Old/New Testament
บทกลอนแรกของบาลาอัม
23 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้กับข้าพเจ้าที่นี่และให้เตรียมวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัวไว้ให้กับข้าพเจ้า” 2 บาลาคจึงทำตามที่บาลาอัมบอก แล้วบาลาคและบาลาอัมก็บูชาวัวผู้หนึ่งตัวและแกะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา บนแท่นบูชาแต่ละแท่น
3 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ไปยืนอยู่ข้างๆเครื่องเผาบูชาของท่าน ข้าพเจ้าจะปลีกตัวออกไปอยู่ตามลำพัง บางทีพระยาห์เวห์อาจจะมาพบข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะมาบอกท่านว่าพระองค์แสดงอะไรให้กับข้าพเจ้าบ้าง” บาลาอัมจึงขึ้นไปบนยอดเขา
4 พระเจ้าได้มาพบบาลาอัม บาลาอัมพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำแท่นบูชาขึ้นเจ็ดแท่น และได้บูชาวัวผู้ตัวหนึ่งกับแกะผู้ตัวหนึ่งให้เป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นแต่ละแท่น”
5 พระยาห์เวห์ได้ใส่คำพูดเข้าไปในปากของบาลาอัม พระองค์บอกเขาว่า “ให้กลับไปหาบาลาคและพูดสิ่งนี้”
6 บาลาอัมจึงกลับไปหาบาลาค บาลาคยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชากับบรรดาผู้นำของโมอับ 7 บาลาอัมจึงพูดกลอนนี้ออกมาว่า
“บาลาคนำตัวข้าพเจ้ามาจากอารัม
กษัตริย์ของโมอับนำข้าพเจ้ามาที่นี่จากภูเขาทางตะวันออก
บาลาคพูดว่า ‘มาเถิด มาสาปแช่งยาโคบให้เรา
มาเถิด มาพูดต่อต้านประชาชนชาวอิสราเอล’
8 ข้าพเจ้าจะพูดสาปแช่งคนที่พระเจ้าไม่ได้สาปแช่งได้อย่างไร
จะให้ข้าพเจ้าพูดต่อต้านคนที่พระยาห์เวห์ไม่ได้พูดต่อต้านได้อย่างไร
9 เพราะจากยอดเขาข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา
และจากเนินเขาข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา
ดูสิ พวกเขาตั้งเต็นท์อยู่แต่เพียงลำพัง
และไม่ได้เป็นพันธมิตรกับคนชาติอื่นๆ
10 มีใครสามารถนับคนของยาโคบได้บ้าง
พวกเขามีจำนวนมากพอๆกับเม็ดฝุ่น
หรือมีใครที่สามารถนับจำนวนแม้เพียงหนึ่งในสี่ของชาวอิสราเอลได้บ้าง
ปล่อยให้ข้าพเจ้าตายเหมือนคนดีๆพวกนี้เขาตายกันเถิด
และปล่อยให้จุดจบข้าพเจ้าเป็นเหมือนกับจุดจบของพวกเขาเถิด”
11 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ท่านทำอะไรกับเรานี่ เราเอาท่านมาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ ท่านกลับมาอวยพรพวกเขา”
12 บาลาอัมจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าต้องระวังที่จะพูดในสิ่งที่พระยาห์เวห์ใส่ไว้ในปากของข้าพเจ้า ไม่ใช่หรือ”
13 บาลาคจึงพูดกับเขาว่า “ไปกับเราอีกที่หนึ่ง ท่านจะเห็นคนเหล่านั้น ท่านจะมองเห็นพวกเขาเพียงบางส่วน ท่านจะไม่เห็นพวกเขาทั้งหมด สาปแช่งพวกเขาให้เราจากที่นั่น” 14 บาลาคจึงพาบาลาอัมไปที่ทุ่งโศฟิม[a] บนยอดเขาปิสกาห์ บาลาคสร้างแท่นบูชาขึ้นเจ็ดแท่น และบูชาวัวผู้หนึ่งตัวกับแกะผู้หนึ่งตัว ให้เป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแต่ละแท่น
15 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ยืนอยู่ที่นี่ข้างๆเครื่องเผาบูชาของท่าน ขณะที่ข้าพเจ้าไปพบพระยาห์เวห์ที่โน่น”
16 พระยาห์เวห์ได้มาพบบาลาอัม และใส่คำพูดเข้าไปในปากของเขา พระองค์พูดว่า “กลับไปหาบาลาคและพูดสิ่งนี้” 17 บาลาอัมจึงไปหาบาลาค ที่นั่น เขายังคงยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาพร้อมกับพวกผู้นำของโมอับ แล้วบาลาคก็ถามเขาว่า “พระยาห์เวห์พูดอะไร”
