Old/New Testament
ครอบครัวซาอูลถูกทำโทษ
21 ในสมัยของกษัตริย์ดาวิด เกิดภาวะอดอยากแห้งแล้งขึ้นติดต่อกันสามปี ดังนั้น ดาวิดจึงไปถามพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ตอบว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะซาอูล และบ้านของเขาเปื้อนเลือด เพราะเขาเคยฆ่าชาวเมืองกิเบโอน”
2 กษัตริย์จึงเรียกชาวเมืองกิเบโอนมาหาและพูดกับพวกเขา (ชาวเมืองกิเบโอนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล แต่เป็นชาวอาโมไรต์ที่รอดชีวิต ชาวอิสราเอลเคยสาบานไว้ว่าจะไว้ชีวิตพวกเขา[a] แต่ซาอูลที่กำลังคลั่งไคล้อิสราเอลและยูดาห์พยายามทำลายล้างพวกเขา) 3 ดาวิดถามชาวเมืองกิเบโอนว่า “จะให้เราทำอะไรเพื่อพวกท่านบ้าง เราจะแก้ไขอะไรได้บ้างเพื่อให้พวกท่านให้พรกับประชาชนที่เป็นทรัพย์สินของพระยาห์เวห์”
4 ชาวเมืองกิเบโอนตอบเขาว่า “พวกข้าพเจ้าไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินหรือทองจากซาอูลหรือครอบครัวเขา และไม่มีสิทธิที่จะฆ่าใครในอิสราเอลด้วย”
ดาวิดจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกท่านต้องการให้เราทำอะไรให้พวกท่านล่ะ”
5 พวกเขาตอบกษัตริย์ว่า “เพราะคนผู้นั้นต้องการทำลายและกวาดล้างพวกเราให้หมดสิ้นไปเพื่อไม่ให้หลงเหลือพวกเราอยู่ในอิสราเอลอีกต่อไป 6 ขอให้มอบลูกหลานของเขาเจ็ดคน มาให้พวกเรา ให้พวกเราเสียบพวกเขาไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ที่บนเขากิเบอาห์ของซาอูล ผู้ที่พระยาห์เวห์เคยเลือกนั้น”
กษัตริย์จึงพูดว่า “เราจะมอบพวกเขาให้พวกท่าน” 7 แต่กษัตริย์ได้ไว้ชีวิตของเมฟีโบเชท ลูกชายของโยนาธานที่เป็นลูกชายของซาอูล เนื่องจากกษัตริย์ดาวิดเคยสาบานไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ระหว่างดาวิดกับโยนาธาน[b] ลูกชายซาอูล 8 ดาวิดได้มอบ อารโมนีและเมฟีโบเชท[c] ลูกชายสองคนของซาอูลที่เกิดจากนางริสปาห์ลูกสาวอัยยาห์ และลูกชายอีกห้าคนของนางเมราบ[d] ลูกสาวซาอูล ที่เกิดกับอาดรีเอลลูกชายบารซิลลัยชาวเมโหลาห์ 9 ดาวิดมอบตัวคนเหล่านี้ให้ชาวเมืองกิเบโอน และชาวเมืองก็ได้เสียบพวกเขาทั้งเจ็ด และทิ้งประจานไว้บนเขากิเบอาห์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ทั้งเจ็ดคนตายพร้อมกัน พวกเขาถูกฆ่าตายในวันแรกของการเก็บเกี่ยว เป็นวันที่การเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์กำลังเริ่มต้นขึ้น
ดาวิดและนางริสปาห์
10 นางริสปาห์ลูกสาวอัยยาห์ เอาผ้ากระสอบมากางออกบนก้อนหิน[e] สำหรับตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้นการเก็บเกี่ยวจนกระทั่งฝนเทลงมา[f] จากฟ้าลงบนศพเหล่านั้น นางเฝ้าดูศพเหล่านั้นทั้งวันทั้งคืน นางปกป้องศพพวกนั้นจากนกในตอนกลางวัน และสัตว์ป่าในตอนกลางคืน
11 เมื่อดาวิดรู้เรื่องที่นางริสปาห์ลูกสาวอัยยาห์เมียน้อย[g] ซาอูลทำ 12 ดาวิดได้ไปเอากระดูกของซาอูลและโยนาธานลูกชายซาอูลมาจากชาวเมืองยาเบช-กิเลอาด (ชาวเมืองนี้ได้แอบไปขโมยศพของสองพ่อลูกนี้มาจากลานเมืองที่เบธชาน[h] ซึ่งเป็นที่ที่ชาวฟีลิสเตียเสียบประจานพวกเขาไว้ ภายหลังจากที่พวกเขาฆ่าซาอูลได้ที่กิลโบอา)
