Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 29-31

เทศกาลแตร

(ลนต. 23:23-25)

29 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด จะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานใดๆ วันนั้นจะเป็นวันเป่าแตร[a] ของพวกเจ้า เจ้าจะถวายสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือวัวหนุ่มหนึ่งตัวจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะอายุหนึ่งปีเจ็ดตัว พวกมันต้องไม่มีตำหนิใดๆ เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมกับพวกมัน โดยใช้แป้งอย่างดีหกลิตรครึ่ง[b] ผสมน้ำมันสำหรับวัวแต่ละตัว แป้งสี่ลิตรครึ่ง[c] สำหรับแกะตัวผู้แต่ละตัว แป้งสองลิตร[d] สำหรับลูกแกะแต่ละตัวจากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น และต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจ้า เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมา ไม่นับรวมเครื่องเผาบูชารายเดือนกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และไม่รวมเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และเครื่องดื่มบูชาตามที่กำหนดไว้แต่ละอย่าง พวกมันจะเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์

วันชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

(ลนต. 23:26-32)

ในวันที่สิบของเดือนเจ็ด เจ้าจะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่กินอาหารหรือทำงานใดๆ เจ้าต้องถวายสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือวัวหนุ่มตัวหนึ่งจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว เจ้าต้องแน่ใจว่าพวกมันไม่มีตำหนิใดๆ และเจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมๆกันด้วย โดยใช้แป้งอย่างดีผสมน้ำมัน ใช้แป้งหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัว ใช้แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัว 10 และใช้แป้งสองลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัว จากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 11 เจ้ายังต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้ เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องบูชาชำระล้าง ที่ใช้ในวันชำระล้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์[e] และเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และเครื่องดื่มบูชาที่มาในชุดเดียวกันนั้นด้วย

เทศกาลอยู่เพิง

(ลนต. 23:33-44)

12 ในวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด[f] เจ้าจะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่ทำงานที่ใช้แรงงานและต้องจัดเทศกาลเฉลิมฉลองให้เกียรติกับพระยาห์เวห์เป็นเวลาเจ็ดวัน 13 เจ้าต้องถวายเครื่องเผาบูชา เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือวัวหนุ่มสิบสามตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว พวกมันต้องไม่มีตำหนิใดๆ 14 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมๆกันด้วย โดยใช้แป้งอย่างดีผสมน้ำมัน ใช้แป้งหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัวจากวัวทั้งสิบสามตัวนั้น แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัวจากแกะสองตัวนั้น 15 และใช้แป้งสองลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัวจากลูกแกะทั้งสิบสี่ตัวนั้น 16 และต้องถวายแกะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง นอกเหนือไปจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

17 ในวันที่สอง ต้องถวายวัวหนุ่มสิบสองตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 18 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ 19 และบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

20 ในวันที่สาม ต้องบูชาวัวหนุ่มสิบเอ็ดตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 21 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ 22 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

23 ในวันที่สี่ ต้องบูชาวัวหนุ่มสิบตัวจากฝูงแกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 24 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่ได้กำหนด 25 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

26 ในวันที่ห้า ต้องบูชาวัวหนุ่มเก้าตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 27 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 28 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

29 ในวันที่หก ต้องบูชาวัวหนุ่มแปดตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 30 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 31 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

32 ในวันที่เจ็ด ต้องบูชาวัวหนุ่มเจ็ดตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 33 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 34 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

35 ในวันที่แปด เจ้าจะมีพิธีปิดการประชุม เจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานในวันนั้น 36 เจ้าต้องนำเครื่องบูชาต่อไปนี้มาเป็นเครื่องเผาบูชาและของถวายที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือ มีวัวหนึ่งตัว แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 37 และต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 38 และเจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมา ไม่รวมถึงเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน

