Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยชูวา 1-3

พระยาห์เวห์เลือกโยชูวา

หลังจากที่โมเสส ผู้รับใช้ของพระเจ้าตายไป พระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวา[a] ผู้เป็นลูกชายของนูน และเป็นผู้ช่วยของโมเสสว่า “โมเสสผู้รับใช้ของเราได้ตายไปแล้ว ตอนนี้ ให้เจ้าและคนพวกนี้ทั้งหมดลุกขึ้น และข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยังแผ่นดินที่เรากำลังยกให้กับพวกเขา คือชาวอิสราเอล ทุกๆที่ที่พวกเจ้าย่างก้าวเข้าไป เราได้ยกให้กับพวกเจ้าแล้ว ตามที่เราได้สัญญาไว้กับโมเสส ดินแดนทั้งหมดนี้จะเป็นของพวกเจ้า คือตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งและเลบานอนนี้ ไกลไปจนถึงแม่น้ำสายใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส รวมถึงดินแดนทั้งหมดของชาวฮิตไทต์ และต่อไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางทิศตะวันตก ตลอดชีวิตของเจ้าจะไม่มีใครสามารถขัดขวางเจ้าได้ เราจะอยู่กับเจ้าเหมือนกับที่เราอยู่กับโมเสส เราจะไม่ละทิ้งเจ้าหรือจากเจ้าไป

โยชูวาให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ เพราะเจ้าจะเป็นผู้นำคนพวกนี้ให้เข้าไปครอบครองแผ่นดินนั้น ที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ว่าจะยกให้กับพวกเขา ขอเพียงแต่ให้เจ้าเข้มแข็งและกล้าหาญไว้ และให้ทำตามคำสั่งสอนทั้งหมดอย่างเคร่งครัด คือคำสั่งที่โมเสสผู้รับใช้ของเราได้สั่งเจ้าไว้ เจ้าต้องไม่หันซ้ายหันขวาไปจากคำสอนนั้น เพื่อเจ้าจะได้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่เจ้าทำ เจ้าต้องไม่หยุดพูดถึงกฎในหนังสือเล่มนี้ และเจ้าต้องไตร่ตรองมันทั้งวันทั้งคืน เพื่อเจ้าจะได้ทำตามสิ่งที่ได้เขียนไว้ในกฎนั้นอย่างเคร่งครัด แล้วเจ้าจะได้เจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ อย่าลืมว่าเราได้สั่งเจ้าให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ อย่าได้หวาดกลัวหรือท้อถอย เพราะเรา ยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า จะอยู่กับเจ้าในทุกที่ที่เจ้าไป”

โยชูวาสั่งการ

10 แล้วโยชูวาได้สั่งพวกผู้นำของประชาชนว่า 11 “ให้เข้าไปในค่ายและสั่งกับประชาชนว่า ‘เตรียมเสบียงอาหารสำหรับตัวเอง เพราะในอีกสามวัน พวกเราจะข้ามแม่น้ำจอร์แดน เพื่อเข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรากำลังยกให้กับเรา’”

12 แล้วโยชูวาพูดกับคนเผ่ารูเบน คนเผ่ากาด และคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งว่า 13 “อย่าลืมสิ่งที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ ได้พูดไว้กับพวกท่าน ที่ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน จะยกแผ่นดินนี้ให้เป็นที่อยู่อันสงบปลอดภัยสำหรับพวกท่าน’ 14 พวกเมียๆและลูกๆของท่านรวมทั้งสัตว์เลี้ยงต่างๆจะอยู่ในดินแดนฝั่งนี้ของแม่น้ำจอร์แดนที่โมเสสได้ยกให้กับท่าน แต่พวกนักรบทั้งหมดของท่านจะถืออาวุธพร้อมมือ เป็นทัพหน้า นำพี่น้องข้ามไปฝั่งโน้น พวกท่านต้องช่วยพี่น้องของท่าน 15 จนกว่าพระยาห์เวห์จะให้ที่อยู่อันสงบปลอดภัยกับพวกเขา เหมือนกับที่พระองค์ให้กับท่าน และจนกว่าพวกเขาจะได้ครอบครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังยกให้กับพวกเขา เมื่อนั้นท่านถึงจะกลับไปยังดินแดนที่ท่านได้ครอบครองไว้แล้ว คือดินแดนที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้ยกให้กับท่าน เป็นดินแดนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนทางทิศตะวันออก”

