Old/New Testament
โมเสสเตือนอิสราเอลให้เชื่อฟังกฎ
4 บัดนี้ ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดีถึงกฎและข้อบังคับต่างๆที่เรากำลังจะสอนให้พวกท่านทำ เพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ และได้เข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านได้ยกให้กับท่าน 2 พวกท่านจะต้องไม่เพิ่มอะไรเข้าไปในสิ่งที่เราได้สั่งท่านไว้แล้ว และต้องไม่ตัดอะไรออกไปด้วย เพื่อท่านจะได้รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่เราได้สั่งท่านไว้
3 พวกท่านก็ได้เห็นกับตาแล้ว ถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำลงไปที่บาอัล เปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำลายคนของท่านที่ไปบูชาพระบาอัลเทียมเท็จที่เปโอร์ 4 แต่พวกท่านทุกคนที่ยังผูกพันอยู่กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
5 ดูเถิด เราได้สอนกฎและข้อบังคับต่างๆกับพวกท่าน ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้สั่งเราไว้ เพื่อท่านจะได้ทำสิ่งเหล่านี้ในดินแดนที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของ 6 พวกท่านต้องรักษาและทำตามกฎพวกนี้อย่างระมัดระวัง เพราะมันจะพิสูจน์ให้ชนชาติอื่นๆเห็นว่า ท่านนั้นฉลาดและมีความเข้าใจแค่ไหน เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับกฎเหล่านี้ พวกเขาก็จะพูดกันว่า ‘ชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้ช่างฉลาดและมีความเข้าใจจริงๆ’
7 จะมีชนชาติที่ยิ่งใหญ่ไหนบ้าง ที่มีพระอยู่ใกล้ชิด เหมือนกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็อยู่ที่นั่น ไม่มีแน่ ไม่มีชนชาติไหนหรอกที่มีพระอย่างนี้อีกแล้ว 8 จะมีชนชาติที่ยิ่งใหญ่ไหนบ้าง ที่จะมีกฎและข้อบังคับที่ยุติธรรมเหมือนกับคำสอนทั้งหมดนี้ที่เราให้กับพวกท่านในวันนี้ ไม่มีแน่นอน 9 แต่ให้ระวังตัวเองไว้ให้ดี เพื่อท่านจะได้ไม่ลืมสิ่งที่ตาของท่านได้เห็นมา เพื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะได้ไม่จางหายไปจากใจของท่านจนตลอดชีวิต ท่านต้องสั่งสอนลูกและหลานของท่านต่อด้วย 10 ท่านต้องไม่ลืมสิ่งที่ท่านได้เห็นมา วันที่ท่านยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่ภูเขาซีนาย เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ให้รวบรวมประชาชนมาหาเรา เพื่อเราจะได้ให้พวกเขาฟังสิ่งที่เราจะบอก เพื่อพวกเขาจะได้เกรงกลัวเราตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ และพวกเขาจะได้สอนสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาต่อไป’ 11 พวกท่านเข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่ตีนเขา ภูเขานั้นลุกไหม้เป็นไฟสูงเสียดฟ้า และเกิดความมืด เมฆและหมอกหนาทึบเข้ามาปกคลุม 12 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับพวกท่านจากท่ามกลางไฟนั้น พวกท่านได้ยินแต่เสียงพูด แต่มองไม่เห็นรูปร่างอะไรเลย มีแต่เสียงเท่านั้น 13 พระองค์ได้ประกาศคำสอนของพระองค์ และพระองค์ได้สั่งให้พวกท่านทำตามคำสอนเหล่านั้น ซึ่งก็คือบัญญัติสิบประการ และพระองค์ได้เขียนมันไว้บนแผ่นหินสองแผ่น 14 เวลานั้นพระยาห์เวห์ได้สั่งให้เราสอนพวกท่าน ถึงกฎและข้อบังคับต่างๆเพื่อพวกท่านจะได้ทำตามคำสอนเหล่านั้นในดินแดนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเป็นเจ้าของ
15 ในวันนั้นที่พระยาห์เวห์พูดกับพวกท่านบนภูเขาซีนาย ตอนที่พระองค์พูดออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น เพราะพวกท่านไม่ได้เห็นรูปร่างอะไรเลย ก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี 16 เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ทำลายตัวเอง ด้วยการไปสร้างรูปเคารพให้กับตัวเอง เป็นรูปร่างต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นของชายหรือหญิง 17 หรือรูปปั้นของสัตว์ต่างๆที่อยู่บนบก หรือรูปปั้นของนกต่างๆที่บินอยู่ในท้องฟ้า 18 หรือรูปปั้นของพวกสัตว์เลื้อยคลานบนดิน หรือรูปปั้นของพวกปลาที่อยู่ในน้ำ 19 ให้ระวังตัวให้ดี เวลาที่ท่านมองดูท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว รวมทั้งสิ่งต่างๆที่อยู่ในท้องฟ้าแล้ว อย่าให้สิ่งต่างๆเหล่านั้นมาทำให้ท่านหลงผิด แล้วไปกราบไหว้และรับใช้พวกมัน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้จัดสรรสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้กับทุกๆชนชาติทั่วใต้ฟ้านี้ 20 แต่พระยาห์เวห์ได้รับพวกท่านและนำพวกท่านออกมาจากเตาหลอมเหล็ก คือออกมาจากอียิปต์ เพื่อมาเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้
