Old/New Testament
เยโฮอาหาสปกครองอิสราเอล
13 เยโฮอาหาสลูกชายของเยฮูขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเมืองสะมาเรีย ตรงกับปีที่ยี่สิบสาม ที่กษัตริย์โยอาชปกครองยูดาห์ โยอาชเป็นลูกชายของอาหัสยาห์ เยโฮอาหาสครองราชย์อยู่สิบเจ็ดปี
2 เยโฮอาหาสทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาทำบาปตามเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย เยโฮอาหาสไม่ยอมหันไปจากบาปเหล่านั้น 3 ดังนั้น ความโกรธของพระยาห์เวห์จึงลุกเป็นไฟขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ใต้อำนาจของกษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัมและของเบนฮาดัดลูกชายของเขาอยู่เรื่อยๆ
พระยาห์เวห์เมตตาชาวอิสราเอล
4 แล้วเยโฮอาหาสก็อ้อนวอนให้พระยาห์เวห์ช่วย และพระยาห์เวห์ฟังเขา เพราะพระองค์เห็นแล้วว่ากษัตริย์ของชาวอารัมได้กดขี่ข่มเหงอิสราเอลอย่างรุนแรง
5 พระยาห์เวห์ได้ส่งคนหนึ่งมาช่วยเหลืออิสราเอล แล้วอิสราเอลก็หลุดพ้นจากอำนาจของอารัม แล้วชาวอิสราเอลก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านเมืองของพวกเขาอย่างเดิม
6 แต่อย่างไรก็ตาม ชาวอิสราเอลก็ยังไม่ได้เลิกทำตามพวกบาปต่างๆของครอบครัวเยโรโบอัม ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย พวกอิสราเอลยังดำเนินในบาปนั้น และพวกเขาก็ยังเก็บเสาศักดิ์สิทธิ์ของพระนางอาเชราห์ไว้ในเมืองสะมาเรียเหมือนเดิม
7 ในกองทัพของเยโฮอาหาสไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย นอกจากทหารม้าห้าสิบคน รถรบสิบคันและทหารเดินเท้าหนึ่งหมื่นคน เพราะกษัตริย์ของอารัมได้ทำลายพวกเขาไปอย่างกับแกลบที่ลอยไปตามลมตอนฝัดร่อนข้าว
8 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของเยโฮอาหาส สิ่งที่เขาได้ทำไปทั้งหมดและความสำเร็จของเขา ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 9 แล้วเยโฮอาหาสก็ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่ในเมืองสะมาเรีย และเยโฮอาชลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
เยโฮอาชปกครองอิสราเอล
10 เยโฮอาชลูกชายของเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเมืองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สามสิบเจ็ดที่กษัตริย์โยอาชปกครองยูดาห์ และเขาครองราชย์อยู่สิบหกปี 11 เยโฮอาชได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์และไม่ยอมหันออกจากบาปทั้งสิ้นที่เยโรโบอัมลูกชายของเนบัททำ ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย เยโฮอาชยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบาปเหล่านั้น 12 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเยโฮอาช ทุกอย่างที่เขาได้ทำไป และความสำเร็จของเขา รวมทั้งสงครามระหว่างเขากับกษัตริย์อามาซิยาห์ของยูดาห์นั้น ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 13 แล้วเยโฮอาชก็ได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและเยโรโบอัมก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา ศพของเยโฮอาชถูกฝังอยู่ในเมืองสะมาเรียกับพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอล
เอลีชาตาย
