Old/New Testament
25 เมื่อมีคนสองคนทะเลาะกัน พวกเขาควรไปที่ศาล ให้ผู้ตัดสินทำการตัดสินว่าใครถูกใครผิด 2 และถ้าคนทำผิดสมควรจะถูกเฆี่ยน ผู้ตัดสินต้องจับคนนั้นนอนคว่ำและเฆี่ยนเขาต่อหน้าผู้ตัดสิน จะเฆี่ยนกี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กับความผิดที่เขาทำ 3 แต่ห้ามเฆี่ยนเขาเกินสี่สิบครั้ง ถ้าเกินกว่านี้ แสดงว่าท่านกำลังเหยียดหยามเพื่อนร่วมชาติคนนี้
4 ท่านต้องไม่เอาตะกร้อสวมปากวัว เพื่อกันไม่ให้มันกินเมล็ดข้าว ตอนที่มันกำลังย่ำเมล็ดข้าวอยู่
5 ถ้ามีพี่น้องสองคนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งตายไปและยังไม่มีลูก เมียของคนที่ตายต้องไม่แต่งงานกับคนนอกครอบครัว น้องของสามีต้องแต่งงานกับนางและมีเพศสัมพันธ์กับนาง และทำหน้าที่สามีแทนพี่ชาย[a] 6 แล้วเมื่อนางคลอดลูกชายคนแรก ก็ให้ถือว่าเป็นลูกของพี่ชายที่ตายไปแล้ว เพื่อว่าชื่อของพี่ที่ตายไปแล้ว จะได้ไม่ถูกลบออกจากชาวอิสราเอล 7 แต่ถ้าชายคนนั้นไม่ยอมแต่งงานกับเมียของพี่ชายที่ตาย เมียของคนที่ตายต้องไปหาพวกผู้นำที่ประตูเมืองและพูดว่า ‘น้องของสามีฉันไม่ยอมช่วยให้ชื่อของพี่เขาคงอยู่กับชาวอิสราเอลต่อไป เขาไม่ยอมทำหน้าที่ของน้องสามีกับฉัน’ 8 แล้วพวกผู้นำของเมืองต้องเรียกตัวเขามาพูดด้วย ถ้าเขายังยืนกรานและพูดว่า ‘ผมไม่ต้องการแต่งงานกับนาง’ 9 เมียของคนที่ตายต้องเข้ามาใกล้เขา ต่อหน้าผู้นำพวกนั้น แล้วนางก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งออกจากเท้าของเขา และถุยน้ำลายรดหน้าเขา และพูดว่า ‘คนที่ไม่ยอมสืบสกุลให้กับพี่ชายของเขาจะถูกทำอย่างนี้แหละ’ 10 แล้วคนนั้นจะถูกตั้งฉายาในอิสราเอลว่า ‘ครอบครัวของคนที่ถูกดึงรองเท้าออก’
11 ถ้าชายสองคนต่อสู้กัน และเมียของคนหนึ่งเข้ามาช่วยสามีของนางที่กำลังจะแพ้ และนางยื่นมือไปจับของลับของชายคนนั้น 12 ท่านต้องตัดมือของนางทิ้ง ท่านต้องไม่สงสารนาง
13 ห้ามมีลูกตุ้มชั่งน้ำหนักสองชุดในกระเป๋า ชุดหนึ่งหนักกับอีกชุดหนึ่งเบา 14 ห้ามมีเครื่องตวงสองเครื่องในบ้าน เครื่องหนึ่งใหญ่และอีกเครื่องหนึ่งเล็ก 15 ท่านต้องใช้แต่เครื่องชั่งที่ถูกต้องเที่ยงตรงเท่านั้น และท่านต้องใช้แต่เครื่องตวงที่ถูกต้องเที่ยงตรงด้วย เพื่อท่านจะได้มีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน 16 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ขยะแขยงทุกคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ ทุกคนที่ขี้โกง ไม่ว่าจะโกงตราชั่ง หรือโกงเครื่องตวงก็ตาม
ชาวอามาเลคต้องถูกทำลาย
17 จำได้หรือเปล่าว่าชาวอามาเลคทำอะไรไว้กับท่านบ้าง ตอนที่ท่านเดินทางออกมาจากอียิปต์ 18 จำได้ไหมว่าพวกเขาจู่ๆก็โผล่มาในระหว่างทาง และเข้าโจมตีท่านจากด้านหลัง ตอนที่ท่านเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า และฆ่าพวกที่อยู่ล้าหลัง พวกเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า 19 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ท่านหยุดพักจากการต่อสู้กับศัตรูทั้งหมดทุกด้าน ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่านเป็นเจ้าของ เพื่อเป็นมรดกของลูกหลานต่อไป อย่าลืมว่าท่านต้องกำจัดชาวอามาเลคให้หมดไปจากใต้ฟ้านี้
การเก็บเกี่ยวพืชผลครั้งแรก
