Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ผู้วินิจฉัย 4-6

เดโบราห์ผู้นำหญิง

เมื่อเอฮูดตาย ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก พระยาห์เวห์ก็เลยขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของยาบินกษัตริย์ของคานาอัน ผู้ครอบครองเมืองฮาโซร์ แม่ทัพของเขาคือสิเสรา ที่อาศัยอยู่ในเมืองฮาโรเชท-ฮาโกยิม ชาวอิสราเอลก็ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์อีก เพราะสิเสรามีรถรบเหล็กถึงเก้าร้อยคัน และเขาได้กดขี่ข่มเหงชาวอิสราเอลอย่างโหดร้ายทารุณถึงยี่สิบปี

เดโบราห์เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าที่กำลังทำหน้าที่เป็นผู้นำของอิสราเอลอยู่ในเวลานั้น นางเป็นเมียของลับปิโดท เดโบราห์เคยนั่งตัดสินคดีอยู่ใต้ต้นอินทผลัมของนาง ที่อยู่ระหว่างรามาห์กับเบธเอลในเขตเทือกเขาเอฟราอิม และชาวอิสราเอลก็มาหานางเพื่อให้นางตัดสินคดีให้

นางส่งคนไปเรียกบาราคลูกชายของอาบีโนอัม ให้มาจากเมืองคาเดชในเขตแดนของนัฟทาลี นางพูดกับเขาว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่ได้สั่งท่านหรือว่า ให้ยกพลไปตั้งอยู่ที่ภูเขาทาโบร์ และเกณฑ์คนหนึ่งหมื่นคนจากเผ่านัฟทาลีและจากเผ่าเศบูลุน เราจะล่อสิเสรา แม่ทัพของกองทัพยาบิน พร้อมกับรถรบ และกองทหารของเขา ให้ออกมาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน และเราจะยกพวกเขาให้ตกอยู่ในกำมือของเจ้า”

บาราคจึงตอบเดโบราห์ว่า “ถ้าท่านไปกับข้า ข้าก็จะไป แต่ถ้าท่านไม่ไปกับข้า ข้าก็ไม่ไป”

เดโบราห์พูดว่า “ข้าจะไปกับท่านแน่ แต่บอกให้ท่านรู้ไว้ว่า ท่านจะไม่ได้รับเกียรติในทางที่ท่านจะไปนี้ เพราะพระยาห์เวห์จะทำให้สิเสราตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิง” แล้วเดโบราห์จึงลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช 10 บาราคได้รวบรวมพลจากเผ่าเศบูลุนและเผ่านัฟทาลีมาที่เคเดช เขารวบรวมได้ทั้งหมดหนึ่งหมื่นคนที่มาติดตามเขา และเดโบราห์ก็ไปกับเขาด้วย

11 มีชายคนหนึ่งชื่อเฮเบอร์ ชาวเคไนต์ เขาได้แยกตัวออกมาจากคนเคไนต์ แล้วมาตั้งค่ายอยู่ที่ต้นโอ๊กในศานันนิม ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเคเดช เคไนต์เป็นลูกหลานของโฮบับ และโฮบับเป็นพ่อตาของโมเสส 12 มีคนบอกสิเสราว่า บาราคลูกชายของอาบีโนอัม ได้ขึ้นไปที่ภูเขาทาโบร์ 13 สิเสราจึงรวบรวมรถรบเหล็กทั้งเก้าร้อยคันของเขาและทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขา เคลื่อนพลจากเมืองฮาโรเชท-ฮาโกยิม ไปที่แม่น้ำคีโชน

14 แล้วเดโบราห์พูดกับบาราคว่า “ลุกขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์จะทำให้สิเสราตกอยู่ในเงื้อมมือของท่าน พระยาห์เวห์นำหน้าท่านอย่างแน่นอน” ดังนั้นบาราคจึงลงมาจากภูเขาทาโบร์และมีทหารทั้งหมื่นคนติดตามเขาไป

