหารนี้ให้กับพระเจ้า และพวกเขาก็มีความสุขมากที่ได้ทำอย่างนั้น
17 ในการอุทิศวิหารนี้ พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาโดยมีวัวตัวผู้หนึ่งร้อยตัว แกะตัวผู้สองร้อยตัว ลูกแกะสี่ร้อยตัว และเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับอิสราเอลทั้งหมด คือแพะตัวผู้สิบสองตัว เผ่าละตัว 18 พวกเขาแต่งตั้งนักบวชให้อยู่ในแผนกต่างๆของพวกเขา และแต่งตั้งชาวเลวีให้อยู่ในแต่ละหน่วย เพื่อรับใช้ในวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส
เทศกาลปลดปล่อย
19 [c] พวกชาวยิวที่กลับมาจากการเป็นเชลย ได้เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อย ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก[d] 20 นักบวชทุกคนได้ชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์แล้ว และชาวเลวีก็เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยในสายตาผู้อื่น ดังนั้นชาวเลวีจึงฆ่าแกะในเทศกาลปลดปล่อย เพื่อชาวยิวทุกคนที่กลับจากการเป็นเชลย เพื่อพี่น้องทั้งหลายของเขาที่เป็นนักบวช และเพื่อตัวเขาเองด้วย 21 ประชาชนของอิสราเอลที่กลับจากการเป็นเชลย ได้กินอาหารในเทศกาลปลดปล่อยนี้ เหมือนกับคนอื่นๆทั้งหมดที่ได้แยกตัวเองออกจากสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์[e]ของพวกคนต่างชาติในแผ่นดิน เพื่อจะได้นมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 22 พวกเขาได้เฉลิมฉลองเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวันด้วยความยินดี เพราะพระยาห์เวห์ได้ทำให้พวกเขามีความสุข ที่พระองค์ได้เปลี่ยนทัศนคติของกษัตริย์อัสซีเรีย[f] ที่มีต่อพวกเขา ดังนั้นกษัตริย์ จึงได้ช่วยพวกเขาในการสร้างวิหารของพระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
เอสรามาเมืองเยรูซาเล็ม
7 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านไป[g] ในช่วงรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส[h] แห่งเปอร์เซีย เอสราได้ขึ้นมาจากบาบิโลนมาที่เมืองเยรูซาเล็ม เอสราเป็นลูกของเสไรอาห์ ที่เป็นลูกของอาซาริยาห์ ที่เป็นลูกของฮิลคียาห์ 2 ที่เป็นลูกของชัลลูม ที่เป็นลูกของศาโดก ที่เป็นลูกของอาหิทูบ 3 ที่เป็นลูกของอามาริยาห์ ที่เป็นลูกของอาซาริยาห์ ที่เป็นลูกของเมราโยท 4 ที่เป็นลูกของเศราหิยาห์ ที่เป็นลูกของอุสซี ที่เป็นลูกของบุคคี 5 ที่เป็นลูกของอาบีชูวา ที่เป็นลูกของฟีเนหัส ที่เป็นลูกของเอเลอาซาร์ ที่เป็นลูกของอาโรน ที่เป็นหัวหน้านักบวช
6 เอสราคนนี้ขึ้นมาจากบาบิโลนมาที่เมืองเยรูซาเล็ม เขาเป็นครู[i] เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎของโมเสสเป็นอย่างดี ซึ่งพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้มอบกฎนี้ให้กับอิสราเอล กษัตริย์ได้ให้เอสราทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาขอ เพราะมือของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาคอยช่วยเหลือเขา 7 มีประชาชนอิสราเอลบางคน รวมทั้งนักบวชบางคน พวกชาวเลวี พวกนักร้อง บรรดาคนเฝ้าประตู และพวกผู้รับใช้ในวิหาร