26 เมื่อท่านเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่านเป็นเจ้าของ เมื่อท่านได้เป็นเจ้าของและตั้งรกรากในแผ่นดินนั้นแล้ว 2 ผลผลิตที่ท่านเก็บเกี่ยวได้เป็นครั้งแรกจากแผ่นดินนั้นของท่าน แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน ท่านต้องแบ่งผลผลิตนั้นมาส่วนหนึ่ง แล้วนำมาใส่ไว้ในตะกร้า แล้วเอาไปในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเลือกไว้สำหรับนมัสการพระองค์ 3 ให้ไปหานักบวชที่รับใช้อยู่ในวันนั้น และพูดกับเขาว่า ‘วันนี้ผมจะมาแจ้งให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านรู้ว่า ผมได้มาถึงดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเราว่าจะยกให้กับเราแล้ว’
4 แล้วนักบวชจะรับตะกร้าจากมือของท่าน ไปตั้งไว้หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 5 แล้วท่านจะพูดต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า ‘บรรพบุรุษของข้าพเจ้าเป็นชาวอารัม[b] ที่เร่ร่อน และเขาได้ลงไปถึงอียิปต์และอยู่ที่นั่นอย่างคนต่างชาติกับคนในครอบครัวอีกไม่กี่คน แต่ที่นั่นเขาได้กลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ มีอำนาจและมีจำนวนมหาศาล 6 ชาวอียิปต์โหดร้ายกับพวกเรา และทำให้พวกเราต้องทนทุกข์ทรมาน พวกเขาบังคับให้พวกเราทำงานอย่างหนัก 7 พวกเราจึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเรา และพระยาห์เวห์ก็ได้ยินเสียงของพวกเรา และพระองค์เห็นถึงความทุกข์ยากของพวกเรา เห็นถึงงานหนักที่พวกเราทำและการถูกกดขี่ข่มเหง 8 แล้วพระยาห์เวห์ก็นำพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนที่ยื่นออกมาทำลายศัตรู และการกระทำที่น่ากลัว เหตุการณ์พิเศษต่างๆและการอัศจรรย์ 9 แล้วพระองค์ก็นำพวกเรามาถึงที่นี่และให้แผ่นดินนี้กับพวกเรา แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ 10 และตอนนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้เอาพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้เป็นครั้งแรกในแผ่นดินที่พระองค์ยกให้กับข้าพเจ้ามา’ แล้วให้ท่านวางตะกร้านั้นไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และก้มกราบพระองค์ 11 แล้วท่านต้องร่วมเฉลิมฉลองยินดีกับสิ่งดีๆเหล่านั้น ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ให้กับท่านและครอบครัว ท่านต้องแบ่งสิ่งต่างๆพวกนั้นกับชาวเลวีและชาวต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางท่านด้วย
12 ทุกๆสามปี เป็นปีของการแบ่งปันหนึ่งส่วนในสิบส่วน ในปีนั้นท่านต้องแบ่งหนึ่งในสิบของพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ทั้งหมดให้กับชาวเลวี ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้าย เพื่อพวกเขาจะได้มีกินอย่างเหลือเฟือตามเมืองต่างๆของท่าน 13 แล้วท่านต้องพูดกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า ‘ข้าพเจ้าได้แยกส่วนที่เป็นของพระยาห์เวห์ ออกจากพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ แล้วนำมันออกมาจากบ้าน เอาไปให้กับชาวเลวี ชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าและแม่หม้าย ตามที่พระองค์ได้สั่งให้ข้าพเจ้าทำ ข้าพเจ้าไม่ได้ขัดคำสั่ง หรือว่าลืมคำสั่งใดๆของพระองค์เลย 14 ข้าพเจ้าไม่ได้กินส่วนที่เป็นของพระยาห์เวห์นี้ ตอนที่ข้าพเจ้าเศร้าโศกเสียใจ[c] ข้าพเจ้าไม่ได้แยกส่วนใดส่วนหนึ่งของมันออกมา ตอนที่ข้าพเจ้าไม่บริสุทธิ์[d] ข้าพเจ้าไม่ได้เอาส่วนใดส่วนหนึ่งของมันมาไหว้คนตาย ข้าพเจ้าเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ทำทุกอย่างที่พระองค์สั่งข้าพเจ้าไว้ 15 ได้โปรดมองลงมาจากบ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จากบนสวรรค์ และอวยพรชาวอิสราเอลคนของพระองค์ และแผ่นดินที่พระองค์ยกให้กับพวกเรา ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเรา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์’
เชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์
16 วันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งให้ท่านเชื่อฟังกฎและข้อบังคับเหล่านี้ ท่านต้องเชื่อฟังสิ่งเหล่านี้อย่างระมัดระวังด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน 17 วันนี้ท่านกำลังทำข้อตกลงกับพระยาห์เวห์[e] ว่าพระองค์จะเป็นพระเจ้าของท่าน และท่านจะเดินในทางของพระองค์และรักษากฎ คำสั่งและข้อบังคับต่างๆและเชื่อฟังพระองค์ 18 และในวันนี้ พระยาห์เวห์กำลังทำข้อตกลงกับท่าน[f]ว่า ท่านจะเป็นของรักของหวงที่มีค่าของพระองค์ ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับท่าน และท่านจะเชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์ทุกข้อ 19 และพระองค์จะทำให้ท่านยิ่งใหญ่กว่าทุกๆชนชาติที่พระองค์สร้าง พระองค์จะทำให้ท่านได้รับการสรรเสริญ มีชื่อเสียงและเกียรติยศ[g] และท่านจะเป็นคนที่ถูกแยกออกมาเพื่อเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ตามที่พระองค์สัญญาไว้”
อนุสาวรีย์หินสำหรับประชาชน
27 โมเสสและพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลได้สั่งประชาชนว่า “ให้เชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดที่เราได้สั่งพวกท่านในวันนี้ 2 ทันทีที่พวกท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน ท่านต้องวางพวกหินก้อนใหญ่ขึ้นมาและโบกปูนขาวทับหินพวกนั้นไว้ 3 และท่านต้องเขียนกฎต่างๆเหล่านี้บนหินพวกนั้นในทันทีที่ท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป เพื่อท่านจะได้เข้าสู่แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้ท่าน เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษท่านได้สัญญาไว้กับท่าน
4 เมื่อพวกท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปแล้ว พวกท่านต้องทำตามที่เราได้สั่งไว้ คือให้วางหินพวกนั้นที่บนภูเขาเอบาล โบกปูนขาวทับพวกมันไว้ 5 ท่านต้องเอาหินมาสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แต่ห้ามใช้เครื่องมือเหล็กตัดหินพวกนั้น 6 ท่านต้องเอาหินทั้งก้อนเหล่านั้นมาสร้างแท่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านต้องถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นนั้นให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 7 ท่านต้องถวายเครื่องบูชาและกินเครื่องสังสรรค์บูชาที่นั่น และสนุกสนานกันต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 8 ท่านต้องเขียนกฎพวกนี้ทั้งหมดลงบนหินพวกนั้นที่ท่านตั้งขึ้นมา เขียนให้อ่านง่ายๆ”
คนอิสราเอลเห็นด้วยกับคำสาปแช่ง
9 โมเสสและนักบวชชาวเลวีพูดกับชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย เงียบๆหน่อยและฟังให้ดีๆ วันนี้ท่านได้กลายเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านแล้ว 10 ท่านต้องเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและทำตามคำสั่งและกฎเหล่านั้นของพระองค์ที่เราได้สั่งพวกท่านในวันนี้”
11 วันนั้นโมเสสได้สั่งประชาชนด้วยว่า 12 “เมื่อพวกท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปแล้ว เผ่าต่อไปนี้จะยืนอยู่บนภูเขาเกริซิม เพื่ออ่านคำอวยพรให้กับประชาชน คือเผ่าสิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ โยเซฟและเบนยามิน 13 และเผ่าเหล่านี้จะยืนอยู่บนภูเขาเอบาลเพื่ออ่านคำสาปแช่งให้กับประชาชน คือเผ่ารูเบน กาด อาเชอร์ เศบูลุน ดานและนัฟทาลี