15 ในขณะที่บาราคเข้าโจมตีนั้น พระยาห์เวห์ได้ทำให้ฝ่ายของสิเสรารวมทั้งรถรบและกองทัพของเขาสับสนวุ่นวายใต้คมดาบของบาราค สิเสราก็ลงจากรถรบวิ่งหนีไป 16 บาราคไล่ตามรถรบและกองทัพทั้งหลายของสิเสรา ไปจนถึงฮาโรเชท-ฮาโกยิม กองทัพทั้งหมดของสิเสราถูกฆ่าตายด้วยดาบ ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

17 ส่วนสิเสราได้วิ่งหนีไปที่เต็นท์ของยาเอล เมียของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะกษัตริย์ยาบินเมืองฮาโซร์เป็นพันธมิตรกับครอบครัวเฮเบอร์คนเคไนต์ 18 ยาเอลออกมาพบกับสิเสรา นางพูดกับเขาว่า “เชิญทางนี้เจ้านาย เชิญมาหาดิฉันทางนี้ ไม่ต้องกลัว” เขาจึงตรงเข้าไปหานาง เข้าไปที่เต็นท์ของนาง และนางก็เอาผ้าห่มคลุมตัวเขาไว้

19 จากนั้นสิเสราก็พูดกับยาเอลว่า “ขอน้ำให้ข้ากินหน่อย ข้าหิวน้ำ” ดังนั้นนางจึงเปิดถุงน้ำนมและให้เขาดื่ม และเอาผ้าคลุมเขาไว้ 20 เขาพูดกับนางว่า “ช่วยยืนเฝ้าที่ประตูเต็นท์หน่อย และถ้ามีใครถามว่า ‘มีใครอยู่ในนี้หรือเปล่า’ ให้บอกว่า ‘ไม่มี’”

21 แต่ยาเอลเมียของเฮเบอร์หยิบหมุดขึงเต็นท์กับค้อน แล้วค่อยๆย่องเข้าไปหาเขา และนางก็ตอกหมุดไปตรงขมับของเขา ทะลุติดดิน ในขณะที่เขากำลังหลับสนิท เพราะเหน็ดเหนื่อยมาก เขาจึงตาย 22 ทันใดนั้น บาราคที่กำลังไล่ล่าสิเสราก็มาถึง ยาเอลออกมาพบเขาและพูดกับเขาว่า “เข้ามาสิ แล้วฉันจะให้ท่านดูชายที่ท่านกำลังตามหาอยู่” เขาจึงเข้าไปในเต็นท์กับนาง และเห็นสิเสรานอนตายอยู่ที่นั่น มีหมุดปักเต็นท์ตอกอยู่ที่ขมับ

23 ดังนั้น ในวันนั้น พระเจ้าก็ได้พิชิตกษัตริย์ยาบินของคานาอันให้กับชาวอิสราเอล 24 ชาวอิสราเอลก็มีกำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆเหนือกษัตริย์ยาบินของคานาอัน จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ทำลายกษัตริย์ยาบินของคานาอันไป

บทเพลงของเดโบราห์

ในวันนั้น เดโบราห์และบาราคลูกชายอาบีโนอัมได้ร้องเพลงนี้

สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
    เพราะชาวอิสราเอลเป็นจำนวนมากได้อุทิศตัวอย่างเต็มที่
กองทัพได้อาสาสมัครเข้าร่วมรบ
ฟังให้ดี กษัตริย์ทั้งหลาย
    สนใจหน่อย ผู้ครอบครองทั้งหลาย
ข้าจะร้องเพลง
    ตัวข้าเองจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์
ข้าจะร้องเพลงไปกับเครื่องดนตรี
    ให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล

ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ออกมาจากเทือกเขาเสอีร์
    เมื่อพระองค์ย่างก้าวมาที่นี่จากแผ่นดินของเอโดม
แผ่นดินก็สั่นสะท้าน
    ท้องฟ้าก็เทฝนลงมา
    หมู่เมฆก็เทน้ำลงมา
ภูเขาต่างๆก็สั่นสะเทือน
    ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระผู้นั้นของซีนาย
ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล

ในสมัยของชัมการ์บุตรอานาท
    และในสมัยของยาเอล พวกขบวนคาราวานก็หยุดเดิน
    พวกคนเดินทางก็อ้อมไปใช้เส้นหลัง

คนชนบทก็หวาดกลัวที่จะออกไปทำสวนทำไร่
    ในอิสราเอล พวกเขาก็หลบอยู่แต่ในบ้านกัน
จนกระทั่งท่านมา เดโบราห์
    จนกระทั่งท่านมาเป็นเหมือนแม่ของอิสราเอล

เมื่อพระเจ้าเลือกพวกผู้นำคนใหม่ขึ้นมา[a]
    สงครามก็มาถึงประตูเมือง
ไม่มีโล่หรือหอกสักอันเดียว
    ในหมู่ทหารอิสราเอลสี่หมื่นคน

ข้ารู้สึกสำนึกในบุญคุณของพวกผู้นำอิสราเอล
    และคนเหล่านั้นที่อาสาไปออกรบ
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

10 พวกเจ้าชาวคะนาอันที่ขี่อยู่บนลาตัวเมียสีเหลืองอมแดงที่หายาก
    พวกเจ้าคนร่ำรวยที่นั่งอยู่บนอานทำจากพรมอันมีค่า[b]
    พวกเจ้าพ่อค้าที่เดินทางอยู่ตามถนนหลวง
    ให้ทบทวนและเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้
11 ให้ฟังคำพูดของคนเหล่านั้นที่แจกน้ำอยู่แถวบริเวณที่ตักน้ำ
    ที่นั่นพวกเขาบอกเล่าถึงชัยชนะทั้งหลายของพระยาห์เวห์
คือชัยชนะของชาวชนบทของพระองค์ในอิสราเอล
    แล้วกองทัพของพระยาห์เวห์ก็ลงไปโจมตีประตูเมืองของศัตรู

12 เดโบราห์ ลุย ลุย
    ลุย ลุย ร้องเพลงปลุกใจเถิด
ลุกขึ้น บาราคลูกของอาบีโนอัม
    ไปจับตัวพวกศัตรูของท่านเถิด

13 ดังนั้นคนที่หลงเหลืออยู่ก็ลงไปสู้รบกับทหารที่เก่งกาจ
    กองทัพของพระยาห์เวห์ก็ลงไปสู้รบกับพวกนักรบให้กับข้า

14 คนอิสราเอลจากเผ่าเอฟราอิมที่อาศัยอยู่ท่ามกลางคนอามาเลค[c] ก็มาด้วย
    เบนยามินเอ๋ย พวกเขาเดินตามหลังท่านและทหารของท่านมา
จากตระกูลมาคีร์ก็มีพวกผู้บังคับบัญชา[d] ลงมาช่วยรบด้วย
    จากเผ่าเศบูลุนก็มีพวกเจ้าหน้าที่มาด้วย
15 พวกหัวหน้าของเผ่าอิสสาคาร์ก็มาอยู่กับเดโบราห์
    กองทัพจากอิสสาคาร์สนับสนุนบาราค
    พวกเขาถูกส่งลงไปในหุบเขา ภายใต้คำสั่งของบาราค
พวกตระกูลแห่งเผ่ารูเบน
    ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ออกไปช่วยรบ
16 ทำไมท่านถึงได้นั่งอยู่ที่คอกแกะ
    และฟังเสียงปี่ที่เขาเป่าให้ฝูงแกะฟัง
พวกตระกูลของเผ่ารูเบน
    ต่อสู้ในใจว่าน่าจะออกไปช่วยรบแต่ไม่ไป
17 กิเลอาดก็พักอยู่ที่บ้านอีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน
    ส่วนดาน ทำไมเจ้าถึงได้รับจ้างทำงานอยู่บนเรือทั้งหลาย
ส่วนอาเชอร์ พวกเขายังคงอยู่ที่ฝั่งทะเล
    พักอยู่ที่บ้านตามท่าเรือของเขา

