Old/New Testament
สงครามกลางเมือง
(2 พศด. 10:1-19)
12 เรโหโบอัมได้ไปที่เชเคมเพราะชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ไปที่นั่นเพื่อที่จะแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ 2 เมื่อเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทได้ยินเรื่องนี้เข้า (ตอนนั้นเขายังอยู่ในประเทศอียิปต์ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้หลบหนีไปจากกษัตริย์ซาโลมอน) เขาจึงออกมาจากอียิปต์ กลับมาบ้านของเขา
3 คนอิสราเอลจึงพูดกับเรโหโบอัมว่า[a] 4 “พ่อของท่านได้บังคับให้พวกเราทำงานหนักเหลือเกิน ตอนนี้ ขอให้ท่านช่วยทำให้งานหนักและแอกอันหนักอึ้งที่เขาเคยวางไว้บนตัวพวกเรานี้ให้เบาลงด้วย แล้วพวกเราก็จะรับใช้ท่าน”
5 เรโหโบอัมตอบว่า “กลับไปก่อน แล้วอีกสามวันค่อยกลับมาพบเราใหม่” ประชาชนจึงกลับออกไป
6 แล้วกษัตริย์เรโหโบอัมก็ได้ปรึกษากับพวกผู้อาวุโสที่เคยรับใช้ซาโลมอนพ่อของเขาในช่วงที่ซาโลมอนยังมีชีวิตอยู่ เขาถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนพวกนั้นยังไงดี”
7 พวกเขาตอบว่า “ถ้าในวันนี้ท่านทำตัวเป็นผู้รับใช้ประชาชนเหล่านี้ และอยู่รับใช้พวกเขา และให้คำตอบที่พวกเขาพอใจแล้วละก็ พวกเขาก็จะอยู่เป็นผู้รับใช้ท่านตลอดไป”
8 แต่เรโหโบอัมไม่ยอมฟังคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นให้เขา เขากลับไปปรึกษากับพวกคนหนุ่มๆที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเขา และทำงานให้กับเขาอยู่ 9 เขาถามคนหนุ่มพวกนั้นว่า “ประชาชนพวกนั้นมาพูดกับเราว่า ‘ช่วยทำให้แอกที่พ่อของท่านวางไว้บนพวกเรา เบาขึ้นด้วยเถิด’ พวกเจ้ามีคำแนะนำว่ายังไง พวกเราจะตอบประชาชนพวกนั้นว่ายังไงดี”
10 คนหนุ่มๆเหล่านั้นผู้ที่ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับเขาตอบว่า “บอกพวกประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘พ่อของท่านได้ทำให้แอกของพวกเราหนักเหลือเกิน ขอให้ท่านช่วยทำให้มันเบาขึ้นด้วยเถิด’ บอกพวกเขาไปว่า ‘นิ้วก้อยของเรายังหนากว่าเอวของพ่อเราเสียอีก 11 พ่อของเราได้ทำให้แอกของพวกเจ้าหนัก เราจะทำให้มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก พ่อของเราเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้ เราจะเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้หางแมงป่อง[b]’”
12 อีกสามวันต่อมา เยโรโบอัมและประชาชนทั้งหมดก็กลับมาหาเรโหโบอัมตามที่กษัตริย์ได้บอกกับพวกเขาไว้ ที่ว่า “กลับมาหาเราใหม่ในอีกสามวันข้างหน้า” 13 กษัตริย์ได้ตอบคนเหล่านั้นไปอย่างหยาบคาย เขาได้ปฏิเสธคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโสได้ให้กับเขาไว้ 14 เขาไปทำตามคำแนะนำของพวกคนหนุ่มๆและพูดไปว่า “พ่อของเราทำให้แอกของพวกเจ้าหนัก เราจะทำให้มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก พ่อของเราเคยเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้ เราจะเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้หางแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์จึงไม่ยอมฟังเสียงของประชาชน เพราะพระยาห์เวห์เป็นผู้ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น พระองค์ต้องการให้เป็นไปตามคำพูดที่พระองค์ได้พูดไว้กับเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ผ่านทางอาหิยาห์คนชิโลห์นั้น
