Old/New Testament
กษัตริย์โยสิยาห์ปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 22:1-2)
34 โยสิยาห์มีอายุแปดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสามสิบเอ็ดปี 2 เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ และเดินตามทางของดาวิดบรรพบุรุษของเขา โยสิยาห์ไม่ออกนอกลู่นอกทางเลยแม้แต่นิดเดียว 3 ในปีที่แปดที่โยสิยาห์ปกครองนั้น ในขณะที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มมาก เขาเริ่มค้นหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเขา ในปีที่สิบสองที่เขาปกครองนั้น เขาเริ่มกวาดล้างพวกสถานนมัสการ พวกเสาสำหรับพระอาเชราห์ พวกรูปเคารพแกะสลัก และรูปหล่อทั้งหลายในยูดาห์และในเยรูซาเล็ม 4 เขาสั่งให้ทำลายพวกแท่นบูชาของพวกพระบาอัล ตัดพวกแท่นบูชาเครื่องหอมที่อยู่ในที่เหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆ และทุบพวกเสาสำหรับพระอาเชราห์ พวกรูปเคารพและพวกรูปปั้นจนแตกละเอียด เขาเอาพวกเศษที่แตกละเอียดเหล่านี้ไปโปรยบนหลุมฝังศพของพวกที่เคยถวายสัตวบูชาให้กับสิ่งเหล่านี้ 5 เขาเผากระดูกของพวกนักบวชบนแท่นบูชาของพวกเขาเอง และอย่างนี้เอง เขาก็ชำระล้างยูดาห์และเยรูซาเล็มให้บริสุทธิ์ 6 ตามเมืองต่างๆของมนัสเสห์ เอฟราอิมและสิเมโอน ไปจนถึงนัฟทาลีและในซากเมืองทั้งหลายรอบๆเมืองเหล่านี้[a] 7 เขาได้รื้อทำลายพวกแท่นบูชาและพวกเสาสำหรับพระอาเชราห์ลง และได้บดขยี้พวกรูปเคารพจนเป็นผุยผง เขายังตัดพวกแท่นบูชาเครื่องหอมทั่วทั้งอิสราเอลออกเป็นชิ้นๆ แล้วเขาจึงกลับเมืองเยรูซาเล็ม
8 ในปีที่สิบแปดที่โยสิยาห์ปกครอง โยสิยาห์ส่งชาฟานลูกชายของอาซาลิยาห์และมาอาเสอาห์เจ้าเมือง พร้อมกับโยอาห์ผู้จดบันทึกลูกชายของโยอาฮาส ให้ไปซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เพื่อเป็นการชำระล้างแผ่นดินยูดาห์และวิหารให้บริสุทธิ์
9 คนพวกนี้ได้ไปหาฮิลคียาห์นักบวชชั้นสูง และมอบเงินที่คนเอามาถวายให้กับพระเจ้าที่วิหารให้กับฮิลคียาห์ มันเป็นเงินที่ชาวเลวีที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเป็นผู้เก็บรวบรวมมาจากประชาชนชาวมนัสเสห์ เอฟราอิมและจากอิสราเอลที่เหลือทั้งหมดนั้น รวมทั้งจากประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ เบนยามิน และจากชาวเมืองเยรูซาเล็ม 10 แล้วพวกเลวีก็จ่ายเงินนี้ให้กับคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมงานในวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วผู้ควบคุมงานเหล่านี้ก็เอาเงินนี้ไปจ่ายให้กับพวกคนงานที่มาซ่อมแซมและบูรณะวิหาร อีกต่อหนึ่ง 11 พวกเขายังให้เงินกับพวกช่างไม้และช่างก่อสร้าง เพื่อนำไปซื้อหินที่ได้รับการตัดแต่งแล้ว และไปซื้อไม้เพื่อนำมาสร้างไม้รองพื้น และคานสำหรับตึกต่างๆที่พวกกษัตริย์ของยูดาห์ได้ปล่อยไว้จนทรุดโทรม 12 พวกคนงานต่างทำงานกันอย่างซื่อสัตย์ พวกเขาทำงานภายใต้การสั่งงานของยาหาทและโอบาดียาห์พวกชาวเลวีที่เป็นลูกหลานของเมรารี ยังมีเศคาริยาห์และเมชุลลัมที่เป็นลูกหลานของโคฮาทด้วย พวกชาวเลวีทุกคนมีความชำนาญในการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ 13 พวกเขาคอยดูแลพวกคนงานและสั่งงานพวกคนงานทั้งหมดในงานทุกๆชิ้น ชาวเลวีบางคนทำงานเป็นเลขานุการบ้าง เป็นผู้จดบันทึกบ้าง และเป็นคนเฝ้าประตูบ้าง