18 แต่คนของเศบูลุนและนัฟทาลี
    ได้เสี่ยงชีวิตสู้รบอยู่บนที่ราบที่ลดหลั่นลงมา
19 พวกกษัตริย์ก็มาสู้รบ
    คือพวกกษัตริย์ของคานาอัน
สู้รบที่ทาอานาค ข้างลำธารเมกิดโด
    แต่พวกเขาไม่ได้ปล้นเอาเงินไป
20 ดวงดาวต่อสู้จากฟากฟ้า
    จากเส้นทางของพวกมัน พวกมันได้ต่อสู้กับสิเสรา
21 แม่น้ำคีโชน แม่น้ำคีโชนอันเก่าแก่นั้น[e]
    ได้กวาดพวกสิเสราไปเสีย
    จิตใจข้าเอ๋ย มุ่งไปอย่างฮึกเหิม[f] เถิด
22 แล้วกีบม้าก็ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำนั้น
    ม้าอันทรงพลังของสิเสราก็ยกสองเท้าหน้าขึ้นตะกายฟ้าในสนามรบ

23 ทูต[g] ของพระยาห์เวห์พูดว่า “ให้สาปแช่งเมืองเมโรส
    ให้สาปแช่งอย่างขมขื่นต่อคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
เพราะพวกเขาไม่ได้มาช่วยพระยาห์เวห์
    ไม่ได้มาช่วยพระยาห์เวห์สู้รบกับพวกนักรบ
24 หญิงที่สมควรได้รับรางวัลมากที่สุดคือยาเอล
    นางเป็นเมียของเฮเบอร์ชาวเคไนต์
    ในพวกผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามเต็นท์นั้น
    นางสมควรได้รับรางวัลที่สุด
25 สิเสราขอน้ำดื่ม นางก็ให้นมกับเขา
    นางเอาโยเกิร์ตใส่ชามที่เหมาะสมกับพวกผู้นำให้กับเขา
26 นางเอื้อมมือซ้ายไปหยิบหมุดปักเต็นท์
    และมือขวาไปหยิบค้อน
นางตอกมันเข้าไปที่หัวของสิเสรา
    บี้หัวของเขาแตกเป็นชิ้นๆ
    นางตีทะลุขมับของเขาไป
27 เขาล้มลงที่เท้าของยาเอล
    เขานอนแผ่หลาอยู่
เขาล้มลงแทบเท้าของนาง
    เขาล้มลงตายที่นั่น

28 แม่ของสิเสรา มองลอดหน้าต่างออกไป
    นางมองผ่านช่องหน้าต่างแล้วร้องว่า
‘ทำไมรถรบของสิเสราถึงได้มาช้านัก
    ทำไมเสียงพวกรถม้าของเขาถึงได้ล่าช้านัก’

29 เพื่อนชั้นสูงที่ฉลาดที่สุดของนางก็ตอบไป
    และแม่ของสิเสราก็ตอบคำถามตัวเองไปว่า
30 ‘แน่นอน พวกเขากำลังค้นหาและแบ่งปันของที่ยึดได้กันอยู่
    นักรบแต่ละคนกำลังจับหญิงคนสองคนมาข่มขืน
พวกของที่ยึดได้นั้น มีทั้งผ้าย้อมสีเป็นของสิเสรา
    และผ้าที่ปักลวดลายทั้งสองหน้า’

31 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้ศัตรูของพระองค์ถูกทำลายอย่างนี้ทุกคน
    แต่ขอให้พวกเพื่อนๆของพระองค์ เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ตอนที่มันโผล่ขึ้นอย่างเต็มพลังของมัน”