13 ดาวิดนำกระดูกของซาอูลและโยนาธานลูกชายของซาอูลมาจากที่นั่น รวมทั้งกระดูกของเจ็ดคนที่ถูกเสียบถูกทิ้งประจานไว้ มารวมเข้าด้วยกัน 14 พวกเขาฝังกระดูกของซาอูลและโยนาธานลูกชายในหลุมฝังศพของคีชพ่อของซาอูลที่เศลาในเมืองของเบนยามิน และทำทุกอย่างที่กษัตริย์ได้สั่งไว้ หลังจากนั้น พระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐานสำหรับแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น
สงครามกับชาวฟีลิสเตีย
15 อีกครั้งหนึ่ง เกิดการสู้รบขึ้นระหว่างชาวฟีลิสเตียกับอิสราเอล ดาวิดก็ได้ลงไปกับคนของเขาเพื่อสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย และดาวิดก็เริ่มเหนื่อยล้า 16 อิชบีเบโนบเชื้อสายคนหนึ่งของพวกยักษ์[i] เขาใช้หอกที่มีหัวทำจากทองสัมฤทธิ์หนักสามร้อยเชเขล[j] และพกดาบใหม่มาด้วย เขาพูดว่าเขาจะฆ่าดาวิดเสีย 17 แต่อาบีชัยลูกชายนางเศรุยาห์ได้มาช่วยดาวิดไว้ และเขาก็ได้สู้รบกับชายฟีลิสเตียคนนั้นและฆ่าเขา บรรดาคนของดาวิดจึงได้สาบานกับดาวิดว่า “ท่านอย่าออกไปสู้รบกับพวกเราอีกเลย เพื่อว่าตะเกียงของอิสราเอลจะได้ไม่ดับลง”
18 หลังจากนั้นยังมีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีกที่เมืองโกบ และที่นั่นเอง สิบเบคัยชาวหุชาห์ได้ฆ่าสัฟ หนึ่งในพวกลูกหลานของพวกยักษ์
19 หลังจากนั้นก็มีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียที่เมืองโกบอีก เอลฮานันลูกชายยาอาเร-โอเรกิม[k] ชาวเบธเลเฮม ได้ฆ่าโกลิอัทชาวกัท[l] ซึ่งใช้หอกด้ามใหญ่โตเหมือนไม้ฟั่นทอผ้า
20 มีการสู้รบกันอีกที่เมืองกัท มีชายร่างใหญ่ที่มีนิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละหกนิ้ว รวมยี่สิบสี่นิ้ว เขาสืบเชื้อสายมาจากพวกยักษ์เหมือนกัน 21 เมื่อเขาพูดเหน็บแนมอิสราเอล โยนาธานลูกชายชิเมอีซึ่งเป็นพี่ชายของดาวิดก็ฆ่าเขาตาย
22 ทั้งสี่คนนี้สืบเชื้อสายมาจากพวกยักษ์ในเมืองกัท พวกเขาถูกดาวิดและคนของดาวิดฆ่าตาย
ดาวิดขอบคุณพระยาห์เวห์ที่ช่วยกู้เขา
(สดด. 18:1-50)
22 ดาวิดร้องเพลงบทนี้ให้กับพระยาห์เวห์ ในวันที่พระองค์ช่วยท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูทั้งหมด และจากเงื้อมมือของซาอูล
2 ดาวิดพูดว่า “พระยาห์เวห์คือหินกำบังของข้าพเจ้า คือป้อมปราการของข้าพเจ้า คือผู้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้า
3 พระเจ้าของข้าพเจ้า คือหินกำบังที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
คือโล่กำบังของข้าพเจ้า คือฤทธิ์อำนาจ[m] ที่ช่วยกู้ชีวิตข้าพเจ้า
คือที่ซ่อนที่ปลอดภัยของข้าพเจ้า และเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์เจ้าข้า
พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนป่าเถื่อน
4 ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ผู้ที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ
แล้วพระองค์ก็ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรู
5 เพราะว่าพวกคลื่นแห่งความตายได้ล้อมข้าพเจ้าอยู่
และกระแสน้ำแห่งความตายกำลังจะทำให้ข้าพเจ้าจม
6 เชือกแห่งแดนคนตายพันอยู่รอบๆตัวข้าพเจ้า
กับดักแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า
7 เมื่อข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องเรียกพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้าเรียกพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงของข้าพเจ้าจากวังของพระองค์นั้น