39 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ให้พระยาห์เวห์ในวันหยุดพิเศษของเจ้า เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาของเจ้า เป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องดื่มบูชาและเป็นเครื่องสังสรรค์บูชาของเจ้านอกเหนือไปจากเครื่องบูชาที่เจ้าสัญญาไว้และของขวัญพิเศษของเจ้า’”

40 ดังนั้นโมเสสจึงบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้

สัญญาพิเศษ

30 โมเสสพูดกับพวกหัวหน้าเผ่าต่างๆของชาวอิสราเอลว่า พระยาห์เวห์สั่งไว้ว่าอย่างนี้คือ

“เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งได้บนไว้กับพระยาห์เวห์ หรือสาบานไว้ว่าจะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง เขาต้องไม่ผิดคำพูด เขาต้องรักษาคำพูดของเขาทุกอย่าง

แต่เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้สาบานต่อพระยาห์เวห์ ที่จะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง ตอนที่นางอาศัยอยู่กับพ่อ เพราะยังเป็นเด็กอยู่ และพ่อของนางก็ได้ยินสิ่งที่นางสาบาน และไม่ได้ห้ามอะไร นางต้องรักษาสิ่งที่นางได้สาบานไว้ทั้งหมด แต่ถ้าพ่อของนางห้ามนาง ตอนที่ได้ยินนางสาบาน นางก็ไม่ต้องทำตามคำสาบานนั้น พระยาห์เวห์จะยกโทษให้นาง เพราะพ่อของนางได้ห้ามนางตั้งแต่แรก

แต่ถ้านางได้สาบานหรือสัญญาต่อพระยาห์เวห์ แล้วไปแต่งงาน เมื่อสามีของนางรู้เข้า แต่ไม่ได้ว่าอะไรในวันที่เขาได้ยินเรื่องนี้ นางก็ต้องรักษาคำสาบานนั้น แต่ถ้าสามีของนางห้ามนาง ในวันที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ได้ยกเลิกคำสาบานหรือคำสัญญานั้นของนาง และพระยาห์เวห์ก็จะยกโทษให้นาง

เมื่อแม่หม้าย หรือหญิงที่หย่ากับสามี สาบานอะไรไว้ก็ตาม พวกเขาก็ต้องทำตามคำสาบานนั้นทุกอย่าง 10 แต่ถ้าหญิงที่แต่งงานแล้วได้บนไว้ หรือได้สาบานไว้ว่าจะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง 11 และสามีนางได้ยินเข้า แต่ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ได้ห้ามด้วย นางจะต้องทำตามที่บนไว้ หรือที่สาบานไว้ทุกอย่าง 12 แต่ถ้าสามีนางยกเลิกคำสาบานพวกนั้น ในวันที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น นางก็ไม่ต้องทำตามสิ่งที่นางได้สาบาน เพราะสามีนางได้ยกเลิกพวกมันไปหมดแล้ว และพระยาห์เวห์ก็จะยกโทษให้กับนาง 13 สามีของนางอาจจะให้นางทำตามคำสาบานนั้น หรือเขาอาจจะยกเลิกมันก็ได้ 14 ถ้าสามีนางไม่พูดอะไรกับนาง หลังจากวันที่เขาได้ยินเกี่ยวกับมัน นางจะต้องรักษาคำสาบานที่นางทำไว้ทั้งหมด เพราะเขาไม่ได้ว่าอะไรนางในวันที่เขาได้ยินเรื่องนั้น 15 แต่ถ้าสามีนางมายกเลิกสัญญาพวกนี้ ภายหลังจากวันที่เขาได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว เขาจะต้องรับโทษแทนนาง”

16 นี่คือกฎที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้เกี่ยวกับเรื่องระหว่างสามีและภรรยาของเขา และระหว่างพ่อกับลูกสาวที่ยังอยู่ในบ้านของพ่อเพราะยังเด็กอยู่

ชาวอิสราเอลตอบโต้กลับชาวมีเดียน

31 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “หาทางแก้แค้นชาวมีเดียนคืน ที่พวกมันทำไว้กับชาวอิสราเอล แล้วหลังจากนั้น เจ้าจะตายและไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้า”

