Old/New Testament
ยาโคบเจอกับเอซาวอีกครั้งหนึ่ง
33 ยาโคบมองเห็นเอซาวกำลังมาพร้อมกับพวกอีกสี่ร้อยคน ยาโคบจึงแบ่งเด็กๆให้เลอาห์ ราเชล และสาวใช้ทั้งสองคน 2 เขาให้สาวใช้ทั้งสองกับลูกอยู่ข้างหน้า ถัดมาเป็นเลอาห์กับลูก และสุดท้ายเป็นราเชลและโยเซฟ
3 ส่วนตัวเขาเองอยู่ข้างหน้าพวกเขา และเขาก้มกราบลงกับพื้นถึงเจ็ดครั้ง จนเข้าใกล้พี่ชายของเขา
4 แต่เอซาววิ่งเข้ามาหาเขา สวมกอดและจูบเขา แล้วต่างก็ร้องไห้ 5 แล้วเอซาวมองเห็นพวกผู้หญิงกับลูกๆ เอซาวจึงพูดว่า “คนพวกนี้ที่อยู่กับน้องเป็นใครกัน”
ยาโคบตอบว่า “ลูกๆที่พระเจ้าได้ให้กับน้องผู้รับใช้ของพี่”
6 สาวใช้ทั้งสองคนพร้อมกับลูกๆของพวกนาง ก็เข้ามาถึงเอซาวและก้มกราบลง 7 เลอาห์และลูกๆของนางได้เข้ามาถึงและก้มกราบลง แล้วโยเซฟและราเชลก็เข้ามาถึงและก้มกราบลง
8 เอซาวพูดว่า “แล้วที่พี่เจอระหว่างทางมาที่นี่นั้น น้องกำลังจะทำอะไรหรือ”
ยาโคบตอบว่า “เพื่อให้พี่ผู้เป็นเจ้านายของน้องยอมรับน้องไง”
9 เอซาวตอบว่า “น้องพี่ พี่มีมากมายเหลือเฟือแล้ว เก็บของน้องไว้เถิด”
10 แต่ยาโคบพูดว่า “ไม่ได้ครับพี่ ถ้าพี่ยอมรับน้อง ช่วยรับของขวัญพวกนั้นจากมือน้องด้วย เพราะสำหรับน้องแล้ว ได้มาอยู่ต่อหน้าพี่ ก็เหมือนได้มาอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เพราะพี่ยอมรับน้องแล้ว 11 ช่วยรับของขวัญที่น้องเอามาให้กับพี่ด้วยเถิด เพราะพระเจ้าได้เมตตาน้อง ทำให้น้องมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ” ยาโคบได้อ้อนวอนให้เอซาวรับ สุดท้ายเอซาวก็ยอมรับของขวัญนั้นไว้
12 เอซาวพูดว่า “ให้พวกเราเดินทางต่อไปด้วยกันเถิด พี่จะเดินทางไปกับน้องด้วย”
13 แต่ยาโคบบอกเขาว่า “พี่ท่าน พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเด็กๆนั้นอ่อนแอ และพวกฝูงแพะ แกะ และฝูงวัวกำลังเลี้ยงลูกอ่อนอยู่ น้องเป็นห่วงพวกมัน ถ้าน้องบังคับให้พวกมันเดินมากเกินไปในหนึ่งวัน สัตว์ทั้งหมดก็จะตาย 14 ขอให้พี่ท่านเดินทางล่วงหน้าไปก่อนผู้รับใช้เถิด แล้วน้องจะเดินตามไปช้าๆตามกำลังของสัตว์ที่อยู่ข้างหน้า และตามกำลังของเด็กๆจนกว่าจะไปพบพี่เจ้านายของน้องที่เสอีร์”
15 เอซาวพูดว่า “พี่จะทิ้งคนของพี่ไว้กับน้องบ้าง”
ยาโคบพูดว่า “ไม่ต้องหรอกพี่ ขอให้พี่ยอมรับน้องก็พอแล้ว”
16 ในวันนั้นเอซาวจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เสอีร์ 17 แต่ยาโคบไปยังสุคคท และเขาได้สร้างบ้านให้กับตนเองที่นั่น และสร้างที่พักให้กับฝูงวัวของเขา เพราะอย่างนี้เขาจึงตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า “สุคคท”[a]
18 ยาโคบจึงได้เดินทางจากปัดดาน อารัม มาถึงเมืองเชเคมแผ่นดินคานาอันอย่างปลอดภัย เขาได้ตั้งเต็นท์อยู่ทางตะวันออกของเมืองนั้น 19 ยาโคบได้ซื้อส่วนหนึ่งของทุ่งหญ้าที่เขาได้ใช้ตั้งเต็นท์นั้น จากลูกๆของฮาโมร์พ่อของเชเคม เป็นเงินหนึ่งร้อยเหรียญ 20 ยาโคบได้สร้างแท่นบูชาไว้ที่นั่นและได้เรียกมันว่า “เอล[b] พระเจ้าของอิสราเอล”
ดีนาห์ถูกข่มขืน
