Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ผู้วินิจฉัย 11-12

11 เยฟธาห์เป็นชาวกิเลอาด เขาเป็นนักรบที่เก่งกล้า แต่เขาเป็นลูกของโสเภณี กิเลอาดเป็นพ่อของเขา

เมียของกิเลอาดก็เกิดลูกชายหลายคนให้กับเขา เมื่อลูกชายพวกนั้นของนางโตขึ้น พวกเขาก็ไล่เยฟธาห์ออกไป พวกเขาพูดว่า “เจ้าไม่มีส่วนในมรดกของบ้านพ่อเรา เพราะเจ้าเป็นลูกของหญิงอื่น” ดังนั้นเยฟธาห์จึงหนีไปจากพี่น้องของเขา และไปอาศัยอยู่ในแผ่นดินของโทบ พวกนักเลงหัวไม้มั่วสุมอยู่กับเยฟธาห์และติดตามเขา

ต่อมาภายหลัง ชาวอัมโมนไปทำสงครามกับชาวอิสราเอล เมื่อชาวอัมโมนไปทำสงครามกับชาวอิสราเอล พวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดก็มาพาเยฟธาห์ไปจากแผ่นดินโทบ พวกเขาพูดกับเยฟธาห์ว่า “มาเป็นแม่ทัพให้กับพวกเราหน่อย เพื่อเราจะไปต่อสู้กับชาวอัมโมน”

เยฟธาห์พูดกับพวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดว่า “พวกท่านไม่ได้รังเกียจข้าและขับไล่ข้าออกจากบ้านของพ่อข้าหรอกหรือ แล้วท่านจะมาหาข้าทำไมเวลาที่ท่านมีปัญหา”

พวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดพูดกับเยฟธาห์ว่า “สาเหตุที่พวกเรากลับมาหาท่านในขณะนี้ ก็เพื่อให้ท่านไปกับพวกเราและไปสู้รบกับชาวอัมโมน และกลายเป็นหัวหน้าพวกเราปกครองชาวกิเลอาดทั้งหมด”

เยฟธาห์พูดกับพวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดว่า “ถ้าข้ากลับไปเพื่อสู้รบกับชาวอัมโมน และถ้าพระยาห์เวห์ยอมมอบพวกมันให้กับข้า พวกท่านจะให้ข้าเป็นหัวหน้าพวกท่านจริงหรือ”

10 พวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาดพูดกับเยฟธาห์ว่า “พระยาห์เวห์เป็นพยาน เราจะทำตามที่ท่านพูดแน่นอน” 11 ดังนั้นเยฟธาห์จึงไปกับพวกผู้นำอาวุโสของกิเลอาด และประชาชนก็ตั้งเขาเป็นหัวหน้าและเป็นแม่ทัพของพวกเขา แล้วเยฟธาห์ก็พูดซ้ำคำพูดของเขาต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์

12 เยฟธาห์ใช้คนส่งข่าวไปถึงกษัตริย์ของชาวอัมโมนว่า “ท่านมีเรื่องอะไรกับข้าหรือ ถึงได้ยกมาต่อสู้กับแผ่นดินของข้า”

13 กษัตริย์ของชาวอัมโมนตอบคนส่งข่าวของเยฟธาห์ว่า “เพราะชาวอิสราเอลได้ยึดครองแผ่นดินของข้าทั้งหมดจากแม่น้ำอารโนน ถึงแม่น้ำยับบอก ถึงแม่น้ำจอร์แดน เมื่อพวกเขาออกมาจากอียิปต์ บัดนี้ขอท่านคืนเมืองเหล่านั้นให้กับข้าซะดีๆ” 14 (ดังนั้นผู้ส่งข่าวกลับมาหาเยฟธาห์[a]) เยฟธาห์จึงส่งคนส่งข่าวกลับไปหากษัตริย์ของชาวอัมโมนใหม่

15 เยฟธาห์แจ้งกับเขาว่า

“นี่คือสิ่งที่เยฟธาห์พูด ‘อิสราเอลไม่ได้ยึดแผ่นดินโมอับหรือแผ่นดินของชาวอัมโมน 16 เมื่อพวกอิสราเอลออกจากอียิปต์ พวกเขาได้เข้าไปในถิ่นทุรกันดารถึงทะเลแดงและมาถึงคาเดช 17 แล้วชาวอิสราเอลจึงใช้คนส่งข่าวไปยังกษัตริย์เอโดมว่า “โปรดอนุญาตให้เราผ่านแผ่นดินของท่านด้วยเถิด” แต่กษัตริย์เอโดมไม่ยอมและชาวอิสราเอลก็ได้ใช้คนส่งข่าวไปถึงกษัตริย์โมอับด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน อิสราเอลก็เลยต้องอาศัยอยู่ที่คาเดช

