Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 32-34

32 “ฟ้าเอ๋ย ช่วยฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูด
    แผ่นดินเอ๋ย ช่วยฟังคำพูดจากปากข้าพเจ้า
คำสอนข้าพเจ้า จะตกลงมาเหมือนฝน
    คำพูดข้าพเจ้า จะลงมาเหมือนหมอก
เหมือนสายฝนพรำๆบนหญ้าอ่อน
    เหมือนหยาดฝนบนพืชเกิดใหม่
เพราะข้าพเจ้าจะประกาศชื่อของพระยาห์เวห์
    สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา

พระศิลา[a] งานของพระองค์สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
    ทางทุกทางของพระองค์ถูกต้อง
พระเจ้าซื่อสัตย์ พระองค์ไม่เคยทำผิด
    พระเจ้าเที่ยงตรง พระองค์ไว้วางใจได้
พวกเจ้าไม่ได้เป็นลูกหลานของพระองค์
    เพราะความผิดของพวกเจ้า
    พวกเจ้าได้ทำผิดต่อพระองค์ พวกคนหลอกลวงและเจ้าเล่ห์
พวกเจ้าจะตอบแทนพระยาห์เวห์ด้วยวิธีนี้หรือ
    พวกคนโง่และไร้สาระ
พระองค์ไม่ใช่พ่อของเจ้าผู้ที่สร้างเจ้ามาหรือ
    พระองค์ไม่ใช่ผู้ที่สร้างเจ้าและทำให้เจ้าเกิดมาเป็นชนชาติหนึ่งหรือ

จำวันเก่าๆเหล่านั้นไว้
    คิดถึงปีที่คนรุ่นก่อนๆได้ผ่านมา
ถามพ่อของเจ้าและเขาจะบอกเจ้า
    ถามผู้นำอาวุโสของเจ้าและพวกเขาจะบอกเจ้าเกี่ยวกับอดีต
เมื่อพระเจ้าผู้สูงสุดแบ่งชนชาติออก
    เมื่อพระองค์แบ่งแยกเชื้อชาติมนุษย์
พระองค์กำหนดเขตแดนของประชาชน
    ให้เท่าเทียมกับจำนวนทูตสวรรค์ที่มีอยู่[b]
แต่ส่วนแบ่งของพระยาห์เวห์คือประชาชนของพระองค์
    ยาโคบคือส่วนแบ่งของพระองค์

10 พระองค์พบเขาในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
    ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ร้าง และลมแรง
พระองค์อยู่รอบๆตัวเขาและดูแลเขา
    พระองค์ปกป้องเขาเหมือนแก้วตาของพระองค์
11 เหมือนนกอินทรีที่คอยขยับรัง[c] ของมัน
    และบินโฉบไปที่ลูกของมัน
ดังนั้น พระยาห์เวห์กางปีกของพระองค์ออกและจับพวกเขาไว้
    และแบกพวกเขาไว้บนปีกของพระองค์
12 พระยาห์เวห์เท่านั้นที่นำพวกเขาผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
    ไม่มีพระอื่นใดที่มาช่วยพระองค์
13 พระองค์ทำให้ยาโคบมีอำนาจเหนือพื้นที่ในแถบภูเขา
    และเลี้ยงเขาด้วยพืชผลในไร่นา
พระองค์ได้ให้เขาดูดน้ำเชื่อมผลไม้จากก้อนหิน
    และน้ำมันมะกอกจากหินแข็ง
14 พระยาห์เวห์ได้ให้เนยจากวัวและนมจากแพะ
    กับไขมันจากลูกแกะและแกะตัวผู้
ฝูงวัวจากบาชานและแพะตัวผู้กับข้าวสาลีที่ดีที่สุด
    และพวกเจ้าได้ดื่มเหล้าองุ่นหมักเลือดขององุ่น