34 ดีนาห์ ลูกสาวของเลอาห์และยาโคบ ได้ออกไปเยี่ยมเยียนผู้หญิงในแคว้นนั้น 2 เชเคมลูกชายของฮาโมร์คนฮีไวต์ซึ่งเป็นเจ้าชายของแคว้นนั้น เห็นดีนาห์ ก็จับนางไปข่มขืน 3 แต่เชเคมรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งกับดีนาห์ ลูกของยาโคบ และเขาหลงรักนาง เขาพยายามพูดอ่อนหวานกับนาง เพื่อจะชนะใจนาง 4 เชเคมพูดกับฮาโมร์พ่อของเขาว่า “ขอหญิงคนนี้ให้มาเป็นเมียลูกด้วยเถิด”
5 เมื่อยาโคบรู้เรื่องที่เชเคมทำร้ายข่มขืนดีนาห์ลูกสาวของเขา ตอนนั้นพวกลูกๆของเขายังดูแลฝูงวัวอยู่ในทุ่ง ยาโคบจึงรอจนพวกเขากลับมา 6 ฮาโมร์พ่อของเชเคมมาพบยาโคบเพื่อขอเจรจา 7 เป็นเวลาเดียวกับที่พวกลูกชายของยาโคบกลับมาจากทุ่ง เมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็โมโหเดือดดาลมาก เพราะเชเคมได้ทำสิ่งชั่วช้าในอิสราเอล โดยนอนกับลูกสาวของยาโคบ ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น
8 ฮาโมร์พูดกับพวกเขาว่า “เชเคมลูกชายของเราหลงรักลูกสาวของท่าน โปรดยกลูกสาวท่านให้เป็นเมียเขาด้วยเถิด 9 การแต่งงานนี้จะเป็นเครื่องผูกมิตรกัน พวกท่านยกลูกสาวให้กับพวกเรา และรับลูกสาวของพวกเราไปให้กับพวกท่าน 10 พวกท่านมาตั้งหลักแหล่งร่วมกับเราที่นี่ก็ได้ ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ยินดีต้อนรับท่าน เข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำมาหากิน และครอบครองที่ดินที่นี่”
11 เชเคมพูดกับพ่อของดีนาห์และพี่น้องของนางว่า “ขอให้ยอมรับผมด้วย และผมจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านขอ 12 เรียกสินสอดและของขวัญแต่งงานแพงๆก็ได้ ผมจะจ่ายให้ตามที่ท่านบอก ขอเพียงยกนางให้เป็นเมียผม”
13 พวกลูกชายของยาโคบออกอุบายเพื่อแก้แค้นเชเคมกับฮาโมร์พ่อของเชเคม เพราะเชเคมไปข่มขืนดีนาห์น้องสาวของพวกเขา 14 พวกเขาบอกว่า “พวกเราไม่สามารถยกน้องสาวของเราให้กับชายที่ยังไม่ผ่านการขลิบ เพราะมันเป็นเรื่องเสื่อมเสียสำหรับพวกเรา 15 ตามเงื่อนไขนี้เท่านั้น เราถึงจะยอมตกลงกับท่าน คือถ้าท่านจะเป็นเหมือนพวกเรา ต้องขลิบผู้ชายทุกคน 16 แล้วเราจะยอมยกลูกสาวของพวกเราให้ท่าน และจะยอมรับลูกสาวของท่านมาอยู่กับพวกเรา และเราจะตั้งถิ่นฐานที่นี่กับท่าน เป็นพวกเดียวกับท่าน 17 แต่ถ้าพวกท่านไม่ยอมฟังเราและไม่ยอมขลิบ เราจะเอาตัวดีนาห์และไปจากที่นี่”
18 สิ่งที่พวกเขาบอกนั้น สร้างความพอใจให้ฮาโมร์และลูกชายเป็นอย่างมาก 19 เชเคมจึงไม่ได้ลังเลที่จะทำตามที่พวกเขาบอก เพราะเขาหลงรักลูกสาวยาโคบมาก
การแก้แค้น
ขณะนั้น เชเคมเป็นผู้ที่คนให้ความเคารพนับถือมากที่สุดในบ้านของพ่อเขา 20 ฮาโมร์และเชเคมลูกชายไปที่ประตูเมือง พวกเขาพูดกับผู้ชายในเมืองของเขาว่า 21 “คนเหล่านี้เป็นมิตรกับเรา ให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนนี้ และทำมาหากินกัน ดูสิ แผ่นดินนี้กว้างใหญ่พอสำหรับพวกเขา เราจะได้ลูกสาวของพวกเขามาเป็นเมียพวกเรา และเราจะยกลูกสาวพวกเราให้กับพวกเขา 22 แต่มีเงื่อนไขหนึ่ง ที่พวกเราจะต้องทำ คนพวกนี้ถึงจะตกลงอยู่กับเราและเป็นพวกเดียวกับเรา