Old/New Testament
เทศกาลทั้งหลาย
(กดว. 28:16-29:40)
23 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘นี่คือเทศกาลต่างๆที่เราได้กำหนดไว้ เป็นเทศกาลของพระยาห์เวห์ ซึ่งพวกเจ้าจะต้องประกาศให้มีการประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
วันหยุดทางศาสนา
3 เจ้าจะทำงานเป็นเวลาหกวัน แต่วันที่เจ็ดจะเป็นวันสำหรับการหยุดพักผ่อน คือวันหยุดทางศาสนา เป็นการประชุมที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม เจ้าต้องรักษาวันหยุดนี้ให้กับพระยาห์เวห์
เทศกาลวันปลดปล่อย
4 ต่อไปนี้เป็นเทศกาลต่างๆของพระยาห์เวห์ เป็นการประชุมที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เจ้าควรจะประกาศ ตามวันเวลาของพวกมัน 5 เทศกาลวันปลดปล่อยของพระยาห์เวห์ ตรงกับวันที่สิบสี่ของเดือนแรก[a] จะเริ่มหลังจากดวงอาทิตย์ตกดินแล้วของวันนั้น
เทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อฟู
6 เทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อฟู ของพระยาห์เวห์ จะเริ่มในวันที่สิบห้าของเดือนแรกเหมือนกัน พวกเจ้าจะกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูเป็นเวลาเจ็ดวัน 7 ในวันแรกของเทศกาลนี้ พวกเจ้าจะมีการประชุมศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น 8 พวกเจ้าจะถวายพวกของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ เป็นเวลาเจ็ดวัน ในวันที่เจ็ด ก็จะมีการประชุมศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง พวกเจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น’”
เทศกาลเก็บเกี่ยวครั้งแรก
9 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 10 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังยกให้กับเจ้านี้ และเมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผล เจ้าต้องเอาฟ่อนข้าวฟ่อนแรก จากการเก็บเกี่ยวนั้นไปให้กับนักบวช 11 นักบวชจะยกฟ่อนข้าวขึ้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ ให้มันเป็นที่ยอมรับเพื่อเจ้า นักบวชจะถวายฟ่อนข้าวในวันรุ่งขึ้น หลังจากวันหยุดทางศาสนา
12 ในวันที่เจ้ายกฟ่อนข้าวขึ้น เจ้าต้องถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีตัวหนึ่ง ที่ไม่มีตำหนิ เพื่อมาเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ 13 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมๆกันด้วย เป็นแป้งอย่างดีประมาณสี่ลิตรครึ่งที่คลุกด้วยน้ำมัน เป็นของขวัญที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ เจ้าต้องถวายเครื่องดื่มบูชาด้วย เป็นเหล้าองุ่นประมาณเกือบหนึ่งลิตร 14 เจ้าต้องไม่กินเมล็ดข้าวใหม่นี้ เมล็ดข้าวที่ย่างไฟ หรือขนมปังที่ทำจากเมล็ดข้าวใหม่นี้ จนกว่าจะถึงวันที่เจ้าเอาเครื่องถวายนั้นมาถวายให้กับพระเจ้าของเจ้า กฎนี้จะใช้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม
เทศกาลวันที่ห้าสิบ
15 วันต่อมาหลังจากวันหยุดทางศาสนา คือวันที่พวกเจ้านำฟ่อนข้าวมาเป็นเครื่องยื่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์ นับจากวันนี้ไปอีกเจ็ดอาทิตย์เต็มๆ 16 เจ้าก็จะนับเวลาไปห้าสิบวัน วันนี้จะเลยวันหยุดทางศาสนาครั้งที่เจ็ดมาหนึ่งวัน ให้พวกเจ้าเอาเครื่องบูชาจากข้าวใหม่มาถวายให้พระยาห์เวห์ 17 ให้พวกเจ้าเอาขนมปังสองก้อนมาจากบ้าน เอามาเป็นเครื่องยื่นบูชา ขนมปังพวกนี้ทำมาจากแป้งอย่างดีประมาณสี่ลิตรครึ่งผสมเชื้อฟูแล้วอบ นั่นจะเป็นของขวัญจากการเก็บเกี่ยวครั้งแรก ที่ถวายให้กับพระยาห์เวห์