15 แต่เยชุรุน[d] อ้วนขึ้นและเริ่มเตะเจ้าของ
    เจ้าเริ่มอ้วน หนาและตะกละ
เยชุรูนทอดทิ้งพระเจ้าที่สร้างเขาขึ้นมา
    และเขาไม่ให้เกียรติพระศิลาที่ช่วยชีวิตเขา
16 พวกเขาทำให้พระองค์หึงหวงด้วยพระแปลกหน้า
    พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยรูปเคารพที่น่ารังเกียจ
17 พวกเขาบูชาวิญญาณที่ไม่ใช่พระเจ้า
    พวกเขาบูชาพระที่พวกเขาไม่รู้จักมาก่อน
เป็นพระใหม่ มาถึงไม่นาน
    บรรพบุรุษของเจ้าไม่เคยเคารพยำเกรงพระเหล่านั้นมาก่อน
18 เจ้าลืมพระศิลาที่ให้กำเนิดเจ้า
    เจ้าลืมพระเจ้าที่คลอดเจ้ามาด้วยความเจ็บปวด

19 พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และทอดทิ้งพวกเขา
    เพราะลูกชายและลูกสาวของพระองค์ทำให้พระองค์โกรธ
20 และพระองค์พูดว่า ‘เราจะหลบหน้าจากพวกเขา
    เราเห็นจุดจบของพวกเขา
เพราะพวกเขาคือคนอกตัญญู
    เป็นลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์
21 พวกเขาทำให้เราหึงหวงด้วยพวกนั้นที่ไม่ใช่พระเจ้า
    พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยรูปเคารพที่ไร้ค่าของเขา
ดังนั้น เราจะทำให้พวกเขาหึงหวงด้วยพวกที่ไม่ใช่ชนชาติ
    เราจะทำให้พวกเขาโกรธด้วยชนชาติที่โง่เขลา
22 เพราะไฟได้จุดขึ้นแล้วจากความโกรธของเรา
    และมันจะเผาลงไปถึงหลุมฝังศพ[e]
และมันจะเผาไหม้แผ่นดินและพืชผลของมัน
    และมันจะเผาไหม้ลึกลงไปถึงรากของภูเขา

23 เราจะสุมความทุกข์ยากทั้งหลายบนพวกเขา
    เราจะใช้ลูกธนูทั้งหมดยิงใส่พวกเขา
24 พวกเขาจะอ่อนแอจากความหิวโหย
    และถูกทำลายด้วยเชื้อโรคที่น่ากลัว
    และโรคระบาดที่รุนแรง
    และเราจะส่งสัตว์ป่ามาทำร้ายพวกเขาพร้อมกับงูพิษ
25 พวกทหารจะฆ่าพวกเขาบนถนน
    และความกลัวจะฆ่าพวกเขาในห้องนอน
คนหนุ่มสาวจะตาย
    รวมทั้งเด็กๆและคนแก่

26 เราเคยพูดว่า “เราจะทำลายพวกเขา
    เราจะกวาดล้างพวกเขาจนหมดสิ้น
27 แต่เรากลัวว่าศัตรูของพวกเขาจะทำให้เราโกรธ
    เพราะเข้าใจผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น
กลัวศัตรูพวกเขาจะพูดว่า ‘พวกเราชนะด้วยอำนาจของพวกเราเอง
    พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำอะไรเลย’”

28 เพราะพวกเขา[f] คือชาติที่ไม่มีที่ปรึกษา
    และพวกเขาไม่มีความเข้าใจ
29 ถ้าพวกเขาฉลาด เขาจะเข้าใจในสิ่งนี้
    พวกเขาจะคิดถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับเขา
30 คนๆหนึ่งจะไล่คนหนึ่งพันคนได้อย่างไร
    และคนสองคนจะทำให้คนหนึ่งหมื่นคนวิ่งหนีไปได้อย่างไร
นอกจากพระศิลาของชาวอิสราเอลได้ขายพวกเขาไปแล้ว
    นอกจากพระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาไป
31 เพราะศิลาของพวกเขาไม่เหมือนพระศิลาของเรา
    และผู้ปกป้องของศัตรูเราก็ไม่เข้มแข็งเท่ากับพระศิลาของพวกเรา
32 ใช่แล้ว องุ่นของพวกเขามาจากองุ่นที่เก็บไว้ของโสโดม
    และไร่องุ่นของโกโมราห์
องุ่นของพวกเขาเป็นองุ่นที่มีพิษ
    เถาองุ่นของพวกเขาจะมีรสขม
33 เหล้าองุ่นของพวกเขาเป็นเหมือนพิษงู
    เป็นพิษงูเห่าที่ร้ายแรงถึงตาย

