Old/New Testament
3 สงครามระหว่างครอบครัวของซาอูลและครอบครัวของดาวิดยืดเยื้ออยู่นาน ดาวิดยิ่งเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ครอบครัวของซาอูลกลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ลูกชายดาวิดที่เกิดในเฮโบรน
(1 พศด. 3:1-4)
2 มีลูกชายของดาวิดหลายคนที่เกิดในเมืองเฮโบรน
ลูกชายคนแรกคืออัมโนน เป็นลูกของนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล
3 ลูกชายคนที่สองชื่อเดลูยาห์[a] เป็นลูกของนางอาบีกายิล เมียหม้ายของนาบาลชาวคารเมล
คนที่สามชื่ออับซาโลมเป็นลูกของนางมาอาคาห์ลูกสาวของทัลมัย กษัตริย์เกชูร์
4 คนที่สี่ชื่ออาโดนียาห์ลูกนางฮักกีท
คนที่ห้าชื่อเชฟาทิยาห์ลูกนางอาบีตัล
5 คนที่หกชื่ออิทเรอัม ลูกนางเอกลาห์ ลูกชายทั้งหกคนนี้ของดาวิดเกิดในเมืองเฮโบรน
อับเนอร์ตัดสินใจเข้าร่วมกับดาวิด
6 ในช่วงของสงครามระหว่างครอบครัวซาอูลและครอบครัวดาวิด อับเนอร์ทำตัวใหญ่ขึ้นๆในครอบครัวซาอูล 7 ซาอูลเคยมีเมียน้อยชื่อริสปาห์เป็นลูกสาวของอัยยาห์ อิชโบเชทได้พูดกับอับเนอร์ว่า “ท่านไปนอนกับเมียน้อยของพ่อเราทำไม”
8 อับเนอร์โกรธมาก ที่อิชโบเชทพูดอย่างนั้น เขาตอบว่า “นี่เราเป็นหัวหมาของฝ่ายยูดาห์หรือ[b] ทุกวันนี้เราซื่อสัตย์กับครอบครัวของซาอูลพ่อท่านและกับครอบครัวและเพื่อนๆเขา เราไม่ได้ส่งตัวท่านให้กับดาวิด แต่ท่านยังกล่าวหาเราว่าไปยุ่งเกี่ยวกับเมียของเขาอีก 9-10 พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ว่าจะเอาอาณาจักรไปจากครอบครัวซาอูล และแต่งตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลและยูดาห์ เขาจะครอบครองตั้งแต่เมืองดานไปจนถึงเมืองเบเออร์เชบา[c] ถ้าหากเราไม่ได้ช่วยทำให้ดาวิดได้ในสิ่งที่พระยาห์เวห์สัญญาไว้กับเขานี้ ขอให้พระเจ้าลงโทษเรา อับเนอร์อย่างรุนแรงที่สุด”
11 อิชโบเชทไม่กล้าพูดอะไรกับอับเนอร์อีก เพราะเขากลัวอับเนอร์
12 แล้วอับเนอร์ได้ส่งพวกตัวแทนของเขาไปพูดกับดาวิดว่า “ท่านคิดว่าแผ่นดินนี้ควรจะตกเป็นของใคร มาเถิด มาทำข้อตกลงกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะช่วยให้ท่านได้อิสราเอลทั้งหมด”
13 ดาวิดพูดว่า “ดีแล้ว เราจะทำข้อตกลงกับท่าน แต่เรามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง เมื่อท่านมาหาเรา ให้นำตัวมีคาลลูกสาวของซาอูลมากับท่านด้วย ไม่อย่างนั้น ท่านก็ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้า”
14 แล้วดาวิดก็ส่งคนส่งข่าวไปหาอิชโบเชทลูกชายของซาอูล สั่งว่า “มอบมีคาลให้กับเราด้วย เราได้หมั้นนางไว้แล้วด้วยหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของชาวฟีลิสเตียหนึ่งร้อยคน[d]”
15 อิชโบเชทจึงออกคำสั่งให้ไปนำตัวนางมาจากปัลทีเอล สามีของนางซึ่งเป็นลูกชายของลาอิช 16 แต่สามีของนางก็ไปกับนางด้วย เขาเดินร้องไห้ตามหลังนางตลอดทางไปจนถึงบาฮูริม แล้วอับเนอร์ก็พูดกับเขาว่า “กลับไปบ้านเถิด” เขาจึงกลับบ้านไป