การค้นพบหนังสือกฎของพระยาห์เวห์
(2 พกษ. 22:3-23:3)
14 ในขณะที่พวกเลวีกำลังนำเงินที่เก็บไว้ในวิหารของพระยาห์เวห์ออกมานั้น นักบวชฮิลคียาห์ได้พบหนังสือกฏของพระยาห์เวห์ที่เคยให้ไว้กับโมเสส 15 ฮิลคียาห์พูดกับชาฟานที่เป็นเลขานุการว่า “เราได้พบหนังสือกฎบัญญัติอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์” แล้วเขาได้มอบหนังสือเล่มนั้นให้กับชาฟาน 16 แล้วชาฟานก็เอาหนังสือเล่มนั้นไปให้กับกษัตริย์และรายงานกับกษัตริย์ว่า “พวกเจ้าหน้าที่ของท่านได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ท่านได้มอบหมายให้กับพวกเขาทำ 17 พวกเขาเอาเงินที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ไปจ่ายให้กับพวกหัวหน้าคนงานและพวกคนงานเรียบร้อยแล้ว” 18 แล้วชาฟานที่เป็นเลขานุการก็แจ้งกับกษัตริย์ว่า “นักบวชฮิลคียาห์ให้หนังสือเล่มหนึ่งกับข้าพเจ้า” และชาฟานก็อ่านมันต่อหน้ากษัตริย์ 19 เมื่อกษัตริย์ได้ฟังข้อความในหนังสือกฎเล่มนั้น เขาก็ฉีกเสื้อคลุมของเขาออก[b] 20 เขาสั่งฮิลคียาห์ อาหิคัมลูกชายของชาฟาน อับโดนลูกชายของมีคาห์ ชาฟานที่เป็นเลขานุการและอาสายาห์คนรับใช้ของเขาว่า 21 “ไปสอบถามพระยาห์เวห์ให้กับเราและให้กับประชาชนที่เหลืออยู่เป็นส่วนน้อยในอิสราเอลและในยูดาห์ เกี่ยวกับสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือที่ถูกค้นพบเล่มนี้ ความโกรธอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ได้หลั่งไหลมาที่พวกเรา ก็เพราะบรรพบุรุษของพวกเราไม่ยอมรักษาคำพูดของพระยาห์เวห์ พวกเขาไม่ยอมทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้”
22 ฮิลคียาห์กับพวกคนที่กษัตริย์ส่งไปนั้น[c]ได้ไปพูดกับผู้หญิงที่พูดแทนพระเจ้า ชื่อฮุลดาห์ นางเป็นเมียของชัลลูมลูกชายของทกหาทที่เป็นลูกชายของหัสราห์ ชัมลูมมีหน้าที่ดูแลเสื้อผ้าของกษัตริย์ ฮุลดาห์อาศัยอยู่ในเขตใหม่ของเมืองเยรูซาเล็ม 23 นางพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดอย่างนี้ว่า ‘ให้บอกกับคนที่ส่งพวกเจ้ามาหาเราว่า 24 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด เรากำลังจะนำความหายนะมาสู่สถานที่แห่งนี้ และสู่ประชาชนที่นี่ มันคือคำสาปแช่งทั้งหมดที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ที่ได้อ่านแล้วต่อหน้าของกษัตริย์ของยูดาห์ 25 เพราะพวกเขาละทิ้งเรา และเผาเครื่องหอมบูชาให้แก่พระอื่นๆและมายั่วยุให้เราโกรธด้วยสิ่งต่างๆที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ ความโกรธของเราจะหลั่งไหลออกมาสู่สถานที่แห่งนี้และจะไม่ดับลงด้วย”’”