และแผ่นดินก็สงบสุขเป็นเวลาสี่สิบปี

ชาวมีเดียนต่อสู้กับชาวอิสราเอล

ชาวอิสราเอลได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์อีก และพระยาห์เวห์ก็ปล่อยให้พวกเขาตกไปอยู่ในกำมือของชาวมีเดียนอยู่เจ็ดปี ชาวมีเดียนมีกำลังมากกว่าชาวอิสราเอล ชาวมีเดียนทำให้ชาวอิสราเอลต้องไปหาที่หลบซ่อนอยู่ตามซอกเขา ตามภูเขา ตามพวกถ้ำ และตามที่เร้นลับ เมื่อไหร่ก็ตามที่ชาวอิสราเอลปลูกพืชผล ชาวมีเดียน ชาวอามาเลค หรือแม้แต่คนทางตะวันออกก็จะมาโจมตีคนอิสราเอล

พวกเขาจะมาตั้งค่ายอยู่บนแผ่นดินของชาวอิสราเอล และพวกเขาก็จะทำลายพืชผลตลอดทางไปจนถึงเมืองกาซา พวกเขาจะไม่เหลืออาหารไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นแกะ วัว หรือลา เพราะพวกเขาจะบุกมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง และครอบครัวของเขา พวกเขาจะมากันมากมายมหาศาลเหมือนฝูงตั๊กแตน นับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นคนหรืออูฐ พวกเขาจะบุกเข้ามาในแผ่นดินและทำลายมันจนหมดสิ้น

ชาวอิสราเอลจึงยากจนข้นแค้นเพราะชาวมีเดียน ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ [h] มีอยู่ครั้งหนึ่ง ชาวอิสราเอลได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ เพราะคนมีเดียน พระยาห์เวห์ได้ส่งผู้พูดแทนพระเจ้ามาให้กับคนอิสราเอล และเขาพูดกับคนอิสราเอลว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘เราเองได้พาเจ้าออกมาจากอียิปต์ และนำเจ้าออกมาจากการเป็นทาส เราได้ช่วยให้เจ้าพ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ และพ้นจากพวกที่กดขี่ข่มเหงเจ้าที่อยู่ที่นี่ และเราก็ได้ขับไล่พวกเขาไปต่อหน้าเจ้า และยกแผ่นดินของพวกเขาให้กับเจ้า’ 10 เราได้บอกกับเจ้าว่า ‘เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ยำเกรงพวกพระต่างๆของคนอาโมไรต์ เจ้าของแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่นี้ แต่เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อฟังเรา’”

ทูตของพระยาห์เวห์มาหากิเดโอน

11 ในเวลานั้น ทูตของพระยาห์เวห์ก็ได้มา และมานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊กที่โอฟราห์ ซึ่งเป็นของโยอาช ที่มาจากตระกูลอาบีเยเซอร์ ขณะนั้นลูกชายของโยอาช คือกิเดโอน กำลังนวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่น เพื่อไม่ให้มันตกเป็นของชาวมีเดียน 12 ทูตของพระยาห์เวห์ได้มาปรากฏตัวต่อกิเดโอน และพูดกับเขาว่า “นักรบผู้กล้าหาญ พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับท่าน”

13 กิเดโอนตอบเขาว่า “ขอโทษทีเจ้านาย ถ้าพระยาห์เวห์อยู่กับพวกเรา ทำไมถึงได้เกิดเรื่องพวกนี้กับพวกเราด้วย แล้วสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์เคยทำ ที่บรรพบุรุษได้เล่าให้พวกเราฟัง หายไปไหนหมดแล้ว ไม่ใช่พระยาห์เวห์หรอกหรือ ที่นำพวกเราออกมาจากอียิปต์ แต่ตอนนี้พระองค์ได้ทอดทิ้งพวกเราเสียแล้ว และให้พวกเราตกไปอยู่ในกำมือของชาวมีเดียน”

