Old/New Testament
22 ดาวิดพูดว่า “สถานที่นี้จะได้เป็นบ้าน[a] ของพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้าและนี่จะเป็นแท่นสำหรับเครื่องเผาบูชาของชาวอิสราเอล”
ดาวิดวางแผนสำหรับการสร้างวิหาร
2 ดาวิดได้สั่งให้รวบรวมชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล และได้แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นช่างตัดหิน[b] เพื่อไปตัดหินมาใช้สร้างวิหารที่จะเป็นบ้านของพระเจ้า 3 ดาวิดยังได้จัดเตรียมเหล็กจำนวนมากเพื่อใช้เป็นตะปู และบานพับสำหรับบานประตู เหล็กหนีบและใช้ทองสัมฤทธิ์จำนวนมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะชั่งน้ำหนักได้ 4 และใช้ไม้ซุงจากสนซีดาร์จำนวนมากจนไม่สามารถนับได้ เพราะชาวไซดอนและชาวไทระได้ส่งไม้ซุงจากสนซีดาร์จำนวนมากมายมาให้ดาวิด
5 ดาวิดคิดว่า “ซาโลมอนลูกชายของเรายังเด็กและยังไม่ประสีประสา และบ้านที่จะสร้างให้กับพระยาห์เวห์ต้องยิ่งใหญ่ รุ่งโรจน์และมีชื่อเสียงไปทั่วทุกประเทศ ดังนั้นเราจะต้องเตรียมการไว้ให้” แล้วดาวิดก็ได้จัดเตรียมสิ่งที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างไว้มากมายก่อนที่เขาจะตาย
6 เขาได้เรียกตัวซาโลมอนลูกชายของเขาเข้ามา และสั่งเขาให้สร้างบ้านให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 7 ดาวิดพูดกับซาโลมอนว่า “ลูกเอ๋ย พ่อเองตั้งใจที่จะสร้างบ้านให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อ 8 แต่พระยาห์เวห์ได้ส่งข่าวมาถึงพ่อว่า ‘เจ้าได้ฆ่าคนไปมากมายและตัวเจ้าเองก็ได้ต่อสู้ในสงครามหลายครั้ง ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้ที่สร้างบ้านให้กับชื่อของเรา เพราะเจ้าได้ทำให้เลือดมากมายต้องไหลนองบนแผ่นดินต่อหน้าเรา 9 ดูเถิด ลูกชายคนหนึ่งของเจ้าจะเกิดมาจากเจ้า เขาจะได้เป็นคนแห่งสันติภาพ และเราจะให้เขาได้หยุดพักจากการสู้รบกับศัตรูรอบด้าน เพราะเขาจะมีชื่อว่าซาโลมอน[c] และเราจะให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขกับชนชาติอิสราเอลในช่วงเวลาของเขา 10 เขาจะได้สร้างบ้านให้กับชื่อของเรา และจะได้เป็นลูกชายของเรา และเราก็จะเป็นพ่อของเขา เราจะทำให้บัลลังก์ของอาณาจักรของเขามั่นคงอยู่เหนือชนชาติอิสราเอลตลอดไป’
11 ตอนนี้ ลูกพ่อ ขอให้พระยาห์เวห์อยู่กับลูก เพื่อที่ลูกจะได้ประสบความสำเร็จและได้สร้างบ้านของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก เหมือนกับที่พระองค์ได้พูดไว้เกี่ยวกับตัวลูก 12 ขอเพียงพระยาห์เวห์มอบสติปัญญาและความเข้าใจให้กับลูก เมื่อพระองค์วางลูกไว้อยู่เหนือชนชาติอิสราเอลเพื่อว่าลูกจะได้เชื่อฟังกฎของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก 13 แล้วลูกจะประสบความสำเร็จถ้าลูกระมัดระวังที่จะทำตามคำสั่งสอนและกฏที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้กับโมเสสเพื่อชนชาติอิสราเอล ให้ลูกเข้มแข็งและกล้าหาญไว้ อย่าได้กลัวหรือท้อถอย