14 เมื่อเอลีชาล้มป่วยไม่สบาย จนทำให้เขาตายในที่สุด กษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอลได้ลงไปเยี่ยมเยียนเขาและกษัตริย์ก็ร้องไห้ต่อหน้าเขา กษัตริย์ได้ร่ำร้องไปว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านเป็นพวกรถรบและพวกทหารม้าของอิสราเอล”[a]
15 เอลีชาพูดว่า “ขอคันธนูหนึ่งคันกับลูกธนูจำนวนหนึ่งสิ”
และเขาก็ทำตาม 16 เอลีชาพูดกับกษัตริย์ของอิสราเอลว่า “จับคันธนูไว้ในมือของท่าน” เมื่อกษัตริย์ได้จับมันไว้แล้ว เอลีชาก็เอามือของเขาจับมือทั้งสองข้างของกษัตริย์ไว้ 17 เอลีชาพูดอีกว่า “เปิดหน้าต่างทางทิศตะวันออก” เขาก็ทำตามนั้น แล้วเอลีชาก็พูดว่า “ยิง”
และเขาก็ยิงลูกธนูออกไป เอลีชาก็ได้ประกาศออกมาว่า “นี่จะเป็นลูกธนูแห่งชัยชนะของพระยาห์เวห์ ลูกธนูแห่งชัยชนะเหนือพวกอารัม ท่านจะทำลายชาวอารัมได้อย่างราบคาบที่อาเฟก”
18 แล้วเอลีชาก็พูดว่า “หยิบลูกธนูพวกนั้นมา” แล้วกษัตริย์ได้หยิบลูกธนูเหล่านั้นมา เอลีชาบอกกับเขาว่า “ตีลงไปที่พื้นสิ”
เขาตีลงไปที่พื้นสามครั้งแล้วหยุด 19 เอลีชาคนของพระเจ้าโกรธกษัตริย์ และพูดว่า “ท่านควรจะตีห้าหรือหกครั้ง แล้วท่านจะได้ชัยชนะเหนือพวกอารัมและได้ทำลายพวกนั้นจนหมด แต่ตอนนี้ ท่านจะชนะพวกเขาได้แค่สามครั้งเท่านั้น”
กระดูกเอลีชาทำให้คนฟื้น
20 เอลีชาตายและถูกฝังไว้ ปกติแล้วกองโจรชาวโมอับชอบมาปล้นชาวอิสราเอลในช่วงฤดูใบไม้ผลิ 21 มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในขณะที่ชาวอิสราเอลกำลังฝังศพชายคนหนึ่งอยู่ ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้เห็นกองโจรมา พวกเขาจึงโยนศพของชายคนนั้นลงไปในหลุมศพของเอลีชา เมื่อศพนั้นไปโดนกระดูกของเอลีชาเข้า ชายคนนั้นก็กลับมีชีวิตขึ้น และยืนขึ้นมา
เยโฮอาชยึดเมืองคืนจากเบนฮาดัด
22 ในสมัยของกษัตริย์เยโฮอาหาส กษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัมได้กดขี่ข่มเหงอิสราเอลตลอดเวลา 23 แต่พระยาห์เวห์มีเมตตากรุณาต่ออิสราเอลและสงสารพวกเขา ที่พระองค์ห่วงใยพวกเขาก็เป็นเพราะข้อตกลงที่พระองค์ได้ทำไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ จนกระทั่งวันนี้ พระองค์ก็ยังไม่ทำลายพวกเขาหรือล้มล้างพวกเขาให้หมดไปจากหน้าของพระองค์
24 กษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัมตายไป และเบนฮาดัดลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา 25 เมืองต่างๆของอิสราเอลที่ฮาซาเอลพ่อของเบนฮาดัดยึดไปตอนสมัยของเยโฮอาหาส ตอนนี้เยโฮอาชลูกชายเยโฮอาหาสได้ยึดคืนมาจากเบนฮาดัดลูกชายของฮาซาเอล เยโฮอาชชนะเบนฮาดัดสามครั้ง และได้ยึดเอาเมืองต่างๆของอิสราเอลคืนมาได้
อามาซิยาห์ปกครองยูดาห์
(2 พศด. 25:1-26:2)
14 อามาซิยาห์ลูกชายของกษัตริย์โยอาชของยูดาห์ ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ตรงกับปีที่สองของเยโฮอาช เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล เยโฮอาชเป็นลูกชายของเยโฮอาหาส 2 อามาซิยาห์มีอายุยี่สิบห้าปี ตอนที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์และเขาได้ครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลายี่สิบเก้าปี แม่ของเขามีชื่อว่า เยโฮอัดดีน นางมาจากเมืองเยรูซาเล็ม 3 อามาซิยาห์ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่ไม่เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาเคยทำไว้ เขาทำตามตัวอย่างของโยอาชผู้เป็นพ่อของเขาทุกอย่าง 4 แต่สถานนมัสการต่างๆก็ยังไม่ได้ถูกรื้อทิ้ง ประชาชนก็ยังคงถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่นเหมือนเดิม