14 แล้วชาวเลวี ก็จะพูดกับชาวอิสราเอลทั้งหมดด้วยเสียงอันดังว่า
15 ‘คนที่แกะสลักรูปเคารพ หรือทำรูปเคารพจากเหล็ก แล้วเอาไปแอบไว้บูชาจะถูกสาปแช่ง เพราะพระยาห์เวห์ขยะแขยงสิ่งต่างๆเหล่านั้นที่ช่างแกะสลักทำขึ้นมากับมือ’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’[h]
16 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ไม่เคารพพ่อหรือแม่ของเขาจะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
17 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ย้ายหลักเขตที่ดินของเพื่อนบ้านเพื่อขโมยที่ดินจะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
18 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่แกล้งคนตาบอดให้หลงทาง จะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
19 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรมต่อชาวต่างชาติ เด็กกำพร้าหรือแม่หม้าย จะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
20 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ร่วมเพศกับเมียพ่อ[i] จะถูกสาปแช่ง เพราะไม่ให้เกียรติพ่อของเขา[j]’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
21 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ร่วมเพศกับสัตว์ใดๆจะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
22 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ร่วมเพศกับพี่สาวหรือน้องสาว หรือพี่สาวหรือน้องสาวต่างพ่อหรือต่างแม่ จะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
23 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ร่วมเพศกับแม่ยายของเขาจะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
24 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ลอบฆ่าเพื่อนบ้านของตนจะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
25 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่รับจ้างฆ่าคนที่บริสุทธิ์จะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
26 ชาวเลวีจะพูดว่า ‘คนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎเหล่านี้และไม่ยอมทำตามจะถูกสาปแช่ง’
แล้วทุกคนจะพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น’
พระเยซูทำนายว่าพวกศิษย์จะทิ้งพระองค์
(มธ. 26:31-35; ลก. 22:31-34; ยน. 13:36-38)
27 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “พวกคุณจะทิ้งเราไปกันหมดทุกคน เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า
‘เราจะฆ่าคนเลี้ยงแกะ
และแกะนั้นก็จะกระเจิดกระเจิงไป’[a]
28 แต่เมื่อเราฟื้นขึ้นจากความตาย เราจะล่วงหน้าพวกคุณไปที่แคว้นกาลิลีก่อน”
29 แต่เปโตรพูดกับพระองค์ว่า “ถึงคนอื่นจะทิ้งอาจารย์ไปหมด ผมก็จะไม่มีวันทิ้งอาจารย์ไปอย่างเด็ดขาด”
30 พระเยซูจึงพูดกับเขาว่า “เราจะบอกให้ว่า คืนนี้แหละก่อนไก่ขันครั้งที่สอง คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราสามครั้ง”
31 แต่เปโตรก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่า “ถึงผมจะต้องตายกับอาจารย์ ผมก็ไม่มีวันพูดไม่รู้จักอาจารย์” และพวกศิษย์ทั้งหมด ก็พูดอย่างเดียวกัน
พระเยซูอธิษฐานอยู่ตามลำพัง
(มธ. 26:36-46; ลก. 22:39-46)