21 เป็นเพราะพวกท่าน พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธเรามาก พระองค์จึงได้สาบานไว้ว่า เราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่ดีแห่งนั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยกให้ท่านเป็นเจ้าของ 22 เพราะเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ จะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่พวกท่านจะได้ข้ามแม่น้ำสายนั้น และจะได้เป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีแห่งนั้น 23 ระวังตัวให้ดี เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ลืมข้อตกลงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำไว้กับท่าน และเพื่อพวกท่านจะได้ไม่สร้างรูปเคารพเป็นรูปร่างต่างๆสำหรับตัวเอง ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งห้ามไว้ 24 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือไฟที่เผาผลาญและเป็นพระเจ้าที่หึงหวง[a]
25 เมื่อพวกท่านมีลูกมีหลานและอยู่บนแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน ถ้าพวกท่านทำตัวไม่ดีและสร้างรูปเคารพที่เป็นรูปอะไรก็แล้วแต่ และทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเห็นว่าชั่วร้าย เป็นการยั่วยุให้พระองค์โกรธ 26 เราขอเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อต้านท่านในวันนี้ว่า พวกท่านจะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วไปจากแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของนั้น พวกท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนานหรอก เพราะพวกท่านจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น 27 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติอื่นๆและพวกท่านก็จะเหลืออยู่แค่ไม่กี่คนในท่ามกลางชนชาตินั้นๆที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ให้พวกท่านเข้าไปอยู่ 28 ที่นั่นพวกท่านจะรับใช้พระต่างๆที่มือของคนทำขึ้นมา มีทั้งพระที่ทำจากไม้และหิน ที่มองก็ไม่เห็น ฟังก็ไม่ได้ยิน กินหรือดมกลิ่นก็ไม่ได้ 29 จากชนชาตินั้นๆพวกท่านจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะได้พบพระองค์ ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน 30 เมื่อท่านตกอยู่ในความทุกข์ยาก และเจอกับเรื่องต่างๆพวกนี้ ท่านก็จะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเชื่อฟังพระองค์ 31 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนั้นเป็นพระเจ้าที่มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งท่านและพระองค์ก็จะไม่ทำลายท่าน พระองค์จะไม่ลืมข้อตกลงที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน
คิดถึงสิ่งยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าได้ทำไว้
32 ไปถามดูสิ เกี่ยวกับวันเวลาที่ผ่านมา ที่มีมาก่อนท่านนานแสนนาน นับตั้งแต่วันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาในโลกนี้ ไปถามดูได้เลยจากสุดปลายฟ้าข้างนี้ไปถึงข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า หรือเคยได้ยินเรื่องอะไรอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า 33 เคยมีชนชาติไหนบ้างที่ได้ยินเสียงพระเจ้าพูดออกมาจากเปลวไฟเหมือนที่ท่านได้ยิน แล้วยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ 34 หรือเคยมีพระองค์ไหนบ้าง ที่พยายามเอาชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่ง เพื่อมาเป็นของพระองค์เอง พระองค์ใช้การทดลองต่างๆ เหตุการณ์พิเศษต่างๆ การอัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งสงคราม มือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนอันแข็งแกร่งที่ยื่นออก และการกระทำที่น่ากลัวต่างๆ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อท่าน และทำต่อหน้าต่อตาพวกท่านในประเทศอียิปต์ 35 พระองค์ทำอย่างนี้ให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้รู้ว่าพระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริง และไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วนอกจากพระองค์ 36 พระองค์ทำให้ท่านได้ยินเสียงของพระองค์จากสวรรค์เพื่อจะสั่งสอนท่าน และในโลกนี้ พระองค์ก็ทำให้ท่านเห็นไฟที่ยิ่งใหญ่ และท่านก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น