18 จากนั้นชาวอิสราเอลได้เดินทางในถิ่นทุรกันดารและอ้อมแผ่นดินเอโดม และแผ่นดินโมอับ พวกเขามาทางตะวันออกของแผ่นดินโมอับ และตั้งค่ายบนฝั่งแม่น้ำอารโนน พวกเขาไม่ได้เข้าไปในเขตแดนของโมอับ เพราะมีแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของโมอับ

19 ชาวอิสราเอลจึงใช้คนส่งข่าวไปถึงกษัตริย์สิโหนของคนอาโมไรต์ ผู้ครองเมืองเฮชโบนและแจ้งกับเขาว่า “โปรดอนุญาตให้เราผ่านแผ่นดินของท่านด้วยเถิด” 20 แต่สิโหนไม่ไว้ใจที่จะให้อิสราเอลผ่านเข้าไปในเขตแดนของเขา ดังนั้นเขาจึงรวบรวมประชาชนตั้งค่ายที่ยาฮาสสู้รบกับอิสราเอล

21 พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้มอบสิโหนและทหารทั้งหมดไว้ในมือของอิสราเอล แล้วพวกเขาก็พ่ายแพ้ ดังนั้นอิสราเอลจึงยึดครองแผ่นดินทั้งหมดที่ชาวอาโมไรต์อาศัยอยู่นั้น 22 พวกเขายึดเขตแดนทั้งหมดของอาโมไรต์ ตั้งแต่แม่น้ำอารโนนไปจนถึงแม่น้ำยับบอก และตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารไปจนถึงแม่น้ำจอร์แดน

23 ในเมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้ขับไล่ชาวอาโมไรต์ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอลคนของพระองค์ แล้วท่านจะมาขับไล่ชาวอิสราเอลเพื่อยึดครองแทนหรือ 24 แน่นอนว่าท่านจะต้องครอบครองดินแดนที่พระเคโมชพระเจ้าของท่านมอบให้กับท่านแน่ อย่างนั้นพวกเราก็จะครอบครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ยึดมาให้กับพวกเราเหมือนกัน

25 ตัวท่านจะดีกว่ากษัตริย์บาลาคลูกชายศิปโปร์[b]แห่งเมืองโมอับหรือ กษัตริย์องค์นั้นเคยโต้แย้งหรือเคยสู้รบกับชาวอิสราเอลอย่างนั้นหรือ 26 เมื่ออิสราเอลอาศัยอยู่ในเมืองเฮชโบนและชนบทของเมืองนั้น รวมทั้งเมืองอาโรเออร์และชนบทของเมืองนั้น และเมืองต่างๆที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำอารโนนถึงสามร้อยปี ทำไมท่านไม่ยึดคืนเสียในเวลานั้น

27 ข้าไม่ได้ทำบาปต่อท่าน แต่ท่านได้ทำผิดกับข้า โดยการทำสงครามกับข้า ขอให้พระยาห์เวห์ พระผู้พิพากษาได้ตัดสินวันนี้ เรื่องระหว่างชาวอิสราเอลกับชาวอัมโมนด้วยเถิด’”

28 แต่กษัตริย์ของชาวอัมโมนไม่ฟังคำพูดของเยฟธาห์ที่เขาส่งไปให้

คำบนบานของเยฟธาห์

29 ดังนั้นพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ก็มาอยู่กับเยฟธาห์ เขาจึงยกพลผ่านกิเลอาดและมนัสเสห์ ผ่านมิสปาห์ในกิเลอาด และบุกไปถึงแผ่นดินของอัมโมน

30 เยฟธาห์สาบานต่อพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์ยอมให้ชาวอัมโมนตกอยู่ในกำมือของข้าพเจ้า 31 เมื่อข้าพเจ้ากลับมาอย่างมีชัยจากอัมโมนนั้น ข้าพเจ้าจะยกสิ่งแรกที่ออกมาจากประตูบ้านข้าพเจ้าเพื่อมาพบข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายสิ่งนั้นให้กับพระยาห์เวห์เป็นเครื่องเผาบูชา”