16 พวกเขาตอบโยชูวาว่า “พวกเราจะทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่าง และไม่ว่าท่านจะให้เราไปที่ไหน เราก็จะไปที่นั่น 17 พวกเราเคยเชื่อฟังโมเสสยังไง ก็จะเชื่อฟังท่านอย่างนั้นด้วย ขอเพียงแต่ให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านเหมือนกับที่พระองค์อยู่กับโมเสส 18 ใครก็ตามที่ขัดขืนคำสั่งท่าน และไม่ยอมเชื่อฟังทุกสิ่งที่ท่านสั่ง คนๆนั้นจะต้องถูกฆ่าตาย ขอเพียงแต่ให้ท่านเข้มแข็งและกล้าหาญไว้”

การสอดแนมเมืองเยริโค

ต่อมาโยชูวาลูกชายของนูน จึงแอบส่งชายสองคน ที่เป็นชาวเมืองชิทธิม[b] เข้าไปสอดแนม พร้อมกำชับว่า “เข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้นให้ทั่ว โดยเฉพาะเมืองเยริโค”

แล้วสองคนนั้นก็ไป และได้เข้าไปในบ้านของหญิงโสเภณีชื่อราหับ และค้างคืนที่นั่น

มีคนไปแจ้งกับกษัตริย์เมืองเยริโคว่า “มีชายอิสราเอลบางคนได้เข้ามาในเมืองคืนนี้ เพื่อสอดแนมแผ่นดินนี้”

กษัตริย์เมืองเยริโคได้ส่งข้อความนี้ไปถึงราหับว่า “ให้ส่งชายพวกนั้นที่มาหาเจ้าที่อยู่บ้านเจ้าออกมา เพราะพวกมันมาสอดแนมแผ่นดินนี้”

แต่ราหับได้พาชายสองคนนั้นเข้าไปข้างใน และซ่อนพวกเขาไว้ นางพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ชายพวกนั้นได้มาหาฉันจริง แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน และในตอนกลางคืนเมื่อถึงเวลาปิดประตูเมือง พวกเขาก็ออกไป ฉันไม่รู้ว่าชายพวกนั้นไปไหนกัน รีบๆตามพวกเขาไปเถอะ อาจจะไปทันจับพวกเขาก็ได้” (นางได้พาชายทั้งสองขึ้นไปบนดาดฟ้า และให้ซ่อนอยู่ใต้ต้นป่าน[c] ที่นางได้ตัดเอามาตากเรียงกันไว้บนดาดฟ้านั้น)

ดังนั้น พวกคนของกษัตริย์แห่งเยริโคก็ได้ไปไล่ตามคนสอดแนมชาวอิสราเอลสองคนนั้นตามถนน จนไปถึงบริเวณที่ตื้นเขินของแม่น้ำจอร์แดนที่สามารถลุยข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ เมื่อพวกคนที่ไล่ล่าออกไป ประตูเมืองก็ปิดลงทันที

ก่อนที่ชายชาวอิสราเอลสองคนนั้นจะนอน นางราหับได้ขึ้นไปหาพวกเขาที่บนดาดฟ้า นางพูดกับพวกเขาว่า “ฉันรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ยกแผ่นดินนี้ให้กับพวกท่าน พวกเราต่างก็พากันหวาดกลัวท่าน และทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินต่างก็อ่อนปวกเปียกไปเพราะพวกท่าน 10 เพราะพวกเราเคยได้ยินมาว่า ตอนที่พวกท่านออกมาจากประเทศอียิปต์นั้น พระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำในทะเลแดงเหือดแห้งไปต่อหน้าพวกท่าน[d] และได้ยินเรื่องที่พวกท่านได้ทำต่อกษัตริย์สององค์ของชาวอาโมไรต์คือ กษัตริย์สิโหนและกษัตริย์โอก[e] ที่พวกท่านได้ทำลายจนราบคาบ ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนโน้น 11 เมื่อพวกเราได้ยินข่าวพวกนี้ พวกเราต่างก็ขวัญหนีดีฝ่อ ไม่มีความกล้าหลงเหลืออยู่ในพวกเราเลยสักคน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านองค์นี้นี่แหละที่เป็นพระเจ้าในสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินโลกเบื้องล่าง 12 ดังนั้นตอนนี้ให้สาบานกับฉันต่อหน้าพระยาห์เวห์ว่า พวกท่านจะมีน้ำใจต่อครอบครัวของฉันอย่างที่ฉันมีน้ำใจต่อพวกท่าน ขอให้ปฏิญาณกับฉันว่า 13 พวกท่านจะไว้ชีวิต พ่อแม่ พี่น้องทั้งหลายของฉัน รวมทั้งทุกคนที่เป็นของพวกเขา และช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากความตายด้วย”