18 เจ้าต้องถวายขนมปังนี้ พร้อมกับลูกแกะตัวผู้ อายุหนึ่งปี เจ็ดตัว วัวตัวผู้หนึ่งตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัว สัตว์ทั้งหมดนี้ต้องไม่มีตำหนิ พวกมันจะเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ ที่ถวายพร้อมกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา พวกมันจะเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 19 เจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัว เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และลูกแกะอายุหนึ่งปี สองตัว มาถวายเป็นเครื่องสังสรรค์บูชา
20 นักบวชจะถวายลูกแกะสองตัวนี้ พร้อมกับขนมปังจากการเก็บเกี่ยวครั้งแรกให้เป็นเครื่องยื่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์ พวกมันจะเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ เป็นของที่อุทิศให้กับพระยาห์เวห์ และมันก็จะเป็นของนักบวช 21 ในวันเดียวกัน เจ้าก็จะเรียกประชุม มันจะเป็นการประชุมที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น กฎนี้จะใช้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม
22 เมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวผลผลิตจากแผ่นดินของพวกเจ้า เจ้าต้องไม่เก็บเกี่ยวจนสุดปลายที่นาของเจ้า และเจ้าต้องไม่ย้อนกลับไปเก็บเมล็ดข้าวที่ตกตามพื้นในทุ่งนาของเจ้า เจ้าต้องเหลือไว้สำหรับคนจนและคนต่างชาติ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’”
เทศกาลแตร
23 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 24 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘ในวันแรกของเดือนที่เจ็ด เจ้าจะมีวันหยุดพิเศษ เจ้าจะเป่าแตรเพื่อระลึกถึงว่า นี่เป็นการประชุมศักดิ์สิทธิ์ 25 เจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น และเจ้าต้องถวายของขวัญให้กับพระยาห์เวห์’”
วันชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และประชาชน
26 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 27 “วันชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และประชาชน[b] ให้บริสุทธิ์ จะตรงกับวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด เจ้าจะมีการประชุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องอดอาหารและต้องถวายของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ 28 เจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น เพราะมันเป็นวันสำหรับการชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และประชาชน เพื่อทำการชำระล้างแทนพวกเจ้าทั้งหลายต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
29 ถ้ามีใครที่ไม่อดอาหารในวันนั้น เขาจะถูกตัดออกจากประชาชนของเขา 30 ถ้ามีใครทำงานในวันนั้น เราจะทำลายคนๆนั้นไปจากประชาชนของเขา 31 เจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น กฎนี้จะใช้ตลอดไปจนชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม 32 มันจะเป็นวันหยุดพิเศษสำหรับเจ้า เจ้าต้องอดอาหาร เจ้าต้องรักษาวันหยุดพิเศษของเจ้า มันเริ่มในตอนเย็นของวันที่เก้า แล้วไปสิ้นสุดในตอนเย็นของอีกวันหนึ่งของเดือนนั้น[c]”