โมเสสจึงพูดกับประชาชนว่า “เลือกคนของพวกท่านมาจำนวนหนึ่งเพื่อไปออกรบ เพื่อพวกเขาจะได้โจมตีชาวมีเดียน ให้สมกับแค้นที่พระยาห์เวห์มีต่อชาวมีเดียน ท่านต้องส่งคนหนึ่งพันคน[g] จากแต่ละเผ่าของอิสราเอลเพื่อไปทำสงครามนี้” เมื่อรวมคนอิสราเอลเผ่าละหนึ่งพันคนจากทุกเผ่าแล้ว ได้คนที่จะไปทำสงครามทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันคน

โมเสสจึงส่งคนไปรบ จากเผ่าละหนึ่งพันคน โมเสสส่งพวกเขาและฟีเนหัสลูกชายนักบวชเอเลอาซาร์ไปสงคราม ฟีเนหัสเอาของศักดิ์สิทธิ์ และแตรให้สัญญาณติดตัวไปด้วย พวกเขาจึงต่อสู้กับพวกมีเดียนตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ พวกเขาฆ่าผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายชาวมีเดียนทุกคนในแคว้นนั้น พร้อมๆกับเหยื่ออื่นๆด้วย พวกเขาฆ่าพวกกษัตริย์ชาวมีเดียน มี เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์และเรบา ทั้งห้าคนนี้เป็นกษัตริย์ของมีเดียน พวกเขายังฆ่าบาลาอัมลูกชายเบโอร์ด้วยดาบ

ชาวอิสราเอลได้จับผู้หญิงและเด็กๆชาวมีเดียนไปด้วย พวกเขายังยึดเอาสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ฝูงวัวและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคนเหล่านั้นไว้ 10 ชาวอิสราเอลได้เผาทิ้งบ้านเมืองทั้งหมดของชาวมีเดียนที่พวกเขาได้ตั้งรกรากกันอยู่ รวมทั้งค่ายทั้งหมด 11 พวกเขาได้ยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้จากสงคราม รวมทั้งคนและสัตว์ 12 และนำเชลยเหล่านั้นและสิ่งของที่ยึดได้จากสงครามไปให้โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์และชุมชนชาวอิสราเอล ที่ค่ายในที่ราบโมอับใกล้แม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค 13 โมเสส นักบวชเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำชุมชน ต่างออกมาพบพวกเขาที่นอกค่าย

14 โมเสสโกรธมากต่อบรรดาผู้นำกองทัพ พวกผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อยที่กลับจากสงคราม 15 โมเสสพูดกับพวกเขาว่า “นี่ท่านไว้ชีวิตพวกผู้หญิงหรือ 16 พวกนี้นี่แหละที่ทำตามคำแนะนำของบาลาอัม ทำให้ชาวอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์ที่เปโอร์ จนทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงมาทำลายชุมชนของพระยาห์เวห์ 17 ฉะนั้น ตอนนี้ฆ่าเด็กผู้ชายทุกคนและฆ่าผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย 18 แต่ไว้ชีวิตหญิงสาวทุกคนสำหรับพวกท่าน หญิงสาวที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อน 19 พวกท่านต้องอยู่ที่นอกค่ายก่อนเป็นเวลาเจ็ดวัน พวกท่านทุกคนหรือเชลยที่ได้ฆ่าคนหรือแตะต้องร่างคนตายมา ต้องชำระตัวเองในวันที่สามและในวันที่เจ็ด 20 ท่านต้องซักล้างเสื้อผ้าทั้งหมด เครื่องหนังทั้งหมด ทุกสิ่งที่ทำจากขนแพะ รวมทั้งทุกสิ่งที่ทำจากไม้”