17 อับเนอร์ปรึกษากับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลและพูดว่า “พวกท่านเคยต้องการให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ของพวกท่านไม่ใช่หรือ 18 ตอนนี้ก็ทำเสียเลยสิ เพราะพระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับดาวิดว่า ‘เราจะช่วยเหลือประชาชนชาวอิสราเอลของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย และจากเงื้อมมือของศัตรูทั้งหมดของพวกเขา ผ่านทางดาวิด ผู้รับใช้เรา’”
19 อับเนอร์ได้พูดกับชาวเบนยามินเป็นการส่วนตัว แล้วเขาก็ไปเมืองเฮโบรนเพื่อบอกดาวิดทุกสิ่งทุกอย่างที่อิสราเอลและครอบครัวเบนยามินอยากจะทำ
20 เมื่ออับเนอร์พร้อมกับคนของเขาอีกยี่สิบคนไปพบดาวิดที่เมืองเฮโบรน ดาวิดได้เตรียมงานเลี้ยงไว้สำหรับเขาและบรรดาคนของเขาแล้ว
21 อับเนอร์จึงพูดกับดาวิดว่า “ให้ข้าพเจ้าไปเรียกชุมนุมชาวอิสราเอลทั้งหมดเพื่อท่าน ผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพื่อว่าพวกเขาจะได้ทำสัญญากับท่านและเพื่อท่านจะได้ปกครองทั่วแผ่นดินอย่างที่ใจท่านต้องการ”
ดังนั้นดาวิดจึงได้ส่งอับเนอร์ไป และเขาก็จากไปอย่างสันติ
ความตายของอับเนอร์
22 ขณะนั้นคนของดาวิดกับโยอาบได้กลับมาจากการปล้นและนำของที่ปล้นมาได้เป็นจำนวนมาก แต่อับเนอร์ไม่อยู่ในเมืองเฮโบรนกับดาวิดแล้ว เพราะดาวิดได้ส่งเขากลับไปแล้ว และเขาก็ไปอย่างสันติ 23 เมื่อโยอาบและทหารทั้งหมดที่ไปกับเขามาถึง มีคนมาบอกเขาว่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ได้มาพบกษัตริย์และกษัตริย์ก็ส่งเขากลับไปแล้วและเขาก็จากไปอย่างสันติ
24 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และพูดว่า “นี่ท่านทำอะไรลงไป ดูสิ อับเนอร์ได้มาพบท่านแล้ว ทำไมท่านถึงปล่อยเขาไป นี่เขาก็จากไปแล้ว 25 ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ เขามาหลอกลวงท่านและเข้ามาสังเกตความเคลื่อนไหวของท่านและสืบดูทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำอยู่”
26 แล้วโยอาบก็จากดาวิดมา เขาได้ส่งคนส่งข่าวไล่ตามอับเนอร์ไป และพวกเขาก็ตามอับเนอร์ไปทันที่บ่อน้ำสีราห์ และนำตัวอับเนอร์กลับมา แต่ดาวิดไม่รู้เรื่องนี้ 27 ทันทีที่อับเนอร์กลับเข้ามาถึงเมืองเฮโบรน โยอาบได้นำตัวเขาหลบเข้าไปยังประตูเมือง ทำทีเหมือนจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว และที่นั่นเอง โยอาบได้แทงเขาที่ท้องและเขาก็ตาย โยอาบแก้แค้นให้อาสาเฮลน้องชายเขา
ดาวิดร้องไห้ให้อับเนอร์