16 เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดเห็นว่ากษัตริย์ไม่ยอมฟังพวกเขา พวกเขาจึงได้ตอบกษัตริย์ไปว่า
“พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวดาวิดอย่างนั้นหรือ
พวกเราได้ส่วนแบ่งจากที่ดินของเจสซีหรือ
เปล่าเลย อิสราเอลเอ๋ย กลับบ้านของพวกเรากันเถอะ
ปล่อยให้ ลูกของดาวิด ดูแลคนของพวกเขาเอง”
ดังนั้น พวกชาวอิสราเอลจึงกลับบ้านไป 17 แต่สำหรับชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ เรโหโบอัมยังคงเป็นคนปกครองพวกเขาอยู่
18 กษัตริย์เรโหโบอัมได้ส่งอาโดรัม ซึ่งทำหน้าที่ผู้ควบคุมคนงานไปพูดกับคนอิสราเอล แต่กลับถูกคนอิสราเอลทั้งหมดขว้างก้อนหินใส่จนตาย แต่กษัตริย์เรโหโบอัมรีบขึ้นรถรบของเขาหนีกลับเข้าเมืองเยรูซาเล็ม 19 จากนั้นอิสราเอลต่างก็ต่อต้านครอบครัวของดาวิดจนถึงทุกวันนี้
เยโรโบอัมปกครองอิสราเอล
(2 พศด. 11:1-4)
20 เมื่อชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ยินว่าเยโรโบอัมกลับมาแล้ว พวกเขาได้ส่งคนไปเรียกตัวเขาให้เข้าร่วมชุมนุมและแต่งตั้งให้เขาเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล ยกเว้นเผ่ายูดาห์เพียงเผ่าเดียวที่ยังคงติดตามครอบครัวของดาวิด
21 เมื่อเรโหโบอัมมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้รวบรวมครอบครัวชาวยูดาห์ทั้งหมด รวมทั้งเผ่าเบนยามินด้วย ได้นักรบมาหนึ่งแสนแปดหมื่นคน เพื่อจะไปทำสงครามกับครอบครัวอิสราเอล เพื่อช่วงชิงอาณาจักรคืนมาให้กับตัวเขาเอง
22 แต่คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเชไมอาห์คนของพระเจ้าว่า 23 “ให้บอกกับเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ ลูกชายของซาโลมอน รวมทั้งครอบครัวของยูดาห์และเบนยามินทั้งหมด ตลอดจนประชาชนที่เหลืออยู่ว่า 24 ‘พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนี้ อย่าขึ้นไปต่อสู้กับพี่น้องอิสราเอลของพวกเจ้าเลย ขอให้พวกเจ้าทุกคนกลับไปบ้านเถิด เพราะเราเองเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้’” พวกเขาจึงเชื่อฟังคำพูดของพระยาห์เวห์และกลับบ้านไปตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้
25 แล้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมขึ้นใหม่ในแถบเนินเขาเอฟราอิม และได้อาศัยอยู่ที่นั่น และต่อมาเขาได้ออกจากที่นั่นไปสร้างเมืองเปนูเอล[c] ขึ้น
26 เยโรโบอัมเคยคิดกับตัวเองว่า “อาณาจักรแห่งนี้คงจะต้องตกไปอยู่ในมือของครอบครัวดาวิดอีกเป็นแน่ 27 ถ้าประชาชนเหล่านี้ยังคงขึ้นไปถวายสัตว์บูชาที่วิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็มอีก จิตใจของประชาชนพวกนี้จะหันกลับไปหากษัตริย์เรโหโบอัมแห่งยูดาห์เจ้านายของพวกเขา แล้วพวกเขาก็จะมาฆ่าเราและกลับไปหากษัตริย์เรโหโบอัมแห่งยูดาห์” 28 หลังจากที่ปรึกษากับพวกที่ปรึกษาของเขาแล้ว กษัตริย์เยโรโบอัมก็ได้สร้างลูกวัวทองคำขึ้นสองตัว เขาพูดกับประชาชนว่า “พวกท่านขึ้นไปนมัสการที่เยรูซาเล็มนานพอแล้ว อิสราเอลเอ๋ย นี่ไง พวกพระของพวกท่าน ที่ได้นำพวกท่านออกจากประเทศอียิปต์”[d] 29 เขาได้นำลูกวัวทองคำตัวหนึ่งไปตั้งไว้ที่เมืองเบธเอล[e] และอีกตัวหนึ่งไปตั้งไว้ที่เมืองดาน[f] 30 เรื่องนี้มันบาปสิ้นดี เพราะชาวอิสราเอลเริ่มไปที่เมืองเบธเอล[g] และเมืองดาน เพื่อนมัสการพวกลูกวัวนั้น
