Old/New Testament
ซามูเอลเจิมซาอูล
10 จากนั้นซามูเอลได้หยิบขวดน้ำมัน และเทลงบนหัวของซาอูล พร้อมกับจูบเขา และพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้เจิม ท่านให้เป็นผู้นำเหนือคนอิสราเอล ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระองค์แล้ว เจ้าจะได้ครอบครองประชาชน แล้วช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากพวกศัตรูที่อยู่ล้อมรอบพวกเขา พระองค์ได้เจิมท่านให้เป็นผู้ครอบครองเหนือคนของพระองค์ แล้วนี่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าคำพูดของเราเป็นความจริง คือ[a] 2 เมื่อท่านจากเราไปในวันนี้ ท่านจะพบชายสองคนอยู่ใกล้หลุมศพของราเชลที่เมืองเศลซาห์ในเขตแดนของเบนยามิน พวกเขาจะบอกท่านว่า ‘ฝูงลาที่ท่านตามหานั้นเจอแล้ว และตอนนี้คีชพ่อของท่านเลิกห่วงเรื่องฝูงลาแล้ว แต่กลับเป็นห่วงท่านแทน’ พ่อท่านพูดว่า ‘เราจะทำยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องของลูกชายเรา’
3 จากนั้นท่านจะเดินต่อไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ทาโบร์ ที่นั่นท่านจะพบชายสามคนที่กำลังจะขึ้นไปพบพระเจ้าที่เบธเอล ชายคนที่หนึ่งจะแบกลูกแพะสามตัว ชายคนที่สองจะถือขนมปังสามก้อน และชายคนที่สามจะถือถุงหนังใส่เหล้าองุ่นถุงหนึ่ง 4 พวกเขาจะทักทายท่านและจะให้ขนมปังที่ยื่นถวายสองชุด[b]ซึ่งสงวนไว้ให้กับนักบวช ให้กับท่าน ก็ให้รับเอาไว้จากพวกเขา 5 หลังจากนั้นท่านจะไปถึงเมืองกิเบอาห์ของพระเจ้า ซึ่งมีทหารรักษาการของฟีลิสเตียอยู่ เมื่อท่านเข้าใกล้เมืองนั้น ท่านจะพบขบวนผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังลงมาจากบนที่สูงนั้น กำลังเล่นพิณ กลอง ขลุ่ย และพิณใหญ่ นำหน้าเข้ามา และกำลังพูดแทนพระเจ้าอยู่[c] 6 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะมามีฤทธิ์อยู่เหนือท่าน และท่านจะร่วมกันพูดแทนพระเจ้ากับพวกเขา ท่านจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน 7 เมื่อสัญญาณเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ท่านคิดว่าดี เพราะพระเจ้าจะสถิตอยู่กับท่าน
8 ให้ท่านล่วงหน้าไปกิลกาลก่อนเรา เราจะลงไปหาท่านอย่างแน่นอน เพื่อถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา แต่ท่านต้องรอเราอยู่ที่นั่นเจ็ดวันจนกว่าเราจะมาหาท่าน และบอกท่านว่าท่านจะต้องทำอะไร”
ซาอูลกลายเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า
9 เมื่อซาอูลหันหลังไปจากซามูเอล พระเจ้าได้เปลี่ยนจิตใจของซาอูล และสัญญาณต่างๆเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น 10 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงเมืองกิเบอาห์ของพระเจ้า ก็พบกับขบวนของผู้พูดแทนพระเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้าก็พุ่งเข้าไปในตัวซาอูล และซาอูลก็ร่วมพูดแทนพระเจ้ากับคนเหล่านั้น 11 เมื่อคนที่เคยรู้จักเขามาก่อน เห็นเขาพูดแทนพระเจ้าอยู่กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ถามกันว่า “นั่นมันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของคีช ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”
12 ชายคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่นตอบว่า “ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำของคนเหล่านั้น”[d] ดังนั้นมันจึงเป็นคำพูดติดปากกันว่า “ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”
