Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 23-24

คำพูดสุดท้ายของดาวิด

23 นี่คือคำพูดสุดท้ายของดาวิด

“คำพูดนี้เป็นของดาวิดลูกชายเจสซี
    คำพูดนี้เป็นของชายที่พระเจ้ายกย่อง
ชายผู้ที่พระเจ้าของยาโคบได้เจิมให้เป็นกษัตริย์
    เป็นนักร้องคนโปรดของอิสราเอล[a]
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ พูดผ่านข้าพเจ้า
    คำพูดของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า
พระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้
    หินกำบังของอิสราเอลพูดกับข้าพเจ้าว่า
‘คนที่ปกครองประชาชนอย่างเป็นธรรม
    คนที่ปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า
เป็นเหมือนแสงอรุณ
    เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ขึ้นในเวลาเช้าที่ไม่มีเมฆ
    ที่สดใสหลังฝนตก ที่ทำให้ต้นหญ้างอกขึ้นจากดิน’

ครอบครัวของข้าพเจ้าได้ปกครองอย่างนั้น
    พระองค์ได้ทำสัญญากับข้าพเจ้าที่จะคงอยู่ตลอดไป
    และไม่เปลี่ยนแปลง
พระองค์จะทำให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ
    และให้สิ่งที่ข้าพเจ้าหวังไว้

แต่คนชั่วเป็นเหมือนหนามที่ต้องถูกขว้างทิ้งไปให้หมด
    หยิบมันด้วยมือไม่ได้
ต้องใช้เครื่องมือที่เป็นเหล็กหรือด้ามหอก
    เขี่ยกองมันไว้และเผามันตรงนั้นเลย”

นักรบผู้กล้าสามคน

(1 พศด. 11:10-47)

ต่อไปนี้เป็นชื่อนักรบผู้กล้าของดาวิด คือเยชบาอัลชาวฮัคโมนี[b] เขาเป็นหัวหน้าของกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[c] เขาใช้หอกของเขา[d] ฆ่าแปดร้อยในการรบครั้งเดียว

รองจากเขา คือเอเลอาซาร์ลูกชายโดโด[e] จากตระกูลอาโหไฮ เป็นหนึ่งในสามผู้กล้า เขาอยู่กับดาวิดตอนที่พวกเขาได้ท้าทายชาวฟีลิสเตียที่รวมตัวกันอยู่ที่ปัสดัมมิม[f] ให้ออกมาสู้รบ ทหารอิสราเอลต่างหลบหนีไปกันหมด 10 แต่เขากลับยืนหยัดอยู่กับที่และฆ่าชาวฟีลิสเตียจนมือของเขาเป็นเหน็บแข็งติดดาบ ในวันนั้นพระยาห์เวห์ได้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้เขา กองทัพอิสราเอลได้หวนกลับมาหาเอเลอาซาร์ เพื่อปลดข้าวของจากคนที่ถูกฆ่าตายเท่านั้น

11 รองจากเขาคือชัมมาห์ลูกชายอาเกชาวฮาราร์ เมื่อชาวฟีลิสเตียรวมตัวกันในที่ที่เป็นทุ่งนาที่เต็มไปด้วยถั่วแขก[g] กองทัพของอิสราเอลได้หลบหนีไป 12 แต่ชัมมาห์ยังคงยืนหยัดอยู่ที่กลางทุ่ง เขาต่อสู้และฆ่าชาวฟีลิสเตีย และพระยาห์เวห์ได้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้เขา

13 ครั้งหนึ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว นักรบผู้กล้าทั้งสามคนนี้ จากกองทหารของดาวิดที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[h] ได้ลงมาหาดาวิด[i] ที่ถ้ำอดุลลัม ขณะที่กองทัพฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม

14 ในเวลานั้นดาวิดอยู่ในที่กำบังแข็งแกร่ง[j] และกองทหารชาวฟีลิสเตียตั้งป้อมอยู่ที่เบธเลเฮม 15 ดาวิดหิวน้ำและเปรยๆขึ้นว่า “ใครหนอจะเอาน้ำจากบ่อน้ำใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้เราดื่มได้”

16 นักรบผู้กล้าทั้งสามคนจึงได้ฝ่าแนวทหารชาวฟีลิสเตีย ไปตักน้ำจากบ่อน้ำใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมและนำกลับมาให้ดาวิด แต่ดาวิดไม่ยอมดื่ม เขากลับเทมันทิ้งต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วดาวิดก็พูดว่า 17 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไม่ได้คิดจะทำอย่างนี้เลย ข้าพเจ้าจะดื่มเข้าไปได้ยังไง นี่มันเป็นเหมือนเลือดของคนที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อไปเอามันมา ไม่ใช่หรือ” แล้วดาวิดก็ไม่ยอมดื่มมัน