14 ดูเถิด พ่อได้ทำงานหนักเพื่อเตรียมของไว้สำหรับบ้านของพระยาห์เวห์ มีทองคำประมาณสามพันสี่ร้อยห้าสิบตัน[d] เงินประมาณสามหมื่นสี่พันห้าร้อยตัน และทองสัมฤทธิ์กับเหล็กอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน ยังมีไม้และก้อนหินด้วย ลูกจะเพิ่มเติมลงไปอีกก็ได้ 15 ลูกก็มีคนงานมากมายอยู่แล้ว มีทั้งช่างตัดหิน ช่างก่อตึก ช่างไม้และช่างฝีมือประเภทอื่นอีกจำนวนมาก 16 พวกเขาล้วนแต่มีความชำนาญในด้านการใช้ทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก ลูกก็มีคนที่ชำนาญงานมากมายจนนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว ให้ลงมือทำงานเถิด และขอให้พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับลูก”
17 ดาวิดได้สั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของอิสราเอลให้คอยช่วยเหลือซาโลมอนลูกชายของเขา ดาวิดสั่งว่า 18 “พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านสถิตอยู่กับพวกท่านไม่ใช่หรือ และพระองค์ก็ได้ให้สันติภาพกับพวกท่านในทุกด้านแล้วไม่ใช่หรือ เพราะพระองค์ได้มอบคนในแผ่นดินนี้ให้อยู่ในมือเรา และเราก็ได้ชัยชนะเหนือแผ่นดินนี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์และประชาชนของพระองค์ 19 ตอนนี้ ให้ตั้งจิตตั้งใจแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ให้ลุกขึ้นและสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า[e] เพื่อว่าหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ และของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพระองค์จะได้มาอยู่ในบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับชื่อของพระองค์”
ตารางรับใช้ของชาวเลวีในวิหาร
23 เมื่อดาวิดแก่ตัวลงและใกล้จะตาย เขาได้ให้ซาโลมอนลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล 2 ดาวิดได้รวบรวมพวกผู้นำของอิสราเอลทั้งหมดและบรรดานักบวชรวมทั้งชาวเลวี 3 ดาวิดได้นับจำนวนชาวเลวีที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไปได้ทั้งหมดสามหมื่นแปดพันคน 4 ในจำนวนนี้มีสองหมื่นสี่พันคนที่จะต้องอยู่คอยกำกับดูแลงานภายในบ้านของพระยาห์เวห์ อีกหกพันคนเป็นพวกเจ้าหน้าที่ในศาลและพวกผู้พิพากษา 5 อีกสี่พันคนเป็นคนเฝ้าประตู และอีกสี่พันคนที่เหลือทำหน้าที่สรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยเครื่องดนตรีที่ดาวิดได้สร้างไว้สำหรับการสรรเสริญพระยาห์เวห์
6 และดาวิดได้สั่งงานให้แก่พวกเขาโดยแยกพวกเขาออกเป็นสามกลุ่ม ตามจำนวนลูกชายสามคนของเลวี คือ เกอร์โชม โคฮาทและเมรารี
กลุ่มครอบครัวของเกอร์โชม
7 คนที่มาจากชาวเกอร์โชมคือ ลาดานและชิเมอี 8 ลูกชายของลาดานมีสามคนคือ เยฮีเอลที่เป็นหัวหน้า เศธามและโยเอล
9 ลูกชายของชิเมอีมีสามคนคือ เชโลโมท ฮาซีเอลและฮาราน คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกหัวหน้าของตระกูลลาดาน