26 “ให้บอกกับกษัตริย์ของยูดาห์ที่ส่งพวกท่านมาสอบถามพระยาห์เวห์ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลพูดเกี่ยวกับข้อความทั้งหลายที่เจ้าได้ยินเมื่อตะกี้นี้ 27 “โยสิยาห์ เป็นเพราะใจของเจ้าสนองตอบและพวกเจ้าได้ถ่อมตัวเองลงต่อหน้าพระเจ้า เมื่อได้ยินในสิ่งที่พระองค์พูดคัดค้านสถานที่แห่งนี้และประชาชนที่นี่ และเป็นเพราะว่าเจ้าได้ถ่อมตัวเองลงมาต่อหน้าเราและได้ฉีกเสื้อคลุมของเจ้าและยังร้องไห้ต่อหน้าเรา พระยาห์เวห์ประกาศว่า เราได้ยินเจ้าแล้ว 28 ตอนนี้ เราจะรวมเจ้าไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะถูกฝังอย่างสงบ ดวงตาของเจ้าจะไม่ได้เห็นความหายนะทั้งหลาย ที่เรากำลังจะนำมาสู่สถานที่แห่งนี้และสู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นี่”’” ดังนั้นพวกเขาจึงนำคำตอบของนางกลับไปบอกกับกษัตริย์
29 แล้วกษัตริย์โยสิยาห์ได้เรียกพวกผู้ใหญ่ของยูดาห์และของเยรูซาเล็มทั้งหมดมารวมตัวกัน 30 เขาได้ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กับคนเหล่านั้นของยูดาห์ และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกนักบวชและพวกชาวเลวี คือประชาชนทั้งหมดตั้งแต่ชนชั้นระดับสำคัญๆไปจนถึงระดับล่าง โยสิยาห์อ่านทุกคำในหนังสือข้อตกลงที่พบในวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้กับทุกคนฟัง
31 กษัตริย์ยืนอยู่ในที่ของเขา และได้ทำข้อตกลงใหม่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ว่าจะติดตามพระยาห์เวห์และจะรักษาคำสั่งทุกข้อของพระองค์ กฎและข้อบังคับต่างๆอย่างสุดจิตสุดใจ และจะทำตามคำพูดของข้อตกลงที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ 32 แล้วเขาก็ให้ทุกคนในเยรูซาเล็มและเบนยามินสาบานตนกับข้อตกลงนี้ ประชาชนของเยรูซาเล็มได้ทำอย่างนี้ ตามสิ่งที่เขียนไว้ในข้อตกลงของพระเจ้าที่เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา 33 โยสิยาห์ยกเอาพวกรูปเคารพที่น่าขยะแขยงออกไปจากเขตแดนทั้งหมดที่เป็นของชนชาติอิสราเอล และเขาก็ให้ทุกคนที่อยู่ในอิสราเอลรับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ตราบเท่าที่กษัตริย์โยสิยาห์ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ได้หันเหไปจากการติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา
โยสิยาห์ฉลองเทศกาลปลดปล่อย
(2 พกษ. 23:21-23)
35 โยสิยาห์เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยถวายให้กับพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม และฆ่าลูกแกะตัวผู้ของเทศกาลปลดปล่อยในวันที่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง 2 กษัตริย์โยสิยาห์แต่งตั้งพวกนักบวชให้ทำงานตามหน้าที่ของพวกเขา และส่งเสริมให้พวกนักบวชรับใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์ 3 เขาพูดกับพวกชาวเลวีที่คอยสั่งสอนชาวอิสราเอลทั้งหมดและได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์แล้วสำหรับรับใช้พระยาห์เวห์ว่า “ให้วางหีบศักดิ์สิทธิ์ไว้ในวิหาร ที่ซาโลมอนลูกชายของกษัตริย์ดาวิดของอิสราเอลได้สร้างขึ้น พวกเจ้าจะไม่ต้องแบกมันอยู่บนบ่าอีก ตอนนี้ให้รับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้ากับประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์เถิด 