37 เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน พระองค์ถึงได้เลือกพวกท่านลูกหลานของพวกเขา และพระองค์เองที่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 เพื่อพระองค์จะได้ขับไล่ชนชาติอื่นที่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าท่านออกไปจากแผ่นดินของพวกเขา แล้วจะได้นำเอาท่านเข้าไปอยู่และยกแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้ท่านเป็นเจ้าของ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้
39 ดังนั้นในวันนี้ให้รับรู้และจำใส่ใจไว้เลยว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริงที่อยู่บนสวรรค์และบนโลกนี้ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก 40 ท่านต้องเชื่อฟังกฎและคำสั่งของพระองค์ที่เราได้สั่งกับท่านในวันนี้ เพื่อว่าท่านและลูกหลานของท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และเพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้กับท่านตลอดไป”
โมเสสเลือกเมืองสำหรับลี้ภัย
41 แล้วโมเสสได้เลือกเมืองสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 42 เอาไว้เป็นที่ลี้ภัยของคนที่ไปฆ่าคนอื่นมาโดยไม่ได้เจตนา และไม่เคยเกลียดคนที่ถูกฆ่ามาก่อน คนๆนั้นสามารถที่จะหนีไปอยู่ในเมืองเหล่านั้นได้ และมีชีวิตต่อไป 43 สามเมืองที่โมเสสเลือกคือ เมืองเบเซอร์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งกลางที่ราบสูงสำหรับชาวรูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดสำหรับชาวกาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับชาวมนัสเสห์
กฎของโมเสส
44 นี่คือคำสั่งสอนที่โมเสสได้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอล 45 สิ่งเหล่านี้คือคำสั่งสอน กฎและข้อบังคับที่โมเสสได้บอกกับชาวอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ 46 โมเสสได้ให้กฎต่างๆเหล่านี้กับพวกเขา ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในหุบเขาที่อยู่ตรงข้ามเบธเปโอร์ บนดินแดนของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ที่ปกครองเฮชโบน และถูกโมเสสกับชาวอิสราเอลโจมตีจนพ่ายแพ้เมื่อครั้งที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 47 ชาวอิสราเอลได้ยึดเอาแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ทั้งสององค์นี้เป็นกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ ที่ปกครองอยู่ในดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 48 ดินแดนแห่งนี้เริ่มจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ติดหุบเขาอารโนนไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือภูเขาเฮอร์โมน) 49 รวมทั้งหุบเขาจอร์แดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ลงไปทางใต้จนถึงทะเลตาย[b] และไปทางตะวันออกถึงตีนเขาปิสกาห์
บัญญัติสิบประการ
(อพย. 20:1-17)
5 โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาและพูดกับพวกเขาว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี ฟังกฎและข้อบังคับที่เรากำลังจะพูดกรอกหูของพวกท่านในวันนี้ ให้ศึกษามันและทำตามอย่างระมัดระวัง 2 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทำข้อตกลงกับพวกเราที่ภูเขาซีนาย 3 พระองค์ไม่ได้ทำข้อตกลงนี้กับบรรพบุรุษของพวกเรา แต่ทำกับพวกเรา ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำกับพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ 4 พระยาห์เวห์ได้พูดต่อหน้าพวกท่านออกมาจากไฟบนภูเขานั้น 5 เราได้ยืนอยู่ระหว่างพระยาห์เวห์กับพวกท่านในตอนนั้น เพื่อจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร เพราะพวกท่านกลัวไฟนั้น และไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา พระยาห์เวห์พูดว่า
6 ‘เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เราได้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากการเป็นทาสนั้น
7 เจ้าต้องไม่มีพระอื่นนอกจากเรา[c]