10 และเหล่าลูกชายของชิเมอีประกอบด้วย ยาหาท ศินา เยอูชและเบรียาห์ ทั้งสี่คนนี้คือลูกชายของชิเมอี 11 และยาหาทได้เป็นหัวหน้า รองลงมาคือศิซาห์ แต่เยอูชและเบรียาห์มีลูกชายไม่กี่คน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกนับรวมเป็นตระกูลเดียวกันให้ทำงานอย่างเดียวกัน
กลุ่มครอบครัวของโคฮาท
12 เหล่าลูกชายของโคฮาทมีสี่คน คือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล
13 บรรดาลูกชายของอัมรามคืออาโรนและโมเสส อาโรนถูกแยกออกมา เขาและลูกหลานของเขาถูกสงวนไว้ตลอดไป เพื่อทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้พระองค์และให้คำอวยพรในนามของพระองค์ตลอดไป
14 ส่วนโมเสสซึ่งเป็นคนของพระเจ้า พวกลูกชายของเขาถูกนับรวมเข้ากับเผ่าของเลวี 15 ลูกชายของโมเสสคือ เกอร์โชมและเอลีเยเซอร์ 16 ลูกชายของเกอร์โชมคือ เชบูเอลที่ได้เป็นหัวหน้า 17 ลูกชายของเอลีเอเซอร์คือเรหับยาห์ที่เป็นหัวหน้า เอลีเยเซอร์ไม่มีลูกชายคนอื่นๆอีกเลย แต่เรหับยาห์มีลูกชายหลายคน
18 ลูกชายของอิสฮาร์ คือ เชโลมิทที่เป็นหัวหน้า
19 ลูกชายของเฮโบรนคือ เยรียาห์ที่เป็นหัวหน้า รองลงมาคืออามาริยาห์ คนที่สามคือยาฮาซีเอลและคนที่สี่คือเยคาเมอัม
20 ลูกชายของอุสซีเอลคือ มีคาห์ที่เป็นหัวหน้าและรองลงมาคืออิสชีอาห์
กลุ่มครอบครัวของเมรารี
21 ลูกชายของเมรารีคือมาห์ลีและมูชี ลูกชายของมาห์ลีคือ เอเลอาซาร์และคีช
22 เอเลอาซาร์ตายไปโดยที่ยังไม่มีลูกชาย เขามีแต่ลูกสาวหลายคน พวกลูกชายของคีชที่เป็นญาติกับเขาจึงได้แต่งงานกับพวกนาง
23 ลูกชายของมูชี มีสามคนคือมาห์ลี เอเดอร์และเยเรโมท
งานของชาวเลวี
24 ต่อไปนี้คือรายชื่อลูกหลานของเลวีตามตระกูลของพวกเขา พวกหัวหน้าตระกูลได้ลงทะเบียนไว้ตามจำนวนสมาชิกที่มีชื่อของแต่ละคนที่สามารถทำงานรับใช้ในบ้านของพระยาห์เวห์ คือทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป
25 เพราะดาวิดได้พูดไว้ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้ให้ประชาชนของพระองค์พักผ่อน และพระองค์ได้มาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มตลอดไป 26 ดังนั้นพวกชาวเลวีจึงไม่จำเป็นต้องแบกเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ หรือของใดๆก็ตามที่ใช้กับเต็นท์อีกต่อไป”
27 เพราะคำพูดสุดท้ายที่ดาวิดได้สั่งไว้คือ ให้นับจำนวนลูกหลานของชาวเลวีทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป
28 แต่หน้าที่ของชาวเลวีเหล่านี้ คือการช่วยเหลือพวกลูกหลานของอาโรนในการรับใช้อยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ พวกเขาต้องทำหน้าที่ดูแลลานของวิหาร ห้องต่างๆด้านข้าง ต้องทำความสะอาดของศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง และทำงานทุกอย่างที่เป็นการรับใช้ภายในบ้านของพระเจ้า 29 รวมทั้งจัดการเกี่ยวกับเรื่องขนมปังศักดิ์สิทธิ์ที่วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เรื่องแป้งสาลีสำหรับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เรื่องขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เรื่องขนมแผ่นปิ้ง