ได้ขึ้นมาที่เมืองเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส 8 เอสรามาถึงเมืองเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้า[j] ของปีที่เจ็ด ในรัชกาลของกษัตริย์นี้ 9 เขาได้เตรียมตัวที่จะออกเดินทางจากบาบิโลน ในวันที่หนึ่งของเดือนแรก และได้มาถึงเมืองเยรูซาเล็มในวันที่หนึ่งของเดือนห้า เพราะมือของพระเจ้าคอยช่วยเหลือเขา 10 เพราะเอสราได้อุทิศตัวในการศึกษากฎคำสอนของพระยาห์เวห์ ในการทำตัวตามกฎนั้น และในการสั่งสอนกฎระเบียบและกฎหมายของพระองค์ในอิสราเอล
จดหมายอารทาเซอร์ซีสถึงเอสรา
11 นี่คือสำเนาจดหมาย ที่กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส[k] มอบให้กับเอสรา ผู้เป็นนักบวชและครูผู้รอบรู้คำสอนของบัญญัติของพระยาห์เวห์ และกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ที่มีไว้สำหรับคนอิสราเอล
12 [l] จาก อารทาเซอร์ซีส ผู้เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง
ถึง เอสรา ผู้เป็นนักบวช ครูผู้รอบรู้กฎของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขในทุกเรื่อง
13 เราขอสั่งว่า ใครก็ตามในอาณาจักรของเรา ไม่ว่าจะเป็นประชาชนของอิสราเอล หรือนักบวชของพวกเขา หรือชาวเลวี ที่สมัครใจจะไปยังเมืองเยรูซาเล็มกับเจ้า ก็ไปได้
14 เนื่องจากตัวเราและที่ปรึกษาทั้งเจ็ดของเราได้ส่งเจ้าไป เพื่อไปดูว่าประชาชนของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เชื่อฟังกฎแห่งพระเจ้าที่อยู่ในมือของเจ้าหรือไม่
15 เราและพวกที่ปรึกษาของเรา ก็ยังส่งเจ้าไป เพื่อขนเอาเงินและทองคำที่พวกเราสมัครใจมอบให้กับพระเจ้าแห่งอิสราเอล ที่มีวิหารอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม 16 ให้เจ้ารวบรวมเงินและทองคำทั้งหมด ที่เจ้าหามาได้จากมณฑลบาบิโลน พร้อมกับพวกของถวาย ที่ประชาชนและพวกนักบวชเอามาให้ด้วยความสมัครใจ สำหรับถวายให้กับวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม
17 และด้วยเงินนี้แหละ เจ้าต้องเอาไปซื้อพวกวัวตัวผู้ แกะตัวผู้ และลูกแกะ รวมทั้งเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา และเจ้าจะต้องถวายสิ่งต่างๆเหล่านี้บนแท่นบูชาในวิหารของพระเจ้าของเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม 18 ส่วนเงินและทองคำที่เหลือนั้น เจ้าและพี่น้องชาวยิวของเจ้า เห็นดีเห็นชอบที่จะทำยังไงก็ให้ทำไป ให้สอดคล้องกับความต้องการของพระเจ้าของพวกเจ้า 19 เครื่องใช้ต่างๆที่ได้มอบให้กับเจ้า สำหรับการบูชาในวิหารของพระเจ้าของเจ้านั้น ก็ให้เจ้าเอาไปวางไว้ต่อหน้าพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็ม 20 ส่วนสิ่งอื่นๆที่เหลือ ที่จำเป็นสำหรับวิหารของพระเจ้าของเจ้านั้น ก็ตกเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วที่จะจัดหามา ก็ให้เจ้าเบิกจากเงินหลวงได้