5 หลังจากที่อามาซิยาห์ได้ทำให้แผ่นดินมั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้ว เขาได้สั่งฆ่าพวกข้าราชการที่เคยฆ่ากษัตริย์ผู้เป็นพ่อของเขา 6 แต่เขาไม่ได้ฆ่าพวกลูกชายของคนเหล่านั้น ตามสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือบัญญัติของโมเสส ที่พระยาห์เวห์สั่งไว้ว่า “อย่าประหารพ่อแม่เพราะสิ่งที่ลูกๆเขาทำ และอย่าประหารลูกๆเพราะสิ่งที่พ่อแม่เขาทำ แต่ให้ประหารคนเพราะบาปที่คนๆนั้นทำเอง”[b]
7 อามาซิยาห์ได้ฆ่าชาวเอโดมถึงหนึ่งหมื่นคนในหุบเขาเกลือ และยึดเมืองเส-ลาไว้ได้จากการรบ เขาเรียกเมืองนั้นว่า โยกเธเอล ซึ่งเป็นชื่อของมันมาจนถึงทุกวันนี้
8 แล้วอามาซิยาห์ได้ส่งพวกคนส่งข่าวไปหาเยโฮอาช
กษัตริย์ของอิสราเอล ที่เป็นลูกชายของเยโฮอาหาสที่เป็นลูกชายของเยฮู ข้อความนั้นท้าทายเยโฮอาชว่า “มาสิ มาสู้กันซึ่งๆหน้า”
9 แต่กษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอล ตอบกษัตริย์อามาซิยาห์ของยูดาห์ว่า “ต้นหนามต้นหนึ่งในเลบานอนได้ส่งข่าวมาถึงต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่งในเลบานอนว่า ‘ให้ยกลูกสาวของเจ้าให้แต่งงานกับลูกชายของเรา’ แต่สัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนผ่านมา และได้เหยียบย่ำต้นหนามต้นนั้นไป 10 จริงอยู่เจ้าได้ชนะพวกเอโดม และตอนนี้ใจของเจ้าก็พองโต ให้พอใจในชัยชนะของเจ้าอยู่กับบ้านดีกว่า จะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไม เดี๋ยวจะล้มลงเปล่าๆทั้งตัวเจ้าและเผ่ายูดาห์ด้วย”
11 แต่อามาซิยาห์ไม่ยอมฟังคำเตือน ดังนั้น กษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอลจึงได้เข้าโจมตีกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เบธเชเมชในยูดาห์ 12 และยูดาห์ก็พ่ายแพ้ต่ออิสราเอล และคนยูดาห์ต่างก็หนีกลับบ้านของตน 13 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจับตัวกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ได้ที่เบธเชเมช กษัตริย์อามาซิยาห์เป็นลูกชายของโยอาช ซึ่งเป็นลูกชายของอาหัสยาห์ แล้วกษัตริย์เยโฮอาชก็ได้บุกเข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มและทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มทิ้งไป ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมไปจนถึงประตูตรงหัวมุม รวมความยาวได้สี่ร้อยศอก 14 กษัตริย์เยโฮอาชเข้าไปเอาทองคำและเงินและเครื่องใช้ต่างๆที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ และที่อยู่ในคลังสมบัติของวังกษัตริย์ ไปจนหมดสิ้น กษัตริย์เยโฮอาชยังได้ต้อนเชลยกลับไปเมืองสะมาเรียด้วย
15 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเยโฮอาช สิ่งที่เขาได้ทำไปและความสำเร็จของเขา รวมทั้งสงครามระหว่างเขากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 16 แล้วเยโฮอาชก็ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองสะมาเรียรวมกับกษัตริย์องค์อื่นๆของอิสราเอล และเยโรโบอัมลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