21 แล้วนักบวชเอเลอาซาร์ก็พูดกับพวกผู้ชายที่ไปรบมาว่า “นี่เป็นกฎที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ คือ 22-23 ทุกอย่างที่ทนไฟได้ ต้องเอาไปวางไว้ในไฟ ท่านต้องเอา ทอง เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ดีบุกและตะกั่ว ไปวางไว้ในไฟ แล้วนำไปล้างน้ำ เพื่อทำให้มันบริสุทธิ์ ส่วนของทุกอย่างที่ไม่ทนไฟ ให้พวกท่านนำไปล้างน้ำ 24 ในวันที่เจ็ด ท่านต้องซักเสื้อผ้าของท่าน และท่านจะสะอาด หลังจากนั้นท่านถึงจะเข้าไปในค่ายได้”

25 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 26 “เจ้าและนักบวชเอเลอาซาร์และพวกผู้นำครอบครัวของชุมชน ให้นับทุกสิ่งทุกอย่างที่ยึดมาได้ในสงครามไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ 27 ให้แบ่งสิ่งที่ยึดมาได้ทั้งหมด ระหว่างทหารที่ออกไปรบกับคนในชุมชน โดยแบ่งให้ฝ่ายละครึ่ง 28 เจ้าต้องหักภาษีให้พระยาห์เวห์ด้วย ครึ่งหนึ่งที่เป็นของทหารที่ออกไปรบนั้น ให้หักออกมาหนึ่งส่วนจากทุกๆห้าร้อย ไม่ว่าจะเป็นคน วัว ลาหรือแกะ 29 ของเหล่านี้จะถูกหักออกจากส่วนของพวกเขา เพื่อให้กับนักบวชเอเลอาซาร์ เพื่อเป็นของขวัญแก่พระยาห์เวห์ 30 อีกครึ่งหนึ่งของประชาชนชาวอิสราเอล ให้หักออกมาหนึ่งส่วนจากทุกๆห้าสิบ ไม่ว่าจะเป็นคน วัว ลาหรือแกะ รวมทั้งสัตว์ทุกชนิด เจ้าต้องนำส่วนที่หักได้นี้ไปให้ชาวเลวี ที่ทำหน้าที่เป็นยามคอยเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์”

31 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ทุกอย่าง 32 สิ่งต่างๆที่พวกทหารยึดมาได้จากสงคราม คือ แกะหกแสนเจ็ดหมื่นห้าพันตัว 33 วัวเจ็ดหมื่นสองพันตัว 34 ลาหกหมื่นหนึ่งพันตัว 35 และคนสามหมื่นสองพันคน ทั้งหมดนี้เป็นหญิงสาวที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อน 36 ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของทหาร คือ แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว 37 เป็นภาษีของพระยาห์เวห์ หกร้อยเจ็ดสิบห้าตัว 38 วัวทั้งหมดสามหมื่นหกพันตัว เป็นภาษีของพระยาห์เวห์เจ็ดสิบสองตัว 39 ลาทั้งหมดสามหมื่นห้าร้อยตัว เป็นภาษีของพระยาห์เวห์หกสิบเอ็ดตัว 40 จำนวนคนทั้งหมดหนึ่งหมื่นหกพันคน เป็นภาษีของพระยาห์เวห์สามสิบสองคน 41 โมเสสให้ภาษีส่วนที่เป็นของขวัญของพระยาห์เวห์ให้กับนักบวชเอเลอาซาร์ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้

42 ส่วนแบ่งอีกครึ่งหนึ่งของประชาชนชาวอิสราเอลที่โมเสสได้จากทหาร 43 ที่เป็นครึ่งหนึ่งของชุมชนคือ แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว 44 วัวสามหมื่นหกพันตัว 45 ลาสามหมื่นห้าร้อยตัว 46 และคนหนึ่งหมื่นหกพันคน 47 จากครึ่งหนึ่งที่เป็นส่วนแบ่งของประชาชนชาวอิสราเอล โมเสสหักออกมาหนึ่งส่วนในทุกๆห้าสิบ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ และเอาไปให้ชาวเลวีที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