4 ให้แบ่งพวกเจ้าออกเป็นกลุ่มๆตามครอบครัว อย่างที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลและซาโลมอนลูกชายของเขาได้เขียนกำหนดไว้ 5 ให้ยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับกลุ่มของชาวเลวี ตามกลุ่มย่อยของแต่ละครอบครัวของญาติพี่น้องเจ้าที่ไม่ได้เป็นนักบวช 6 ให้ฆ่าพวกลูกแกะของเทศกาลปลดปล่อย และชำระตัวพวกเจ้าเองให้บริสุทธิ์ และให้จัดเตรียมพวกลูกแกะสำหรับญาติพี่น้องของพวกท่าน พระยาห์เวห์ได้สั่งทั้งหมดนี้ผ่านมาทางโมเสส”
7 โยสิยาห์ได้จัดเตรียมแกะกับแพะไว้รวมสามหมื่นตัวเพื่อเป็นเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลปลดปล่อยให้กับพวกคนที่ไม่ใช่นักบวช และยังมีวัวสามพันตัว สัตว์ทั้งหมดนี้มาจากสมบัติส่วนตัวของกษัตริย์ 8 พวกเจ้าหน้าที่ของเขาสมัครใจนำของมาด้วย พวกเขาเอามาให้กับประชาชน พวกนักบวช และชาวเลวี ฮิลคียาห์นักบวชสูงสุด เศคาริยาห์และเยฮีเอลเป็นผู้ทำพิธีในวิหารของพระเจ้า พวกเขาเอาลูกแกะสองพันหกร้อยตัวและวัวสามร้อยตัวให้กับพวกนักบวชเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลปลดปล่อย 9 โคนานิยาห์ เชไมอาห์และเนธันเอลน้องชายทั้งสองของเขา รวมทั้งฮาชาบิยาห์ เยอีเอลและโยซาบาดซึ่งเป็นผู้นำของชาวเลวี ก็ได้จัดหาพวกแพะและแกะรวมห้าพันตัว และวัวห้าร้อยตัว ให้กับชาวเลวี เพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลปลดปล่อย
10 เมื่อทุกอย่างพร้อมที่จะเริ่มพิธี พวกนักบวชและชาวเลวีก็ได้ไปยืนอยู่ประจำที่ตามกลุ่มของตน ตามที่กษัตริย์ได้สั่งไว้ 11 มีการฆ่าพวกลูกแกะตัวผู้สำหรับเทศกาลปลดปล่อย แล้วพวกชาวเลวีก็ถลกหนังของสัตว์เหล่านั้น ส่วนเลือดของพวกมัน พวกเขาเอาไปให้กับพวกนักบวช พวกนักบวชก็เอาเลือดไปสาดบนแท่นบูชา 12 พวกเขาได้แบ่งสัตว์ที่จะเอาไปเป็นเครื่องเผาบูชานี้ให้กับแต่ละครอบครัว เพื่อเอาไปถวายพระยาห์เวห์ตามที่เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส พวกเขาได้ทำอย่างเดียวกันนี้กับพวกวัวด้วย 13 พวกเลวีใช้ไฟย่างสัตว์ที่ใช้สำหรับเทศกาลปลดปล่อยตามที่กฎสั่งไว้ และพวกเขาก็ต้มของถวายอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในหม้อ ในหม้อใบใหญ่และในกระทะ แล้วพวกเขาก็เอาเนื้อไปแบ่งให้กับประชาชนทันที 14 หลังจากนั้นพวกเลวีก็เอาเนื้อเก็บไว้สำหรับตัวพวกเขาเอง และสำหรับพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรนด้วย เพราะนักบวชพวกนี้กำลังยุ่งอยู่กับการเผาเครื่องเผาบูชา และส่วนที่เป็นไขมันจนมืดค่ำ 15 พวกนักดนตรีที่เป็นลูกหลานของอาสาฟ อยู่ประจำที่ตามที่ดาวิด อาสาฟ เฮมานและเยดูธูนคนของกษัตริย์ที่เห็นนิมิตได้นั้น ได้กำหนดให้กับพวกเขา พวกคนเฝ้าประตูก็อยู่ที่ประตูของตนโดยไม่ต้องออกไปที่ไหน เพราะพวกชาวเลวีด้วยกันได้จัดเตรียมของทุกอย่างไว้ให้กับพวกเขาแล้วสำหรับเทศกาลปลดปล่อย