เสียงร้องของข้าพเจ้าได้ยินไปถึงหูของพระองค์
8 แล้วแผ่นดินโลกก็สั่นสะเทือน
พวกเสาค้ำฟ้าสวรรค์ก็สั่นไหว เพราะพระเจ้าโกรธ
9 มีควันพุ่งออกจากจมูกของพระองค์
ไฟที่เผาผลาญพุ่งออกมาจากปากของพระองค์
ถ่านหินลุกแดงพุ่งออกมา
10 พระองค์แหวกท้องฟ้า และเสด็จลงมา
พร้อมด้วยเมฆทึบสีดำใต้เท้าของพระองค์
11 แล้วพระองค์ก็ขึ้นขี่ทูตสวรรค์ที่มีปีก
แล้วเหาะลงมา เห็นพระองค์อยู่บนปีกของลม
12 พระองค์ทำความมืดรอบพระองค์เหมือนเต็นท์
เป็นเมฆหนาทึบ เป็นที่รวบรวมของน้ำ
13 รัศมีอันเจิดจ้าของพระองค์อยู่เบื้องหน้าพระองค์
และมีสายฟ้าพุ่งออกไป
14 พระยาห์เวห์ทำให้เกิดฟ้าร้อง
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดก็เปล่งเสียงดังไปทั่ว
15 พระเจ้ายิงธนูออกไป ซึ่งทำให้พวกศัตรูแตกกระเจิง
พระองค์ทำสายฟ้าผ่าจนพวกนั้นแตกกระเจิง สับสนวุ่นวายไปทั่ว
16 เมื่อพระองค์ตะโกนคำสั่งของพระองค์ออกไป
เมื่อลมที่พวยพุ่งออกมาจากจมูกของพระองค์
ทำให้น้ำทะเลก็ถอยร่นกลับไป
ก้นทะเลและรากฐานของโลกก็ปรากฏขึ้น
17 พระองค์เอื้อมมือลงมาจากเบื้องบนมาฉวยข้าพเจ้าไว้
พระองค์ดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั้น
18 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากศัตรูที่มีพลัง
พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูที่แข็งแรงกว่าข้าพเจ้า
19 พวกเขาปะทะกับข้าพเจ้าตอนที่ข้าพเจ้าเจอกับภัยพิบัติ
แต่พระยาห์เวห์ช่วยสนับสนุนค้ำจุนข้าพเจ้า
20 พระองค์นำข้าพเจ้าออกไปยังที่โล่งกว้าง
พระองค์ช่วยชีวิตข้าพเจ้า เพราะพระองค์ชื่นชอบข้าพเจ้า
21 พระยาห์เวห์ให้รางวัลกับข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง
พระองค์ตอบแทนข้าพเจ้าเพราะมือของข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์
22 ข้าพเจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังอย่างที่พระยาห์เวห์ต้องการให้ข้าพเจ้าเป็น
ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อจะได้ไปทำสิ่งที่ชั่วร้าย
23 เพราะข้าพเจ้าคิดถึงกฏเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆของพระองค์อยู่เสมอ
ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากพวกกฎของพระองค์
24 ข้าพเจ้าไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์
และข้าพเจ้าได้รักษาตัวเองให้พ้นจากบาป
25 พระยาห์เวห์ได้ตอบแทนข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะพระองค์ได้เห็นว่าข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์
26 พระองค์จะจงรักภักดีกับคนที่จงรักภักดีกับพระองค์
และพระองค์จะไร้ที่ติกับคนที่ไร้ที่ติ
27 พระองค์จะบริสุทธิ์กับคนที่บริสุทธิ์กับพระองค์
แต่กับคนที่เหลี่ยมจัด พระองค์จะรู้ทัน
และลงโทษเขาอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
28 พระองค์ช่วยกู้คนต่ำต้อย
แต่พระองค์มองคนหยิ่งยโสเพื่อทำให้เขาตกต่ำลง
29 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นตะเกียงของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด พระองค์นำความสว่างมาให้
30 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถลุยเข้าไปสู้กับกองทัพได้
พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถกระโดดข้ามกำแพงของศัตรูไปได้
31 ทางของพระเจ้าไม่มีที่ติ
สัญญาของพระยาห์เวห์นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้
พระองค์เป็นโล่ให้กับทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์
32 ใครเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์
ใครเป็นหินกำบัง นอกจากพระเจ้าของพวกเรา
33 พระเจ้าองค์นี้เป็นที่ลี้ภัยอันเข้มแข็งของข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
34 พระองค์ช่วยให้เท้าข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนเท้ากวาง
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าสามารถยืนหยัดมั่นคงได้แม้บนที่สูง
35 พระองค์ฝึกมือของข้าพเจ้าสำหรับสงคราม
พระองค์ใส่พลังเข้าไปในแขนของข้าพเจ้า
เพื่อจะง้างคันธนูที่แข็งแกร่งที่สุดได้
36 พระองค์ได้มอบโล่ของพระองค์ที่ช่วยปกป้องข้าพเจ้า
ความช่วยเหลือของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะ
37 พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้ากว้างขวาง
เท้าของข้าพเจ้าจึงไม่พลาดล้ม
38 ข้าพเจ้าได้ไล่ตามจับศัตรูและทำลายพวกเขา
และไม่ได้หันกลับจนได้ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น
39 ข้าพเจ้าได้ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น
ข้าพเจ้าได้บดขยี้พวกเขา จนพวกเขาลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
พวกเขาล้มลงอยู่แทบเท้าของข้าพเจ้า
40 พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแกร่งพร้อมออกรบ
พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้าต้องยอมหมอบลงต่อข้าพเจ้า
41 พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าหันหลังหนีไป
ข้าพเจ้าก็โค่นคนพวกนั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้าลง
42 พวกเขามองหาแต่ไม่มีใครช่วยให้รอด
พวกเขาร้องต่อพระยาห์เวห์แต่พระองค์ไม่ตอบพวกเขา
43 ข้าพเจ้าทุบตีพวกเขาแหลกละเอียดเหมือนฝุ่นของแผ่นดินโลก
ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาและเหยียบย่ำพวกเขาเหมือนโคลนตามท้องถนน
44 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากกองทัพศัตรูที่เข้ามาโจมตี
พระองค์ยังคงให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของชนชาติต่างๆเหล่านั้น
แม้แต่คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็รับใช้ข้าพเจ้า
45 พวกคนต่างชาติมาหมอบอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของข้าพเจ้า พวกเขาต่างยอมสยบต่อข้าพเจ้า
46 คนต่างชาติพวกนั้นขวัญหนีดีฝ่อ
พากันออกมาจากที่ซ่อน ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว
47 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่ ให้สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า
ให้ยกย่องพระเจ้าของข้าพเจ้า ผู้เป็นหินกำบังที่ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
48 พระองค์ เป็นพระเจ้าผู้ลงโทษศัตรูของข้าพเจ้า
และนำให้ชนชาติต่างๆลงมาอยู่ใต้ข้าพเจ้า
49 พระองค์นำข้าพเจ้าออกมาจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า