สิ่งเหล่านี้คือการกระทำของนักรบผู้กล้าทั้งสามนั้น

นักรบผู้กล้าสามสิบคน

18 อาบีชัยน้องชายโยอาบลูกนางเศรุยาห์เป็นหัวหน้าของกองทหารของดาวิดที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[k] เขาใช้หอกของเขาต่อสู้คนสามร้อยคนและฆ่าพวกนั้นจนหมด แต่เขาไม่ได้กลายเป็นคนหนึ่งในนักรบผู้กล้าสามคนนั้น[l] 19 เขามีชื่อเสียงเท่ากับนักรบผู้กล้าสามคนนั้นไม่ใช่หรือ เขาได้กลายเป็นผู้นำของสามคนนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นหนึ่งในสามคนนั้นก็ตาม

20 เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาเป็นนักรบผู้กล้าจากเมืองขับเซเอล เขาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย เขาฆ่าคนใจสิงห์[m] สองคนของโมอับ วันหนึ่งเมื่อหิมะตก เขาได้ลงไปในหลุมและฆ่าสิงโตตายไปตัวหนึ่ง 21 และเขาได้ฆ่าทหารอียิปต์ตัวใหญ่คนหนึ่ง ทั้งๆที่ทหารอียิปต์นั้นถือหอกอยู่ในมือ เบไนยาห์ต่อสู้กับทหารนั้นด้วยไม้กระบองท่อนหนึ่ง เขาแย่งหอกจากมือของทหารอียิปต์นั้นมาได้ และฆ่าทหารนั้นด้วยหอกของเขาเอง 22 นั่นคือการกระทำที่กล้าหาญทั้งหลายของเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา แต่เขาไม่ได้กลายเป็นคนหนึ่งในนักรบผู้กล้าสามคนนั้น 23 เขามีเกียรติที่สุดในกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[n] แต่เขาไม่ได้กลายเป็นคนหนึ่งในผู้กล้าสามคนนั้น ดาวิดได้แต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าทหารประจำตัวพระองค์

24 คนต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของนักรบผู้กล้าสามสิบคน[o]

คือ อาสาเฮลน้องชายโยอาบ เอลฮานันลูกชายโดโดจากเบธเลเฮม

25 ชัมมาห์ชาวฮาโรด เอลีคาชาวฮาโรด

26 เฮเลสชาวเปเลท อิราลูกชายอิกเขชชาวเมืองเทโคอา

27 อาบีเยเซอร์ชาวเมืองอานาโธท เมบุนนัย[p] ชาวหุชาห์

28 ศัลโมนชาวอาโหไฮ มาหะรัยชาวเนโทฟาห์

29 เฮเลด[q] ลูกชายบาอานาห์ชาวเนโทฟาห์ อิททัยลูกชายรีบัยจากกิเบอาห์ชาวเบนยามิน

30 เบไนยาห์ชาวปิราโธน ฮิดดัย[r] จากลำธารกาอัช

31 อาบีอัลโบนชาวอารบา อัสมาเวทชาวบาฮูริม

32 เอลียาบาชาอัลโบน บรรดาลูกชายของยาเชน โยนาธาน

33 ลูกชาย[s] ของชัมมาห์ชาวฮาราร์ อาหิอัมลูกชายชาราร์ชาวฮาราร์

34 เอลีเฟเลทลูกชายอาหัสบัยชาวมาอาคาห์ เอลีอัมลูกชายอาหิโธเฟลชาวกิโลห์

35 เฮสโรชาวคารเมล ปารัยชาวอาราบ

36 อิกาลลูกชายนาธันชาวเมืองโศบาห์ ลูกชายของฮากรี[t]

37 เศเลกชาวอัมโมน นาหะรัยชาวเบเอโรท คนถืออาวุธให้โยอาบลูกชายนางเศรุยาห์

38 อิราชาวอิทไรต์ กาเรบชาวอิทไรต์

39 อุรียาห์ชาวฮิตไทต์ รวมทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน

ดาวิดตัดสินใจนับกองทัพของเขา

(1 พศด. 21:1-6)