34 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราได้เก็บเหล้าองุ่นนี้ไว้
    มันถูกเก็บอยู่ในโรงเก็บของเรา’
35 เราจะใช้มันลงโทษพวกเขาเอง
    และตอบแทนพวกเขาเมื่อเท้าของพวกเขาลื่นไถล
เพราะเวลาแห่งความหายนะล่มจมของพวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว
    การลงโทษพวกเขากำลังจะมาในเร็วๆนี้

36 เมื่อพระองค์เห็นว่าอำนาจของพวกเขาหมดลง
    ไม่มีผู้ปกครองและไม่มีผู้ช่วยเหลือ
พระยาห์เวห์ก็จะให้ความยุติธรรมกับประชาชนของพระองค์
    และพระองค์จะให้ความเมตตากับผู้รับใช้ของพระองค์
37 พระองค์จึงจะพูดว่า ‘พระของพวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว
    หินที่พวกเขาไว้ใจว่าปกป้องพวกเขาได้ อยู่ที่ไหนแล้ว
38 พระที่กินไขมันของเครื่องบูชาของพวกเขา
    และดื่มเหล้าองุ่นของเครื่องดื่มบูชาของพวกเขา
ให้พระพวกนั้นลุกขึ้นมาช่วยเจ้าสิ
    ให้พวกมันมาปกป้องเจ้าสิ

39 ตอนนี้เห็นแล้วหรือยังว่า เราผู้เดียว เป็นพระเจ้า
    ไม่มีพระอื่นนอกจากเรา
เราให้ความตาย เราให้ชีวิต
    เราได้ทำให้บาดเจ็บ เราจะรักษา
    และไม่มีใครที่จะช่วยให้พ้นจากมือของเราได้
40 ที่จริงแล้ว เราได้ยกมือขึ้นบนสวรรค์
    และสัญญาว่า เรามีชีวิตนิรันดร์ฉันใด
    สิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่ๆฉันนั้น
41 เราก็จะลับดาบของเราให้คมแวววาว
    เราจะใช้มันลงโทษศัตรูของเรา คนที่เกลียดเรา
    เราจะลงโทษตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
42 ลูกธนูของเราจะอาบไปด้วยเลือดของศัตรู
    ดาบของเราจะกินเนื้อหนัง
และเลือดของคนที่ถูกจับมาฆ่า
    ดาบของเราจะตัดหัวของผู้นำของศัตรูพวกนั้น’

43 ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ให้แสดงความยินดีกับประชาชนของพระองค์
    เพราะพระองค์จะทำโทษคนที่ฆ่าพวกผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์จะลงโทษศัตรูของพระองค์
พระองค์จะชำระแผ่นดินของพระองค์ให้บริสุทธิ์[g][h]

โมเสสร้องเพลงให้ประชาชนฟัง

44 แล้วโมเสสก็มาร้องเพลงนี้ให้ประชาชนชาวอิสราเอลฟัง โยชูวาลูกชายของนูนก็อยู่กับโมเสส 45 เมื่อโมเสสพูดคำเหล่านี้ให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดฟังเสร็จแล้ว 46 โมเสสจึงพูดกับพวกเขาว่า “ให้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้ ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้บอกกับลูกๆว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำสั่ง เพื่อพวกเขาจะได้ระมัดระวังที่จะเชื่อฟังคำสอนนี้ 47 นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเป็นเรื่องชีวิตของพวกท่าน และผ่านทางคำสอนเหล่านี้ พวกท่านจะได้มีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของ”

โมเสสบนภูเขาเนโบ

48 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในวันนั้นเองว่า 49 “ขึ้นไปบนเทือกเขาอาบาริม ไปที่เขาเนโบในแผ่นดินของโมอับตรงข้ามเมืองเยริโค และมองดูแผ่นดินคานาอันที่เราได้ให้กับชาวอิสราเอลไว้เป็นสมบัติของพวกเขา 50 เจ้าจะตายบนภูเขานั้นที่เจ้ากำลังจะปีนขึ้นไป และเจ้าจะได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้า เหมือนกับอาโรนพี่ชายของเจ้าที่ตายบนภูเขาโฮร์และได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา 51 เพราะเจ้าทั้งสองไม่ซื่อสัตย์กับเราท่ามกลางชาวอิสราเอลที่แหล่งน้ำเมรีบาห์คาเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน และเพราะพวกเจ้าไม่ให้เกียรติเราว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ชาวอิสราเอล 52 ดังนั้นเจ้าจะได้เห็นแผ่นดินนั้นจากที่ไกลๆ แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังจะยกให้กับชาวอิสราเอล”