บทกลอนที่สองของบาลาอัม
18 บาลาอัมจึงพูดออกมาเป็นกลอนว่า
“ยืนขึ้น บาลาค และฟัง
ฟังข้าพเจ้า ลูกชายของศิปโปร์
19 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ที่พูดโกหก
และก็ไม่ใช่มนุษย์ที่ชอบเปลี่ยนใจ
มีหรือที่พระองค์พูดแล้วไม่ทำ
หรือสัญญาแล้วไม่ทำตามสัญญานั้น
20 ฟังนะ ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้อวยพร
พระเจ้าได้อวยพรอิสราเอลไว้ ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถกลับคำของพระองค์ได้
21 ท่านจะไม่เห็นความโชคร้ายในประชาชนของยาโคบ
ท่านจะไม่เห็นความยากลำบากใดๆในประชาชนชาวอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้าของชาวอิสราเอลจะอยู่กับพวกเขา
พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา
22 พระเจ้าผู้นำพวกเขาออกจากอียิปต์
เข้มแข็งเหมือนกับเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
23 ไม่มีการดูฤกษ์ยามในหมู่ประชาชนของยาโคบ
ไม่มีการทำนายโชคชะตาในหมู่ประชาชนของอิสราเอล
พระเจ้าส่งตัวแทนพระองค์มาพูดกับยาโคบ
และบอกอิสราเอลทันทีว่าพระองค์มีแผนอะไร[b]
24 คนเหล่านี้ก็ลุกขึ้นเหมือนกับสิงห์ตัวเมีย
มันยืนขึ้นตรงเหมือนสิงห์ตัวผู้ตัวหนึ่ง
มันจะไม่ยอมนอนจนกระทั่งมันกินเหยื่อของมัน
และดื่มเลือดของสัตว์ที่มันฆ่าแล้ว”
25 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ถ้าท่านไม่สาปแช่งพวกเขา ก็อย่าอวยพรพวกเขาสิ”
26 บาลาอัมจึงตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านก่อนแล้วหรือว่า ‘ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างที่พระยาห์เวห์บอกให้ข้าพเจ้าทำ’”
27 บาลาคจึงพูดกับบาลาอัมว่า “มาเถิด เราจะพาท่านไปอีกที่หนึ่ง บางทีอาจทำให้พระเจ้าพอใจที่ท่านจะสาปแช่งชาวอิสราเอลให้เราจากที่นั่น” 28 บาลาคจึงพาบาลาอัมไปบนยอดเขาเปโอร์ซึ่งมองเห็นไปทั่วทั้งที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
29 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้กับข้าพเจ้าที่นี่ และเตรียมวัวผู้เจ็ดตัวกับแกะผู้เจ็ดตัวไว้ให้กับข้าพเจ้าด้วย” 30 บาลาคจึงทำตามที่บาลาอัมบอก และเขาก็บูชาวัวผู้หนึ่งตัวกับแกะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแต่ละแท่น
บทกลอนที่สามของบาลาอัม
24 บาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้อวยพรชาวอิสราเอล ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ดูฤกษ์ยามใดๆเหมือนที่เคยทำมา แต่เขากลับหันหน้าไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 2 บาลาอัมมองไปข้างหน้าและเห็นประชาชนชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของพวกเขา แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าไปสถิตในตัวเขา 3 และเขาก็พูดออกมาเป็นกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายของเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง[c]
4 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดของพระเจ้า
เป็นคนที่เห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[d]
เป็นคนที่ล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
5 ประชาชนของยาโคบ[e] เต็นท์ของพวกท่านช่างงดงามเหลือเกิน
ประชาชนของอิสราเอล บ้านเรือนของพวกท่านสวยงามจริงๆ