48 แล้วบรรดาผู้นำกองทัพ ผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อยต่างมาหาโมเสส 49 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “พวกเราผู้รับใช้ของท่านได้นับทหารที่อยู่ในมือของเรา แล้วพบว่าไม่มีใครหายไปเลย 50 เราได้เอาพวกเครื่องทองที่พวกเราเจอ เอามาเป็นเครื่องถวายให้กับพระยาห์เวห์คือ กำไลแขน สร้อยข้อมือ แหวนตรา ตุ้มหูและสร้อยคอ มาเป็นค่าไถ่ชีวิตของเราต่อหน้าพระยาห์เวห์”

51 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์รับทองจากพวกเขา ทุกอย่างเป็นของที่ทำอย่างประณีต 52 ทองทั้งหมดที่บรรดาผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อย เอามาถวายให้เป็นของขวัญของพระยาห์เวห์นั้น มีน้ำหนักรวมหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดกิโลกรัม[h] 53 ส่วนของที่พลทหารได้ยึดเอามา พวกเขาก็เก็บเอาไว้เอง 54 ดังนั้นโมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์จึงนำทองจากบรรดาผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย ไปที่เต็นท์นัดพบ เพื่อเป็นที่ระลึก[i] สำหรับประชาชนชาวอิสราเอลต่อหน้าพระยาห์เวห์

มาระโก 9:1-29

แล้วพระองค์พูดกับพวกเขาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า มีบางคนในที่นี้จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้ามาพร้อมกับฤทธิ์เดชเสียก่อน”

พระเยซูอยู่กับโมเสส และเอลียาห์

(มธ. 17:1-13; ลก. 9:28-36)

หกวันต่อมาพระเยซูได้พาเปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาสูงกัน แล้วลักษณะของพระเยซูก็เปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา เสื้อผ้าของพระองค์กลายเป็นสีขาวเปล่งประกายแวววับ ขาวกว่าที่คนฟอกผ้าในโลกนี้จะฟอกให้ขาวขนาดนี้ได้ แล้วพวกเขาก็เห็นเอลียาห์กับโมเสส[a] กำลังคุยอยู่กับพระเยซู

เปโตรบอกพระเยซูว่า “อาจารย์ครับ ดีมากเลยที่พวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราจะได้สร้างเพิง ขึ้นมาสามหลัง ให้อาจารย์หลังหนึ่ง ให้โมเสสหลังหนึ่ง และให้เอลียาห์อีกหลังหนึ่ง” (เปโตรไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะพวกเขากำลังตกใจกลัวมาก)

จากนั้นก็มีเมฆลอยมาปกคลุมพวกเขาไว้ และมีเสียงพูดก้องออกมาจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้คือลูกรักของเรา ให้เชื่อฟังท่าน”

พวกเขาก็หันไปดูรอบๆแต่ไม่เห็นใครเลยนอกจากพระเยซู

ขณะที่เดินลงมาจากภูเขา พระเยซูสั่งห้ามพวกเขาไม่ให้เล่าเรื่องที่เห็นนี้ให้ใครฟัง จนกว่าบุตรมนุษย์จะฟื้นขึ้นจากความตาย

10 พวกเขาก็ทำตามที่พระเยซูสั่ง แต่ก็ถามกันเองว่าที่พระองค์พูดว่า “ฟื้นขึ้นจากความตาย” หมายถึงอะไร

11 พวกเขาถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกครูสอนกฎปฏิบัติถึงบอกว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน[b]

12 พระเยซูตอบว่า “ถูกแล้ว เอลียาห์ต้องมาก่อน เพื่อมาเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ทำไมถึงได้มีคำเขียนว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสและถูกทำให้อับอายขายหน้า 13 เราจะบอกให้รู้ว่า เอลียาห์ก็ได้มาแล้ว และพวกเขาก็ทำกับเอลียาห์ตามใจชอบของพวกเขา เหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์”