เทศกาลอยู่เพิง
33 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 34 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘เทศกาลอยู่เพิงจะเริ่มในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด เทศกาลเพื่อให้เกียรติกับพระยาห์เวห์นี้ จะเป็นเวลาเจ็ดวัน 35 ในวันที่หนึ่งจะมีการประชุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น 36 ตลอดเจ็ดวันนั้น ให้เจ้าถวายพวกของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ ในวันที่แปดเจ้าจะมีการประชุมศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าก็จะถวายพวกของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ มันคือการประชุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่ทำงานในวันนั้น
37 ทั้งหมดนี้เป็นเทศกาลที่พระยาห์เวห์ได้กำหนดไว้ ที่เจ้าต้องประกาศให้เป็นการประชุมที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะได้ถวายพวกของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ ที่มีทั้งเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาจากสัตว์ และเครื่องดื่มบูชา ให้ถวายแต่ละชนิดตามวันที่ได้กำหนดไว้ 38 นี่เป็นเทศกาลต่างๆที่มีขึ้น นอกเหนือจากวันหยุดประจำอาทิตย์ของพระยาห์เวห์ และเครื่องบูชาพวกนี้ก็จะแยกต่างหากจากเครื่องบูชาที่เจ้าเอามาแก้บน หรือที่เจ้าสมัครใจให้กับพระยาห์เวห์
39 ดังนั้นในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด หลังจากที่เจ้าได้เก็บเกี่ยวผลผลิตจากที่ดินของเจ้าแล้ว เจ้าจะฉลองเทศกาลของพระยาห์เวห์เป็นเวลาเจ็ดวัน ในวันแรกและวันที่แปดจะเป็นวันหยุดพิเศษ 40 ในวันแรก เจ้าจะเก็บผลจากต้นผลไม้ แล้วจะเก็บกิ่งจากต้นปาล์ม จากต้นไม้ที่มีใบเป็นพุ่ม และจากต้นหลิวที่ขึ้นตามลำธาร และเจ้าก็จะเฉลิมฉลองต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน 41 เฉลิมฉลองเทศกาลนี้ให้เป็นเทศกาลของผู้อพยพ[d] เป็นเวลาเจ็ดวัน ของทุกๆปี กฎนี้จะใช้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า เจ้าจะเฉลิมฉลองมันในเดือนที่เจ็ด 42 เจ้าจะอาศัยอยู่ในเพิงเป็นเวลาเจ็ดวัน ประชาชนชาวอิสราเอลทุกคนจะอาศัยอยู่ในเพิง 43 เพื่อลูกหลานของเจ้าจะได้รู้ว่า เราให้ประชาชนชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิง เมื่อเรานำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’”
44 โมเสสจึงบอกประชาชนชาวอิสราเอลเกี่ยวกับเทศกาลต่างๆเหล่านี้ของพระยาห์เวห์
ตะเกียงที่มีขาตั้งกับขนมปังศักดิ์สิทธิ์
(อพย. 27:20-21)
24 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้สั่งประชาชนชาวอิสราเอลให้เอาน้ำมันบริสุทธิ์ที่คั้นจากมะกอก มาใส่พวกตะเกียงเพื่อจุดไฟให้สว่างอยู่เสมอ 3 อาโรนต้องตั้งตะเกียงนั้นไว้ด้านนอกม่านที่กั้นอยู่ตรงหน้าหีบข้อตกลงที่อยู่ในเต็นท์นัดพบ เพื่อให้มันจุดสว่างตั้งแต่เย็นจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เป็นประจำต่อหน้าพระยาห์เวห์ กฎนี้จะใช้ไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า 4 อาโรนต้องตั้งตะเกียงบนขาตั้งที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เพื่อให้มันจุดสว่างอย่างสม่ำเสมอ