28 ต่อมา เมื่อดาวิดได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงพูดว่า “เราและอาณาจักรของเราจะไม่มีความผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ตลอดไป ในเรื่องที่เกี่ยวกับเลือดของอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ 29 ขอให้เลือดเขาตกลงบนหัวของโยอาบและบนครอบครัวทั้งหมดของพ่อเขา ขอให้คนในครอบครัวของโยอาบต้องเป็นหนองใน หรือเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง หรือเป็นหน้าตัวเมีย หรือต้องล้มตายด้วยดาบ หรืออดอาหารตาย”
30 (โยอาบและอาบีชัยน้องชายของเขาคอยดักซุ่มโจมตี[e]อับเนอร์เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกเขาในสนามรบที่เมืองกิเบโอน)
31 แล้วดาวิดก็พูดกับโยอาบและคนทั้งหมดที่อยู่กับเขาว่า “ฉีกเสื้อผ้าของพวกท่านและสวมผ้ากระสอบและเดินไว้ทุกข์ไปข้างหน้าอับเนอร์” ส่วนกษัตริย์ดาวิดเองก็เดินตามหลังแคร่หามศพไป 32 พวกเขาฝังศพอับเนอร์ไว้ในเมืองเฮโบรนและกษัตริย์ก็ร้องไห้เสียงดังที่หลุมฝังศพของอับเนอร์ ประชาชนทั้งหมดก็ร้องไห้ด้วย
33 กษัตริย์ได้ร้องเพลงไว้ทุกข์นี้ให้อับเนอร์
“อับเนอร์ควรมาตายเหมือนกับคนแหกกฏหรือ
34 มือของท่านไม่ได้ถูกมัด
เท้าของท่านไม่ได้ถูกล่ามโซ่
ท่านล้มลงเหมือนคนที่ล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย”
และประชาชนทั้งหมดก็ร้องไห้ให้เขาอีก 35 แล้วพวกเขาก็มาขอร้องให้ดาวิดกินอะไรบ้างในช่วงกลางวัน แต่ดาวิดได้สาบานไว้ว่า “ขอให้พระเจ้าลงโทษเราอย่างรุนแรงที่สุด ถ้าเรากินขนมปังหรือสิ่งใดก็ตามก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน” 36 ประชาชนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และพอใจมากในสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดทำ 37 ประชาชนชาวยูดาห์และอิสราเอล ก็รู้ว่า กษัตริย์ดาวิดไม่มีส่วนร่วมในการฆ่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์เลย
38 แล้วกษัตริย์ดาวิดก็ได้พูดกับคนของเขาว่า “พวกท่านไม่รู้หรือว่า วันนี้ผู้นำที่สำคัญมากคนหนึ่งได้มาตายลงในอิสราเอล 39 และในวันเดียวกันนี้ เราก็ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ แต่เราก็อ่อนแอและพวกลูกชายของนางเศรุยาห์ก็แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ขอให้พระยาห์เวห์ตอบแทนคนทำชั่วตามความชั่วที่เขาได้ทำด้วยเถิด”
อิชโบเชทถูกฆ่า
4 เมื่ออิชโบเชทลูกชายซาอูลได้ยินว่า อับเนอร์ตายในเมืองเฮโบรน เขาก็สูญเสียความกล้าหาญ และชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างตื่นตกใจกลัว 2 ในเวลานั้นมีชายสองคนมาหาอิชโบเชท ลูกชายของซาอูล ชายสองคนนี้เป็นหัวหน้ากองโจร คนหนึ่งชื่อบาอานาห์ และอีกคนชื่อเรคาบ พวกเขาเป็นลูกชายของริมโมนชาวเมืองเบเอโรท พวกเขามาจากเผ่าเบนยามิน (เมืองเบเอโรทถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนเผ่าเบนยามิน 3 แต่ชาวเมืองเบเอโรทได้หลบหนีมาที่เมืองกิททาอิมกันหมด และอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะชาวต่างชาติมาจนทุกวันนี้)