24 ความโกรธของพระยาห์เวห์ลุกขึ้นต่อต้านชาวอิสราเอลอีกครั้ง พระองค์ยุให้ดาวิดไปต่อต้านคนอิสราเอล พระยาห์เวห์บอกดาวิดว่า “ไปนับชาวอิสราเอลและยูดาห์”

กษัตริย์ดาวิดจึงพูดกับโยอาบและพวกแม่ทัพ[u] ที่อยู่กับเขาว่า “ไปหาชาวอิสราเอลทุกเผ่าตั้งแต่ดานจนถึงเบเออร์เชบา[v] และลงทะเบียนนักรบเหล่านั้นเพื่อเราจะได้รู้ว่าพวกเขามีจำนวนเท่าใด”

แต่โยอาบตอบกษัตริย์ว่า “ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพิ่มจำนวนกองทัพขึ้นอีกหนึ่งร้อยเท่า และขอให้ดวงตาของกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้มองเห็นเรื่องนี้ แต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าต้องการนับพลอย่างนี้ไปทำไมกัน”

แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดของกษัตริย์ก็มีอำนาจเหนือโยอาบและบรรดาแม่ทัพเหล่านั้น พวกเขาจึงออกไปเพื่อไปลงทะเบียนนักรบของอิสราเอล หลังจากข้ามแม่น้ำจอร์แดนมา พวกเขาตั้งค่ายอยู่ใกล้อาโรเออร์ในช่องแคบทางใต้ของเมือง จากนั้นก็ผ่านไปยังกาดและต่อไปที่ยาเซอร์

พวกเขาไปที่กิเลอาดและแคว้นตะทิมโหดฉิ และได้ไปถึงดานยาอันและอ้อมไปยังไซดอน แล้วพวกเขาตรงไปที่ป้อมของไทระและเมืองทั้งหมดของชาวฮีไวต์และชาวคานาอัน ในที่สุด พวกเขาก็ไปถึงเบเออร์เชบาในเนเกบของยูดาห์ หลังจากที่พวกเขาไปทั่วแผ่นดินแล้ว พวกเขากลับเยรูซาเล็มโดยใช้เวลาทั้งหมดเก้าเดือนกับอีกยี่สิบวัน

โยอาบรายงานจำนวนนักรบให้กษัตริย์ ในอิสราเอลมีคนที่ร่างกายสมบูรณ์ที่สามารถถือดาบได้ทั้งหมดแปดแสนคน และในยูดาห์มีห้าแสนคน

พระยาห์เวห์ลงโทษดาวิด

(1 พศด. 21:7-17)

10 ดาวิดรู้สึกสำนึกผิดขึ้นหลังจากที่เขาได้นับนักรบ และเขาพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงในสิ่งที่ข้าพเจ้าทำไป ตอนนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าขอให้พระองค์เอาความผิดของข้าพเจ้าผู้รับใช้ไปด้วยเถิด ข้าพเจ้าได้ทำในสิ่งที่โง่เขลามาก” 11 ในวันรุ่งขึ้นตอนดาวิดตื่น พระยาห์เวห์ส่งคำพูดมาถึงกาดผู้พูดแทนพระเจ้าผู้ที่เห็นนิมิตของดาวิด ให้ไปพูดกับดาวิดว่า 12 “ไปบอกดาวิดว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พูด เราจะให้ทางเลือกแก่เจ้าสามทาง เลือกมาหนึ่งทางที่เจ้าจะให้เราทำกับเจ้า’”

13 กาดจึงไปพบดาวิดและพูดกับเขาว่า “จะให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับท่านบ้างในสามสิ่งนี้ คือ

ความอดอยากหิวโหยสามปี[w] บนแผ่นดินของท่าน

หรือการหลบหนีจากศัตรูของท่านสามเดือนในขณะที่พวกเขาตามล่าท่าน

หรือโรคระบาดบนแผ่นดินของท่านสามวัน

ตอนนี้ คิดให้ดีและตัดสินใจว่า ข้าพเจ้าควรจะตอบผู้ที่ส่งข้าพเจ้ามาว่าอย่างไรดี”

14 ดาวิดพูดกับกาดว่า “เรากำลังทุกข์ทรมานอย่างหนัก ปล่อยให้พวกเราอยู่ในกำมือของพระยาห์เวห์เถิด เพราะความเมตตาของพระองค์ยิ่งใหญ่ แต่อย่าให้เราตกอยู่ในกำมือมนุษย์เลย”