8 เจ้าต้องไม่ทำรูปเคารพให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ตามที่อยู่ในท้องฟ้า หรืออยู่บนพื้นดิน หรืออยู่ใต้น้ำ
9 เจ้าต้องไม่กราบไหว้หรือรับใช้สิ่งต่างๆเหล่านั้น เพราะเรา คือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หึงหวง[d] บาปที่รุ่นพ่อทำไว้ เราจะไปลงโทษที่ลูกของเขา และแม้แต่หลาน เหลน ของคนพวกนั้นที่เกลียดเรา 10 แต่คนที่รักเราและเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา เราก็จะเมตตาปรานีครอบครัวของเขาเป็นพันๆรุ่น
11 เจ้าต้องไม่อ้างชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเล่นๆ เพราะพระยาห์เวห์จะถือว่าคนนั้นมีความผิดที่อ้างชื่อของพระองค์มาสาบานกันเล่นๆ
12 ให้รักษาวันหยุดทางศาสนาไว้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งไว้ 13 ในช่วงหกวันแรกของแต่ละอาทิตย์ เจ้าก็ทำงานได้ตามปกติ
14 แต่วันที่เจ็ดเป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งอุทิศให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานใดๆในวันนั้น ทั้งตัวเจ้า ลูกชายลูกสาวของเจ้า หรือทาสชายหญิง หรือวัวหรือลาของเจ้า หรือสัตว์อื่นๆของเจ้าหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองของเจ้า เพื่อว่าทาสชายหญิงของเจ้าจะได้หยุดพักผ่อนเหมือนเจ้า 15 อย่าลืมว่าเจ้าก็เคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้นำเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจและแขนที่แข็งแกร่งของพระองค์ เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าถึงได้สั่งให้เจ้ารักษาวันหยุดทางศาสนา
16 ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้าตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีอายุยืนยาวและเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้านี้
17 เจ้าต้องไม่ฆ่าคน
18 เจ้าต้องไม่เป็นชู้
19 เจ้าต้องไม่ขโมย
20 เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ[e] ปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้า
21 เจ้าต้องไม่อยากได้เมียของเพื่อนบ้าน เจ้าต้องไม่โลภอยากได้ของของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่นา ทาสชายหญิง วัว หรือลา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของของเพื่อนบ้านเจ้า’”
ประชาชนกลัวพระเจ้า
(อพย. 20:18-21)
22 โมเสสพูดอีกว่า “คำสั่งพวกนี้ พระยาห์เวห์ได้พูดด้วยเสียงอันดังกับพวกท่านทั้งหมดที่มาประชุมกันอยู่ที่ภูเขา พระองค์พูดจากท่ามกลางไฟ เมฆและหมอกหนาทึบ หลังจากนั้น พระองค์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พระองค์ได้เขียนคำสั่งนี้ไว้บนแผ่นหินสองแผ่นและเอามาให้กับเรา
23 เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงจากความมืด ขณะที่ภูเขาลุกไหม้เป็นไฟ พวกท่านทั้งหลาย ที่เป็นหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโส[f] ก็ได้เข้ามาหาเรา 24 และพวกท่านพูดว่า ‘ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ได้แสดงสง่าราศีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้พวกเราเห็น และพวกเราก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากกลางไฟด้วย วันนี้พวกเราได้เห็นแล้วว่า พระเจ้าพูดกับคนได้โดยที่คนยังมีชีวิตอยู่ 25 แล้วทำไมเราจะต้องมาเสี่ยงกับความตายตอนนี้ด้วย ไฟนี้จะต้องทำลายพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีก เราจะต้องตาย 26 เพราะมีมนุษย์คนไหนบ้างที่เคยได้ยินเสียงของพระเจ้าเที่ยงแท้ จากท่ามกลางไฟเหมือนพวกเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่อีก ไม่มีแน่ 27 โมเสส ท่านเข้าไปใกล้ๆพระองค์และให้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะพูด แล้วให้มาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบอกท่าน แล้วเราจะฟังและทำตามนั้น’
พระยาห์เวห์พูดกับโมเสส
28 พระยาห์เวห์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกับเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘เราได้ยินคำพูดที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นดี 29 เราอยากให้พวกเขาทั้งหลายเกรงกลัวเรา และเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของเราเสมอ เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ทั้งกับตัวพวกเขาเองและกับลูกหลานของพวกเขาตลอดไป