16 ดังนั้น ในวันนั้น การนมัสการพระยาห์เวห์ก็สำเร็จลุล่วงไปตามคำสั่งของกษัตริย์โยสิยาห์ มีทั้งการเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อย และมีการเผาเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ 17 ชาวอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นได้เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยในเวลานั้น และพวกเขาได้เฉลิมฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อต่อไปอีกเป็นเวลาเจ็ดวัน 18 นับตั้งแต่สมัยของซามูเอลผู้พูดแทนพระเจ้าเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยอย่างนี้ในอิสราเอลมาก่อน ไม่เคยมีกษัตริย์ของอิสราเอลองค์ไหนที่เคยเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยอย่างที่กษัตริย์โยสิยาห์ พวกนักบวช ชาวเลวี ชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ที่นั่น รวมทั้งชาวเมืองเยรูซาเล็มเฉลิมฉลองกัน 19 งานเทศกาลปลดปล่อยนี้ได้จัดให้มีขึ้นในปีที่สิบแปดในสมัยของโยสิยาห์
โยสิยาห์ตาย
(2 พกษ. 23:28-30)
20 เมื่อโยสิยาห์ได้จัดการวิหารให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อยแล้ว ต่อมากษัตริย์เนโคของประเทศอียิปต์ได้ยกทัพขึ้นไปสู้รบกับเมืองคารเคมิชที่แม่น้ำยูเฟรตีส โยสิยาห์ยกกองทัพออกไปสู้รบกับเขา 21 แต่เนโคส่งพวกคนส่งข่าวมาหาโยสิยาห์โดยพูดว่า
“กษัตริย์ของยูดาห์ ทำไมท่านกับเราจะต้องมาทะเลาะกันด้วย เราไม่ได้มาโจมตีท่าน แต่เราจะสู้กับครอบครัวที่เราจะทำสงครามด้วยต่างหาก พระเจ้าบอกให้เราเร่งมือด้วย ดังนั้น หยุดต่อต้านพระเจ้าที่อยู่กับเราซะ ไม่อย่างนั้นพระองค์จะทำลายท่าน”
22 แต่โยสิยาห์ก็ไม่ยอมถอยไปไหน และได้ปลอมตัวปะปนอยู่ในการสู้รบ เขาไม่ยอมฟังสิ่งที่เนโคพูดเกี่ยวกับคำสั่งของพระเจ้า แต่ยังออกไปสู้รบกับเขาในที่ราบเมกิดโด 23 พวกพลธนูยิงธนูถูกกษัตริย์โยสิยาห์และเขาบอกกับพวกเจ้าหน้าที่ของเขาว่า “พาเราออกไป เราได้รับบาดเจ็บสาหัส”
24 ดังนั้นพวกเขาจึงนำตัวโยสิยาห์ออกจากรถรบของเขา และวางเขาไว้ในรถรบอีกคันหนึ่งที่มีอยู่ และนำตัวเขากลับเยรูซาเล็ม เขาตายที่นั่น ศพของเขาถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเขา และชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็มทั้งหมดก็ไว้ทุกข์ให้กับเขา 25 เยเรมียาห์แต่งเพลงไว้อาลัยให้กับโยสิยาห์และพวกนักร้องชายหญิงก็ยังคงร้องเพื่อระลึกถึงเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพลงนี้ได้กลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่งในอิสราเอลและได้รับการเขียนรวมอยู่ในหนังสือเพลงไว้อาลัย
26-27 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของโยสิยาห์และการกระทำต่างๆที่เขาทำตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของอิสราเอลและยูดาห์ หนังสือนี้พูดถึงสิ่งที่เขาทำอย่างซื่อสัตย์ ตามสิ่งที่เขียนไว้ในกฎของพระยาห์เวห์
กษัตริย์เยโฮอาหาสปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 23:30-35)