31 นอกจากเรื่องนี้แล้ว เยโรโบอัมยังได้สร้างศาลเจ้าขึ้นตามสถานที่สูง และได้แต่งตั้งนักบวชหลายคนจากคนหลายประเภท แม้บางคนจะไม่ใช่ชาวเลวีก็ตาม 32 เขาได้จัดให้มีงานเทศกาลในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปดเหมือนกับเทศกาลที่จัดขึ้นในยูดาห์ และได้ถวายเครื่องสัตวบูชาบนแท่นบูชา นี่คือสิ่งที่เขาได้ทำไปในเบธเอล เขาถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับรูปปั้นลูกวัวทั้งสองตัวที่เขาได้สร้างขึ้น และที่เบธเอล เขาก็ได้แต่งตั้งนักบวชหลายคนให้อยู่ตามสถานที่นมัสการที่เขาได้ทำขึ้น 33 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด ซึ่งเป็นเดือนที่เขาเองเป็นคนเลือก เขาได้ถวายเครื่องสัตวบูชาบนแท่นบูชาที่เขาได้สร้างขึ้นในเบธเอล และในช่วงนั้นเขาได้จัดให้ให้มีงานเทศกาลขึ้นสำหรับชาวอิสราเอล และตัวเขาเองก็ได้ขึ้นไปถวายเครื่องหอมบนแท่นบูชา
พระเจ้าพูดต่อต้านเบธเอล
13 พระยาห์เวห์ได้สั่งคนของพระเจ้าคนหนึ่งซึ่งมาจากยูดาห์ให้ไปที่เมืองเบธเอล เขาไปถึงในขณะที่เยโรโบอัมกำลังยืนถวายเครื่องหอมอยู่ข้างแท่นบูชา 2 พระยาห์เวห์สั่งให้ชายคนนั้นพูดต่อต้านแท่นบูชานั้นว่า
“แท่นบูชา แท่นบูชา พระยาห์เวห์พูดกับเจ้าว่า ‘ลูกชายคนหนึ่งชื่อโยสิยาห์จะเกิดจากครอบครัวของดาวิด ตอนนี้พวกนักบวชกำลังถวายเครื่องหอมบนเจ้า แต่โยสิยาห์จะจับพวกนักบวชของสถานที่นมัสการต่างๆนี้ มาเผาเป็นเครื่องสังเวยบนเจ้า และเขาจะเผากระดูกคนบนเจ้า[h]’”
3 และในวันเดียวกันนั้น คนของพระเจ้าก็ได้ให้ลางบอกเหตุว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง เขาพูดว่า “เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าพระยาห์เวห์ได้พูดผ่านทางเรา คือแท่นบูชาจะปริแตกออกและขี้เถ้าบนนั้นจะหกกระจาย”
4 เมื่อกษัตริย์เยโรโบอัมได้ยินสิ่งที่คนของพระเจ้าร้องออกมาต่อต้านแท่นบูชาที่เบธเอล เขาก็ยื่นมือจากแท่นบูชาชี้ไปที่ชายคนนั้น และพูดว่า “จับตัวมันไว้” แต่มือที่เขายื่นออกไปชี้ชายคนนั้นกลับเป็นอัมพาตไป จนไม่สามารถดึงกลับมาได้ 5 และแท่นบูชาก็ได้ปริแตกออกและขี้เถ้าบนนั้นก็ได้หกกระจาย ซึ่งเป็นไปตามลางบอกเหตุที่คนของพระเจ้าได้ให้ไว้ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ 6 แล้วกษัตริย์ก็ได้พูดกับคนของพระเจ้านั้นว่า “ช่วยร้องขอต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน และอธิษฐานให้กับเรา เพื่อให้มือเรากลับมาเหมือนเดิมด้วยเถิด”
คนของพระเจ้าคนนั้นจึงได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ และมือของกษัตริย์ก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม 7 กษัตริย์ได้พูดกับคนของพระเจ้าว่า “กลับไปบ้านกับเราเถิด ไปกินอาหารกับเรา แล้วเราจะให้ของขวัญกับท่าน”
8 แต่คนของพระเจ้าคนนั้นตอบกษัตริย์ไปว่า “ถึงแม้ท่านจะให้สมบัติของท่านครึ่งหนึ่งกับเรา เราก็จะไม่ไปกับท่าน เราจะไม่กินหรือดื่มในที่นี่ 9 เพราะเราได้รับคำสั่งจากพระยาห์เวห์มาว่า ‘เจ้าต้องไม่กินหรือดื่มหรือกลับเส้นทางเดิมที่เจ้ามา’”