17 หลังจากที่เยโฮอาชลูกชายของกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอลตายไปแล้ว อามาซิยาห์ลูกชายของกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสิบห้าปี 18 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของอามาซิยาห์ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ 19 พวกประชาชนได้กบฏต่อกษัตริย์อามาซิยาห์ในเมืองเยรูซาเล็ม และกษัตริย์ได้หลบหนีไปถึงเมืองลาคีช แต่คนเหล่านั้นส่งคนไปตามล่าเขาถึงเมืองลาคีชและฆ่าเขาตายที่นั่น 20 ศพของอามาซิยาห์ถูกนำกลับมาด้วยม้าและนำมาฝังไว้ในเมืองเยรูซาเล็มรวมกับบรรพบุรุษของเขาในเมืองของดาวิด
อุสซียาห์ปกครองยูดาห์
21 แล้วประชาชนของยูดาห์ทั้งหมดก็ตั้งอุสซียาห์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่แทนอามาซิยาห์พ่อของเขา ตอนนั้นอุสซียาห์มีอายุสิบหกปี 22 กษัตริย์อามาซิยาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา แล้วกษัตริย์อุสซียาห์ได้ตีเอาเมืองเอลัทกลับคืนมาให้กับยูดาห์ และสร้างเมืองเอลัทขึ้นมาใหม่
เยโรโบอัมที่สองปกครองอิสราเอล
23 เยโรโบอัม ลูกชายของกษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบห้าของกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เป็นลูกชายของโยอาช เยโรโบอัมครองราชย์อยู่สี่สิบเอ็ดปี 24 เขาได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ และไม่ยอมหันไปจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม ลูกชายของเนบัท ที่ได้ทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย 25 เยโรโบอัมเป็นคนที่ยึดเอาดินแดนของอิสราเอลคืนมา ตั้งแต่เลโบฮามัทไปจนถึงทะเลอาราบาห์[c] ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ที่ได้พูดไว้ผ่านทางโยนาห์ลูกชายของอามิททัย โยนาห์เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่มาจากกัทเฮเฟอร์ 26 พระยาห์เวห์เห็นความเดือดร้อนที่แสนขมขื่นของคนอิสราเอลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือคนที่ไม่ใช่ทาส แล้วก็ไม่มีใครช่วยพวกเขาด้วย 27 พระองค์จึงช่วยเหลือพวกเขาผ่านทางมือของเยโรโบอัมลูกชายของเยโฮอาช เพราะพระยาห์เวห์ไม่เคยพูดว่า พระองค์จะลบชื่อของอิสราเอลออกจากใต้ฟ้าสวรรค์
28 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเยโรโบอัม สิ่งที่เขาได้ทำไปทั้งหมด และความสำเร็จด้านการทหารของเขา รวมทั้งการที่เขาได้ตีเอาเมืองดามัสกัสและเมืองฮามัทที่เคยเป็นของยูดาห์คืนมาได้นั้น ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 29 เยโรโบอัมตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาคือพวกกษัตริย์ของอิสราเอล และเศคาริยาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา
2 ในวันที่สาม มีงานแต่งงานที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี แม่ของพระเยซูก็อยู่ที่นั่นด้วย 2 พระเยซูและศิษย์ของพระองค์ก็ได้รับเชิญมาในงานนี้เหมือนกัน 3 เมื่อเหล้าองุ่นหมด แม่ของพระเยซูมาบอกพระองค์ว่า “เหล้าองุ่นหมดแล้ว”
4 พระเยซูพูดว่า “แม่ครับ มาบอกลูกทำไม ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาของลูก”
5 แล้วแม่ของพระเยซูก็ไปบอกกับพวกคนใช้ว่า “เขาสั่งอะไร ก็ให้ทำตามนั้น”