21 นอกจากนั้นแล้ว เรา กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ได้ออกคำสั่งนี้ให้กับผู้ดูแลเงินกองคลังทุกคนที่อยู่ในมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติสว่าอย่างนี้ คือไม่ว่าเอสราผู้เป็นนักบวช และครูผู้รอบรู้กฎบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ จะขออะไรจากเจ้า ก็ให้ทำตามนั้นอย่างรวดเร็วและอย่างเต็มที่ 22 ให้ช่วยได้มากถึงจำนวนเงินสามตันครึ่ง ข้าวสาลี เหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอก อย่างละสองหมื่นสองพันลิตร ส่วนเกลือให้ได้ไม่อั้น 23 ไม่ว่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะสั่งให้ทำอะไร ก็ให้เป็นไปตามนั้นอย่างรวดเร็วและอย่างเต็มที่ สำหรับวิหารของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เพื่อว่าความโกรธของพระเจ้าจะได้ไม่ตกลงมาบนอาณาจักรของเราผู้เป็นกษัตริย์ และบนพวกลูกชายของเรา
24 เราขอแจ้งให้พวกเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พวกคนเหล่านี้ทั้งหมดคือ พวกนักบวช พวกชาวเลวี พวกนักร้อง พวกคนเฝ้าประตู พวกผู้รับใช้ในวิหาร และคนรับใช้อื่นๆในวิหารของพระเจ้า จะไม่ต้องเสียเครื่องบรรณาการ ภาษี และส่วยใดๆทั้งสิ้น 25 ส่วนตัวเจ้า เอสรา ตามสติปัญญาของพระเจ้าของเจ้า ที่เจ้ามีนั้น ก็ให้เจ้าแต่งตั้งผู้พิพากษา และผู้ปกครอง ให้มาตัดสินคนทั้งหมดที่อยู่ในมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งหมายถึงทุกคนที่รู้จักพวกกฎของพระเจ้าของเจ้า และเจ้าก็ควรที่จะสอนคนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักกฎพวกนั้นด้วย 26 ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังกฎของพระเจ้าของเจ้า และกฏหมายของกษัตริย์ ก็ให้เขาได้รับโทษอย่างรวดเร็วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นโทษตาย หรือเนรเทศไปอยู่เมืองอื่น หรือยึดทรัพย์ หรือจำคุก ก็ตาม
เอสราสรรเสริญพระเจ้า
27 [m] สรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเรา ผู้ทำให้กษัตริย์ มีจิตใจที่อยากจะให้เกียรติกับวิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็มอย่างนี้ 28 พระองค์ได้แสดงความรักต่อข้าพเจ้า ต่อหน้ากษัตริย์ พวกที่ปรึกษา และข้าราชการชั้นสูงทั้งหลายของกษัตริย์ เนื่องจากมือของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าคอยช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถึงมีกำลังใจที่จะรวบรวมพวกผู้นำจากประชาชนของอิสราเอลเพื่อเดินทางขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็มกับข้าพเจ้า
รายชื่อพวกผู้นำที่กลับมาพร้อมเอสรา
8 ต่อไปนี้คือพวกหัวหน้าครอบครัว และเชื้อสายของพวกเขา ซึ่งเดินทางออกจากบาบิโลนไปกับข้าพเจ้า ในช่วงสมัยของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส
2 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากฟีเนหัส คือเกอร์โชม
จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอิธามาร์ คือดาเนียล
จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากดาวิด คือฮัทธัช 3 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเชคานิยาห์
จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากปาโรช คือเศคาริยาห์
พร้อมกับชายที่ขึ้นทะเบียนกับเขาอีกหนึ่งร้อยห้าสิบคน