15 พระยาห์เวห์จึงส่งโรคระบาดให้อิสราเอลตั้งแต่เช้าจนกระทั่งสิ้นสุดวันตามที่กำหนดไว้ และมีประชาชนตั้งแต่ดานจนถึงเบเออร์เชบา ล้มตายไปเจ็ดหมื่นคน 16 เมื่อทูตสวรรค์ยื่นมือของตนออกเพื่อทำลายเยรูซาเล็ม พระยาห์เวห์เปลี่ยนใจเรื่องการทำลายนั้น และพูดกับทูตสวรรค์ผู้ที่กำลังทำให้ประชาชนเจ็บป่วยอยู่นั้นว่า “พอแล้ว เก็บมือท่านกลับคืนได้แล้ว” ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์จึงอยู่ที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์[x] ชาวเยบุส

ดาวิดถวายเครื่องบูชาที่ลานนวดข้าว

(1 พศด. 21:18-27)

17 เมื่อดาวิดเห็นทูตสวรรค์ผู้ทำลายประชาชน เขาพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าคือคนที่ทำบาปและทำผิดคนนั้น พวกนั้นเป็นเพียงแกะเท่านั้น พวกเขาได้ทำอะไรลงไปเล่า ขอให้มือพระองค์ตกลงมาที่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าเถิด”

18 ในวันนั้น กาดไปหาดาวิดและพูดกับเขาว่า “ให้ขึ้นไปสร้างแท่นบูชาให้พระยาห์เวห์ ที่บนลานนวดข้าวของ อาราวนาห์ชาวเยบุสนั้น” 19 ดาวิดจึงขึ้นไปตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านมาทางกาดถึงเขา 20 เมื่ออาราวนาห์มองเห็นกษัตริย์และคนของเขากำลังตรงมา เขาออกไปและก้มหน้ากราบลงถึงพื้นต่อหน้ากษัตริย์ 21 อาราวนาห์พูดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้ามาหาผู้รับใช้ของพระองค์ทำไมหรือ”

ดาวิดตอบว่า “เพื่อที่จะซื้อลานนวดข้าวของเจ้า เราจะได้สร้างแท่นบูชาให้พระยาห์เวห์ โรคระบาดของประชาชนจะได้หายไป”

22 อาราวนาห์พูดกับดาวิดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าจะเอาอะไรก็ได้ตามที่พระองค์พอใจ และไปถวายเครื่องบูชาตามที่ท่านเห็นสมควร นี่คือพวกวัวตัวผู้เอาไว้ใช้เป็นเครื่องเผาบูชา และนี่คือเลื่อนนวดข้าวและแอก เอาไว้ใช้เป็นฟืน 23 ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าขอยกของทั้งหมดนี้ให้กับกษัตริย์” อาราวนาห์พูดกับกษัตริย์ด้วยว่า “ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ยอมฟังคำอธิษฐานของท่านเถิด”

24 แต่กษัตริย์ตอบอาราวนาห์ว่า “ไม่ได้หรอก เรายืนกรานที่จะจ่ายเงินให้เจ้า เราจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาที่เราได้มาฟรีๆให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา”

ดาวิดจึงซื้อลานนวดข้าว และซื้อพวกวัวตัวผู้ เป็นเงินมากกว่าครึ่งกิโลกรัม 25 ดาวิดสร้างแท่นบูชาให้พระยาห์เวห์ขึ้นที่นั่นและถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆเพื่อคืนดีกับพระเจ้า แล้วพระยาห์เวห์ก็ตอบรับคำอธิษฐานของเขาสำหรับคนในแผ่นดิน และโรคระบาดในอิสราเอลก็หยุดลง

ลูกา 19:1-27

ศักเคียสคนเก็บภาษีอยากเห็นพระเยซู

19 พระเยซูเดินเข้าไปในเมืองเยริโค มีชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี[a] ที่ร่ำรวยมาก เขาอยากจะดูว่าพระเยซูเป็นใคร แต่เขามองไม่เห็น เพราะตัวเตี้ยและคนแน่นมาก เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าพระเยซู แล้วปีนขึ้นไปดักคอยพระองค์อยู่บนต้นมะเดื่อ เมื่อพระเยซูเดินมาถึง พระองค์ก็เงยขึ้นไปพูดกับศักเคียสว่า “ศักเคียส รีบลงมาเร็ว เราต้องไปพักที่บ้านคุณวันนี้”

เขารีบลงมา และพาพระองค์ไปบ้านของเขาด้วยความดีใจ ทุกคนที่เห็นอย่างนั้น ก็บ่นกันว่า “เขาไปเป็นแขกในบ้านของคนบาปได้ยังไง”