6 เต็นท์ของพวกท่านเหมือนกับแถวของต้นปาล์มที่แผ่ขยายออก
เหมือนพวกสวนที่อยู่ริมแม่น้ำ
เหมือนต้นกฤษณา[f] ที่พระยาห์เวห์ปลูกไว้
เหมือนต้นสนซีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
7 น้ำจะไหลล้นออกมาจากถังน้ำของเขา[g]
และจะมีน้ำอย่างเหลือเฟือสำหรับเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา
กษัตริย์ของพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก
และอาณาจักรของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาก
8 พระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์
พระองค์เป็นเหมือนเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
พวกเขาจะเอาชนะศัตรูของพวกเขา
พวกเขาจะบดขยี้กระดูกของคนเหล่านั้น
และโจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู[h]
9 ชาวอิสราเอลหมอบอยู่ พวกเขาพักอยู่เหมือนสิงโต
ใครล่ะจะกล้าปลุกสิงโตตัวนั้น
ขอให้คนที่อวยพรท่านได้รับพร
ขอให้คนที่แช่งสาปท่านถูกแช่งสาป”
10 บาลาคโกรธบาลาอัม เขาตบมือผางด้วยความโกรธ แล้วพูดกับบาลาอัมว่า “เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้ง 11 ตอนนี้รีบๆกลับบ้านไปเลย เราบอกว่าจะให้รางวัลกับเจ้า แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าอดได้รางวัล”
12 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้าได้บอกกับคนส่งสารพวกนั้นที่ท่านส่งมาหาข้าพเจ้าแล้วว่า 13 ‘ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกวังที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์และทำอะไรตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวหรือสิ่งดี แต่ข้าต้องพูดแต่สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเท่านั้น’ 14 ตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาคนของข้าพเจ้าแล้ว มาสิ แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับคนของท่านในอนาคต”
บทกลอนสุดท้ายของบาลาอัม
15 แล้วบาลาอัมก็พูดเป็นคำกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
16 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดต่างๆของพระเจ้า
และได้รับความรู้จากพระเจ้าสูงสุด
เขาเห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[i]
เขาล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
17 ข้าพเจ้าเห็นเขา ไม่ใช่ในขณะนี้ แต่เป็นในอนาคต
ข้าพเจ้าเห็นเขากำลังมา แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
กษัตริย์องค์หนึ่งผู้เป็นเหมือนดวงดาวจะมาจากประชาชนของยาโคบ
ผู้ปกครองผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้นจากประชาชนชาวอิสราเอล
เขาจะบี้หัวของชาวโมอับ
และจะบี้กะโหลกของชาวเชท[j] ทั้งหมด
18 เมื่อชาวอิสราเอลแสดงความแข็งแกร่ง
แผ่นดินของเอโดมก็จะตกเป็นของพวกเขา
แผ่นดินของเสอีร์ ศัตรูของชาวอิสราเอลก็จะตกเป็นของพวกเขา
19 ผู้ปกครองจะมาจากยาโคบ
และทำลายคนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองเออร์”
20 แล้วบาลาอัมมองเห็นชาวอามาเลคและพูดกลอนนี้ว่า
“อามาเลคเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางชนชาติอื่น
แต่จุดจบของพวกเขาคือจะถูกทำลายจนสิ้นซาก”
21 บาลาอัมมองเห็นชาวเคไนต์[k] และพูดบทกลอนนี้ว่า
“สถานที่ที่พวกท่านอยู่เป็นที่ที่ปลอดภัย