4 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากปาหัทโมอับ คือเอลีโฮนัย ลูกชายของเศราหิยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกสองร้อยคน
5 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากศัทธู คือเชคานิยาห์ลูกชายของยาฮาซีเอล
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกสามร้อยคน
6 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอาดีน คือเอเบคลูกชายของโยนาธาน
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกห้าสิบคน
7 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเอลาม คือเยชายาห์ลูกชายของอาธาลิยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกเจ็ดสิบคน
8 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเชฟาทิยาห์ คือเศบาดิยาห์ลูกชายของมีคาเอล
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกแปดสิบคน
9 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากโยอาบ คือโอบาดียาห์ลูกชายของเยฮีเอล
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกสองร้อยสิบแปดคน
10 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากบานี่ คือเชโลมิทลูกชายของโยสิฟิยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกหนึ่งร้อยหกสิบคน
11 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเบบัย คือเศคาริยาห์ลูกชายของเบบัย
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกยี่สิบแปดคน
12 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอัสกาด คือ โยฮานัน
ลูกชายของฮักคาทาน
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกหนึ่งร้อยสิบคน
13 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอาโดนีคัม
พวกสุดท้ายที่ตามมาทีหลัง
มีชื่อว่าเอลีเฟเลท เยอูเอล และเชไมยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับพวกเขาอีกหกสิบคน
14 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากบิกวัย คือ อุธัยและศักเกอร์
พร้อมกับชายที่อยู่กับพวกเขาอีกเจ็ดสิบคน
การกลับมาเมืองเยรูซาเล็ม
15 ข้าพเจ้ารวบรวมพวกเขาไว้บริเวณแม่น้ำที่ไหลไปสู่อาหะวา พวกเราตั้งค่ายอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน ข้าพเจ้าสำรวจดูประชาชนและพวกนักบวช แต่ไม่พบพวกชาวเลวีเลยสักคนที่นั่น 16 ข้าพเจ้าจึงเรียกคนเหล่านี้มาหา คือ
เอลีเยเซอร์ อารีเอล เชไมยาห์ เอลนาธัน ยารีบ เอลนาธัน นาธัน เศคาริยาห์ และเมชุลลาม ซึ่งเป็นพวกผู้นำ พร้อมด้วยโยยาริบ และเอลนาธัน ซึ่งเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม 17 แล้วข้าพเจ้าก็ส่งพวกเขาไปหาอิดโด ซึ่งเป็นหัวหน้าของสถานที่ที่มีชื่อว่า คาสิเฟีย ข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่าควรจะพูดอะไรกับอิดโดและพี่น้องของเขา รวมทั้งพวกผู้รับใช้ในวิหารที่อยู่ในคาสิเฟีย เพื่อพวกเขาจะได้นำพวกผู้ช่วยมา เพื่อรับใช้ในวิหารของพระเจ้าของเรา 18 เนื่องจากมือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือเรา พวกเขาจึงส่งชายที่มีความเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ชื่อเชเรบิยาห์ พร้อมกับลูกๆและพี่น้องของเขา รวมทั้งหมดสิบแปดคน มาให้กับพวกเรา เชเรบิยาห์ เป็นผู้สืบตระกูลมาจากมาห์ลี ที่เป็นลูกของเลวี ที่เป็นลูกชายของอิสราเอล