32 พวกเขามาถึงสถานที่แห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมนี พระเยซูบอกกับพวกศิษย์ว่า “นั่งคอยอยู่ที่นี่นะ เราจะไปอธิษฐาน” 33 พระองค์พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ก็เริ่มโศกเศร้าเสียใจและเป็นทุกข์ยิ่งนัก 34 จึงบอกพวกเขาว่า “เราทุกข์ใจมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว ให้ตื่นและเฝ้าระวังอยู่”
35 พระองค์เดินห่างออกไปอีกหน่อยหนึ่ง แล้วซบหน้าลงกับพื้นดิน อธิษฐานว่า ถ้าเป็นไปได้ขอให้เวลาแห่งความทุกข์ยากนี้ผ่านพ้นไปจากพระองค์ 36 พระองค์พูดว่า “อับบา[b] พระบิดา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ขอช่วยเอาถ้วย[c] แห่งความทุกข์ยากนี้พ้นไปจากลูกด้วยเถิด แต่ขอให้เป็นไปตามใจพระบิดา ไม่ใช่ตามใจลูก”
37 แล้วพระองค์ก็เดินกลับมา เห็นพวกศิษย์นอนหลับอยู่ พระองค์จึงพูดกับเปโตรว่า “ซีโมน ยังจะหลับอยู่อีกหรือ คุณจะตื่นเป็นเพื่อนเราสักชั่วโมงไม่ได้เลยหรือ 38 พวกคุณต้องเฝ้าระวังและอธิษฐาน จะได้ไม่แพ้ต่อการยั่วยวน ถึงแม้จิตใจอยากจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ร่างกายก็ยังอ่อนแออยู่”
39 พระองค์เดินไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่งและพูดเหมือนเดิม 40 พอเดินกลับมา ก็เจอพวกศิษย์ยังนอนหลับอยู่ เปลือกตาเขาหนักอึ้งลืมไม่ขึ้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับพระองค์
41 ต่อมาพระองค์ก็เดินกลับมาดูพวกเขาอีกเป็นครั้งที่สาม และพูดว่า “ยังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่อีกเหรอ นอนพอแล้ว ชั่วโมงที่บุตรมนุษย์จะถูกหักหลังให้ไปอยู่ในมือของพวกคนบาปนั้นมาถึงแล้ว 42 ลุกขึ้นไปกันเถอะ นั่นไง คนที่หักหลังเรามาถึงแล้ว”
พระเยซูถูกจับ
(มธ. 26:47-56; ลก. 22:47-53; ยน. 18:3-12)
43 พระเยซูพูดยังไม่ทันขาดคำ ยูดาส ศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนก็มาถึงพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่ถือดาบและไม้กระบอง คนพวกนี้ถูกส่งมาจากพวกหัวหน้านักบวช พวกครูสอนกฎปฏิบัติ และพวกผู้อาวุโส
44 ยูดาสได้ตกลงกับพวกนั้นไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า “คนที่ผมจูบคือคนๆนั้น เข้าไปจับกุมและควบคุมตัวไปเลย” 45 เมื่อยูดาสมาถึงก็เดินเข้าไปหาพระเยซูและพูดว่า “อาจารย์ครับ” แล้วจูบพระองค์ 46 พวกนั้นก็เข้ามาจับตัวพระองค์และคุมตัวไว้ 47 คนหนึ่งในพวกพระเยซูที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้น ได้ชักดาบออกมา แล้วก็ฟันถูกหูทาสคนหนึ่งของนักบวชสูงสุดขาดไป
48 พระเยซูพูดกับพวกนั้นว่า “เห็นเราเป็นโจรหรือยังไง ถึงได้ถือดาบและไม้กระบองมาจับเรา 49 เราอยู่กับพวกคุณทุกวัน สอนอยู่ในวิหาร แต่พวกคุณก็ไม่จับ แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามที่ได้เขียนไว้แล้วในพระคัมภีร์” 50 ส่วนพวกศิษย์วิ่งหนีทิ้งพระองค์ไปกันจนหมด
51 มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ติดตามพระองค์มา ไม่ได้สวมใส่อะไรเลย นอกจากห่มผ้าป่านผืนหนึ่ง เมื่อพวกนั้นพยายามจะจับเขา 52 เขาก็ได้สลัดผ้าป่านทิ้งแล้วเปลือยกายวิ่งหนีไป
พระเยซูอยู่ต่อหน้าผู้นำชาวยิว
(มธ. 26:57-68; ลก. 22:54-55, 63-71; ยน. 18:13-14, 19-24)
53 พวกเขานำตัวพระเยซูไปพบนักบวชสูงสุด พวกหัวหน้านักบวช พวกผู้นำชาวยิว และพวกครูสอนกฎปฏิบัติได้อยู่ชุมนุมกันที่นั่น
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International