4 โยนาธานลูกชายของซาอูลมีลูกชายชื่อเมฟีโบเชท เมฟีโบเชทมีเท้าพิการทั้งสองข้าง ตอนที่เมฟีโบเชทมีอายุห้าขวบนั้น มีข่าวมาจากเมืองยิสเรเอล ว่าซาอูลและโยนาธานถูกฆ่าตาย พี่เลี้ยงของเมฟีโบเชทอุ้มเขาวิ่งหนี แต่เพราะนางรีบเกินไป จึงทำเขาหล่นลงมาและขาทั้งสองข้างของเขาก็พิการ
5 ฝ่ายเรคาบและบาอานาห์ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรท ได้ออกเดินทางไปบ้านของอิชโบเชท พวกเขาได้มาถึงที่นั่นในเวลาเที่ยงที่อากาศร้อน ขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนพักเที่ยงอยู่ 6 พวกเขาเข้าไปถึงส่วนในของบ้าน ทำเหมือนกับว่าจะเข้าไปเอาข้าวสาลี และพวกเขาก็แทงอิชโบเชทเข้าที่ท้อง แล้วเรคาบกับบาอานาห์พี่ชายของเขาก็หนีไป 7 พวกเขาเข้าไปในบ้านในขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเขา พวกเขาได้แทงและฆ่าเขา และหลังจากนั้นพวกเขาได้ตัดหัวอิชโบเชทไปด้วย พวกเขาเดินทางตลอดทั้งคืนในหุบเขาจอร์แดน 8 พวกเขานำหัวของอิชโบเชทไปให้ดาวิดที่เมืองเฮโบรน พวกเขาพูดกับกษัตริย์ดาวิดว่า “นี่คือหัวของอิชโบเชทลูกชายของซาอูล ซาอูลที่เป็นศัตรูของท่าน ที่พยายามฆ่าท่าน วันนี้พระยาห์เวห์ได้แก้แค้นซาอูลและลูกหลานของเขาให้กับท่านผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าแล้ว”
9 ดาวิดตอบเรคาบและบาอานาห์พี่ชายของเขา ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรทว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้เราพ้นจากความลำบากทั้งหลาย 10 คราวก่อน เมื่อมีคนมาบอกเราว่า ‘ซาอูลตายแล้ว’ เขาคิดว่าเขากำลังนำข่าวดีมาบอก เราได้จับเขาและฆ่าเขาที่ศิกลาก นั่นคือรางวัลที่เราได้ให้สำหรับข่าวของเขา 11 ยิ่งกว่านั้นอีก คราวนี้ ในเมื่อพวกคนชั่วได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ในบ้านของเขาและบนเตียงของเขาเอง จะไม่ให้เราฆ่าเจ้าเพราะความตายของเขาและกำจัดเจ้าออกไปจากโลกนี้ได้ยังไงกัน”
12 ดังนั้นดาวิดจึงออกคำสั่งแก่คนของเขา และพวกเขาก็ฆ่าสองคนนั้น ตัดมือและเท้าของสองคนนั้นและแขวนศพของพวกเขาไว้ที่ข้างสระน้ำในเมืองเฮโบรน แต่พวกเขาเอาหัวของอิชโบเชทไปฝังไว้ที่อุโมงค์ฝังศพของอับเนอร์ที่เมืองเฮโบรน
ชาวอิสราเอลยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์
(1 พศด. 11:1-3)
5 อิสราเอลทุกเผ่ามาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนและพูดว่า “พวกเราคือเลือดเนื้อของท่าน 2 ในอดีต เมื่อซาอูลยังเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเรา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นำอิสราเอลในการรบ และพระยาห์เวห์ได้พูดกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นผู้นำทางประชาชนชาวอิสราเอลของเราอย่างผู้เลี้ยงแกะ และเจ้าจะได้เป็นผู้ปกครองพวกเขา’”