10 เขาจึงใช้ถนนอีกสายและไม่ได้ใช้เส้นทางเดิมตอนมาเบธเอล
11 ในตอนนั้นมีผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล และพวกลูกชาย[i]ของเขา ได้กลับมาบอกเขา ถึงสิ่งที่คนของพระเจ้าคนนั้นได้ทำไปในวันนั้นที่เบธเอล พวกเขายังได้บอกพ่อของเขาในสิ่งที่ชายคนนั้นได้พูดกับกษัตริย์ด้วย 12 พ่อของเขาถามพวกลูกชายว่า “เขาไปทางไหนแล้ว” พวกลูกชายก็ชี้ไปทางที่คนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์ ใช้เดินไป 13 แล้วชายแก่คนนั้นก็ได้พูดกับพวกลูกๆของเขาว่า “ผูกอานลาให้กับพ่อหน่อย” เมื่อพวกลูกชายผูกอานลาให้กับเขาแล้ว เขาก็ขึ้นขี่มัน
14 เขาได้ขี่ลาตัวนั้นตามหลังคนของพระเจ้าไป และพบชายคนนั้นนั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊ค เขาก็เข้าไปถามว่า “ท่านคือคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์หรือ”
เขาตอบว่า “ใช่แล้ว เราเอง”
15 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆนั้น จึงได้พูดกับชายนั้นว่า “ไปบ้านเราเถิด ไปกินอาหารด้วยกัน”
16 คนของพระเจ้าคนนั้นพูดว่า “เราไม่สามารถหันกลับไปกับท่านได้ และไม่สามารถกินหรือดื่มกับท่านในสถานที่แห่งนี้ด้วย 17 พระยาห์เวห์ได้บอกกับเราไว้ว่า ‘เจ้าต้องไม่กินหรือดื่มที่นั่นหรือกลับทางเส้นเดิมที่ใช้มานั้น’”
18 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนั้นตอบว่า “เราก็เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่งเหมือนกับท่าน และทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้พูดกับเราด้วยคำพูดของพระยาห์เวห์ว่า ‘นำเขากลับบ้านไปกับท่าน เพื่อให้เขาได้กินและดื่ม’” (แต่จริงๆแล้วผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้โกหกเขา)
19 คนของพระเจ้าคนนั้นจึงได้กลับไปกับเขา ไปร่วมกินและดื่มในบ้านเขา 20 ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ คำพูดของพระยาห์เวห์ก็มาถึงผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆที่ได้พาเขากลับมา 21 เขาร้องออกมาต่อหน้าคนของพระเจ้าคนนั้นที่มาจากยูดาห์ว่า “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เจ้าขัดขืนคำพูดของพระยาห์เวห์และไม่ทำตามคำสั่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ 22 เจ้ากลับมา กินและดื่มในสถานที่ที่พระองค์บอกเจ้าว่าไม่ให้มากินหรือดื่ม ดังนั้น ร่างกายของเจ้าจะไม่ได้ถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเจ้า’”
23 เมื่อคนของพระเจ้าคนนั้นกินและดื่มเสร็จแล้ว พวกเขาได้ผูกอานไว้บนหลังลาให้กับเขา เป็นลาของผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆนั้นที่นำเขากลับมา 24 แล้วเขาก็จากไป ในระหว่างทางนั้น สิงโตตัวหนึ่งมาเจอกับเขาบนถนนนั้นและได้ฆ่าเขา ศพของเขาก็ถูกทิ้งอยู่บนถนนนั้นโดยมีลาและสิงโตตัวนั้นยืนอยู่ข้างๆ 25 มีคนผ่านทางมาเห็นศพของเขาถูกโยนทิ้งอยู่ที่นั่น โดยมีสิงโตยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาก็ได้เข้าไปบอกคนในเมืองที่ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนั้นอาศัยอยู่