โมเสสอวยพรประชาชน

33 นี่คือคำอวยพรที่โมเสสคนของพระเจ้าให้กับชาวอิสราเอลก่อนที่เขาจะตาย โมเสสพูดว่า

“พระยาห์เวห์มาจากซีนาย
    เหมือนแสงอาทิตย์ที่ส่องจากเสอีร์มายังเรา
    เหมือนแสงอาทิตย์ที่ส่องจากภูเขาของปาราน
และมีทูตสวรรค์อีกหนึ่งหมื่นองค์มากับพระองค์
    ทหารของพระองค์อยู่ข้างขวาของพระองค์
แน่นอน พระยาห์เวห์รักประชาชนชาวอิสราเอล
    คนที่ถูกแยกออกมาทั้งหมดอยู่ในมือของพระองค์
พวกเขานั่นเองที่ก้มกราบอยู่ที่เท้าของพระองค์
    และให้ความสนใจในคำสั่งสอนของพระองค์
โมเสสได้ให้คำสอนกับพวกเรา
    เป็นสมบัติของที่ชุมนุมของยาโคบ
แล้วพระยาห์เวห์ก็กลายเป็นกษัตริย์ในเยชุรูน[i]
    เมื่อบรรดาผู้นำของประชาชนมารวมกัน
    เมื่อคนเผ่าต่างๆของอิสราเอลมารวมตัวกัน”

คำอวยพรสำหรับรูเบน

“ให้รูเบนมีชีวิตอยู่และไม่ตาย
    แต่ให้เผ่าของเขามีคนน้อย”

คำอวยพรสำหรับยูดาห์

โมเสสพูดถึงเผ่าของยูดาห์ว่า

“พระยาห์เวห์ ขอช่วยฟังเสียงร้องของผู้นำเผ่ายูดาห์
    ขอช่วยนำเขากลับมาหาคนของเขาอย่างปลอดภัย
เขาต่อสู้ป้องกันตัวเองด้วยมือของเขา[j]
    ขอให้พระองค์ช่วยให้เขาเอาชนะศัตรูของเขา”

คำอวยพรสำหรับชาวเลวี

โมเสสพูดถึงเผ่าเลวีว่า

“เลวีเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระองค์
    เขาเก็บรักษาทูมมิมกับอูริม
ที่แถวมัสสาห์ พระองค์ได้ทดสอบเขา
    ที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[k] พระองค์ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเป็นของพระองค์
พวกเขาถือว่าการเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์
    และการรักษาข้อตกลงของพระองค์นั้นสำคัญยิ่งกว่าครอบครัว
พวกเขาพูดถึงพ่อแม่ว่า เขาไม่รู้จัก
    พวกเขาไม่รู้จักพี่น้อง
    พวกเขาไม่สนใจลูกๆ
10 พวกเขาจะสอนกฎของพระองค์ให้ยาโคบ
    พวกเขาจะสอนคำสอนของพระองค์ให้อิสราเอล
พวกเขาจะเผาเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์
    พวกเขาจะถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาของพระองค์

11 พระยาห์เวห์ ขออวยพรให้เขาร่ำรวย
    ขอให้ยอมรับงานที่เขาทำ
ขอพระองค์โจมตีศัตรูที่เกลียดเขา
    เพื่อคนพวกนั้นจะได้ไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับเขาอีก”

คำอวยพรสำหรับเบนยามิน

12 โมเสสพูดถึงเผ่าของเบนยามินว่า

“พระยาห์เวห์รักเบนยามิน
    เบนยามินจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยใกล้พระองค์[l]
พระยาห์เวห์จะปกป้องเขาตลอดเวลา
    และพระยาห์เวห์จะอาศัยอยู่ระหว่างเส้นเขตแดนของเขา[m]