3 เมื่อพวกผู้นำอาวุโสทั้งหมดของอิสราเอลมาหากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน กษัตริย์ดาวิดได้ทำสัญญากับพวกเขาที่เมืองเฮโบรนต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ได้เจิมดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล
4 ดาวิดมีอายุสามสิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาครองราชย์อยู่นานสี่สิบปี 5 เขาได้ครอบครองอยู่เหนือยูดาห์ในเมืองเฮโบรน เป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือน และในเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมดรวมทั้งยูดาห์ด้วย เป็นเวลาสามสิบสามปี
ดาวิดยึดเมืองเยรูซาเล็ม
(1 พศด. 11:4-9)
6 กษัตริย์ดาวิดและคนของเขายกทัพไปเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อโจมตีชาวเยบุสที่อาศัยอยู่ที่นั่น ชาวเยบุสบอกกับดาวิดว่า “แกบุกเข้ามาที่นี่ไม่ได้[f] แม้แต่คนตาบอดและคนพิการของเราก็ยังหยุดแกได้” พวกเขาคิดว่า “ดาวิดไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองของพวกเขาได้” 7 แต่ดาวิดก็สามารถยึดป้อมศิโยนไว้เป็นเมืองของดาวิด ได้
8 ในวันนั้น ดาวิดพูดกับคนของเขาว่า “คนที่จะเอาชนะชาวเยบุสได้ต้องเข้าไปทางท่อส่งน้ำ[g] เพื่อเข้าไปถึง ‘พวกคนพิการและคนตาบอดเหล่านั้น’ ที่เป็นศัตรูของดาวิด”
(นี่คือเหตุที่คนพูดกันว่า “อย่าให้คนตาบอดและคนพิการเข้าไปในวัง[h]”)
9 ดาวิดก็เข้ายึดเอาป้อมนั้นเป็นที่พักและเรียกมันว่าเมืองของดาวิด แล้วดาวิดก็ได้สร้างเมืองขึ้นรอบๆตั้งแต่พื้นที่ลาดเขา[i] เข้าไปถึงข้างใน 10 ดาวิดยิ่งมีอำนาจมากขึ้นๆเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นสถิตอยู่กับเขา
ฮีรามสร้างวังให้ดาวิด
(1 พศด. 14:1-2)
11 ฮีรามกษัตริย์ของไทระได้ส่งคนส่งข่าวมาหาดาวิด พร้อมด้วยไม้สนซีดาร์และช่างไม้และช่างก่อหิน และพวกเขาได้สร้างวังให้กับดาวิด 12 ดาวิดรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ตั้งเขาเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และได้ทำให้อาณาจักรของเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพื่อประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์
ลูกชายดาวิดที่เกิดในเยรูซาเล็ม
(1 พศด. 3:5-9; 14:3-7)
13 หลังจากที่เขาออกจากเมืองเฮโบรน ดาวิดได้มีเมียน้อยและเมียเพิ่มขึ้นอีกหลายคนในเยรูซาเล็ม และมีลูกชายและลูกสาวเพิ่มขึ้น 14 ชื่อของพวกลูกชายของเขาที่เกิดที่นั่น คือ ชัมมุอา โชบับ นาธัน ซาโลมอน 15 อิบฮาร์ เอลีชูอา เนเฟก ยาเฟีย 16 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท
ดาวิดสู้กับชาวฟีลิสเตีย
(1 พศด. 14:8-17)
17 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล พวกเขาจึงยกทัพขึ้นมาสู้รบกับดาวิด แต่ดาวิดรู้เรื่องนี้ก่อนและได้เข้าไปอยู่ที่ป้อม 18 ขณะนั้น ชาวฟีลิสเตียได้มาถึงและกระจายกำลังอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม
19 ดาวิดจึงถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรขึ้นไปโจมตีชาวฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในกำมือข้าพเจ้าหรือเปล่า”
พระยาห์เวห์ตอบเขาว่า “ไปเถิด เพราะเราจะมอบชาวฟีลิสเตียไว้ในกำมือเจ้าอย่างแน่นอน”
20 ดาวิดจึงไปที่บาอัล-เปราซิม และเขาก็สู้รบเอาชนะชาวฟีลิสเตียได้ และดาวิดพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้บุกทะลวงศัตรูต่อหน้าข้าพเจ้าเหมือนกับน้ำที่พุ่งทะลวงเขื่อนออกมา” จึงเรียกสถานที่นั้นว่า บาอัล-เปราซิม[j] 21 ชาวฟีลิสเตียได้ทิ้งรูปเคารพของพวกเขาไว้ที่นั่น ดาวิดกับคนของเขาได้ขนพวกมันไป
22 ชาวฟีลิสเตียยกทัพขึ้นมาอีกและกระจายกำลังออกในหุบเขาเรฟาอิม
23 ดาวิดจึงถามพระยาห์เวห์อีก และพระองค์ก็ตอบเขาว่า “อย่าบุกเข้าไปตรงๆแต่ให้อ้อมไปด้านหลัง และโจมตีพวกเขาจากพุ่มไม้บาคา[k] 24 ทันทีที่เจ้าได้ยินเสียงเดินทัพที่ยอดพุ่มไม้บาคา ก็ให้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นหมายถึงพระยาห์เวห์ได้นำหน้าพวกเจ้าออกไปมีชัยเหนือกองทัพชาวฟีลิสเตียแล้ว”
25 ดาวิดจึงทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้ และเขาก็โจมตีชาวฟีลิสเตียได้ตลอดทางจากเมืองกิเบโอน[l] ไปจนถึงเกเซอร์
คุ้มไหมที่จะติดตามพระเยซู
(มธ. 10:37-38)
25 ผู้คนมากมายเดินตามพระเยซูไป พระองค์หันมาพูดกับพวกเขาว่า 26 “ถ้าพวกคุณอยากเป็นศิษย์ของเรา คุณต้องเกลียด[a] พ่อแม่ เมีย ลูกๆรวมทั้งพี่น้องและชีวิตของตัวเอง 27 คนที่ไม่ได้แบกไม้กางเขนของตัวเองตามเรามา ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้ 28 สมมุติว่า คุณต้องการจะสร้างหอคอย สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ต้องคิดราคาค่าก่อสร้างก่อน ดูว่ามีเงินพอหรือเปล่า 29 เพราะไม่อย่างนั้น เมื่อคุณลงฐานแล้วเกิดเงินหมดก็ต้องหยุดสร้าง คนอื่นเห็นก็จะหัวเราะเยาะเอาได้ 30 ว่า ‘คนนี้ลงมือสร้าง แต่ไม่มีปัญญาสร้างให้เสร็จ’
31 หรือสมมุติว่ากษัตริย์องค์หนึ่งจะออกไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง เขาจะไม่นั่งลงวางแผนก่อนหรือ ว่าทหารหนึ่งหมื่นคนของเขาจะไปสู้ชนะทหารสองหมื่นคนที่ยกทัพมาได้หรือเปล่า 32 ถ้าเขาคิดว่าสู้ไม่ได้ เขาจะต้องรีบส่งคนไปเจรจาขอสงบศึก ในขณะที่กองทัพนั้นยังอยู่อีกไกล 33 ก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ยอมสละทุกสิ่งที่คุณมีอยู่ คุณก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”
เกลือที่หมดค่า
(มธ. 5:13; มก. 9:50)
34 “เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มแล้ว ก็จะทำให้มันเค็มอีกได้อย่างไร 35 จะเอาไปใส่ดินหรือผสมกับปุ๋ยก็ไม่ได้ มีแต่ต้องโยนทิ้งไปเท่านั้น คนที่มีหูก็ฟังเอาไว้ให้ดี”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International