14 ชายทั้งสองนั้นได้ตอบนางว่า “ขอให้พระเจ้าฆ่าพวกเรา ถ้ามีคนหนึ่งในพวกท่านเป็นอะไรไป ถ้าท่านไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เราจะเมตตาและซื่อสัตย์กับท่านตอนที่พระเจ้ามอบแผ่นดินนี้ให้กับพวกเรา”

15 ดังนั้น นางจึงหย่อนทั้งสองลงทางหน้าต่าง เพราะบ้านของนางชิดกับกำแพงเมืองและตัวนางก็อาศัยอยู่ที่ตรงกำแพงเมืองนั้น 16 นางได้บอกกับพวกเขาว่า “ไปหลบอยู่ที่แถบเนินเขาก่อน เพื่อคนที่กษัตริย์ส่งมาค้นหาพวกท่านจะได้หาไม่เจอ ให้ซ่อนอยู่ที่นั่นสามวัน จนกว่าพวกที่ไล่ล่ากลับเข้ามาในเมือง หลังจากนั้น พวกท่านถึงค่อยเดินทางต่อ”

17 ชายทั้งสองนั้นได้พูดกับนางว่า “เราจะไม่รับผิดชอบต่อคำสาบานที่ท่านให้เราทำนี้ หากท่านไม่ทำตามนี้ คือ 18 เมื่อพวกเรายกเข้ามาในเมือง ให้ท่านเอาเชือกแดงนี้ผูกไว้ที่หน้าต่างที่ท่านหย่อนเราลงมา และให้ท่านรวบรวม พ่อแม่ พี่น้อง และครอบครัวทั้งหมดของท่านมาไว้ในบ้านท่าน 19 คนที่ออกจากประตูบ้านท่านไปอยู่ตามท้องถนน เขาต้องรับผิดชอบต่อการตายของเขาเอง พวกเราจะไม่มีความผิดด้วย แต่ถ้าใครถูกทำร้ายในบ้านหลังนี้ พวกเราจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความตายของคนๆนั้นเอง 20 แต่ถ้าท่านไปบอกเรื่องของเราให้คนอื่นรู้ เราก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อคำสาบานที่ท่านให้เราทำนี้”

21 นางราหับพูดตอบว่า “ตกลงตามที่ท่านพูด” แล้วนางก็ส่งพวกเขาจากไป และเอาเชือกแดงผูกไว้ที่หน้าต่าง

22 ส่วนชายทั้งสองนั้น เมื่อออกจากบ้านของนางราหับแล้ว ก็ตรงไปยังแถบเนินเขา พวกเขาได้หลบซ่อนอยู่ที่นั่นสามวัน ขณะที่พวกไล่ล่าของกษัตริย์ค้นหาพวกเขาตามถนนหนทาง แต่ก็ไม่พบ จนต้องกลับเข้าเมืองไป 23 ชายสองคนนั้นจึงกลับลงมาจากเนินเขา และข้ามแม่น้ำจอร์แดนกลับไปหาโยชูวาลูกชายของนูน และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพวกเขาให้โยชูวาฟัง 24 พวกเขาได้พูดกับโยชูวาว่า “พระยาห์เวห์ได้ยกแผ่นดินทั้งหมดนั้นให้กับพวกเราแน่ ยิ่งกว่านั้นผู้คนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ล้วนหวาดกลัวพวกเราเป็นอย่างมาก”