เรื่องขนมปังเคล้าน้ำมัน และเรื่องเครื่องตวงเครื่องวัดทุกขนาด 30 พวกเขามีหน้าที่ยืนขอบคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์ทุกเช้าเย็น 31 และทุกครั้งที่ประชาชนมาถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวให้กับพระยาห์เวห์ในวันหยุดทางศาสนาวันพระจันทร์ใหม่[f] และวันเทศกาลต่างๆพวกเขาจะต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นประจำตามจำนวนคนที่ได้กำหนดไว้ 32 และพวกเขาจะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเต็นท์นัดพบ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และพวกคำสั่งต่างๆที่ได้รับมาจากพวกลูกหลานของอาโรนญาติของพวกเขา ในเรื่องการรับใช้ภายในบ้านของพระยาห์เวห์
กลุ่มของพวกนักบวช
24 ต่อไปนี้เป็นพวกลูกชายของอาโรน คือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ 2 นาดับและอาบีฮูตายก่อนพ่อของพวกเขา โดยที่ยังไม่มีลูกชาย ดังนั้น เอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงรับหน้าที่เป็นนักบวช 3 ด้วยความช่วยเหลือจากศาโดกที่เป็นลูกหลานของเอเลอาซาร์ และอาหิเมเลคที่เป็นลูกหลานของอิธามาร์ ดาวิดได้แบ่งพวกนักบวชออกตามหน้าที่รับใช้ 4 มีหัวหน้าจากครอบครัวของเอเลอาซาร์มากกว่าหัวหน้าจากครอบครัวของอิธามาร์ หัวหน้าจากครอบครัวของเอเลอาซาร์มีสิบหกคน และจากครอบครัวของอิธามาร์มีแปดคน 5 พวกเขาได้จับสลากแบ่งกัน ดูว่าใครจะได้ทำหน้าที่อะไร บางคนก็ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ บางคนก็มีหน้าที่เป็นนักบวช พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นลูกหลานของเอเลอาซาร์และอิธามาร์
6 เชไมอาห์ลูกชายของเนธันเอลซึ่งเป็นชาวเลวี ทำหน้าที่เลขานุการ[g] คอยจดบันทึกรายชื่อของคนพวกนี้ต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่ ต่อหน้านักบวชศาโดก ต่อหน้าอาหิเมเลคลูกชายของอาบียาธาร์และพวกผู้นำครอบครัวของพวกนักบวชและของพวกชาวเลวี พวกเขาจับสลากสลับกันไประหว่างครอบครัวของเอเลอาซาร์กับของอิธามาร์
7 สลากอันแรกเป็นของเยโฮยาริบ
อันที่สองเป็นของเยดายาห์
8 อันที่สามเป็นของฮาริม
อันที่สี่เป็นของเสโอริม
9 อันที่ห้าเป็นของมัลคิยาห์
อันที่หกเป็นของมิยามิน
10 อันที่เจ็ดเป็นของฮักโขส
อันที่แปดเป็นของอาบียาห์
11 อันที่เก้าเป็นของเยชูอา
อันที่สิบเป็นของเชคานิยาห์
12 อันที่สิบเอ็ดเป็นของเอลียาชีบ
อันที่สิบสองเป็นของยาคิม
13 อันที่สิบสามเป็นของหุปปาห์
อันที่สิบสี่เป็นของเยเชเบอับ
14 อันที่สิบห้าเป็นของบิลกาห์
อันที่สิบหกเป็นของอิมเมอร์
15 อันที่สิบเจ็ดเป็นของเฮซีร์
อันที่สิบแปดเป็นของฮัปปิเซส
16 อันที่สิบเก้าเป็นของเปธาหิยาห์
อันที่ยี่สิบเป็นของเยเฮเซเคล
17 อันที่ยี่สิบเอ็ดเป็นของยาคีน
อันที่ยี่สิบสองเป็นของกามูล
18 อันที่ยี่สิบสามเป็นของเดไลยาห์
อันที่ยี่สิบสี่เป็นของมาอาซิยาห์
19 คนพวกนี้ได้รับเลือกมาให้รับใช้อยู่ภายในบ้านของพระยาห์เวห์ ตามกฎที่อาโรนบรรพบุรุษของพวกเขาได้ตั้งไว้ให้กับพวกเขา พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลได้มอบกฎนี้ไว้กับอาโรน