32 แล้วเยฟธาห์ก็ยกไปสู้กับชาวอัมโมน และพระยาห์เวห์ก็มอบพวกอัมโมนไว้ในกำมือของเขา 33 เขาได้โจมตีพวกอัมโมน ตั้งแต่อาโรเออร์ ตลอดไปจนถึงเมืองมินนิท รวมยี่สิบเมือง และไกลไปจนถึงอาเบล-ครามิม ทำให้มีคนตายจำนวนมาก คนอัมโมนจึงอยู่ใต้การปกครองของอิสราเอล

34 เมื่อเยฟธาห์กลับมาที่บ้านในมิสปาห์ ลูกสาวเขาก็ออกมาต้อนรับด้วยการเล่นกลองรำมะนาและเต้นรำ นางเป็นลูกเพียงคนเดียวของเขา เขาไม่มีลูกชายหรือลูกสาวอื่นอีก 35 เมื่อเขาเห็นลูก เขาก็ฉีกเสื้อผ้าตัวเองและพูดว่า “ลูกพ่อ ลูกทำให้พ่อหมดแรง และลูกเป็นสาเหตุให้พ่อเดือดร้อน พ่อได้ให้คำมั่นสัญญาต่อพระยาห์เวห์และจะคืนคำไม่ได้”

36 เธอจึงพูดกับพ่อว่า “เมื่อพ่อสัญญาต่อพระยาห์เวห์ พ่อก็ทำกับลูกตามที่ได้สัญญาไว้เถอะ เพราะพระยาห์เวห์ช่วยกู้พ่อให้พ้นจากชาวอัมโมนพวกศัตรูของพ่อ”

37 เธอยังพูดต่อไปอีกว่า “แต่ขออย่างหนึ่ง ขอไว้ชีวิตลูกสักสองเดือน ปล่อยให้ลูกท่องไปบนภูเขาและร้องไห้กับพวกเพื่อนหญิงของลูก เพราะลูกจะไม่มีวันได้แต่งงาน”[c]

38 เขาจึงตอบว่า “ไปเถอะ” แล้วเขาก็ปล่อยให้นางไปสองเดือน เธอและเพื่อนๆก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนภูเขาเพราะเธอจะไม่มีวันได้แต่งงาน

39 เมื่อครบสองเดือนเธอก็กลับมาหาพ่อ และเขาก็ทำกับลูกสาวตามที่เขาได้สาบานไว้ ขณะนั้นลูกสาวเขายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนเลย และมันได้กลายเป็นธรรมเนียมในอิสราเอล 40 ที่พวกสาวๆในอิสราเอลจะออกไประลึกถึงเรื่องราวของลูกสาวเยฟธาห์ชาวกิเลอาดปีละสี่วัน

เยฟธาห์และชาวเอฟราอิม

12 ชาวเอฟราอิมได้รวมพล แล้วข้ามไปถึงศาโฟน พวกเขาพูดกับเยฟธาห์ว่า “ทำไมท่านไปสู้รบกับคนอัมโมน แต่ไม่เรียกพวกเราไปด้วย เราจะเผาบ้านท่านเสีย”

เยฟธาห์ตอบพวกเขาว่า “คนอัมโมนสร้างปัญหาให้กับข้าและคนของข้ามาก ข้าได้เรียกพวกท่าน แต่พวกท่านไม่ยอมมาช่วยกู้ข้าให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกเขา เมื่อข้าเห็นพวกท่านไม่ช่วยข้า ข้าก็เสี่ยงชีวิตตัวเองไปสู้รบกับชาวอัมโมน และพระยาห์เวห์ได้มอบพวกนั้นไว้ในมือข้า แล้ววันนี้พวกท่านจะมาสู้รบกับข้าทำไมกันเล่า”

เยฟธาห์ก็ได้รวบรวมผู้ชายทั้งหมดของกิเลอาด มาสู้รบกับเอฟราอิม เพราะชาวเอฟราอิมเหยียดหยามพวกเขาว่า “พวกแกชาวกิเลอาดก็เป็นแค่ผู้อพยพในเอฟราอิม ที่มาเกาะกินอยู่ในเขตแดนของเอฟราอิมและมนัสเสห์” แล้วคนของกิเลอาดก็มีชัยเหนือชาวเอฟราอิม