พระองค์ยกข้าพเจ้าขึ้นเหนือคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้า
พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากศัตรูที่โหดร้าย
50 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
51 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่กับกษัตริย์ของพระองค์
พระองค์ให้ความรักอันมั่นคงกับกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้
ซึ่งก็คือดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป”
24 เมื่อพระเยซูเห็นว่าเขาเสียใจมาก จึงพูดขึ้นว่า “มันยากมากที่คนรวยจะเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า 25 ความจริงแล้ว ให้อูฐลอดรูเข็มยังจะง่ายกว่าที่จะให้คนรวยเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า”
26 คนที่ได้ยินเรื่องนี้ ก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ใครจะไปรอดได้”
27 พระเยซูพูดว่า “สำหรับมนุษย์ เป็นไปไม่ได้หรอก แต่สำหรับพระเจ้าก็เป็นไปได้”
28 แล้วเปโตรก็พูดว่า “พวกเราได้สละสิ่งที่เป็นของเรา เพื่อมาติดตามพระองค์”
29 พระเยซูตอบว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนไหนที่ได้สละบ้านเรือนหรือเมีย หรือพี่น้องหรือพ่อแม่ หรือลูก เพราะเห็นแก่อาณาจักรของพระเจ้าแล้วละก็ 30 เขาจะได้รับสิ่งตอบแทนหลายเท่าในชีวิตนี้ และจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไปในโลกหน้าด้วย”
พระเยซูจะฟื้นขึ้นจากความตาย
(มธ. 20:17-19; มก. 10:32-34)
31 พระเยซูพาศิษย์เอกทั้งสิบสองคนปลีกตัวออกมาข้างๆและพูดกับพวกเขาว่า “ฟังให้ดีนะ พวกเราจะขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม ทุกอย่างที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้เกี่ยวกับบุตรมนุษย์จะเกิดขึ้นที่นั่น 32 เขาจะถูกส่งตัวให้กับพวกคนที่ไม่ใช่ยิว[a] พวกนั้นจะหัวเราะเยาะ ดูถูก และถ่มน้ำลายรดเขา 33 คนเหล่านั้นจะเฆี่ยนตีและฆ่าเขา แต่ในวันที่สาม เขาจะฟื้นขึ้นจากความตาย” 34 แต่พวกศิษย์ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ที่พระองค์พูด เพราะความหมายของมันถูกแอบซ่อนไปจากพวกเขา พวกเขาก็เลยไม่รู้ว่าพระองค์พูดถึงเรื่องอะไร
พระเยซูรักษาคนตาบอด
(มธ. 20:29-34; มก. 10:46-52)
35 เมื่อพระเยซูมาใกล้ถึงเมืองเยริโค มีขอทานตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ข้างถนน 36 เมื่อได้ยินฝูงชนจำนวนมากเดินผ่านมา เขาก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
37 คนเหล่านั้นบอกว่า “เยซูชาวนาซาเร็ธกำลังผ่านมาทางนี้”
38 คนตาบอดก็ตะโกนว่า “เยซู บุตรดาวิด สงสารผมด้วยครับ” 39 คนที่เดินนำหน้า ต่างก็สั่งกำชับให้เขาเงียบ แต่เขากลับยิ่งตะโกนดังขึ้นว่า “บุตรดาวิด สงสารผมด้วยครับ”
40 พระเยซูก็เลยหยุด สั่งให้คนพาเขาเข้ามา แล้วพระองค์ถามเขาว่า 41 “อยากให้เราช่วยอะไร”
เขาจึงตอบว่า “ผมอยากมองเห็นครับท่าน”
42 พระเยซูจึงพูดกับเขาว่า “มองสิแล้วจะเห็น ความเชื่อของคุณช่วยให้คุณหายแล้ว”
43 เขามองเห็นทันที จึงติดตามพระเยซูไป และสรรเสริญพระเจ้า เมื่อชาวบ้านเห็นอย่างนั้น ทุกคนก็พากันยกย่องพระเจ้า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International