ซาอูลกลับถึงบ้าน
13 หลังจากซาอูลหยุดพูดแทนพระเจ้า เขาก็ขึ้นไปบนที่สูง
14 ลุงของซาอูลก็ถามเขาและคนรับใช้ว่า “พวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา”
ซาอูลตอบว่า “เราไปตามหาฝูงลา แต่เมื่อตามไม่เจอ เราเลยไปหาซามูเอล”
15 ลุงของซาอูลพูดว่า “บอกลุงซิว่า ซามูเอลพูดอะไรกับเจ้า”
16 ซาอูลตอบว่า “เขายืนยันกับพวกเราว่าฝูงลาได้หาเจอแล้ว” แต่เขาไม่ได้บอกลุงของเขาเรื่องที่ซามูเอลพูดเกี่ยวกับการเป็นกษัตริย์
ซามูเอลประกาศให้ซาอูลเป็นกษัตริย์
17 ซามูเอลเรียกประชุมคนอิสราเอลต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์ 18 และได้บอกกับคนทั้งหลายว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของคนอิสราเอล พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘เป็นเรานี่แหละ ที่ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ และเราได้ช่วยพวกเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของคนอียิปต์ และอาณาจักรทั้งหลายที่ข่มเหงพวกเจ้า’ 19 แต่ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหลายได้ละทิ้งพระเจ้าของเจ้า ผู้ที่ช่วยพวกเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากความหายนะและความโศกเศร้าทั้งหลายของเจ้า แต่พวกเจ้าทั้งหลายกลับพูดว่า ‘ไม่เอา ขอตั้งกษัตริย์มาปกครองพวกเรา’ ดังนั้น ตอนนี้ ให้เข้ามาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ตามเผ่าและตระกูลของพวกเจ้า”
20 เมื่อซามูเอลนำเผ่าทั้งหลายของคนอิสราเอลเข้ามา ก็มีการจับสลากกัน และคนเผ่าเบนยามินก็ได้รับเลือก 21 จากนั้นเขาก็นำตระกูลต่างๆในเผ่าเบนยามินเข้ามาที่ละตระกูล และตระกูลมัตรีก็ได้รับเลือกตามสลาก สุดท้ายซาอูลลูกชายของคีชก็ได้รับเลือกโดยการจับสลากนี้
แต่เมื่อพวกเขาตามหาซาอูลกลับไม่พบตัว 22 พวกเขาจึงถามพระยาห์เวห์ว่า “ชายคนนี้มาที่นี่แล้วหรือยัง”
พระยาห์เวห์ตอบว่า “เขาซ่อนตัวอยู่หลังหีบห่อเหล่านั้น”
23 พวกเขาจึงวิ่งไปตามซาอูลออกมา เมื่อซาอูลยืนอยู่ท่ามกลางประชาชน เขาจะสูงเกินคนอื่นๆไปหนึ่งช่วงบ่า
24 ซามูเอลพูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “พวกท่านได้เห็นคนที่พระยาห์เวห์ได้เลือกแล้วหรือยัง ไม่มีใครเหมือนเขาเลยในท่ามกลางประชาชนทั้งหมด”
ดังนั้นประชาชนจึงร้องตะโกนว่า “ขอให้กษัตริย์ทรงพระเจริญ”
25 ซามูเอลอธิบายให้ประชาชนฟังถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับการเป็นกษัตริย์ เขาได้เขียนมันลงบนม้วนกระดาษและได้วางมันไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ จากนั้นซามูเอลก็ปล่อยให้ประชาชน กลับบ้านของพวกเขา
26 ซาอูลก็กลับบ้านของเขาที่กิเบอาห์ด้วย มีคนกล้าหาญที่พระเจ้าได้ดลใจให้ติดตามซาอูลไปจำนวนหนึ่ง 27 แต่ก็มีพวกชอบก่อปัญหาบางคนพูดถึงซาอูลว่า “ไอ้หมอนี่จะช่วยอะไรพวกเราได้” พวกเขาต่างดูถูกเขา และไม่นำของขวัญมาให้ แต่ซาอูลไม่พูดอะไรเลย
นาหาช กษัตริย์ของชาวอัมโมน
กษัตริย์นาหาชของชาวอัมโมนได้ทำร้ายเผ่ากาดและรูเบน นาหาชได้ควักตาขวาของชายทุกคน และไม่ยอมให้ใครมาช่วยพวกเขา เขาได้ควักตาขวาของชายอิสราเอลทุกคนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน แต่มีชายอิสราเอลเจ็ดพันคนหนีจากชาวอัมโมนไปอยู่ที่เมืองยาเบช-กิเลอาด[e]