คำอวยพรสำหรับโยเซฟ

13 โมเสสพูดถึงประชาชนของโยเซฟว่า

“ขอพระยาห์เวห์อวยพรแผ่นดินของโยเซฟ
    ด้วยของขวัญที่ดีที่สุดบนฟ้าข้างบน
    และของน้ำใต้พื้นดิน
14 และของขวัญที่ดีที่สุดจากผลผลิตของดวงอาทิตย์
    และของขวัญที่ดีที่สุดจากผลผลิตของดวงจันทร์
15 และที่ดีที่สุดของภูเขาที่เก่าแก่
    และของขวัญที่ดีที่สุดของเทือกเขาที่ไม่มีวันจบสิ้น
16 และของขวัญที่ดีที่สุดของแผ่นดินและความอุดมสมบูรณ์ทั้งสิ้นของมัน
    และความชื่นชอบของพระองค์ผู้ที่ปรากฏอยู่ในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ
ขอให้คำอวยพรไปถึงหัวของโยเซฟ
    บนหน้าผากของหัวหน้าในหมู่พี่น้องของเขา
17 โยเซฟเปรียบเหมือนวัวตัวผู้ที่แข็งแรง
    ลูกทั้งสองของเขาเปรียบเหมือนเขาทั้งสองข้าง
ด้วยเขาทั้งสองข้างของมัน เขาโจมตีคนชาติอื่น
    และดันพวกนั้นไปจนสุดขอบโลก
ใช่แล้ว มนัสเสห์ มีคนเป็นพันๆ
    และเอฟราอิม มีคนเป็นหมื่นๆ”

คำอวยพรสำหรับเศบูลุนและอิสสาคาร์

18 โมเสสพูดถึงเผ่าของเศบูลุนว่า

“เศบูลุน มีความสุขเถิด ในการเดินทางของท่าน
    และอิสสาคาร์ มีความสุขในเต็นท์ของท่านเถิด
19 พวกเขาจะเรียกประชาชนไปบนภูเขา
    พวกเขาจะถวายเครื่องสัตวบูชาที่ถูกต้อง
เพราะพวกเขาจะดูดความมั่งคั่งจากทะเล
    และสมบัติที่ซ่อนอยู่จากพื้นทราย”

คำอวยพรสำหรับกาด

20 โมเสสพูดถึงเผ่าของกาดว่า

สรรเสริญพระองค์ผู้ที่ขยายแผ่นดินของกาด
    กาดหมอบลงเหมือนสิงโตและเฝ้าคอย
    แล้วจู่โจม ฉีกแขนและถลกหนังหัว
21 เขาได้เลือกส่วนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
    เพราะส่วนของผู้บังคับการได้เก็บไว้เพื่อเขา
และเขามาในฐานะผู้นำของประชาชน
    เขาได้ทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าถูกต้องแล้ว
    และเชื่อฟังกฎของพระยาห์เวห์ที่มีไว้สำหรับชาวอิสราเอล

คำอวยพรสำหรับดาน

22 โมเสสได้พูดเกี่ยวกับเผ่าของดานว่า

“ดานเป็นเหมือนลูกสิงโต
    ที่กระโดดออกจากบาชาน”[n]

คำอวยพรสำหรับนัฟทาลี

23 โมเสสพูดถึงเผ่าของนัฟทาลีว่า

“นัฟทาลีเอ๋ย ท่านอุดมไปด้วยสิ่งดีๆอย่างล้นเหลือ
    พระยาห์เวห์อวยพรท่านอย่างเต็มที่
    ท่านได้แผ่นดินที่ติดกับทะเลสาบกาลิลี”

คำอวยพรสำหรับอาเชอร์

24 โมเสสพูดถึงเผ่าของอาเชอร์ว่า

“อาเชอร์เป็นลูกชายที่ได้รับการอวยพรมากที่สุด
    ขอให้เขาเป็นที่ชื่นชอบที่สุดในบรรดาพี่น้องของเขา
    และขอให้เขาจุ่มเท้าของเขาลงในน้ำมันมะกอก
25 ขอให้กลอนประตูท่านทำด้วยเหล็กและทองสัมฤทธิ์
    และขอให้ท่านแข็งแรงตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่”