สิ่งมหัศจรรย์ที่แม่น้ำจอร์แดน

เช้าตรู่วันต่อมา โยชูวา กับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ลุกขึ้น และเคลื่อนย้ายออกจากเมืองชิทธิม[f] มาที่แม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ตั้งค่ายอยู่ที่นั่นก่อนที่จะข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ หลังจากผ่านไปสามวัน พวกผู้นำก็ไปทั่วค่าย และสั่งประชาชนทั้งหมดว่า “เมื่อพวกท่านเห็นพวกนักบวชชาวเลวี แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ก็ให้พวกท่านเคลื่อนย้ายออกจากที่นี่และติดตามไป โดยให้ทิ้งระยะห่างของท่านกับหีบประมาณสองพันศอก อย่าเข้าใกล้หีบของพระเจ้ามากไปกว่านี้ แต่ให้คอยติดตามไปเพื่อจะได้รู้ว่าจะไปทางไหน เพราะพวกท่านไม่เคยใช้เส้นทางนี้มาก่อน”

โยชูวาพูดกับประชาชนทั้งหลายว่า “ชำระตัวของพวกท่านให้บริสุทธิ์ เพราะพรุ่งนี้พระยาห์เวห์จะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆท่ามกลางพวกท่าน”

โยชูวาสั่งพวกนักบวชว่า “ให้ยกหีบที่เก็บข้อตกลง และเดินนำประชาชนข้ามแม่น้ำไป” พวกนักบวชจึงได้ยกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้น และเดินนำหน้าประชาชนไป

พระยาห์เวห์พูดกับโยชูวาว่า “วันนี้ เราจะเริ่มยกย่องเจ้าต่อหน้าสายตาของชาวอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า เราอยู่กับเจ้าเหมือนกับที่เราอยู่กับโมเสส ให้เจ้าสั่งพวกนักบวชที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงนั้นว่า ‘เมื่อพวกท่านมาถึงริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน ให้หยุดยืนอยู่ในน้ำที่ริมฝั่งนั้น’”

โยชูวาพูดกับพวกชาวอิสราเอลว่า “ท่านทั้งหลาย เข้ามาฟังคำพูดของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน” 10 แล้วโยชูวาพูดต่อไปอีกว่า “เรื่องนี้จะทำให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าที่มีชีวิตได้อยู่ท่ามกลางพวกท่าน และพระองค์จะขับไล่ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวเกอร์กาชี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุส ออกไปอย่างแน่นอน 11 บัดนี้ หีบที่เก็บข้อตกลงขององค์เจ้าชีวิตแห่งสากลโลก จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปข้างหน้าพวกท่าน 12 ตอนนี้ ให้คัดเลือกชาวอิสราเอลมาสิบสองคนจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เผ่าละหนึ่งคน 13 เมื่อพวกนักบวช ผู้ทำหน้าที่แบกหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้เป็นเจ้าของโลกทั้งหมด ก้าวเท้าลงไปในแม่น้ำจอร์แดน น้ำในแม่น้ำที่กำลังไหลลงมานั้นจะถูกตัดขาดเหมือนกับมีเขื่อนกั้นน้ำไว้”

14 เมื่อประชาชนเคลื่อนย้ายออกจากค่ายเพื่อข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกนักบวชที่เป็นผู้แบกหีบที่เก็บข้อตกลงก็เดินนำหน้าพวกเขาไป 15 (น้ำในแม่น้ำจอร์แดนล้นตลิ่งเสมอในฤดูเก็บเกี่ยว) แต่ทันทีที่พวกนักบวชผู้ทำหน้าที่แบกหีบนั้นมาถึงแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ก้าวลงไปในน้ำ 16 น้ำที่ไหลลงมาจากข้างบนก็หยุดไหลและกองสูงขึ้นราวกับน้ำที่อยู่หลังเขื่อนตรงเมืองอาดัมที่ตั้งอยู่ข้างๆเมืองศาเรธาน ส่วนน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลอาราบาห์ (ทะเลตาย) นั้นก็ถูกตัดขาดจนเกลี้ยง แล้วประชาชนก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองเยริโคไป 17 พวกนักบวชที่ถือหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ต่างก็ยืนอยู่บนพื้นแห้งกลางแม่น้ำจอร์แดน จนชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปจนหมดสิ้น

มาระโก 16

พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย

(มธ. 28:1-8; ลก. 24:1-12; ยน. 20:1-10)

16 หลังจากวันหยุดทางศาสนาผ่านพ้นไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา สะโลเม และมารีย์แม่ของยากอบ ก็ซื้อเครื่องหอมเพื่อจะเอาไปอาบศพพระเยซู เช้าตรู่วันอาทิตย์[a] ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น พวกเขาก็พากันไปที่อุโมงค์ฝังศพ ในระหว่างทางพวกเขาคุยกันว่า “แล้วใครจะกลิ้งหินใหญ่ที่ปิดปากอุโมงค์ออกให้เราล่ะ”