14 แล้วพระยาห์เวห์ก็หันมาพูดกับเขาว่า “ไปสิ ไปช่วยชาวอิสราเอลด้วยกำลังที่เจ้ามีอยู่ ไปช่วยพวกเขาให้พ้นจากกำมือของชาวมีเดียน เรากำลังส่งเจ้าไป”

15 แล้วกิเดโอนก็พูดกับพระองค์ว่า “ขอโทษทีเถิดท่าน แล้วข้าพเจ้าจะไปช่วยคนอิสราเอลได้ยังไง ดูสิ ตระกูลของข้าพเจ้าก็อ่อนแอที่สุดในเผ่ามนัสเสห์ และข้าพเจ้าก็เป็นคนที่กระจอกที่สุดในครอบครัวของข้าพเจ้า”

16 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับเขาว่า “แต่เราจะอยู่กับเจ้า และเจ้าจะรบชนะชาวมีเดียนทั้งหมด เหมือนรบกับคนๆเดียว”

17 แล้วกิเดโอนก็พูดกับพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้าแล้วละก็ ช่วยทำอะไรสักอย่าง เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าเป็นพระองค์จริงๆที่พูดกับข้าพเจ้า 18 อย่าเพิ่งไปไหนนะ จนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา ข้าพเจ้าจะไปเอาเครื่องถวายมาตั้งต่อหน้าพระองค์”

พระองค์พูดว่า “เราจะอยู่ที่นี่ จนกว่าเจ้าจะกลับมา”

19 ดังนั้นกิเดโอนจึงกลับบ้าน และไปเตรียมลูกแพะตัวหนึ่ง และทำขนมปังไร้เชื้อจากแป้งสาลียี่สิบสองลิตร เขาเอาเนื้อใส่ตะกร้า เอาน้ำซุปใส่หม้อ และเขาก็เอาของพวกนี้ไปให้กับพระองค์ที่ใต้ต้นโอ๊ก 20 จากนั้นทูตของพระยาห์เวห์ก็พูดกับเขาว่า “เอาเนื้อและขนมปังไร้เชื้อวางไว้บนก้อนหินนี้ แล้วเทน้ำซุปลงไปบนของพวกนั้น” กิเดโอนก็ทำตาม

21 ทูตของพระยาห์เวห์ ก็ยื่นปลายไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือ ไปแตะต้องเนื้อและขนมปังนั้น ไฟก็ลุกขึ้นมาจากก้อนหิน เผาเนื้อและขนมปังจนหมด จากนั้นทูตของพระยาห์เวห์ก็หายวับไป 22 กิเดโอนถึงได้รู้ว่าเขาเป็นทูตของพระยาห์เวห์ กิเดโอนจึงร้องออกมาว่า “แย่แล้ว พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นทูตของพระยาห์เวห์ต่อหน้าต่อตา”

23 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดว่า “สงบสติเถิด ไม่ต้องกลัว เจ้าจะไม่ตายหรอก”

24 กิเดโอนจึงสร้างแท่นบูชาขึ้นมาให้กับพระยาห์เวห์ที่นั่น และตั้งชื่อว่า “พระยาห์เวห์คือความสงบ” จนถึงวันนี้แท่นนั้นก็ยังอยู่ที่โอฟราห์ ซึ่งเป็นของตระกูลอาบีเยเซอร์

กิเดโอนทำลายแท่นของพระบาอัล

25 ในคืนนั้นพระยาห์เวห์พูดกับกิเดโอนว่า “ไปเอาวัวตัวผู้ของพ่อเจ้าคือตัวที่สองที่มีอายุเจ็ดปีนั้น แล้วเอาไปรื้อแท่นพระบาอัลที่เป็นของพ่อเจ้าและให้โค่นเสาพระอาเชราห์[i] ที่อยู่ข้างๆแท่นนั้นด้วย 26 จากนั้นให้สร้างแท่นบูชาสำหรับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า ไว้บนที่สูงนี้ และเอาวัวตัวที่สองนั้น ถวายเป็นเครื่องเผาบูชา ให้เอาไม้อาเชราห์ที่เจ้าจะโค่นลงมานั้นเป็นฟืน” 27 กิเดโอนก็เอาคนใช้ชายของเขามาสิบคน และทำตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกเขาไว้ แต่เพราะเขากลัวคนในครอบครัวของเขาและชาวเมือง เขาเลยไม่กล้าทำในตอนกลางวัน จึงแอบทำในตอนกลางคืน