โมเสสชื่นชมพระเจ้า

26 “เยชุรูนเอ๋ย ไม่มีใครเหมือนพระเจ้า
    ผู้ที่ลอยผ่านฟ้ามาช่วยท่าน
    และลอยผ่านเมฆมาด้วยความสง่างามของพระองค์
27 พระเจ้าผู้อยู่ชั่วนิรันดร์
    เป็นที่ที่ปลอดภัย
แขนทั้งสองข้างของพระองค์ ผู้ที่อยู่ตลอดกาล
    จะอุ้มท่านไว้
พระองค์ขับไล่ศัตรูที่อยู่ต่อหน้าท่าน
    และพูดว่า ‘ทำลายมัน’
28 ดังนั้น อิสราเอลจะอยู่อย่างปลอดภัย
    ยาโคบจะมีชีวิตอย่างสงบ
ในดินแดนแห่งข้าวและเหล้าองุ่น
    เป็นดินแดนที่มีฝนโปรยปรายจากท้องฟ้า
29 อิสราเอล ท่านจะได้รับการอวยพร
    ใครจะเป็นเหมือนท่าน
ประชาชนผู้ได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า
    พระยาห์เวห์คือโล่ที่ปกป้องท่าน
    และดาบที่จะให้ชัยชนะแก่ท่าน
ศัตรูของท่านจะหมอบต่อหน้าท่านด้วยความกลัว
    และท่านจะเหยียบบนหลังพวกเขา”

โมเสสตาย

34 โมเสสปีนขึ้นไปบนเขาเนโบ จากที่ราบโมอับไปถึงยอดเขาปิสกาห์ซึ่งอยู่ตรงข้ามเยริโค พระยาห์เวห์แสดงแผ่นดินทั้งหมดให้โมเสสเห็น ตั้งแต่กิเลอาดไปจนถึงดาน พระองค์แสดงให้เขาเห็นทั้งหมดของนัฟทาลีและแผ่นดินของเอฟราอิม มนัสเสห์และทั้งหมดของยูดาห์ไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พระองค์ยังแสดงให้เขาเห็นเนเกบและที่ราบที่อยู่ในหุบเขาของเยริโค เมืองของต้นปาล์มไปถึงโศอาร์ แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับโมเสสว่า “นี่คือแผ่นดินที่เราสัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ เราบอกว่า ‘เราจะให้แผ่นดินนี้กับลูกหลานของเจ้า’ เราได้ให้เจ้าเห็นมันกับตาตัวเองแล้ว แต่เจ้าจะไม่ได้ข้ามไปที่นั่น”

แล้วโมเสส ผู้รับใช้พระยาห์เวห์ก็ตายอยู่ที่นั่นในแผ่นดินของโมอับตามที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ พระยาห์เวห์ฝังโมเสสไว้ในหุบเขาในแผ่นดินของโมอับใกล้เบธเปโอร์ แต่จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าหลุมฝังศพของโมเสสอยู่ที่ไหนกันแน่ ตอนที่โมเสสตาย เขามีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี ตาของเขายังไม่อ่อนล้าและตัวเขาก็ยังไม่เหี่ยวย่น ชาวอิสราเอลร้องไห้ให้โมเสสเป็นเวลาสามสิบวันในที่ราบโมอับ จนกระทั่งเวลาแห่งการไว้ทุกข์สิ้นสุดลง

โยชูวาเป็นผู้นำคนใหม่

แล้วโยชูวาลูกชายของนูนก็เต็มไปด้วยวิญญาณของความเฉลียวฉลาด เพราะโมเสสได้วางมือลงบนโยชูวาและแต่งตั้งเขาเป็นผู้นำคนใหม่แล้ว ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

10 แต่ยังไม่เคยมีผู้พูดแทนพระเจ้าคนไหนในอิสราเอลที่เหมือนโมเสสเลย เพราะพระยาห์เวห์รู้จักโมเสสแบบตัวต่อตัว 11 ไม่มีใครเหมือนโมเสส เพราะพระยาห์เวห์ส่งเขาไปทำเหตุการณ์พิเศษต่างๆและสิ่งมหัศจรรย์ต่อฟาโรห์ในแผ่นดินอียิปต์ และต่อคนของฟาโรห์และประเทศนั้นทั้งประเทศ 12 และไม่มีใครเคยมีฤทธิ์อำนาจที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามพวกนี้ เหมือนกับที่โมเสสได้ทำให้กับทุกคนเห็น