36 และประชาชนชาวยูดาห์ก็ยกเยโฮอาหาสลูกชายของโยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ในเมืองเยรูซาเล็มต่อจากพ่อของเขา 2 เยโฮอาหาสมีอายุยี่สิบสามปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มได้สามเดือน 3 กษัตริย์เนโคของประเทศอียิปต์ได้ปลดเขาออกจากบัลลังก์ในเยรูซาเล็ม และบีบบังคับให้ชาวยูดาห์ส่งส่วยเป็นเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง และทองคำหนักประมาณสามตันครึ่ง 4 กษัตริย์เนโคของประเทศอียิปต์ตั้งเอลียาคิมน้องชายของเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม และเปลี่ยนชื่อของเอลียาคิมเป็นเยโฮยาคิม แต่เนโคได้เอาตัวเยโฮอาหาสพี่ชายของเอลียาคิมไปที่ประเทศอียิปต์
กษัตริย์เยโฮยาคิมปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 23:36-24:7)
5 เยโฮยาคิมมีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี เขาได้ทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา
6 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้เข้าโจมตีเขาและจับตัวเขาล่ามโซ่ทองสัมฤทธิ์และพาไปที่บาบิโลน 7 เนบูคัดเนสซาร์ยังได้ขนเอาพวกเครื่องใช้ออกมาจากวิหารของพระยาห์เวห์ และขนไปไว้ที่วิหารของเขาที่บาลิโลนด้วย 8 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของเยโฮยาคิม สิ่งที่น่ารังเกียจที่เขาได้ทำและสิ่งต่างๆที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวเขา ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ของอิสราเอลและยูดาห์ และเยโฮยาคีนลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเขา
กษัตริย์เยโฮยาคีนปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 24:8-17)
9 เยโฮยาคีนมีอายุสิบแปดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเยรูซาเล็มสามเดือน[d] เขาทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ 10 ในฤดูใบไม้ผลิ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ส่งคนไปพาตัวเขามาที่บาบิโลนพร้อมกับพวกเครื่องใช้ที่มีค่าจากวิหารของพระยาห์เวห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ให้เศเดคียาห์ อาของเยโฮยาคีนขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์และเยรูซาเล็มแทนเขา
กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 24:18-20; ยรม. 52:1-3)
11 เศเดคียาห์มีอายุยี่สิบเอ็ดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี 12 เขาทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และไม่ยอมถ่อมตัวและไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ผ่านมาทางเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า
เมืองเยรูซาเล็มถูกทำลาย
13 เศเดคียาห์กบฏต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ก่อนหน้านี้ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์บังคับให้เขาสาบานโดยอ้างชื่อของพระเจ้าว่าเขาจะจงรักภักดีต่อบาบิโลน แต่ต่อมาเขาเริ่มดื้อดึงและใจแข็งกระด้าง ไม่ยอมหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล 14 ยิ่งกว่านั้น พวกผู้นำทั้งหลายของเหล่านักบวชและประชาชนก็ยิ่งไม่ซื่อสัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไปทำตามการกระทำที่น่าขยะแขยงของชนชาติอื่นๆและทำให้วิหารของพระยาห์เวห์ที่พระองค์ได้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเยรูซาเล็มนั้นต้องเสื่อมไป 