28 วันรุ่งขึ้น เมื่อชาวเมืองตื่นขึ้นมา พวกเขาก็เห็นแท่นพระบาอัลถูกรื้อ และเสาไม้อาเชราห์ที่อยู่ข้างๆก็ถูกโค่น และมีวัวตัวผู้ตัวที่สองนั้นถูกเผาอยู่บนแท่นบูชาที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ 29 พวกเขาจึงพูดกันว่า “ใครเป็นคนทำอย่างนี้” หลังจากการค้นหาและสอบถาม มีคนบอกพวกเขาว่า “กิเดโอนลูกชายของโยอาชเป็นคนทำ”

30 ชาวเมืองจึงพูดกับโยอาชว่า “เอาตัวลูกชายเจ้าออกมา มันจะต้องตาย เพราะมันไปรื้อแท่นบูชาพระบาอัล และโค่นเสาไม้อาเชราห์ที่อยู่ข้างๆนั้น”

31 แล้วโยอาชพูดกับคนทั้งหมดที่ยืนล้อมรอบเขาว่า “พวกท่านจะฟ้องร้องแทนพระบาอัลหรือ พวกท่านจะช่วยชีวิตพระบาอัลหรือ ใครก็ตามที่ฟ้องร้องให้กับพระบาอัล จะถูกฆ่าก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ ถ้าพระบาอัลเป็นพระเจ้าจริง ก็ให้พระบาอัลฟ้องร้องเอาเองเถอะ เพราะมีคนไปรื้อแท่นบูชาของเขา”

32 วันนั้นโยอาชจึงตั้งชื่อใหม่ให้กิเดโอนว่า “เยรุบบาอัล”[j] เพราะเขาพูดว่า “ให้พระบาอัลฟ้องร้องเพราะกิเดโอนได้รื้อแท่นบูชาของเขาลง”

กิเดโอนรบชนะชาวมีเดียน

33 เมื่อชาวมีเดียน ชาวอามาเลค และชาวตะวันออกรวมตัวกัน ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขายิสเรเอล 34 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้มาสวมทับกิเดโอน และเขาได้เป่าแตรเพื่อเรียกคนในตระกูลอาบีเยเซอร์ให้มาติดตามเขา 35 เขาได้ส่งพวกผู้ส่งข่าวไปทั่วเผ่ามนัสเสห์ เรียกให้คนในเผ่านี้มาติดตามเขา และเขาก็ยังส่งพวกผู้ส่งข่าวไปยังเผ่าอาเชอร์ เศบูลุน และนัฟทาลี และพวกนี้ก็ได้ขึ้นมาหากิเดโอนและคนของเขา

36 กิเดโอนพูดกับพระเจ้าว่า “ถ้ามันเป็นจริง ที่ว่าพระองค์จะช่วยกู้คนอิสราเอล ผ่านทางมือของข้าพเจ้าตามที่พระองค์บอกแล้วละก็ 37 ดูสิ ข้าพเจ้าได้วางขนแกะไว้บนลานนวดข้าว ถ้ามีน้ำค้างเปียกชุ่มแค่บนขนแกะเท่านั้น และพื้นดินส่วนอื่นๆแห้งหมด ข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าพระองค์จะช่วยเหลือคนอิสราเอล ผ่านทางมือข้าพเจ้า ตามที่พระองค์ได้พูดไว้”