30 ไปบอกพวกเขาว่า “กลับไปเต็นท์ของพวกเจ้าได้แล้ว” 31 แต่เจ้าอยู่ที่นี่กับเราก่อนและเราจะบอกถึงคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหมดกับเจ้า และเจ้าจะต้องเอาไปสอนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เอาไปทำในแผ่นดินที่เราจะให้พวกเขาเป็นเจ้าของ’
32 ดังนั้น พวกท่านต้องระวังที่จะทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ พวกท่านต้องไม่หลงไปทางซ้ายหรือทางขวา 33 พวกท่านต้องเดินตามทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ เพื่อพวกท่านจะได้มีชีวิตอยู่และเจริญรุ่งเรือง และมีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พวกท่านจะได้เป็นเจ้าของนั้น
รักและเชื่อฟังพระเจ้าอยู่เสมอ
6 นี่คือคำสั่ง กฎและข้อบังคับต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้สั่งให้เราเอามาสอนพวกท่าน ให้พวกท่านทำตามกฎต่างๆเหล่านี้ ในดินแดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเอานั้น 2 เพื่อท่าน และลูกๆหลานๆของท่านจะได้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตลอดชีวิต และรักษากฎและคำสั่งทั้งหมดที่เราได้สั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้มีอายุยืนยาว 3 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังไว้ให้ดี และให้ทำตามกฎเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังด้วย เพื่อท่านจะได้เจริญรุ่งเรืองและมีลูกหลานมากมาย กลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ บนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้สัญญาไว้กับท่าน
4 ประชาชนชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังไว้ให้ดี มีแต่พระยาห์เวห์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของเรา[g] 5 ท่านต้องรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ด้วยการทุ่มสุดใจ[h] สุดชีวิต[i] และสุดตัว[j] ของท่านให้กับพระองค์ 6 คำสั่งเหล่านี้ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้จดจำไว้ในใจเสมอ 7 ท่องให้กับลูกๆฟัง และพูดถึงคำสั่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในบ้านหรือเดินอยู่บนท้องถนน หรือนอนหรือลุกขึ้น 8 เขียนผูกไว้ที่แขนเพื่อย้ำเตือน และผูกไว้ที่หน้าผากเหมือนผ้าโพกหัว 9 เขียนไว้ที่เสาประตูบ้านและที่ประตูเมืองของท่าน
10 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน นำท่านเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ บรรพบุรุษของท่าน ว่าจะให้กับท่าน เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเมืองที่ร่ำรวยยิ่งใหญ่ ที่ท่านไม่ได้สร้าง 11 และบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยของดีๆมากมาย ที่ท่านไม่ต้องหามาใส่ไว้ และบ่อน้ำที่ท่านไม่ต้องขุด ไร่องุ่นและไร่มะกอกที่ท่านไม่ต้องปลูก เมื่อท่านได้กินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว 12 ระวังตัวให้ดี เพื่อท่านจะไม่ลืมพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์พ้นจากการเป็นทาสนั้น 13 ท่านต้องเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์ และสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ว่า 14 พวกท่านจะไม่ไปติดตามพระอื่น ไม่ว่าจะเป็นพระองค์ไหนก็ตามที่เป็นของชนชาติที่อยู่รอบข้างเจ้า 15 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่อยู่ท่ามกลางท่านเป็นพระเจ้าที่หึงหวง ดังนั้นให้ระวังตัวให้ดี เพื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่โกรธท่านและทำลายท่านไปจากโลกนี้
16 พวกท่านต้องไม่ลองดีกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เหมือนกับที่พวกท่านเคยลองดีกับพระองค์มาแล้วที่มัสสาห์ 17 พวกท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน รวมทั้งคำสั่งและกฎของพระองค์ที่พระองค์ได้สั่งท่านไว้ 18 ท่านต้องทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดี เพื่อท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และได้เข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของท่าน 19 โดยที่พระองค์จะขับไล่ศัตรูของท่านออกไปต่อหน้าท่าน ตามที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้
สอนสิ่งที่พระเจ้าได้ทำ