19 พวกเขายังส่งฮาชาบิยาห์ มาพร้อมกับเยชายาห์จากตระกูลของเมราวี พร้อมด้วยพี่น้องและพวกลูกชายของพวกเขา รวมทั้งหมดยี่สิบคน 20 พวกเขายังส่งผู้รับใช้ในวิหารมาให้ด้วย รวมสองร้อยยี่สิบคน กษัตริย์ดาวิดและพวกเจ้านายได้แต่งตั้งบรรพบุรุษของผู้รับใช้พวกนี้ ให้เป็นผู้ช่วยของพวกเลวี คนที่มาเหล่านี้มีรายชื่อบันทึกไว้ทุกคน
21 ที่ข้างแม่น้ำอาหะวา ข้าพเจ้าก็ได้ประกาศให้ถือศีลอดอาหาร เพื่อเราจะได้ถ่อมตัวลงต่อหน้าพระเจ้าของเรา และขอให้พระองค์ช่วยให้พวกเราเดินทางด้วยความปลอดภัย สำหรับตัวเราเอง ลูกหลาน และทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเรา 22 ข้าพเจ้าอับอายที่จะขอทหารและทหารม้าจากกษัตริย์ เพื่อปกป้องพวกเราจากศัตรูในระหว่างเดินทาง เพราะพวกเราได้พูดกับกษัตริย์ไปแล้วว่า “มือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือทุกคนที่แสวงหาพระองค์ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัย แต่ฤทธิ์อำนาจและความโกรธของพระองค์จะต่อต้านทุกคนที่ละทิ้งพระองค์” 23 ดังนั้นเราจึงอดอาหารและอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อขอให้การเดินทางนี้ปลอดภัย และพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของพวกเรา
24 แล้วข้าพเจ้าได้เลือกผู้นำนักบวชมาสิบสองคน พร้อมกับเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของพวกเขาอีกสิบคน 25 แล้วข้าพเจ้าก็ชั่งเงิน ทองคำ พร้อมด้วยเครื่องใช้ต่างๆให้กับพวกเขาทั้งสิบสองคน ซึ่งเป็นของถวายสำหรับวิหารของพระเจ้าของเรา ของพวกนี้เป็นของที่กษัตริย์และที่ปรึกษาของพระองค์ รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ และประชาชนทั้งหลายของอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นได้ถวายไว้ 26 สิ่งที่ข้าพเจ้าชั่งและมอบให้พวกเขาประกอบด้วย เงินหนักประมาณยี่สิบสองตัน เครื่องใช้ที่ทำด้วยเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง และทองคำประมาณสามตันครึ่ง 27 มีชามทองคำยี่สิบใบ หนักแปดกิโลกรัมครึ่ง และเครื่องใช้สองชิ้นที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ขัดเงาชั้นดี ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 28 แล้วข้าพเจ้าพูดกับพวกนักบวชว่า “พวกท่านถูกอุทิศไว้สำหรับพระยาห์เวห์ และข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ ก็ถูกอุทิศไว้สำหรับพระยาห์เวห์ด้วย เงินและทองคำพวกนี้เป็นของที่คนสมัครใจเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา 29 ขอให้เฝ้าระวังรักษาสิ่งของเหล่านี้ไว้ให้ดี จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านชั่งสิ่งของเหล่านี้ ต่อหน้าพวกหัวหน้าของเหล่านักบวช และชาวเลวี รวมทั้งหัวหน้าครอบครัวของอิสราเอลในเมืองเยรูซาเล็ม ภายในห้องของวิหารของพระยาห์เวห์”