15 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา ส่งคำพูดมาถึงพวกเขาผ่านทางพวกผู้ส่งข่าวของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะพระองค์ไม่อยากทำลายประชาชนของพระองค์และสถานที่อาศัยของพระองค์ 16 แต่พวกเขากลับล้อเลียนพวกผู้ส่งข่าวพระเจ้าเหล่านั้น พวกเขาดูถูกคำพูดของพระองค์ เย้ยหยันพวกผู้พูดแทนพระเจ้า จนในที่สุดพระยาห์เวห์ก็ทนไม่ไหว พระองค์โกรธประชาชนของพระองค์จนไม่มีอะไรสามารถหยุดความโกรธของพระองค์ได้ 17 พระองค์ได้ยกกษัตริย์ของชาวบาบิโลนขึ้นมาต่อต้านเขา กษัตริย์บาบิโลนได้ฆ่าพวกคนหนุ่มของพวกเขาตายด้วยดาบในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ไว้ชีวิตใครเลยแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มคนสาว คนชราหรือแม้แต่คนแก่ พระเจ้าได้มอบพวกเขาทั้งหมดไว้ในเงื้อมมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 18 เขาได้ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ออกจากวิหารของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ และยังเอาสมบัติในวิหารของพระยาห์เวห์และสมบัติของกษัตริย์กับพวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ไปจนหมดด้วย 19 พวกเขาจุดไฟเผาวิหารของพระเจ้าและทำลายกำแพงเยรูซาเล็มลง พวกเขายังเผาพวกวังทั้งหมดและทำลายของมีค่าทุกอย่าง 20 ที่นั่น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้กวาดต้อนเอาคนที่ยังมีชีวิตเหลือรอดจากคมดาบกลับไปที่บาบิโลนเพื่อไปเป็นทาสของเขากับพวกลูกชายของเขา จนกว่าอาณาจักรเปอร์เซียจะมาตั้งแทนอาณาจักรบาบิโลน 21 ดังนั้นสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับคนอิสราเอลผ่านมาทางเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็เกิดขึ้นจริง ที่ว่า “สถานที่นี้จะต้องถูกทิ้งให้รกร้างอยู่เป็นเวลาเจ็ดสิบปี เพื่อแผ่นดินจะได้หยุดพัก ชดเชยให้กับปีที่เจ็ดเหล่านั้น[e] ที่คนยูดาห์ไม่ยอมหยุดหว่านพืช”
22 ในปีแรก[f]ที่ไซรัสขึ้นมาเป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย พระยาห์เวห์ดลใจให้กษัตริย์ไซรัสออกคำสั่งไปทั่วอาณาจักรของเขาและจดมันไว้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่พูดผ่านมาทางเยเรมียาห์ ข้อความที่กษัตริย์ไซรัสป่าวประกาศออกไปนั้น คือ
23 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียพูดว่าอย่างนี้
‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ให้อาณาจักรทั้งหมดบนโลกนี้แก่เรา พระองค์ได้แต่งตั้งให้เราเป็นผู้สร้างวิหารให้กับพระองค์ในเมืองเยรูซาเล็ม ที่อยู่ในยูดาห์ บัดนี้ ใครก็ตามท่ามกลางพวกเจ้าที่เป็นชนชาติของพระองค์ สามารถกลับไปเยรูซาเล็มได้ ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตอยู่กับเจ้า’”