20 ในอนาคตเมื่อลูกของท่านถามท่านว่า ‘คำสั่ง กฎและข้อบังคับต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราสั่งพวกท่านไว้มีความหมายว่าอะไร’ 21 แล้วท่านจะได้ตอบกับลูกของท่านว่า ‘พวกเราเคยเป็นทาสของกษัตริย์ฟาโรห์ในประเทศอียิปต์มาก่อน แต่พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากอียิปต์ด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 22 เราได้เห็นพระยาห์เวห์ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวต่างๆ รวมทั้งสิ่งมหัศจรรย์กับประเทศอียิปต์ กับกษัตริย์ฟาโรห์และกับทุกคนที่อยู่ในบ้านของเขา 23 และพระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกจากที่นั่น เพื่อจะนำพวกเรามาถึงแผ่นดินที่พระองค์เคยสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา และยกแผ่นดินนั้นให้กับเราด้วย 24 พระยาห์เวห์สั่งให้พวกเราเชื่อฟังกฎเหล่านี้ทั้งหมดและให้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา เพราะมันจะดีสำหรับพวกเราเสมอ และจะทำให้เรามีชีวิตอยู่เหมือนกับที่เราเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ 25 ถ้าพวกเราทำตามคำสั่งของพระองค์ที่ได้สั่งเราไว้อย่างระมัดระวัง พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราก็จะพอใจเรา’
พระเยซูเข้าเมืองเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์
(มธ. 21:1-11; ลก. 19:28-40; ยน. 12:12-19)
11 เมื่อพระเยซูและพวกศิษย์ใกล้ถึงเมืองเยรูซาเล็ม ก็เข้าไปในหมู่บ้านเบธฟายี และหมู่บ้านเบธานี ที่อยู่ตรงเชิงเขามะกอกเทศ พระองค์ส่งศิษย์สองคนไปก่อนล่วงหน้า 2 พร้อมกับสั่งว่า “ให้เข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้านั้น ทันทีที่คุณไปถึงคุณจะเห็นลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่เคยมีใครขี่มันมาก่อน ให้แก้มัดมันแล้วจูงมาให้เราที่นี่ 3 ถ้ามีใครถามว่า ‘แก้มัดมันทำไม’ ให้ตอบว่า ‘องค์เจ้าชีวิตต้องการใช้มัน แล้วจะรีบเอามาคืนให้’”
4 ศิษย์ทั้งสองก็ไป และพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่หน้าประตูข้างถนน พวกเขาแก้เชือกออก 5 มีบางคนที่ยืนอยู่แถวนั้นถามว่า “แก้เชือกมันทำไม” 6 ศิษย์ทั้งสองก็ตอบตามที่พระเยซูสั่งมา พวกเขาจึงยอมให้เอาลูกลาไป 7 เมื่อศิษย์ทั้งสองจูงลูกลามาให้พระเยซู พวกเขาก็เอาเสื้อคลุมของตัวเองปูบนหลังลาให้พระองค์ขี่ไป 8 ชาวบ้านมากมายเอาเสื้อคลุมมาปูตามทาง บางคนเอากิ่งไม้ที่ตัดจากทุ่งมาปูให้ด้วย 9 ทั้งพวกที่เดินนำหน้าและพวกที่เดินตามหลัง ก็ส่งเสียงร้องตะโกนว่า
10 “ขอพระเจ้าอวยพรอาณาจักรของดาวิดบรรพบุรุษของเรา
คืออาณาจักรที่กำลังจะมา
ไชโย แด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในสวรรค์”
11 แล้วพระเยซูก็เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์ไปที่วิหาร เดินดูรอบๆจนทั่ว แต่เพราะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว พระองค์ก็เลยกลับไปที่หมู่บ้านเบธานีกับพวกศิษย์ทั้งสิบสองคน
พระเยซูสาปต้นมะเดื่อ
(มธ. 21:18-19)
12 วันรุ่งขึ้นขณะที่ออกมาจากหมู่บ้านเบธานี พระเยซูรู้สึกหิว 13 พระองค์มองเห็นต้นมะเดื่ออยู่แต่ไกล มีใบอยู่เต็มต้น พระองค์ก็เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองหาลูกของมัน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าไม่มีลูกเลยสักลูก มีแต่ใบเต็มไปหมดเพราะยังไม่ถึงฤดูออกลูก 14 พระองค์จึงพูดกับต้นมะเดื่อนั้นว่า “อย่าให้ใครได้กินลูกจากเจ้าอีกเลย” และพวกศิษย์ได้ยินคำพูดนี้ด้วย
พระเยซูในวิหาร
(มธ. 21:12-17; ลก. 19:45-48; ยน. 2:13-22)
15 เมื่อมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม พระเยซูได้เข้าไปในเขตวิหาร และขับไล่พวกที่มาซื้อมาขายข้าวของกันอยู่ในวิหารนั้น พระองค์คว่ำโต๊ะคนรับแลกเงิน และม้านั่งของพวกที่ขายนกพิราบ 16 พระองค์ห้ามไม่ให้คนแบกของผ่านไปมาในเขตวิหาร 17 แล้วสั่งสอนพวกเขาว่า “พระคัมภีร์ไม่ได้เขียนไว้หรือว่า ‘บ้านของเรามีชื่อว่า บ้านอธิษฐานสำหรับชนทุกชาติ[c] แต่พวกเจ้ากลับทำให้มันเป็นรังโจร’”[d]
18 เมื่อพวกผู้นำนักบวชและพวกครูสอนกฎปฏิบัติรู้เรื่องนี้ ก็หาทางที่จะฆ่าพระองค์ แต่พวกเขากลัวพระองค์เพราะมีชาวบ้านมากมายที่ตื่นเต้นกับคำสอนของพระองค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International