30 ดังนั้น พวกนักบวชและพวกชาวเลวีจึงรับเงินและทองคำ รวมทั้งเครื่องใช้ต่างๆที่ชั่งแล้ว และนำสิ่งเหล่านั้นไปยังวิหารของพระเจ้าของเราในเมืองเยรูซาเล็ม
31 เราเดินทางออกจากบริเวณแม่น้ำอาหะวา ในวันที่สิบสองของเดือนแรก[n] เพื่อไปยังเมืองเยรูซาเล็ม มือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือเรา และพระองค์ช่วยปกป้องเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรูและพวกโจรในระหว่างทาง 32 แล้วในที่สุด เราก็มาถึงเมืองเยรูซาเล็ม และได้หยุดพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน 33 ในวันที่สี่เราได้ชั่งเงินและทองคำ รวมทั้งเครื่องใช้ภายในวิหารของพระเจ้าของเรา และมอบสิ่งเหล่านั้นไว้ในมือของเมเรโมท ลูกชายของอุรียาห์ ผู้เป็นนักบวช และเอเลอาซาร์ ลูกชายฟีเนหัส และคนอื่นที่อยู่กับพวกเขาคือ ชาวเลวี โยซาบาดลูกชายเยชูอา และโนอัดยาห์ ลูกชายบินนุย 34 ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการตรวจสอบ ด้วยการนับจำนวนและการชั่งน้ำหนัก แล้วจึงบันทึกน้ำหนักรวมทั้งหมดไว้ในเวลานั้น
35 แล้วพวกชาวยิวที่กลับจากการเป็นเชลย ก็ถวายเครื่องเผาบูชาให้กับพระเจ้าของอิสราเอล ประกอบด้วยวัวตัวผู้สิบสองตัว สำหรับอิสราเอลทั้งหมด แกะตัวผู้เก้าสิบหกตัว ลูกแกะเจ็ดสิบสองตัว (และถวายเครื่องบูชาชำระล้างเป็นแพะตัวผู้สิบสองตัว) ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาที่ถวายให้กับพระยาห์เวห์
36 พวกเขายังได้ส่งมอบพวกคำสั่งของกษัตริย์ ให้เจ้าหน้าที่หลวงทั้งหลาย รวมทั้งพวกเจ้าเมืองมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส แล้วเจ้าหน้าที่และเจ้าเมืองพวกนี้ ต่างก็สนับสนุนประชาชนของอิสราเอล และวิหารของพระเจ้า
พระเยซูปรากฏให้ศิษย์เจ็ดคนเห็น
21 ต่อมาพระเยซูก็ได้ปรากฏตัวให้พวกศิษย์ของพระองค์เห็นอีกครั้งที่ทะเลสาบทิเบเรียส เรื่องมีอยู่ว่า 2 ขณะที่ซีโมนเปโตร โธมัส (หรือที่คนเรียกกันว่าแฝด) นาธานาเอล (ที่มาจากหมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี) ลูกสองคนของเศเบดี และศิษย์อีกสองคนของพระเยซูอยู่รวมกัน 3 ซีโมนเปโตรพูดกับพวกเขาว่า “ผมจะไปจับปลา”
พวกเขาบอกเปโตรว่า “ไปด้วย” พวกเขาทั้งหมดก็เลยออกเรือไป แต่คืนนั้นทั้งคืนพวกเขาจับปลาไม่ได้เลย
4 เช้าตรู่ของอีกวันหนึ่งพระเยซูยืนอยู่บนฝั่ง แต่พวกศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ 5 พระเยซูถามพวกเขาว่า “ไงเพื่อน จับปลาได้หรือเปล่า”
พวกเขาตอบว่า “ไม่ได้เลย”
6 พระองค์จึงพูดกับพวกเขาว่า “โยนอวนไปทางขวาของเรือสิ แล้วจะได้ปลา” พวกเขาจึงโยนอวนลงไป แล้วได้ปลามากมายจนลากอวนขึ้นมาบนเรือไม่ไหว
7 ศิษย์คนที่พระเยซูรักได้บอกกับเปโตรว่า “องค์เจ้าชีวิตนี่” เมื่อซีโมนได้ยินว่าเป็นองค์เจ้าชีวิต เขาก็หยิบเสื้อที่ถอดไว้ตอนทำงานมาใส่ กระโดดลงไปในทะเลสาบแล้วว่ายน้ำเข้าฝั่ง 8 แต่ศิษย์คนอื่นๆนั้นนั่งเรือมาที่ฝั่ง พวกเขาลากอวนที่มีปลาอยู่ท้ายเรือ (เพราะพวกเขาอยู่ไม่ห่างฝั่งนัก ประมาณร้อยเมตรเท่านั้น) 9 เมื่อพวกเขามาถึงฝั่ง ก็เห็นขนมปังและปลาปิ้งอยู่บนกองถ่านที่ติดไฟ 10 พระเยซูพูดว่า “เอาปลาที่เพิ่งจับได้มาหน่อยสิ”