นาหาชกษัตริย์ของคนอัมโมน
11 ประมาณหนึ่งเดือนผ่านไป นาหาชคนอัมโมนได้ขึ้นมาล้อมเมืองยาเบช-กิเลอาด ชาวเมืองยาเบชจึงพูดกับนาหาชว่า “ทำสัญญาสงบศึกกับพวกเราเถอะ และพวกเราจะยอมรับใช้ท่าน”
2 แต่นาหาชชาวอัมโมนตอบว่า “เราจะทำสัญญาสงบศึกกับพวกเจ้า ก็ต่อเมื่อเราได้ควักดวงตาข้างขวาของพวกเจ้าออกทุกคน เพื่อคนอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับความอับอายขายหน้า”
3 พวกผู้นำของเมืองยาเบชพูดกับเขาว่า “ขอเวลาพวกเราสักเจ็ดวัน เพื่อจะได้ส่งข่าวไปให้ทั่วทุกแห่งที่คนอิสราเอลอยู่ แต่ถ้าไม่มีใครมาช่วยพวกเรา เราก็จะยอมจำนนต่อท่าน”
ซาอูลช่วยกู้ยาเบช-กิเลอาด
4 เมื่อพวกคนส่งข่าวมาถึงเมืองกิเบอาห์ของซาอูล พร้อมกับแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นให้กับชาวเมือง ชาวเมืองต่างพากันร้องไห้เสียงดัง 5 พอดีซาอูลที่เพิ่งกลับมาจากท้องทุ่งกำลังต้อนฝูงวัวมา เขาจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับประชาชนหรือ ทำไมพวกเขาถึงร้องไห้กันใหญ่”
ชาวเมืองจึงบอกซาอูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนยาเบช 6 เมื่อซาอูลได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ก็พุ่งเข้าไปอยู่ในตัวซาอูล และทำให้เขาโกรธมาก 7 เขาเอาวัวมาสองตัวสับเป็นชิ้นๆและให้คนส่งชิ้นส่วนของวัวไปให้คนอิสราเอลทั้งหมด พร้อมประกาศว่า “ใครที่ไม่ยอมตามซาอูลและซามูเอลมา วัวของพวกเขาก็จะถูกสับเป็นชิ้นๆเหมือนวัวตัวนี้”
ประชาชนก็เกิดความหวาดกลัวพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 8 เมื่อซาอูลรวบรวมพลอยู่ที่เมืองเบเซก นับคนอิสราเอลได้จำนวนสามแสนคนและคนยูดาห์สามหมื่นคน[f]
9 ซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดบอกคนส่งข่าวที่มาว่า “ไปบอกคนยาเบช-กิเลอาดว่า ‘เที่ยงของวันพรุ่งนี้ พวกท่านจะได้รับการช่วยกู้’”
เมื่อคนส่งข่าวนำเรื่องนี้มาบอกกับคนยาเบช พวกเขาก็ดีใจกันใหญ่ 10 และพวกเขาก็บอกกับคนอัมโมนว่า “พรุ่งนี้เราจะยอมจำนนต่อท่าน และพวกท่านสามารถทำกับพวกเราชาวยาเบช-กิเลอาดตามที่ท่านเห็นดี”
11 วันรุ่งขึ้นซาอูลแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่ม ในระหว่างการเฝ้าเวรในตอนเช้า พวกเขาก็บุกเข้าไปทำลายค่ายของคนอัมโมนและฆ่าพวกเขา จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยง พวกที่รอดชีวิตก็หนีกระเจิดกระเจิงตัวใครตัวมัน[g]
12 แล้วประชาชนก็พูดกับซามูเอลว่า “คนที่พูดว่า ‘ไอ้ซาอูลคนนั้นจะมาครอบครองเหนือพวกเราอย่างนั้นหรือ’ ให้นำคนเหล่านั้นมาให้พวกเรา เพื่อจะได้ฆ่าซะ”
13 แต่ซาอูลพูดว่า “จะไม่มีใครถูกฆ่าตายในวันนี้ เพราะเป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนอิสราเอลให้รอดพ้น”
14 ดังนั้นซามูเอลจึงพูดกับประชาชนว่า “มาเถอะพวกเราไปที่กิลกาลกัน เพื่อจะได้ไปยืนยันอีกครั้งหนึ่งในเรื่องการปกครองด้วยกษัตริย์”
15 แล้วประชาชนอิสราเอลทั้งหมดก็ไปที่กิลกาล และยืนยันให้ซาอูลเป็นกษัตริย์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาก็ถวายเครื่องสังสรรค์บูชาให้กับพระยาห์เวห์ ซาอูลและคนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่
ซามูเอลพูดเรื่องกษัตริย์