6 มีโอ่งใส่น้ำตั้งอยู่ที่นั่นหกใบเพื่อใช้ในพิธีชำระล้าง โอ่งแต่ละใบใส่น้ำได้ประมาณแปดสิบถึงหนึ่งร้อยยี่สิบลิตร[a]
7 พระเยซูได้สั่งพวกคนใช้ว่า “ไปตักน้ำใส่โอ่งพวกนั้นให้เต็ม” พวกเขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงปากโอ่ง
8 แล้วพระองค์สั่งอีกว่า “ตักน้ำนี้ไปให้ผู้ดูแลงานเลี้ยงสิ”
พวกคนใช้ก็ตักน้ำไปให้ผู้ดูแลงานเลี้ยง 9 เมื่อผู้ดูแลงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว (โดยที่เขาไม่รู้ว่า เหล้าองุ่นนั้นมาจากไหน มีแต่พวกคนใช้ที่ตักน้ำนั้นมาเท่านั้นที่รู้) ผู้ดูแลงานเลี้ยงก็เรียกเจ้าบ่าวมาบอกว่า 10 “ใครๆเขาก็เอาเหล้าองุ่นดีๆออกมาให้แขกดื่มก่อน พอดื่มจนเมาได้ที่แล้วถึงจะเอาเหล้าองุ่นถูกๆมาวาง แต่คุณกลับเก็บเหล้าองุ่นที่ดีที่สุดไว้จนถึงตอนนี้”
11 นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ครั้งแรกที่พระเยซูได้ทำ ตอนที่พระองค์อยู่ที่หมู่บ้านคานา ในแคว้นกาลิลี พวกศิษย์ต่างก็พากันไว้วางใจพระองค์เพราะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์
12 หลังจากนั้นพระเยซูไปเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับแม่ น้องๆ และพวกศิษย์ของพระองค์ แต่ก็พักอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน
สิ่งที่พระเยซูทำในวิหาร
(มธ. 21:12-13; มก. 11:15-17; ลก. 19:45-46)
13 เมื่อใกล้จะถึงเทศกาลวันปลดปล่อย พระเยซูเดินทางขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม 14 ในบริเวณวิหารนั้น พระองค์เห็นคนขายวัว แกะ และนกพิราบ สำหรับใช้เป็นเครื่องบูชา และยังเห็นพวกรับแลกเงิน[b] นั่งอยู่ที่โต๊ะของพวกเขาด้วย 15 พระเยซูเอาเชือกมาทำเป็นแส้แล้วหวดไล่คนพวกนั้น รวมทั้งแกะและวัวออกไปจากบริเวณวิหาร พระองค์ยังเทเหรียญและคว่ำโต๊ะของพวกรับแลกเงินด้วย 16 พระองค์บอกพวกคนขายนกพิราบว่า “ขนออกไปให้หมด อย่ามาทำให้บ้านของพระบิดาเรากลายเป็นตลาด”
17 พวกศิษย์นึกขึ้นมาได้ถึงข้อความที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า
“การที่เราทุ่มเทใจให้กับบ้านของพระเจ้า จะเป็นเหตุทำให้เราถูกทำลาย”[c]
18 พวกยิวทักท้วงกับพระเยซูว่า “แกมีสิทธิ์อะไรไปทำอย่างนั้น ทำเรื่องอัศจรรย์พิสูจน์ตัวเองสิ”
19 พระเยซูตอบว่า “ทำลายวิหารนี้ลงมาสิ แล้วเราจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ภายในสามวัน”
20 พวกยิวพูดว่า “วิหารนี้กว่าจะสร้างเสร็จต้องใช้เวลาถึงสี่สิบหกปี แล้วแกคิดว่าแกจะสร้างขึ้นใหม่ได้ภายในสามวันหรือ” 21 แต่วิหารที่พระองค์กำลังพูดถึงนั้น หมายถึงร่างกายของพระองค์เอง 22 เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว ศิษย์ของพระองค์ถึงนึกขึ้นได้ว่า พระองค์เคยพูดอย่างนี้ พวกเขาก็เลยเชื่อพระคัมภีร์ และเชื่อคำพูดของพระองค์
23 ช่วงที่พระเยซูอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เป็นช่วงฉลองเทศกาลวันปลดปล่อย พระองค์ได้ทำเรื่องอัศจรรย์มากมาย ทำให้มีคนจำนวนมากมาไว้วางใจพระองค์ 24 แต่พระเยซูก็ไม่ได้ไว้ใจพวกเขา เพราะพระองค์รู้จักมนุษย์ทุกคนดี 25 ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกพระองค์ว่ามนุษย์เป็นอย่างไรเพราะพระองค์รู้จักความคิดของมนุษย์ดี
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International