11 ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือและลากอวนขึ้นฝั่ง มีปลาตัวใหญ่เต็มไปหมด นับได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ถึงจะมีปลามากมายขนาดนั้นอวนก็ไม่ขาด 12 พระเยซูได้พูดกับพวกเขาว่า “มากินอาหารเช้ากันเถอะ” แต่ไม่มีใครสักคนกล้าถามพระองค์ว่า “คุณเป็นใคร” เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นองค์เจ้าชีวิต 13 พระเยซูเข้ามาหยิบขนมปังและปลาแจกให้พวกเขา 14 นี่เป็นครั้งที่สามที่พระเยซูได้ให้พวกศิษย์เห็นพระองค์หลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตาย
พระเยซูคุยกับเปโตร
15 เมื่อพวกเขากินอาหารเช้าอิ่มแล้ว พระเยซูได้พูดกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนลูกของยอห์น คุณรักเรามากกว่าศิษย์พวกนี้รักเราหรือเปล่า”
เปโตรตอบพระองค์ว่า “ครับองค์เจ้าชีวิต พระองค์ก็รู้ว่าผมรักพระองค์”
พระเยซูจึงสั่งเขาว่า “ให้เลี้ยงดูลูกแกะ[a] ของเรา”
16 แล้วพระองค์ก็ได้ถามเขาเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมน ลูกของยอห์นคุณรักเราหรือเปล่า”
เปโตรตอบพระองค์ว่า “ครับองค์เจ้าชีวิต พระองค์ก็รู้ว่าผมรักพระองค์”
พระเยซูจึงสั่งเขาว่า “ให้ดูแลฝูงแกะของเรา” 17 แล้วพระองค์ก็ถามเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนลูกของยอห์น คุณรักเราหรือเปล่า”
เปโตรรู้สึกเสียใจที่พระองค์ถามเขาถึงสามครั้งว่า “คุณรักเราหรือเปล่า” เขาจึงบอกพระองค์ว่า “องค์เจ้าชีวิต พระองค์รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์รู้ว่าผมรักพระองค์”
พระเยซูจึงสั่งเขาว่า “ให้เลี้ยงดูฝูงแกะของเรา 18 เราจะบอกให้รู้ว่า เมื่อคุณยังหนุ่มคุณคาดเข็มขัดเองและไปไหนมาไหนที่ตัวเองอยากไป แต่เมื่อคุณแก่ลง คุณจะกางมือออกมาแล้วคนอื่นก็จะมัดคุณ และพาคุณไปในที่ที่คุณไม่อยากไป” 19 (พระเยซูพูดอย่างนี้ เพื่อบอกให้รู้ว่าเปโตรจะตายแบบไหนเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าให้คนเห็น) แล้วพระเยซูก็ได้พูดกับเปโตรว่า “ตามเรามา”
20 เปโตรหันไปเห็นศิษย์คนที่พระองค์รักซึ่งกำลังเดินตามมา (คือศิษย์คนที่เอนตัวไปที่อกของพระองค์ตอนกินอาหาร แล้วถามพระองค์ว่า “อาจารย์ คนที่จะทรยศอาจารย์เป็นใครกันครับ”) 21 เมื่อเปโตรเห็นเขาอยู่ข้างหลัง เขาถามพระเยซูว่า “องค์เจ้าชีวิต แล้วเขาล่ะ จะเป็นยังไง”
22 พระเยซูตอบเปโตรว่า “ถ้าเราอยากจะให้เขาอยู่จนเรากลับมา แล้วมันเรื่องอะไรของคุณด้วย ตามเรามาเถอะ”
23 เรื่องนี้จึงร่ำลือกันไปทั่วในหมู่พี่น้องว่าศิษย์คนนี้จะไม่ตาย แต่พระเยซูไม่ได้พูดว่าเขาจะไม่ตาย แต่พูดว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนเรากลับมา แล้วมันเรื่องอะไรของคุณด้วยล่ะ”
24 ศิษย์คนนั้นเองที่เป็นคนเล่าและเขียนเรื่องทั้งหมดนี้ และพวกเราเชื่อว่าเขาเล่าความจริง
25 ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พระเยซูได้ทำเอาไว้ ถ้าจะเขียนทั้งหมดนั้นไว้ เราคิดว่าโลกทั้งโลกก็ไม่ใหญ่พอที่จะเก็บหนังสือทั้งหมดที่จะเขียนนั้นได้
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International