เมื่อมาถึง พวกเขามองไปที่อุโมงค์ และเห็นหินก้อนใหญ่มากนั้นถูกกลิ้งออกไปแล้ว พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์กันและเห็นชายหนุ่ม[b] คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ข้างขวา พวกเขาก็สะดุ้งตกใจ

ชายหนุ่มคนนั้นพูดว่า “ไม่ต้องตกใจ พวกคุณมองหาเยซู ชาวนาซาเร็ธที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนหรือ พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว ตรงนี้ไงที่เขาวางศพของพระองค์ ไปบอกพวกศิษย์ของพระองค์และเปโตรด้วยว่า ‘พระองค์ล่วงหน้าไปที่แคว้นกาลิลีก่อนแล้ว พวกคุณจะพบพระองค์ที่นั่นเหมือนกับที่พระองค์ได้บอกไว้แล้ว’”

พวกเขาจึงรีบวิ่งไปจากอุโมงค์นั้นด้วยความงุนงงและสั่นเทิ้มไปทั้งตัว พวกเขากลัวมากจนไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง[c]

พระเยซูปรากฏให้นางมารีย์ชาวมักดาลาเห็น

(มธ. 28:9-10; ยน. 20:11-18)

เช้าตรู่ของวันอาทิตย์นั้น หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คนแรกที่พระองค์ได้ปรากฏตัวให้เห็นคือมารีย์ชาวมักดาลา คนที่พระองค์เคยขับผีชั่วเจ็ดตนออกให้ 10 แล้วนางไปบอกให้พวกศิษย์ของพระองค์ฟังขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้เศร้าโศกเสียใจกันอยู่ 11 แต่เมื่อนางบอกว่าพระองค์ฟื้นขึ้นมาแล้วและนางได้เห็นพระองค์ พวกเขากลับไม่เชื่อที่นางบอก

พระเยซูปรากฏตัวให้ศิษย์สองคนเห็น

(ลก. 24:13-35)

12 หลังจากนั้นพระเยซูได้มาปรากฏตัวในอีกรูปแบบหนึ่งให้ศิษย์สองคนเห็น ในขณะที่พวกเขาเดินทางออกไปที่ชานเมือง 13 แล้วพวกเขาก็รีบกลับมาบอกพวกที่เหลือ แต่พวกนั้นไม่ยอมเชื่อ

พระเยซูปรากฏกับศิษย์สิบเอ็ดคน

(มธ. 28:16-20; ลก. 24:36-49; ยน. 20:19-23; กจ. 1:6-8)

14 ในเวลาต่อมาพระเยซูได้มาปรากฏตัวให้ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนเห็น ในขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารกันอยู่ พระองค์ต่อว่าพวกเขาว่าเป็นคนดื้อดึงที่ไม่ยอมเชื่อคนพวกนั้นที่ได้เห็นพระองค์หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว

15 พระองค์บอกกับพวกเขาว่า “ให้ออกไปทั่วโลกและประกาศข่าวดีนี้ให้กับทุกคนในทุกแห่ง 16 ทุกคนที่เชื่อและเข้าพิธีจุ่มน้ำก็จะรอด แต่ทุกคนที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ 17 คนที่เชื่อจะมีฤทธิ์ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ คือจะไล่ผีชั่วออกได้โดยอ้างชื่อของเรา จะพูดภาษาแปลกๆได้ จะจับงูได้ด้วยมือเปล่า 18 หรือถ้าดื่มยาพิษเข้าไป ก็จะไม่เป็นอันตรายเลย และพวกเขาจะสามารถวางมือบนคนป่วยแล้วทำให้พวกคนป่วยหายได้”

พระเยซูถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์

(ลก. 24:50-53; กจ. 1:9-11)

19 หลังจากที่องค์พระเยซูเจ้าพูดกับพวกเขาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ และนั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า 20 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกศิษย์ได้ออกไปประกาศทุกหนทุกแห่ง องค์เจ้าชีวิตได้ทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย และให้ฤทธิ์อำนาจกับพวกเขาที่จะทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆได้ เพื่อรับรองว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International