ชาวเลวีคนอื่นๆ
20 ส่วนชาวเลวีคนอื่นๆที่เหลือ ประกอบไปด้วย
จากลูกหลานของอัมราม คือ ชูบาเอล
จากลูกหลานของชูบาเอล คือ เยเดยาห์
21 ส่วนเรหับยาห์ จากลูกหลานของเขาคืออิสชีอาห์ที่เป็นหัวหน้า
22 จากคนอิสฮาร์ คือ เชโลโมท
จากลูกหลานของเชโลโมท คือ ยาหาท
23 ลูกชายของเฮโบรน คือ เยรียาห์ที่เป็นหัวหน้า
ลูกชายคนที่สองคืออามาริยาห์
ลูกชายคนที่สามคือยาฮาซีเอล
ลูกชายคนที่สี่คือเยคาเมอัม
24 จากลูกหลานของอุสซีเอลคือมีคาห์
จากลูกหลานของมีคาห์คือชามีร์
25 น้องชายของมีคาห์คืออิสชีอาห์
จากลูกหลานของอิสชีอาห์คือเศคาริยาห์
26 จากลูกหลานของเมรารี[h] คือ มาห์ลีและมูชี และบรรดาลูกหลานของยาอาซียาห์ลูกชายของเขา
27 จากลูกหลานของเมรารี ที่มาจากยาอาซียาห์ลูกชายของเขา คือ โชฮัม ศักเกอร์และอิบรี
28 จากมาห์ลี คือ เอเลอาซาร์ซึ่งไม่มีลูกชาย
29 จากคีช ลูกหลานของเขาคือเยราเมเอล
30 ลูกหลานของมูชีคือ มาห์ลี เอเดอร์และเยรีโมท
คนเหล่านี้คือพวกผู้นำของครอบครัวชาวเลวี 31 คนเหล่านี้ได้จับสลากแบ่งหน้าที่กัน เหมือนกับญาติๆของพวกเขาที่เป็นพวกนักบวชซึ่งเป็นลูกหลานของอาโรน พวกเขาจับสลากกันต่อหน้ากษัตริย์ดาวิด ศาโดก อาหิเมเลคและพวกผู้นำครอบครัวของพวกนักบวชและพวกชาวเลวี ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของลูกหัวปี หรือ ลูกคนสุดท้อง ก็จับสลากเหมือนกันหมด
28 ดังนั้นพระเยซูจึงพูดว่า “เมื่อพวกคุณยกบุตรมนุษย์ขึ้น คุณก็จะได้รู้ว่าเราเป็นคนๆนั้นที่เราบอกว่าเราเป็น เราไม่ได้ทำอะไรตามใจของตัวเอง แต่เราพูดเฉพาะสิ่งเหล่านั้นที่พระบิดาได้สอนเรามา 29 พระองค์ผู้ส่งเรามาก็อยู่กับเรา พระองค์ไม่เคยทิ้งเราไว้ให้อยู่คนเดียว เพราะเราทำตามใจพระองค์เสมอ” 30 เมื่อพระเยซูพูดอย่างนี้ก็มีหลายคนไว้วางใจพระองค์
พระเยซูพูดเรื่องการหลุดพ้นจากบาป
31 ดังนั้นพระเยซูจึงพูดกับชาวยิวที่ไว้วางใจในพระองค์ว่า “ถ้าพวกคุณยังคงทำตามคำสั่งสอนของเรา พวกคุณก็เป็นศิษย์ของเราจริงๆ 32 พวกคุณจะรู้จักความจริงและความจริงจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระ”
33 พวกเขาตอบว่า “พวกเราเป็นลูกหลานของอับราฮัม และไม่เคยเป็นทาสใคร ทำไมอาจารย์ถึงพูดว่า ‘พวกคุณจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ’”
34 พระเยซูตอบว่า “เราจะบอกให้รู้นะว่าจริงๆแล้วคนที่ยังทำบาปอยู่ก็เป็นทาสของความบาป 35 ทาสไม่ใช่คนในครอบครัว แต่ลูกเป็นคนในครอบครัวตลอดไป 36 ดังนั้นถ้าพระบุตรปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระ คุณก็จะเป็นอิสระจริงๆ 37 เราก็รู้อยู่แล้วว่าพวกคุณเป็นลูกหลานของอับราฮัม แต่พวกคุณพยายามจะฆ่าเรา เพราะว่าคุณไม่ทำตามคำสั่งสอนของเรา 38 เราได้บอกคุณถึงสิ่งที่เราได้เห็นจากพระบิดาของเรา แต่พวกคุณกลับไปทำตามสิ่งที่คุณได้ยินจากพ่อของคุณเอง”
39 พวกเขาพูดว่า “อับราฮัมเป็นพ่อของพวกเรานะ”