12 ซามูเอลพูดกับคนอิสราเอลทั้งหมดว่า “เราได้รับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกท่านพูดกับเรา และได้ตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือพวกท่าน 2 ตอนนี้ พวกท่านมีกษัตริย์เป็นผู้นำแล้ว ส่วนเราก็แก่และผมหงอกแล้ว และพวกลูกชายของเราก็ได้อยู่ที่นี่กับพวกท่าน เราได้เป็นผู้นำของพวกท่านมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงวันนี้ 3 เรายืนอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเราได้ทำอะไรผิดต่อพวกท่าน ก็ให้ว่ามาเลย ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และต่อผู้ที่พระองค์ได้เจิมไว้ เราได้ยึดวัว หรือยึดลาของใครไปบ้าง ใครที่โดนเราโกง หรือโดนเราข่มเหงบ้าง เราได้รับสินบนจากมือใครบ้างเพื่อปิดหูปิดตาเรา ถ้าเราได้ทำสิ่งใดที่ได้พูดมาแล้วนั้น เราจะชดใช้ให้”
4 พวกเขาตอบว่า “ท่านไม่เคยโกง หรือข่มเหงพวกเรา ท่านไม่เคยรับสิ่งของใดๆจากมือของใครเลย”
5 ซามูเอลพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ และคนที่พระองค์เจิมไว้ได้เป็นพยานต่อพวกท่านในวันนี้ว่า พวกท่านไม่พบสิ่งใดในมือของเรา” พวกเขาก็ตอบว่า “พระองค์เป็นพยาน”
6 จากนั้นซามูเอลพูดกับประชาชนว่า “พระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งโมเสสกับอาโรน และได้นำบรรพบุรุษของท่านออกมาจากอียิปต์ 7 ตอนนี้ ให้พวกท่านมายืนอยู่ที่นี่ เพราะเราจะดำเนินคดีกับพวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์ เราจะบอกพวกท่าน[h] ถึงสิ่งดีๆที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน
8 หลังจากที่ยาโคบเข้าไปอยู่ในอียิปต์ และคนอียิปต์ได้กดขี่ข่มเหงลูกหลานของเขา บรรพบุรุษของพวกท่านได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็ส่งโมเสสกับอาโรน มานำพวกเขาออกจากอียิปต์จนมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่
9 แต่บรรพบุรุษของท่านได้ลืมพระยาห์เวห์ของเขา พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจึงขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในมือของสิเสรา ซึ่งเป็นแม่ทัพของกองทัพฮาโซร์ และปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในมือของคนฟีลิสเตีย และกษัตริย์เมืองโมอับ แล้วพวกนั้นก็สู้รบกับบรรพบุรุษของพวกท่าน 10 บรรพบุรุษของพวกท่านได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ว่า ‘พวกเราได้ทำบาป พวกเราได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ ไปรับใช้พวกพระบาอัลและพวกพระอัชทาโรท แต่ตอนนี้ โปรดช่วยพวกเราให้พ้นจากมือศัตรูด้วยเถิด และพวกเราจะรับใช้พระองค์’
11 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงส่งกิเดโอน[i] บาราค[j] เยฟธาห์[k] และซามูเอล[l] มา แล้วพระองค์ได้ช่วยกู้พวกท่านจากเงื้อมมือของศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน เพื่อให้ท่านอยู่อย่างปลอดภัย 12 แต่เมื่อพวกท่านได้เห็นนาหาชกษัตริย์ของคนอัมโมนออกมาต่อสู้กับพวกท่าน พวกท่านก็พูดกับเราว่า ‘ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องการมีกษัตริย์ปกครองพวกเรา’ ทั้งๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นกษัตริย์ของพวกท่านอยู่แล้วก็ตาม 13 ต่อจากนี้ไป นี่คือกษัตริย์ที่พวกท่านได้เลือก คนที่พวกท่านได้ร้องขอ[m] และพระยาห์เวห์ได้ตั้งกษัตริย์เหนือพวกท่านแล้ว 14 ถ้าพวกท่านยำเกรงพระยาห์เวห์ ยอมรับใช้ เชื่อฟังและไม่ขัดขืนพวกคำสั่งของพระองค์ ถ้าพวกท่านและกษัตริย์ที่ปกครองพวกท่านติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระเจ้าก็จะช่วยกู้พวกท่าน[n] 15 แต่ถ้าพวกท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ หรือขัดขืนพวกคำสั่งของพระองค์ มือของพระองค์ก็จะต่อสู้กับพวกท่านเหมือนกับที่ต่อสู้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน
16 ตอนนี้ยืนนิ่งๆคอยดูสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่พระยาห์เวห์กำลังจะทำให้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 17 พวกท่านก็รู้ว่าตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี[o] ซึ่งฝนแล้ง เราจะร้องขอให้พระยาห์เวห์ทำให้ฝนตกและฟ้าร้อง พวกท่านจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายขนาดไหนในสายตาของพระยาห์เวห์ เมื่อท่านร้องขอให้มีกษัตริย์”
18 จากนั้นซามูเอลได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ และในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ทำให้ฝนตกและฟ้าร้อง ประชาชนทั้งหมดจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์และซามูเอล 19 ประชาชนทั้งหมดจึงพูดกับซามูเอลว่า “ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ให้กับพวกเราผู้รับใช้ของท่านด้วย เพื่อพวกเราจะได้ไม่ตาย เพราะบาปที่เราร้องขอให้มีกษัตริย์ซึ่งเป็นการทำบาปเพิ่มขึ้นไปอีกจากบาปอื่นๆที่เราได้ทำอยู่แล้ว”
20 ซามูเอลตอบว่า “ไม่ต้องกลัว แม้พวกท่านได้ทำสิ่งชั่วร้ายนี้ ก็อย่าได้หันไปจากพระยาห์เวห์ แต่ให้รับใช้พระยาห์เวห์อย่างสุดหัวใจ 21 อย่าหันไปตามรูปเคารพต่างๆที่ไร้ประโยชน์ พวกมันไม่สามารถทำสิ่งดี หรือช่วยชีวิตท่านได้ เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
22 เพื่อรักษาชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ พระองค์จะไม่ละทิ้งประชาชนของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ยินดีที่จะทำให้พวกท่านเป็นคนของพระองค์ 23 ส่วนเราเอง เราจะไม่หยุดอธิษฐานเพื่อพวกท่าน เพราะถ้าเราหยุด เราก็ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และเราก็ยังจะสอนพวกท่านในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง 24 แต่ขอให้ยำเกรงพระยาห์เวห์ และรับใช้พระองค์อย่างจริงใจและสิ้นสุดใจของท่าน ให้ระลึกถึงสิ่งยอดเยี่ยมทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำให้กับพวกท่าน 25 แต่ถ้าท่านยังจะดื้อดึงและทำสิ่งที่ชั่วร้าย พระเจ้าก็จะกวาดพวกท่านและกษัตริย์ของพวกท่านทิ้งไป”
พระเยซูรักษาเด็กผู้ชายที่มีผีชั่วสิงอยู่
(มธ. 17:14-18; มก. 9:14-27)
37 วันต่อมา เมื่อพวกเขาเดินลงมาจากภูเขา ชาวบ้านกลุ่มใหญ่มาหาพระเยซู 38 ชายคนหนึ่งในฝูงชนนั้นร้องขึ้นว่า “อาจารย์ครับ ช่วยลูกผมด้วย ผมมีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น 39 ผีชั่วชอบเข้าสิงเขา เขาก็จะกรีดร้องทันที บางครั้งมันก็ทำให้เด็กล้มชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปาก มันแทบจะไม่เคยออกจากตัวเขาเลย และชอบทำร้ายเขาอยู่เรื่อย 40 ผมได้ขอร้องให้พวกศิษย์ของท่านขับมันออกไป แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้”
41 พระเยซูจึงตอบว่า “พวกขาดความเชื่อและหัวดื้อ เราจะต้องอยู่กับพวกคุณไปอีกนานแค่ไหน เราจะต้องอดทนกับพวกคุณไปถึงไหน พาลูกคุณมานี่ซิ”