26 เมื่อผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้ ที่ไปรับชายคนนั้นกลับมาจากการเดินทางของเขาได้ยินเรื่องนี้เข้า เขาพูดว่า “นั่นคือคนของพระเจ้าที่ขัดคำสั่งของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ได้มอบเขาให้กับสิงห์ตัวนั้นซึ่งมันก็ได้ขย้ำเขาและฆ่าเขา เหมือนกับคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้เตือนเขาไว้” 27 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้ พูดกับพวกลูกชายของเขาว่า “ผูกอานลาให้กับพ่อหน่อย” พวกเขาก็ทำตาม 28 แล้วเขาก็ออกไปดูศพของชายคนนั้นที่ถูกโยนทิ้งอยู่บนถนน โดยมีลาและสิงห์ตัวนั้นยืนอยู่ข้างๆ สิงห์ตัวนั้นไม่ได้กินศพนั้นและไม่ได้ขย้ำลาตัวนั้นด้วย
29 ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนั้น จึงเอาศพของชายคนนั้นที่เป็นคนของพระเจ้า ขึ้นวางบนหลังลา และนำเขากลับมาที่เมือง เพื่อไว้ทุกข์ให้เขาและฝังเขา 30 แล้วคนแก่คนนี้ ก็วางศพนั้นไว้ในหลุมฝังศพของเขาเอง พวกเขาก็ไว้ทุกข์ให้ชายคนนั้นและพูดว่า “โถ่ น้องชายของเรา” 31 หลังจากที่ได้ฝังศพชายคนนั้นแล้ว ผู้พูดแทนพระเจ้าแก่ๆคนนี้พูดกับพวกลูกชายของเขาว่า “เมื่อพ่อตาย ให้ฝังศพของพ่อไว้ในหลุมเดียวกับที่ได้ฝังคนของพระเจ้าคนนั้น วางกระดูกของพ่อไว้ข้างๆกระดูกของเขา 32 เพราะสิ่งที่เขาได้ประกาศ โดยคำพูดของพระยาห์เวห์ ที่ต่อต้านแท่นบูชาในเบธเอลและต่อต้านศาลเจ้าตามสถานนมัสการตามเมืองต่างๆของเมืองสะมาเรียนั้น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
33 แต่ถึงจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นก็ตาม เยโรโบอัมก็ยังไม่ยอมหันกลับจากทางชั่วของเขา เขากลับแต่งตั้งพวกนักบวชที่มาจากคนหลายๆประเภท[j] เหมือนเคย จะเป็นใครก็ได้ที่เขาอยากให้เป็นนักบวช เขาก็จะอุทิศคนนั้นให้กับสถานที่สูงเหล่านั้น 34 เรื่องนี้เป็นบาปสำหรับครอบครัวเยโรโบอัม ที่ทำให้ครอบครัวนี้ถูกตัดและถูกทำลายไปจากผืนแผ่นดินโลก
พวกผู้นำชาวยิวอยากจะฆ่าพระเยซู
(มธ. 26:1-5, 14-16; มก. 14:1-2, 10-11; ยน. 11:45-53)
22 เมื่อใกล้ถึงเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่เรียกว่าเทศกาลวันปลดปล่อย 2 พวกผู้นำนักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติต่างพยายามหาทางที่จะฆ่าพระเยซู แต่พวกเขาก็กลัวชาวบ้าน
ยูดาสวางแผนหักหลังพระเยซู
(มธ. 26:14-16; มก. 14:10-11)
3 ซาตานได้เข้าสิงยูดาส อิสคาริโอทซึ่งเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งในสิบสองคน 4 ยูดาสไปหาพวกผู้นำนักบวชและพวกทหารเฝ้าวิหาร เพื่อเสนอตัวที่จะช่วยจับพระเยซูให้ 5 พวกเขาดีใจมาก และสัญญาว่าจะให้เงินกับยูดาส 6 ยูดาสตกลงและเริ่มหาโอกาสที่จะส่งตัวพระเยซูไปให้พวกเขาตอนที่ไม่มีฝูงชนอยู่กับพระองค์
จัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย
(มธ. 26:17-25; มก. 14:12-21; ยน. 13:21-30)
7 เมื่อถึงเทศกาลวันกินขนมปังไร้เชื้อ ซึ่งเป็นวันที่พวกยิวจะฆ่าลูกแกะถวายพระเจ้าสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยด้วย 8 พระเยซูบอกเปโตรกับยอห์นว่า “ไปเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยให้พวกเรากินกัน”