เหมือนรังนกที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
22 แต่พวกชาวเคไนต์ ก็จะถูกทำลายล้าง
เมื่อชาวอัสชูรทำให้พวกเขากลายเป็นเชลย”
23 แล้วบาลาอัมก็พูดกลอนบทนี้ว่า
“เมื่อพระเจ้าทำอย่างนี้ แล้วจะมีใครรอด
24 จะมีเรือมาจากชายฝั่งของคิทธิม[l]
และจะเอาชนะชาวอัสซีเรียและเอเบอร์[m]
แต่พวกคิทธิมก็จะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน”
25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นและกลับบ้าน ส่วนบาลาคก็กลับไปตามทางของเขา
ชาวอิสราเอลที่เปโอร์
25 ขณะนั้นชาวอิสราเอลอยู่ที่ชิทธิม ในเวลานั้น ประชาชนเริ่มทำบาปทางเพศ[n] กับหญิงชาวโมอับ 2 หญิงชาวโมอับได้เชิญชาวอิสราเอลร่วมพิธีบูชาพระต่างๆของพวกเขา ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงกินเครื่องบูชาเหล่านั้นและได้บูชาพระต่างๆของชาวโมอับ 3 เพราะอย่างนี้ชาวอิสราเอลถึงได้เริ่มบูชาพระบาอัลของเปโอร์ พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล
4 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เอาตัวพวกหัวหน้าของชาวอิสราเอลมาเสียบไว้กลางแดดต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพระยาห์เวห์จะไม่โกรธชาวอิสราเอล”
5 โมเสสจึงพูดกับพวกผู้พิพากษาของชาวอิสราเอลว่า “พวกท่านแต่ละคนจะต้องฆ่าคนของท่านที่ไปบูชาพระบาอัลของเปโอร์”
6 ในขณะที่โมเสสและผู้นำชาวอิสราเอลกำลังชุมนุมกันอยู่หน้าเต็นท์นัดพบ ก็มีชาวอิสราเอลคนหนึ่งได้พาหญิงชาวมีเดียนคนหนึ่งมาให้พวกพี่น้อง[o] ของเขา เขาทำสิ่งนี้ต่อหน้าโมเสสและชาวอิสราเอลทั้งหมด โมเสสและพวกผู้นำก็ร้องไห้คร่ำครวญ 7 เมื่อฟีเนหัสลูกชายเอเลอาซาร์ ซึ่งเป็นลูกชายของนักบวชอาโรนเห็นเข้า เขาจึงจากที่ชุมนุมมาและไปหยิบหอกของเขา 8 เขาตามชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปในเต็นท์ และเอาหอกแทงชายอิสราเอลคนนั้นพร้อมกับหญิงมีเดียนคนนั้นที่ท้องจนตาย และโรคระบาดร้ายแรงในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอลก็หยุดลง 9 มีคนตายจากโรคระบาดนี้ถึงสองหมื่นสี่พันคน
10 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 11 “ฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ผู้เป็นลูกชายของนักบวชอาโรนได้ช่วยชีวิตประชาชนชาวอิสราเอลไว้จากความโกรธของเรา เขาทำไปเพราะเขาโกรธในบาปของประชาชนเหล่านั้นเหมือนที่เราโกรธ เราจึงไม่ทำลายประชาชนชาวอิสราเอลด้วยความโกรธของเรา 12 ด้วยเหตุนี้ ให้ไปบอกกับฟีเนหัสว่า เราจะทำข้อตกลงที่เป็นมิตรกับเขา 13 ข้อตกลง คือ เขาและลูกหลานของเขาซึ่งมีชีวิตต่อจากเขา จะได้เป็นนักบวชตลอดไป เพราะเขาได้หันเหความโกรธของพระเจ้าไป เขาทำอย่างนี้แทนชาวอิสราเอล”
14 ชายชาวอิสราเอลที่ถูกฆ่าพร้อมหญิงมีเดียนนั้นชื่อ ศิมรีลูกชายสาลู สาลูเป็นผู้นำครอบครัวจากเผ่าสิเมโอน 15 ส่วนหญิงชาวมีเดียนนั้น ชื่อคสบี[p] เป็นลูกสาวของศูร์ ศูร์เป็นหัวหน้าตระกูลหรือครอบครัวของมีเดียน
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “ให้เป็นศัตรูกับชาวมีเดียน และฆ่าพวกมัน 18 เพราะพวกมันเป็นศัตรูกับพวกเจ้า พวกมันหลอกลวงพวกเจ้าที่เปโอร์ และยังหลอกลวงพวกเจ้าด้วยการใช้น้องสาวของพวกมันที่ชื่อคสบีลูกสาวของผู้นำชาวมีเดียน ผู้หญิงที่ถูกฆ่าในขณะที่เกิดโรคระบาดกับชาวอิสราเอล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นที่เปโอร์”
สิ่งที่ทำให้สกปรกในสายตาพระเจ้า