42 เมื่อเด็กนั้นกำลังเดินเข้ามา ผีชั่วก็ทำให้เขาล้มลงชักดิ้นชักงอกับพื้น พระเยซูได้ตวาดไล่ผีชั่วนั้นออกไป และรักษาเด็กคนนั้น แล้วส่งคืนให้กับพ่อของเขา 43 ทุกคนต่างพากันประหลาดใจมากถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
พระเยซูพูดถึงการตายของพระองค์
(มธ. 17:22-23; มก. 9:30-32)
ในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกับสิ่งที่พระเยซูทำนั้น พระองค์ก็พูดกับพวกศิษย์ว่า 44 “ตั้งใจฟังให้ดีในสิ่งที่เราจะบอก บุตรมนุษย์ จะต้องถูกจับส่งไปอยู่ในมือของมนุษย์” 45 แต่พวกศิษย์ไม่เข้าใจว่าพระองค์พูดถึงเรื่องอะไร เพราะความหมายถูกซ่อนไปจากใจของพวกเขา ก็เลยไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
คนที่สำคัญที่สุด
(มธ. 18:1-5; มก. 9:33-37)
46 พวกเขาเริ่มเถียงกันว่า ในกลุ่มพวกเขาใครจะได้เป็นใหญ่ที่สุด 47 พระเยซูรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ในใจ พระองค์จึงพาเด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆพระองค์ 48 แล้วพูดกับพวกศิษย์ว่า “คนที่ต้อนรับเด็กเล็กอย่างนี้เพราะเห็นแก่เรา คนนั้นก็ต้อนรับเรา และคนที่ต้อนรับเราก็ต้อนรับพระองค์ผู้ส่งเรามาด้วย คนที่ต่ำต้อยที่สุดในหมู่พวกคุณนั่นล่ะคือคนที่สำคัญที่สุด”
คนที่ไม่ได้ต่อต้านคุณก็อยู่ฝ่ายคุณ
(มก. 9:38-40)
49 ยอห์นพูดว่า “อาจารย์ครับ พวกเราเห็นชายคนหนึ่งขับผีชั่วออกโดยอ้างชื่อของอาจารย์ พวกเราก็เลยพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ใช่พวกเรา”
50 พระเยซูพูดกับยอห์นว่า “อย่าไปห้ามเขาเลย เพราะคนที่ไม่ได้ต่อต้านคุณก็เป็นพวกคุณอยู่แล้ว”
หมู่บ้านของชาวสะมาเรีย
51 เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พระเยซูจะถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ พระองค์ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไปเมืองเยรูซาเล็ม 52 พระองค์จึงส่งศิษย์บางคนล่วงหน้าไปก่อน พวกเขาเข้าไปที่หมู่บ้านของชาวสะมาเรีย เพื่อจัดเตรียมสิ่งต่างๆให้พร้อมสำหรับพระองค์ 53 แต่คนที่นั่นไม่ต้อนรับพระองค์ เพราะพวกเขาเห็นว่าพระองค์ตั้งใจจะไปเมืองเยรูซาเล็ม 54 เมื่อยากอบและยอห์น ศิษย์ของพระองค์เห็นอย่างนั้น ก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์ จะให้เราสั่งไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญคนพวกนี้ให้สิ้นซากไปเลยดีไหมครับ”[a]
55 แต่พระเยซูหันมาต่อว่าพวกเขา[b] 56 แล้วออกเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านอื่น
จะติดตามพระเยซูต้องทำอย่างไร
(มธ. 8:19-22)
57 ขณะที่พวกเขากำลังเดินไปตามถนน มีชายคนหนึ่งพูดกับพระเยซูว่า “ไม่ว่าอาจารย์จะไปที่ไหน ผมจะติดตามไปด้วย”
58 พระเยซูจึงตอบไปว่า “หมาจิ้งจอกยังมีโพรง นกยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน”
59 พระองค์พูดกับอีกคนหนึ่งว่า “ตามเรามา” แต่ชายคนนั้นตอบว่า “ขออนุญาตไปฝังศพพ่อก่อนนะครับ”
60 พระเยซูจึงบอกว่า “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายกันเองเถอะ ส่วนคุณให้ไปประกาศอาณาจักรของพระเจ้าเถอะ”
61 ชายอีกคนหนึ่งพูดว่า “ผมจะตามพระองค์ไปแน่ แต่ขอกลับไปร่ำลาคนที่บ้านก่อนนะครับ”
62 พระเยซูจึงตอบว่า “ถ้าคนที่จับคันไถแล้วยังห่วงหน้าพะวงหลังอยู่ คนนั้นก็ไม่เหมาะสมกับอาณาจักรของพระเจ้า”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International