9 พวกเขาจึงถามว่า “จะให้ไปเตรียมที่ไหนดีครับ” 10 พระองค์ตอบว่า “ให้เข้าไปในเมือง แล้วจะเจอผู้ชายที่แบกเหยือกน้ำ ให้ตามเขาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง 11 ให้พูดกับเจ้าของบ้านนั้นว่า ‘อาจารย์ถามว่า ห้องที่เราจะใช้กินอาหารในเทศกาลวันปลดปล่อยกับพวกศิษย์อยู่ที่ไหน’ 12 เขาก็จะพาคุณขึ้นไปดูห้องใหญ่ชั้นบนที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว ก็ให้จัดเตรียมอาหารที่นั่น” 13 พวกเขาก็ไปและมันก็เป็นไปตามที่พระเยซูบอกทุกอย่าง พวกเขาจึงจัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยที่นั่น
อาหารมื้อเย็นขององค์เจ้าชีวิต
(มธ. 26:26-30; มก. 14:22-26; 1 คร. 11:23-25)
14 เมื่อถึงเวลากินอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย พระเยซูนั่งเอนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหารกับพวกศิษย์เอก 15 แล้วพูดว่า “เราอยากจะกินอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยมื้อนี้กับพวกคุณมาก ก่อนที่เราจะถูกทรมาน 16 เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่กินอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยนี้อีก จนกว่าความหมายที่แท้จริงของเทศกาลวันปลดปล่อยนี้จะสำเร็จครบถ้วนในอาณาจักรของพระเจ้า”
17 แล้วพระองค์ก็ยกถ้วยขึ้นมาและขอบคุณพระเจ้า พร้อมกับพูดว่า “รับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม 18 เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นอีกจนกว่าอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง”
19 หลังจากนั้นพระองค์ก็หยิบขนมปังขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้า พร้อมหักส่งให้พวกเขา พระองค์พูดว่า “นี่คือร่างกายของเราที่ให้กับพวกคุณ ให้ทำอย่างนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงเรา” 20 เมื่อพวกเขากินอาหารเย็นเสร็จแล้ว พระองค์ก็หยิบถ้วยขึ้นมาทำเหมือนเดิม แล้วพูดว่า “นี่เป็นเลือดของเราที่ได้หลั่งไหลออกมาเพื่อคุณ พระเจ้าได้ทำสัญญาขึ้นใหม่กับพวกคุณด้วยเลือดนี้”[a]
คนที่หักหลังพระเยซูเป็นใคร
21 พระเยซูพูดว่า “คนที่จะหักหลังเรา ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้กับเราด้วย 22 บุตรมนุษย์จะต้องตายตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า แต่คนที่หักหลังพระองค์นี้น่าละอายที่สุด”
23 พวกศิษย์เอกเหล่านั้นถามกันใหญ่ว่าใครจะทำอย่างนั้น
ให้เป็นเหมือนคนรับใช้
24 พวกศิษย์เอกต่างเถียงกันว่า พวกเขาคนไหนใหญ่ที่สุด 25 พระเยซูบอกว่า “พวกกษัตริย์ของคนต่างชาติชอบออกคำสั่งประชาชนของเขาไปทั่ว ส่วนพวกนั้นที่มีอำนาจ ก็ชอบให้คนเรียกว่า ‘ผู้ทำประโยชน์เพื่อสังคม’ 26 แต่พวกคุณต้องไม่เป็นอย่างนั้น ในพวกคุณ คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดควรจะเป็นเหมือนเด็กที่สุด คนที่เป็นหัวหน้าควรจะเป็นเหมือนคนรับใช้ 27 ใครใหญ่กว่ากัน คนที่นั่งโต๊ะหรือคนที่ยืนรับใช้ คนนั่งไม่ใช่หรือ แต่เราอยู่ท่ามกลางพวกคุณเหมือนกับคนรับใช้
28 ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อเราถูกข่มเหง พวกคุณยืนเคียงข้างเราเสมอ 29 เราก็จะให้พวกคุณปกครองเป็นกษัตริย์ เหมือนกับที่พระบิดาของเราให้เราเป็นกษัตริย์ 30 เพื่อพวกคุณจะได้ดื่มกินกับเราในอาณาจักรของเรา และพวกคุณจะได้นั่งบนบัลลังก์ตัดสินชนชาติอิสราเอลสิบสองเผ่า”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International