พระเยซูจึงพูดว่า “ถ้าพวกคุณเป็นลูกหลานของอับราฮัมจริง คุณจะต้องทำตามที่อับราฮัมทำ 40 เราได้เอาความจริงที่ได้ยินจากพระเจ้ามาบอกพวกคุณ แต่คุณกลับจะฆ่าเรา อับราฮัมไม่เคยทำอย่างนี้เลย 41 แต่คุณทำตามที่พ่อของคุณทำ”
พวกยิวจึงพูดกับพระเยซูว่า “พวกเราไม่ได้เป็นลูกชู้ พระเจ้าเท่านั้นคือพ่อที่แท้จริงของเรา”
42 พระเยซูพูดว่า “ถ้าพระเจ้าเป็นพ่อของพวกคุณจริงๆพวกคุณก็คงรักเราแล้ว เพราะเรามาจากพระเจ้า ที่เราอยู่ที่นี่ก็เพราะพระเจ้าส่งมา เราไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเอง 43 ที่พวกคุณไม่เข้าใจเรื่องที่เราพูดก็เพราะคุณทนฟังไม่ได้ 44 พวกคุณมาจากพ่อของคุณที่เป็นมารร้าย และพวกคุณก็อยากจะทำตามใจพ่อของคุณ มันเป็นนักฆ่าคนมาตั้งแต่แรกแล้ว และมันก็ไม่เคยอยู่ฝ่ายความจริงเลย เพราะมันไม่มีความจริงในตัวเอง มันพูดโกหกตามสันดานของมัน เพราะมันเป็นนักโกหก และเป็นพ่อของการโกหก 45 เมื่อเราพูดความจริง พวกคุณก็เลยไม่เชื่อเรา 46 มีใครบ้างในพวกคุณที่พิสูจน์ได้ว่าเราทำบาป แล้วทำไมถึงไม่ยอมเชื่อเราเมื่อเราพูดความจริง 47 คนของพระเจ้าจะฟังคำพูดของพระเจ้า แต่ที่พวกคุณไม่ยอมฟังเรา ก็เพราะคุณไม่ได้เป็นคนของพระเจ้า”
พระเยซูพูดถึงตัวเองและอับราฮัม
48 พวกยิวได้ถามพระองค์ว่า “พวกเราพูดผิดตรงไหนที่ว่าแกเป็นชาวสะมาเรีย และมีผีสิง”
49 พระเยซูตอบว่า “เราไม่ได้ถูกผีสิง เราได้ให้เกียรติพระบิดาของเราแต่พวกคุณกลับลบหลู่เรา 50 เราไม่ได้อยากเด่นอยากดัง แต่พระเจ้าต้องการให้เรายิ่งใหญ่และพระองค์เป็นผู้ตัดสิน 51 เราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าใครทำตามคำสั่งสอนของเรา คนๆนั้นจะไม่มีวันตาย”
52 พวกยิวพูดกับพระองค์ว่า “ตอนนี้เรารู้แล้วว่าแกถูกผีสิงแน่ เพราะทั้งอับราฮัมและพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ตายกันหมดแล้ว แต่แกกลับพูดว่า ‘ถ้าใครทำตามคำสั่งสอนของเรา คนๆนั้นจะไม่มีวันตาย’ 53 แกยิ่งใหญ่กว่าอับราฮัม พ่อของเราหรือไง อับราฮัมตาย พวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็ตาย แล้วแกคิดว่าแกเป็นใคร”
54 พระเยซูตอบว่า “ถ้าเรายกย่องตัวเอง คำยกย่องนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร พระบิดาของเรา ที่พวกคุณอ้างว่าเป็นพระเจ้าของพวกคุณนั่นแหละ เป็นผู้ที่ยกย่องเรา 55 จริงๆแล้วพวกคุณไม่รู้จักพระองค์หรอก แต่เรารู้จักพระองค์ ถ้าเราพูดว่า ‘เราไม่รู้จักพระองค์’ เราก็จะเป็นคนโกหกเหมือนกับพวกคุณ เรารู้จักพระองค์และทำตามที่พระองค์บอก 56 อับราฮัมบรรพบุรุษของคุณดีใจที่จะได้เห็นวันที่เรามา เขาได้เห็นแล้วและก็ดีใจแล้วด้วย”
57 พวกยิวพูดว่า “แกอายุยังไม่ถึงห้าสิบปี จะเคยเห็นอับราฮัมได้ยังไง”
58 พระเยซูตอบว่า “ความจริงแล้วเราเป็นอยู่ ก่อนที่อับราฮัมจะเกิดเสียอีก”[a] 59 คนเหล่านั้นจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาจะขว้าง[b]พระเยซู แต่พระองค์ได้หลีกหนีออกไปจากวิหาร
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International