ในวันนั้นศักเคียสลุกขึ้นบอกองค์เจ้าชีวิตว่า “อาจารย์ ผมจะบริจาคทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของผมให้กับคนจน และถ้าผมได้โกงใครมา ผมยินดีจะคืนให้เขาถึงสี่เท่า”

พระเยซูจึงพูดถึงเขาว่า “วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะเขาก็เป็นลูกหลานของอับราฮัมด้วยเหมือนกัน 10 บุตรมนุษย์ มาก็เพื่อเรื่องนี้แหละคือเพื่อค้นหาและช่วยคนที่หลงหายให้รอด”

กษัตริย์กับทาสสิบคน

(มธ. 25:14-30)

11 ขณะที่พวกเขากำลังฟังเรื่องต่างๆนี้ พระเยซูก็เล่าเรื่องเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่งให้ฟัง เพราะเกือบจะถึงเมืองเยรูซาเล็มแล้วและพวกชาวบ้านคิดว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะปรากฏให้เห็นในเร็วๆนี้ 12 พระองค์เล่าว่า “มีเชื้อพระวงศ์องค์หนึ่งกำลังจะเดินทางไปแดนไกลเพื่อไปรับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ แล้วเขาจะกลับมา 13 ก่อนไป เขาก็เรียกทาสมาสิบคน มอบเงินให้สิบมินา[b] และสั่งว่า ‘เอาไปทำการค้าจนกว่าเราจะกลับมา’ 14 แต่คนเมืองนั้นเกลียดเขา จึงส่งตัวแทนตามหลังเขาไปเพื่อบอกว่า ‘เราไม่อยากได้คนนี้มาเป็นกษัตริย์ของพวกเรา’

15 แต่สุดท้ายเขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ และได้เดินทางกลับมา เขาเรียกพวกทาสที่เขาฝากเงินมาพบ เพราะอยากรู้ว่าพวกเขาทำกำไรได้เท่าไหร่ 16 คนแรกมาถึงและบอกว่า ‘เจ้านายครับ เงินหนึ่งมินาของท่าน ผมเอาไปทำกำไร ได้สิบมินาครับ’ 17 เจ้านายชมเขาว่า ‘เยี่ยมมาก เจ้าเป็นทาสที่ดี ไว้ใจได้แม้แต่เรื่องเล็กๆเราจะให้เจ้าดูแลเมืองสิบเมือง’ 18 ทาสคนที่สองก็เข้ามาหาและบอกว่า ‘เจ้านายครับ เงินหนึ่งมินาของท่าน ผมเอาไปทำกำไรได้ห้ามินา’ 19 เขาก็บอกทาสคนนั้นว่า ‘เราจะให้เจ้าดูแลห้าเมือง’ 20 แล้วทาสอีกคนหนึ่งก็เข้ามาพบและบอกว่า ‘เจ้านายครับ นี่เงินหนึ่งมินาของท่าน ผมได้เอาผ้าห่อเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย 21 เพราะกลัวที่ท่านเป็นคนที่โหดร้ายทารุณ ชอบยึดเอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง และชอบเอาเปรียบคนอื่นโดยเก็บเกี่ยวในสิ่งที่ตนเองไม่ได้หว่าน’ 22 นายผู้นั้นจึงด่าว่า ‘ไอ้ทาสชาติชั่ว เราจะลงโทษเจ้า ตามคำพูดของเจ้า ถ้าเจ้ารู้ว่า เราเป็นคนเข้มงวด ชอบยึดของของคนอื่นและชอบเอาเปรียบ 23 แล้วทำไมถึงไม่เอาเงินไปฝากธนาคาร เมื่อเรากลับมาจะได้รับทั้งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย’ 24 แล้วเขาก็สั่งพวกทาสที่ยืนอยู่ตรงนั้นว่า ‘เอาเงินที่เขามี ไปให้คนที่มีสิบมินานั่น’ 25 พวกเขาจึงพูดว่า ‘เจ้านาย เขามีตั้งสิบมินาแล้วนะ’ 26 เจ้านายตอบว่า ‘เราจะบอกให้รู้ว่า “คนที่ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ก็จะได้รับเพิ่มมากขึ้น แต่คนที่ไม่ได้ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ ทุกสิ่งที่เขามีก็จะถูกริบไปจนหมดด้วย” 27 แล้วไปจับพวกที่เป็นศัตรูของเราที่ไม่อยากให้เราเป็นกษัตริย์มาฆ่าต่อหน้าเราที่นี่’”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International