ชาวกิเลอาดก็เข้ายึดตรงบริเวณน้ำตื้นที่ลุยข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปได้ แล้วไม่ให้ชาวเอฟราอิมข้ามกลับไป เมื่อชาวเอฟราอิมที่รอดชีวิตพูดว่า “ขอข้าข้ามไปเถอะ” ชาวกิเลอาดก็จะถามว่า “ท่านเป็นชาวเอฟราอิมหรือเปล่า” พวกเขาก็บอกว่า “ไม่ใช่” แต่ชาวกิเลอาดก็จะบอกเขาว่า ให้พูดคำว่า “ชิบโบเลท” พวกเขาก็พูดว่า “สิบโบเลท” คนเอฟราอิมจะออกเสียงคำนี้ไม่ชัดเจน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกจับฆ่าทิ้งเสียที่บริเวณน้ำตื้นนั้น ในครั้งนี้มีชาวเอฟราอิมถูกฆ่าตายทั้งหมดสี่หมื่นสองพันคน

เยฟธาห์เป็นผู้นำอยู่หกปี จากนั้นเขาก็ตายและศพถูกฝังอยู่ในเมืองกิเลอาด

อิบซานผู้นำ

หลังจากเยฟธาห์ อิบซานจากเบธเลเฮมได้นำอิสราเอล เขามีลูกชายสามสิบคน และลูกสาวสามสิบคน เขาให้ลูกทั้งหมดทั้งลูกชายและลูกสาวแต่งงานกับคนนอกตระกูล เขาเป็นผู้นำอิสราเอลอยู่เจ็ดปี 10 เมื่อเขาตาย ศพก็ถูกฝังอยู่ที่เบธเลเฮม

เอโลนผู้นำ

11 หลังจากอิบซาน เอโลนชาวเศบูลุนได้นำอิสราเอลอยู่สิบปี 12 จากนั้นเอโลนก็ตายและถูกฝังที่อัยยาโลน ในแผ่นดินของเศบูลุน

อับโดนผู้นำ

13 หลังจากเอโลน อับโดนลูกชายของฮิลเลลชาวปิราโธนได้นำอิสราเอล 14 เขามีลูกชายสี่สิบคน และหลานชายสามสิบคน พวกเขาขี่ลา[d]เจ็ดสิบตัว อับโดนเป็นผู้นำอิสราเอลอยู่แปดปี 15 จากนั้นอับโดนลูกชายฮิลเลลชาวปิราโธนก็ตาย และศพของเขาถูกฝังไว้ที่ปิราโธนในแผ่นดินเอฟราอิมในแถบเทือกเขาของชาวอามาเลค

ลูกา 6:1-26

ความคิดขัดแย้งเรื่องวันหยุดทางศาสนา

(มธ. 12:1-8; มก. 2:23-28)

ในวันหยุดทางศาสนาวันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูกำลังเดินผ่านทุ่งข้าวสาลี ลูกศิษย์ของพระองค์ได้เด็ดยอดรวงข้าวสาลีมาขยี้เปลือกออกแล้วกินกัน พวกฟาริสีบางคนจึงพูดว่า “ทำไมพวกคุณถึงทำผิดกฎของวันหยุดทางศาสนา”

พระเยซูตอบว่า “พวกคุณไม่เคยอ่านหรือว่าดาวิดทำอะไรตอนที่เขากับลูกน้องของเขาหิวโหย เขาเข้าไปในบ้านของพระเจ้า หยิบขนมปังศักดิ์สิทธ์มากินซึ่งตามกฎแล้วมีแต่พวกนักบวชเท่านั้นที่กินได้ และยังส่งให้กับลูกน้องกินด้วย” พระเยซูบอกพวกฟาริสีว่า “บุตรมนุษย์เป็นนายเหนือวันหยุดทางศาสนา”

พระเยซูรักษาชายมือลีบในวันหยุดทางศาสนา

(มธ. 12:9-14; มก. 3:1-6)