พระเยซูรักษาเด็กที่มีผีชั่วสิงอยู่

(มธ. 17:14-20; ลก. 9:37-43)

14 เมื่อพวกเขาลงมาถึงที่ๆพวกศิษย์คนอื่นๆอยู่ ก็เห็นฝูงชนจำนวนมากรุมล้อมพวกศิษย์เหล่านั้น พวกครูสอนกฎปฏิบัติกำลังเถียงกับศิษย์พวกนั้นอยู่ 15 เมื่อฝูงชนเห็นพระเยซู ก็รู้สึกแปลกใจมาก แล้วพากันวิ่งมาต้อนรับพระองค์

16 พระเยซูถามว่า “กำลังเถียงกันเรื่องอะไร”

17 ชายคนหนึ่งในฝูงชนตอบว่า “อาจารย์ครับ ผมพาลูกชายมาหาท่าน เขาถูกผีชั่วสิงทำให้พูดไม่ได้ 18 ทุกครั้งที่มันแผลงฤทธิ์ออกมา เด็กจะล้มลง น้ำลายฟูมปาก กัดฟันแน่น ตัวแข็งทื่อไปหมด ผมขอให้พวกศิษย์ของท่านขับผีชั่วออกให้ แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้”

19 แล้วพระเยซูพูดว่า “พวกขาดความเชื่อ เราจะต้องอยู่กับพวกคุณไปอีกนานแค่ไหน เราจะต้องอดทนกับพวกคุณไปถึงไหน พาเด็กนั้นมานี่ซิ”

20 พวกเขาก็พาเด็กมา เมื่อผีชั่วในเด็กเห็นพระเยซู มันก็ทำให้เด็กชักกระตุกอย่างแรง ล้มลงกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น น้ำลายฟูมปาก

21 พระเยซูก็ถามพ่อของเด็กว่า “เป็นอย่างนี้มานานแล้วหรือยัง” พ่อเด็กตอบว่า “เป็นตั้งแต่เล็กๆเลยครับ 22 ไอ้ผีชั่วจะฆ่าเขาหลายครั้งแล้ว ทำให้ตกลงไปในไฟบ้าง หรือตกน้ำบ้าง ถ้าอาจารย์ช่วยได้ก็โปรดสงสารช่วยพวกเราด้วยเถิด”

23 พระเยซูจึงตอบว่า “ทำไมถึงพูดว่า ‘ถ้าอาจารย์ช่วยได้’ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับคนที่เชื่อ”

24 พ่อของเด็กจึงรีบร้องบอกทันทีว่า “ผมเชื่อครับ ช่วยทำให้ผมเชื่อมากขึ้นด้วยครับ”

25 เมื่อพระองค์เห็นว่าคนเริ่มมามุงดูมากขึ้น พระองค์ตวาดผีชั่วว่า “ไอ้ผีชั่วที่ทำให้คนหูหนวกและเป็นใบ้ เราสั่งให้แกออกมาจากเด็กคนนั้น และอย่าได้เข้าสิงเขาอีกเป็นอันขาด”

26 ผีชั่วก็กรีดร้องเสียงดัง มันทำให้เด็กชักกระตุกอย่างแรง แล้วออกจากร่างเด็กไป เด็กนั้นก็แน่นิ่งเหมือนตายแล้ว มีเสียงบ่นกันพึมพำว่า “เขาตายแล้ว” 27 แต่พระเยซูจับมือของเด็กและพยุงเขาขึ้นมา เด็กก็ลุกขึ้นยืน

28 เมื่อพระเยซูเข้าไปในบ้าน พวกศิษย์มาถามพระองค์ส่วนตัวว่า “อาจารย์ ทำไมพวกเราถึงไล่ผีชั่วตัวนั้นไม่ได้ล่ะครับ”

29 พระองค์บอกว่า “มีทางเดียวที่จะไล่ผีชั่วชนิดนี้ออกได้ คือต้องอธิษฐาน”[c]

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International