38 และมันก็เกิดขึ้นตามนั้นทุกอย่าง วันต่อมาเมื่อกิเดโอนตื่นขึ้นแต่เช้ามืด เขาบีบขนแกะ ก็ได้น้ำค้างมาเต็มชาม 39 จากนั้นกิเดโอนพูดกับพระเจ้าว่า “อย่าโกรธข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าขอพูดอีกครั้ง ขอให้ข้าพเจ้าได้ลองกับขนแกะอีกสักครั้ง คราวนี้ขอให้ขนแกะแห้ง พื้นดินส่วนอื่นๆเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง” 40 ในคืนนั้นพระเจ้าก็ทำตามนั้น คือให้ขนแกะแห้งและพื้นดินเปียกไปด้วยน้ำค้าง

ลูกา 4:31-44

พระเยซูรักษาชายคนหนึ่งที่ถูกผีสิง

(มก. 1:21-28)

31 พระเยซูไปเมืองคาเปอรนาอุมในแคว้นกาลิลี และพระองค์สั่งสอนประชาชนในวันหยุดทางศาสนา 32 พวกเขาต่างก็ทึ่งในคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์สอนอย่างคนที่มีสิทธิอำนาจ 33 ในที่ประชุมนั้นมีชายคนหนึ่งถูกผีชั่วสิงอยู่ร้องตะโกนว่า 34 “อย่ามายุ่งกับเราเยซูชาวนาซาเร็ธ มายุ่งกับพวกเราทำไม จะมาทำลายพวกเราหรือ เรารู้นะว่าท่านเป็นใคร ท่านเป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” 35 พระเยซูจึงด่ามันว่า “หุบปาก ออกมาซะเดี๋ยวนี้” แล้วผีชั่วก็ทำให้ชายคนนั้นล้มลงต่อหน้าคนทั้งปวง และมันก็ออกจากร่างไป ไม่ได้ทำอันตรายอะไรเขาเลย

36 ทุกคนประหลาดใจมาก พูดกันว่า “นี่เป็นคำสอนแบบไหนกัน เขาสั่งผีชั่วด้วยฤทธิ์เดช แล้วมันก็ออกไป” 37 แล้วข่าวเกี่ยวกับพระเยซูก็แพร่กระจายออกไปจนทั่วแถบนั้น

พระเยซูรักษาแม่ยายซีโมน

(มธ. 8:14-17; มก. 1:29-34)

38 พระเยซูออกจากที่ประชุมชาวยิวและเข้าไปในบ้านของซีโมน[a] แม่ยายของซีโมนกำลังป่วยมีไข้สูงมาก พวกเขาขอร้องให้พระเยซูช่วยรักษานาง 39 พระเยซูจึงมายืนอยู่ข้างนางและสั่งให้ไข้ออกจากตัวนาง นางก็หายไข้ทันที แล้วลุกขึ้นมาดูแลรับใช้พระเยซูกับศิษย์ของพระองค์

พระเยซูรักษาคนอื่นๆมากมาย

40 เมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดิน มีชาวบ้านจำนวนมากนำคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคต่างๆมาหาพระเยซู พระองค์วางมือรักษาพวกเขาจนหายหมด 41 พวกผีชั่วก็ออกจากคนเหล่านั้น และร้องว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ก็ห้ามพวกมันไม่ให้พูด เพราะพวกมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสต์

พระเยซูไปเมืองอื่น

(มก. 1:35-39)

42 ตอนรุ่งเช้าพระองค์ไปในที่ที่เงียบสงบ แต่พวกชาวบ้านก็ออกตามหาพระองค์จนพบ และไม่ยอมให้พระองค์ไปจากพวกเขา 43 แต่พระองค์พูดว่า “เราจะต้องไปประกาศข่าวดีเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้าให้กับเมืองอื่นๆด้วย เพราะเราถูกส่งมาให้ทำงานนี้”

44 แล้วพระองค์ก็ประกาศสั่งสอนในที่ประชุมหลายแห่งในแคว้นยูเดีย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International