ครั้งหนึ่งในวันหยุดทางศาสนา พระเยซูสั่งสอนอยู่ในที่ประชุมชาวยิว มีชายคนหนึ่งอยู่ที่นั่น มือขวาของเขาลีบ พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีจับตาดูว่า พระเยซูจะรักษาใครหรือเปล่า จะได้มีเรื่องกล่าวหาพระองค์ แต่พระเยซูรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ จึงพูดกับชายมือลีบว่า “มายืนข้างหน้านี้สิ” เขาลุกขึ้นทำตาม พระเยซูจึงพูดกับพวกเขาว่า “ขอถามหน่อย ตามกฎแล้วในวันหยุดทางศาสนาควรจะทำดีหรือทำชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต” 10 พระเยซูมองไปรอบๆพวกเขา แล้วพูดกับชายมือลีบว่า “ยืดมือออกสิ” เขาก็ทำตาม แล้วมือของเขาก็หายเป็นปกติ 11 พวกครูสอนกฎปฏิบัติกับพวกฟาริสีโกรธแค้นมาก ก็เลยปรึกษากันว่าจะจัดการกับพระเยซูอย่างไรดี

พระเยซูเลือกศิษย์เอกสิบสองคน

(มธ. 10:1-4; มก. 3:13-19)

12 หลังจากนั้นไม่นาน พระเยซูขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐาน และพระองค์อธิษฐานถึงพระเจ้าตลอดทั้งคืน 13 พอถึงตอนเช้าพระองค์เรียกพวกศิษย์เข้ามาหา และเลือกสิบสองคนออกมาเพื่อตั้งให้เป็นศิษย์เอก

14 มีซีโมน ที่พระองค์เรียกว่า เปโตร

อันดรูว์น้องชายเปโตร

ยากอบ

ยอห์น

ฟีลิป

บารโธโลมิว

15 มัทธิว

โธมัส

ยากอบลูกชายของอัลเฟอัส

ซีโมนผู้มีใจจดจ่อกับพระเจ้า

16 ยูดาสลูกของยากอบ

และยูดาสอิสคาริโอท ซึ่งเป็นคนที่ต่อมาภายหลังได้หักหลังพระเยซู

พระเยซูสั่งสอนและรักษาโรค

(มธ. 4:23-25; 5:1-12)

17 พระเยซูลงมาจากภูเขากับพวกศิษย์เอกเหล่านั้น เมื่อมาถึงที่ราบแห่งหนึ่ง ก็ได้พบกับลูกศิษย์อีกมากมายที่มาจากทั่วแคว้นยูเดีย เมืองเยรูซาเล็ม และจากชายฝั่งทะเลในเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน 18 พวกเขาเดินทางมาเพื่อฟังพระองค์สอนและเพื่อให้พระองค์รักษาโรคให้ คนที่ทนทุกข์เพราะถูกผีชั่วเข้าสิงก็ได้รับการรักษาด้วย 19 ทุกคนพยายามจะแตะต้องตัวพระองค์ เพราะฤทธิ์ที่แผ่ออกมาจากพระองค์นั้นรักษาพวกเขาให้หายทุกคน

เกียรติและความอับอาย

(มธ. 5:1-12)

20 พระเยซูมองดูพวกลูกศิษย์แล้วก็พูดว่า

“พวกคุณคนจนนี่ ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
    เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคุณ
21 พวกคุณที่อดอยากหิวโหยตอนนี้ ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
    เพราะพระเจ้าจะทำให้คุณอิ่มหนำสำราญ
พวกคุณที่ร้องไห้เสียใจ ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
    เพราะพระเจ้าจะทำให้คุณหัวเราะอย่างมีความสุข

22 ให้ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆเมื่อคนเกลียดคุณ ขับไล่คุณ ดูถูกคุณและกล่าวหาว่าคุณเป็นคนเลว เพราะคุณติดตามบุตรมนุษย์

23 ในวันนั้นขอให้ดีใจและกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข เพราะพระเจ้าเก็บรางวัลอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับพวกคุณแล้วที่สวรรค์ อย่าลืมว่า แต่ก่อนบรรพบุรุษของพวกเขาก็ทำแบบนี้กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหมือนกัน

24 น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่ร่ำรวย
    เพราะพวกคุณได้รับความสะดวกสบายจนครบแล้ว
25 น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่อิ่มหนำสำราญตอนนี้
    เพราะคุณจะอดอยาก
น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่กำลังหัวเราะในตอนนี้
    เพราะคุณจะต้องเป็นทุกข์และร้องไห้

26 น่าอับอายจริงๆพวกคุณที่ทุกคนยกย่องเยินยอ

เพราะบรรพบุรุษของพวกเขาก็เคยยกย่องเยินยอพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอม[a] อย่างนั้นมาแล้วเหมือนกัน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International