5 ให้เอาแป้งอย่างดีมาอบเป็นขนมปังสิบสองก้อน โดยใช้แป้งประมาณสี่ลิตรครึ่งต่อขนมปังหนึ่งก้อน 6 ให้วางขนมปังนั้นเป็นสองแถว แถวละหกก้อน บนโต๊ะที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 7 ให้วางกำยาน[e] บริสุทธิ์ไว้ในแต่ละแถว เป็นส่วนที่ใช้เผาแทนขนมปัง กำยานนั้นเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ 8 จะต้องจัดวางขนมปังพวกนี้ไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นประจำทุกๆวันหยุดทางศาสนา ชาวอิสราเอลจะจัดหาสิ่งเหล่านี้มาให้ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่พวกเขามีต่อเราตลอดไป 9 ขนมปังนี้จะเป็นของอาโรนและพวกลูกชายของเขา พวกเขาจะกินมันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะขนมปังนี้เป็นของเขา เป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด จากพวกของขวัญที่นำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ ขนมปังนี้เป็นส่วนแบ่งของอาโรนตลอดไป”
คนที่สาปแช่งพระเจ้า
10 ชายคนหนึ่งมีแม่เป็นชาวอิสราเอล มีพ่อเป็นชาวอียิปต์ วันหนึ่งเขาได้ออกไปท่ามกลางคนอิสราเอล แล้วเกิดมีการต่อสู้กันขึ้นระหว่างลูกของหญิงชาวอิสราเอลคนนี้ กับชาวอิสราเอลอีกคนหนึ่งในค่ายนั้น 11 ลูกของหญิงอิสราเอลได้พูดสาปแช่งชื่อของพระยาห์เวห์ ดังนั้น ประชาชนจึงนำตัวเขาไปหาโมเสส แม่ของชายคนนี้ชื่อเชโลมิท นางเป็นลูกสาวของดิบรี มาจากเผ่าดาน 12 ชายคนนี้ถูกควบคุมตัวไว้ จนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้ทำยังไงกับเขา
13 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 14 “นำตัวชายคนที่พูดสาปแช่งเรา ออกไปนอกค่าย ให้คนที่ได้ยินเขาพูดวางมือลงบนหัว[f]ของชายคนนั้น แล้วให้คนในชุมชนเอาหินขว้างเขาให้ตาย 15 แล้วให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าใครสาปแช่งพระเจ้าของเขา เขาต้องถูกทำโทษสำหรับบาปที่เขาทำนั้น 16 และถ้าใครพูดดูหมิ่นเหยียดหยามชื่อของพระยาห์เวห์ คนๆนั้นจะต้องถูกฆ่า คนทั้งชุมชนทั้งหมดจะต้องเอาหินขว้างเขาให้ตาย ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือคนอิสราเอล จะต้องถูกฆ่าเหมือนกันหมด ถ้าเขาพูดดูหมิ่นเหยียดหยามชื่อของพระยาห์เวห์
17 ถ้าใครฆ่าคนตาย เขาต้องถูกฆ่าด้วย 18 ใครที่ฆ่าสัตว์ของคนอื่น เขาต้องชดใช้มัน ชีวิตต่อชีวิต 19 และเมื่อใครทำให้เพื่อนบ้านบาดเจ็บไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ก็ให้ทำกับเขาอย่างนั้นด้วย 20 กระดูกหักต่อกระดูกหัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครที่ทำคนอื่นบาดเจ็บ ต้องบาดเจ็บในแบบเดียวกันด้วย 21 ใครที่ฆ่าสัตว์ต้องชดใช้มันคืน และใครที่ฆ่าคน ต้องถูกฆ่าเหมือนกัน
22 จะใช้กฎเดียวกันหมด สำหรับพวกเจ้า ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือประชาชนของเจ้า เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’”
23 โมเสสจึงพูดกับประชาชนชาวอิสราเอล พวกเขาจึงนำตัวชายคนที่สาปแช่งคนนั้นออกไปนอกค่าย และเอาหินขว้างเขาจนตาย ชาวอิสราเอลได้ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้
คำเทศนาของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำ
(มธ. 3:1-12; ลก. 3:1-9, 15-17; ยน. 1:19-28)
1 นี่คือจุดเริ่มต้นของข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นบุตรของพระเจ้า 2 เรื่องนี้ เป็นไปตามที่อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้ว่า