14 พระองค์เรียกฝูงชนเข้ามา และพูดว่า “ฟังให้ดีๆและเข้าใจซะด้วยว่า 15 ไม่มีอะไรเลยที่คนกินเข้าไปแล้ว ทำให้เขาสกปรกในสายตาพระเจ้า มีแต่สิ่งที่ออกมาจากข้างในตัวเขาเท่านั้น ที่จะทำให้เขาสกปรกในสายตาพระเจ้า” 16 [a]
17 หลังจากที่พระเยซูแยกกับชาวบ้านแล้ว พระองค์ได้เข้าไปในบ้าน พวกศิษย์ก็เข้ามาถามเกี่ยวกับเรื่องเปรียบเทียบนี้ 18 พระองค์บอกว่า “พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ไม่มีอะไรหรอกที่คนกินเข้าไปแล้วจะทำให้เขาสกปรกในสายตาพระเจ้า 19 เพราะมันไม่ได้เข้าไปในจิตใจ แต่มันตกลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกมา” (ที่พระองค์พูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าอาหารทุกชนิดสะอาดกินได้หมด)
20 พระองค์ก็พูดต่อว่า “สิ่งที่ออกมาจากตัวคนนั่นแหละที่ทำให้คนสกปรกในสายตาพระเจ้า 21 เพราะที่ออกมาจากตัวก็ออกมาจากจิตใจ และใจนี่เองเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย ความผิดบาปทางเพศ การลักขโมย การฆ่ากัน 22 การมีชู้ ความโลภ ความชั่วต่างๆ การหลอกลวง ราคะตัณหา การอิจฉาริษยา การนินทาว่าร้าย ความเย่อหยิ่งจองหอง และ ความโง่เขลา 23 สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากข้างในและทำให้คนสกปรกในสายตาพระเจ้า”
พระเยซูช่วยผู้หญิงกรีก
(มธ. 15:21-28)
24 พระเยซูจากที่นั่นเข้าไปยังเขตแดนเมืองไทระ แล้วพระองค์เข้าไปอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ไม่ต้องการให้คนรู้ แต่ก็ไม่สามารถซ่อนตัวได้
25 พอหญิงคนหนึ่งที่มีลูกสาวที่ถูกผีชั่วสิงอยู่รู้ว่าพระองค์มา เธอจึงมากราบแทบเท้าของพระเยซู 26 หญิงคนนี้เป็นคนกรีก[b] เกิดที่แคว้นฟีนีเซียในประเทศซีเรีย เธอมาขอร้องให้พระเยซูช่วยขับไล่ผีชั่วที่สิงลูกสาวของเธออยู่
27 แล้วพระองค์พูดว่า “มันไม่ถูกต้องที่จะเอาอาหารของลูกๆไปโยนให้หมากิน ต้องให้ลูกๆกินอิ่มเสียก่อน”
28 แต่เธอตอบว่า “ใช่ค่ะท่าน แต่หมาก็ยังได้กินเศษอาหารของเด็กๆที่ตกอยู่ใต้โต๊ะเลย”
29 พระองค์พูดว่า “ตอบได้ดีมาก กลับไปบ้านเถอะ เพราะผีชั่วได้ออกจากลูกสาวคุณแล้ว”
30 เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ก็เห็นลูกสาวนอนอยู่บนเตียง และผีชั่วได้ออกไปแล้ว
พระเยซูรักษาคนที่หูหนวกและเป็นใบ้
31 พระองค์ออกจากเขตแดนของเมืองไทระ และเดินผ่านเมืองไซดอน เพื่อจะไปที่ทะเลสาบกาลิลี โดยผ่านทางแคว้นเดคาโปลิศ[c] 32 มีคนพาชายหูหนวกคนหนึ่งที่พูดไม่ค่อยได้มาหาพระเยซู พวกเขาขอร้องให้พระองค์วางมือบนชายคนนี้
33 พระองค์พาชายคนนี้หลีกห่างไปจากผู้คน พระองค์เอานิ้วแยงเข้าไปในหูของเขา แล้วเอาน้ำลายที่พระองค์บ้วนออกมาไปแตะที่ลิ้นของเขา 34 แล้วพระองค์เงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นถอนใจยาว แล้วพูดกับชายคนนั้นว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “เปิดสิ” 35 หูของเขาก็ได้ยินทันที และลิ้นของเขาก็ไม่ขัดและพูดได้คล่องชัดเจน
36 พระองค์สั่งพวกเขาไม่ให้เล่าเรื่องพวกนี้ให้ใครฟัง แต่ยิ่งพระองค์สั่งห้ามมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งร่ำลือกันมากขึ้นเท่านั้น 37 คนที่ได้ยินก็ประหลาดใจมากและพูดว่า “ทุกอย่างที่เขาทำนั้นยอดเยี่ยมจริงๆขนาดคนหูหนวกยังทำให้ได้ยิน และคนใบ้ยังทำให้พูดได้”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International