19 ปีลาตจึงสั่งให้เอาพระเยซูไปเฆี่ยน 2 พวกทหารได้เอากิ่งหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมหัวของพระองค์ เอาเสื้อคลุมสีม่วงมาใส่ให้ 3 และพวกเขาก็เวียนกันเข้ามาหาพระองค์หลายรอบ เขาเยาะเย้ยว่า “กษัตริย์ของชาวยิวจงเจริญ” แล้วเขาตบหน้าพระองค์
4 ปีลาตได้ออกมาพูดกับพวกยิวว่า “ดูนี่ เรากำลังจะเอาเขาออกมาให้พวกคุณ เพื่อพวกคุณจะได้รู้ว่า เราไม่เห็นว่าเขาทำผิดตรงไหน” 5 แล้วพระเยซูก็ออกมา พระองค์สวมมงกุฎหนามและใส่เสื้อคลุมสีม่วง ปีลาตบอกกับพวกยิวว่า “เขาอยู่นี่ไง”
6 เมื่อพวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้คุมวิหารเห็นพระเยซูก็ร้องตะโกนว่า “ตรึงมัน ตรึงมัน”
แต่ปีลาตตอบว่า “พวกคุณไปตรึงกันเอาเองก็แล้วกัน เพราะเราไม่เห็นว่าเขาทำผิดตรงไหนเลย”
7 พวกยิวตอบว่า “ตามกฎปฏิบัติของยิว บอกว่ามันทำผิดสมควรตายเพราะอ้างว่าเป็นบุตรของพระเจ้า”
8 เมื่อปีลาตได้ยินอย่างนั้นก็กลัวจนตัวสั่น 9 แล้วเขาก็กลับเข้าไปในวังอีกครั้ง ปีลาตได้ถามพระเยซูว่า “แกมาจากไหน” แต่พระองค์ไม่ตอบ 10 ปีลาตจึงพูดกับพระองค์ว่า “แกไม่ยอมพูดกับเราหรือ แกไม่รู้หรือว่าเรามีอำนาจที่จะปล่อยหรือตรึงแกก็ได้”
11 พระเยซูจึงตอบเขาว่า “ถ้าพระเจ้าไม่ได้ให้อำนาจนั้นกับคุณ คุณก็ไม่มีอำนาจเหนือเราหรอก ดังนั้นคนที่มอบตัวเราให้กับคุณ ก็มีความผิดบาปร้ายแรงกว่าคุณ”
12 เมื่อปีลาตได้ยินอย่างนั้น เขาก็พยายามที่จะปล่อยพระเยซูอีก แต่พวกยิวร้องตะโกนว่า “ถ้าท่านปล่อยมัน ท่านก็ไม่ใช่เพื่อนของซีซาร์ เพราะคนที่อ้างตัวเองเป็นกษัตริย์นั้นเป็นศัตรูกับซีซาร์”
13 เมื่อปีลาตได้ฟังอย่างนั้นจึงพาพระเยซูออกมา และเขาก็นั่งลงบนบัลลังก์พิพากษาตรงที่เรียกว่า “ลานหิน” (ซึ่งในภาษาอารเมค[a] เรียกว่า “กับบาธา”)
14 วันนั้นเป็นวันศุกร์ เป็นวันจัดเตรียมสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย ประมาณเที่ยงวัน ปีลาตได้บอกกับพวกยิวว่า “นี่ไง กษัตริย์ของพวกคุณ” พวกยิวร้องตะโกนว่า
15 “เอาตัวไป เอาตัวไปตรึงที่กางเขน”
ปีลาตจึงถามพวกเขาว่า “จะให้เราตรึงกษัตริย์ของพวกคุณหรือ”
พวกหัวหน้านักบวชตอบว่า “เราไม่มีกษัตริย์อื่น นอกจากซีซาร์”
16 แล้วปีลาตได้ส่งตัวพระเยซูไปให้กับทหารเพื่อเอาไปตรึงที่ไม้กางเขน แล้วพวกทหารก็มาเอาตัวพระเยซูไป
พระเยซูตายบนไม้กางเขน
(มธ. 27:32-44; มก. 15:21-32; ลก. 23:26-43)
17 พระองค์ต้องแบกไม้กางเขนที่จะใช้ตรึงพระองค์เองไปถึงที่แห่งหนึ่งเรียกว่า “หัวกะโหลก” (ในภาษาอารเมคเรียกว่า กลโกธา) 18 แล้วพวกเขาก็จับพระเยซูตรึงบนไม้กางเขนที่นั่น พวกเขาได้ตรึงนักโทษชายอีกสองคนด้วย พระเยซูอยู่ระหว่างนักโทษสองคนนั้น 19 ปีลาตได้เขียนป้ายติดไว้บนกางเขนว่า “เยซู ชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว” 20 คนยิวเป็นจำนวนมากได้อ่านป้ายนี้ เพราะที่ที่พระเยซูถูกตรึงนี้อยู่ใกล้กับตัวเมือง และป้ายนั้นเขียนเป็นภาษาอารเมค ลาตินและกรีก 21 พวกหัวหน้านักบวชพูดกับปีลาตว่า “อย่าเขียนว่า ‘กษัตริย์ของชาวยิว’ แต่ให้เขียนว่า ‘ชายคนนี้อ้างว่า เป็นกษัตริย์ของชาวยิว’”
22 แต่ปีลาตตอบว่า “เขียนแล้ว ก็แล้วไป”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International