มาระโก 15:26-47

26 มีป้ายเขียนคำกล่าวหาพระองค์ว่า “กษัตริย์ของชาวยิว” 27 และเขาก็ตรึงโจรสองคนไว้ที่ไม้กางเขนข้างๆพระองค์ ทางขวาคนหนึ่งและทางซ้ายคนหนึ่ง 28 [a] 29 คนที่เดินผ่านไปมาพากันส่ายหัว และพูดเยาะว่า “อ้าว ไหนบอกว่าจะทำลายวิหารแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ในสามวันไง 30 ตอนนี้ช่วยตัวเองลงมาจากไม้กางเขนสิ”

31 พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติก็พูดเยาะเย้ยพระเยซู เขาพูดกันว่า “มันช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ 32 ให้พระคริสต์ กษัตริย์ของชาวอิสราเอลคนนี้ลงมาจากไม้กางเขนเสียก่อน เราจะได้เห็นและเชื่อ” และคนที่ถูกตรึงอยู่ข้างๆพระเยซูก็พูดดูถูกพระองค์ด้วย

พระเยซูตาย

(มธ. 27:45-56; ลก. 23:44-49; ยน. 19:28-30)

33 ในตอนเที่ยง มีแต่ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นดินจนถึงบ่ายสามโมง 34 เมื่อถึงบ่ายสามโมงแล้ว พระเยซูก็ร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าของลูก พระเจ้าของลูก ทำไมถึงทอดทิ้งลูกไป”[b]

35 เมื่อบางคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ยิน พวกเขาก็พูดว่า “ฟังสิเขากำลังเรียกเอลียาห์”

36 มีคนหนึ่งรีบวิ่งเอาฟองน้ำไปจุ่มเหล้าองุ่นเปรี้ยวมาเสียบที่ปลายไม้อ้อแล้วยื่นขึ้นไปให้พระองค์ดื่ม ชายคนนั้นพูดว่า “ให้คอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาเอาเขาลงจากไม้กางเขนหรือเปล่า”

37 เมื่อพระเยซูร้องเสียงดังแล้ว พระองค์ก็สิ้นใจตาย

38 ผ้าม่านในวิหาร ก็ขาดออกเป็นสองส่วนจากบนลงล่าง 39 เมื่อนายร้อยคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้น เห็นการตายของพระองค์อย่างนี้ เขาก็พูดว่า “คนนี้เป็นบุตรของพระเจ้าแน่ๆ”

40 มีผู้หญิงบางคนยืนดูอยู่ห่างๆ ในกลุ่มนั้นมี มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์แม่ของยากอบน้อยกับโยเสส และสะโลเม 41 ผู้หญิงพวกนี้เป็นคนที่ได้ติดตามดูแลพระเยซูตั้งแต่พระองค์อยู่ที่แคว้นกาลิลี และยังมีผู้หญิงคนอื่นๆอีกหลายคนที่ติดตามพระองค์มาจากเมืองเยรูซาเล็มอยู่ที่นั่นด้วย

พระเยซูถูกฝัง

(มธ. 27:57-61; ลก. 23:50-56; ยน. 19:38-42)

42 เมื่อถึงเวลาเย็นของวันจัดเตรียม (เป็นวันก่อนวันหยุดทางศาสนาหนึ่งวัน) 43 โยเซฟจากเมืองอาริมาเธียเป็นสมาชิกสภาแซนฮีดรินคนหนึ่งที่คนให้ความเคารพนับถือ เขากำลังคอยอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ เขากล้าที่จะเข้าไปหาปีลาตเพื่อขอศพของพระเยซู 44 ปีลาตก็รู้สึกแปลกใจที่พระเยซูตายแล้ว จึงเรียกนายร้อยเข้ามาถามว่าพระเยซูตายนานแล้วหรือยัง 45 เมื่อเขาฟังรายงานแล้ว เขาก็อนุญาตให้โยเซฟไปเอาศพได้ 46 โยเซฟซื้อผ้าลินิน และเอาศพพระเยซูลงมาจากไม้กางเขน พันพระองค์ไว้ด้วยผ้าลินินนั้น และฝังพระองค์ไว้ในอุโมงค์ที่เจาะเข้าไปในหิน จากนั้นก็กลิ้งหินก้อนใหญ่มาปิดปากอุโมงค์ไว้ 47 มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์แม่ของโยเสส ก็เห็นว่าพระองค์ถูกนำไปฝังไว้ที่นั่น

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International