“ดูสิ เราจะส่งผู้ส่งข่าวของเรานำหน้าท่านไปก่อน
เขาจะไปเตรียมหนทางให้กับท่าน”[a]
3 “มีเสียงร้องตะโกนของคนหนึ่งในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งว่า
ให้เตรียมทางสำหรับองค์เจ้าชีวิต
และทำทางเดินนั้นให้ตรงสำหรับพระองค์”[b]
4 แล้วยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำ มาปรากฏตัวในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง และสั่งสอนว่า “ให้กลับตัวกลับใจเสียใหม่และรับพิธีจุ่มน้ำ แล้วพระเจ้าจะยกโทษความผิดบาปของพวกคุณ” 5 คนทั่วแคว้นยูเดียและคนจากเมืองเยรูซาเล็มได้มาหายอห์นและสารภาพความบาปทั้งหลายของพวกเขา ยอห์นจึงทำพิธีจุ่มน้ำให้กับพวกเขาในแม่น้ำจอร์แดน 6 ยอห์นใส่เสื้อผ้าที่ทำจากขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร 7 ยอห์นประกาศว่า “จะมีคนหนึ่งมาทีหลังผม เขาจะยิ่งใหญ่กว่าผมมาก แม้แต่เชือกรองเท้าของเขา ผมยังไม่มีค่าพอที่จะก้มลงไปแก้ให้ 8 ผมทำพิธีจุ่มให้พวกคุณด้วยน้ำ แต่เขาคนนั้นจะจุ่มพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
พระเยซูเข้าพิธีจุ่มน้ำ
(มธ. 3:13-17; ลก. 3:21-22)
9 ในเวลานั้น พระเยซูเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้ในแม่น้ำจอร์แดน 10 ทันทีที่พระองค์โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ก็เห็นท้องฟ้าแหวกออก และเห็นพระวิญญาณที่เหมือนนกพิราบลงมาสถิตอยู่กับพระองค์ 11 มีเสียงจากสวรรค์ว่า “ลูกเป็นลูกที่รักของพ่อ พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก”
พระเยซูถูกมารทดลอง
(มธ. 4:1-11; ลก. 4:1-13)
12 เมื่อเสียงนั้นเงียบลง พระวิญญาณส่งพระเยซูเข้าไปอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 13 ถึงสี่สิบวัน พระองค์อยู่ที่นั่นกับสัตว์ป่า ซาตานมาลองใจพระองค์ หลังจากนั้นพวกทูตสวรรค์ได้มาดูแลพระองค์
พระเยซูเริ่มงานของพระองค์
(มธ. 4:12-17; ลก. 4:14-15)
14 หลังจากที่ยอห์นถูกจับขังคุก พระเยซูไปที่แคว้นกาลิลีและเริ่มประกาศข่าวดีของพระเจ้า 15 พระองค์ประกาศว่า “ถึงเวลาแล้ว อาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว[c] กลับตัวกลับใจเสียใหม่และเชื่อในข่าวดีนี้สิ”
พระเยซูเลือกลูกศิษย์
(มธ. 4:18-22; ลก. 5:1-11)
16 ขณะที่พระเยซูเดินอยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์เห็นเปโตร[d] กับอันดรูว์น้องชายของเขากำลังเหวี่ยงแหจับปลากันอยู่ เพราะพวกเขาเป็นชาวประมง 17 พระองค์พูดกับพวกเขาว่า “ตามเรามาเถอะ แล้วเราจะสอนให้จับคนแทนจับปลา” 18 พวกเขาจึงทิ้งแหและตามพระเยซูไปทันที
19 พระองค์เดินต่อไปอีกนิดหนึ่ง ก็เห็นยากอบลูกชายของเศเบดีกับยอห์นน้องชายของเขากำลังซ่อมแซมแหอยู่ 20 ทันใดนั้นพระองค์เรียกพวกเขา ทั้งสองได้ปล่อยให้พ่อของเขาอยู่ในเรือกับพวกลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไป
พระเยซูไล่ผีชั่ว
(ลก. 4:31-37)
21 พระเยซูกับพวกศิษย์เข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม เมื่อถึงวันหยุดทางศาสนา พระเยซูเข้าไปในที่ประชุมชาวยิว และเริ่มสั่งสอน 22 ผู้คนทึ่งในคำสอนของพระองค์มาก เพราะพระองค์สอนอย่างคนที่มีสิทธิอำนาจ ซึ่งไม่เหมือนกับพวกครูสอนกฎปฏิบัติคนอื่นๆ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International