คือผู้ชายทุกคนในเมืองนี้จะต้องขลิบเหมือนกับที่พวกเขาขลิบ 23 แล้วฝูงวัว ทรัพย์สมบัติทั้งหมด และสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของพวกเขา ก็จะตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน เพียงแต่ให้พวกเราตกลงทำตามเงื่อนไขพวกเขาเท่านั้น แล้วพวกเขาถึงจะยอมอยู่ที่นี่กับเรา” 24 ทุกคนที่อยู่ที่ประตูเมืองนั้นยอมฟังฮาโมร์และเชเคมลูกชายของเขา ดังนั้นผู้ชายทุกคนในเมืองนั้นจึงขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศกัน
25 ในวันที่สาม ขณะที่พวกผู้ชายในเมืองยังเจ็บแผลอยู่ ลูกชายสองคนของยาโคบ คือสิเมโอนและเลวี พี่ชายของดีนาห์ ต่างถือดาบเข้าไปบุกในเมืองและลงมือฆ่าฟันผู้ชายทุกคน 26 พวกเขาฆ่าฮาโมร์กับเชเคมด้วย และพาตัวดีนาห์ออกมาจากบ้านของเชเคมและจากไป 27 แล้วพวกลูกชายคนอื่นๆของยาโคบก็เข้าไปในเมืองและขโมยทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น เพราะเชเคมได้ข่มขืนน้องสาวของเขา 28 พวกเขาเอาฝูงแพะแกะ ฝูงวัว ฝูงลาของคนพวกนั้น ทุกอย่างที่อยู่ในเมืองและในท้องทุ่ง 29 ทั้งทรัพย์สมบัติ ผู้หญิงและเด็กๆ รวมทั้งทุกอย่างที่อยู่ในบ้านของพวกเขา เอาไปจนหมดสิ้น 30 แล้วยาโคบก็พูดกับสิเมโอนและเลวีว่า “พวกเจ้าสร้างปัญหาให้กับพ่อเสียแล้ว พวกเจ้าจะทำให้พ่อถูกคนที่นี่เหม็นขี้หน้า ทั้งพวกคานาอันและเปริสซี พ่อมีคนอยู่น้อยมาก และคนที่นี่อาจรวมตัวกันต่อต้านและโจมตีพ่อได้ เมื่อถึงเวลานั้นพ่อและครอบครัวของพ่อก็จะถูกทำลาย”
31 แต่ลูกของยาโคบตอบว่า “สมควรแล้วหรือ ที่เชเคมจะทำกับน้องสาวของพวกเราเหมือนกับเป็นหญิงโสเภณี”
ยาโคบที่เบธเอล
35 พระเจ้าพูดกับยาโคบว่า “ลุกขึ้นเถอะ ไปที่เบธเอล[c] และตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น ให้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นให้กับพระเจ้าองค์ที่เคยปรากฏกับเจ้า[d] ตอนที่เจ้าหลบหนีจากเอซาวพี่ชายของเจ้า”
2 ยาโคบจึงบอกกับครอบครัวของเขาและทุกคนที่อยู่กับเขาว่า “ให้ทิ้งพวกพระของคนต่างชาติที่พวกเจ้ามีอยู่ และชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย 3 ให้พวกเราไปจากที่นี่ แล้วขึ้นไปที่เบธเอล ที่นั่น ข้าจะสร้างแท่นบูชาให้กับพระเจ้า องค์ที่ตอบข้าในเวลาที่ข้ากำลังลำบาก และอยู่ด้วยกับข้าตลอดทางที่ข้าไป”
4 พวกเขาจึงเอาพวกพระต่างชาติที่พวกเขามี รวมทั้งต่างหูของพวกพระนั้นและต่างหูของพวกเขาเอง มาให้กับยาโคบ แล้วยาโคบได้เอาไปฝังไว้ใต้ต้นโอ้คใกล้เมืองเชเคม
5 พวกเขาได้ออกเดินทาง พระเจ้าทำให้ผู้คนที่อยู่ตามเมืองต่างๆแถบนั้น กลัวครอบครัวของยาโคบ จึงไม่มีใครกล้าไล่ตามมาแก้แค้นลูกชายของยาโคบ 6 ยาโคบและคนที่อยู่กับเขาได้ไปถึงที่ลูส ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าเบธเอลในแคว้นคานาอัน 7 ยาโคบได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่น และเรียกตำบลนั้นว่า “เอลเบเธล”[e] เพราะพระเจ้าได้ปรากฏให้เขาเห็นที่นั่นเมื่อครั้งที่เขาหลบหนีจากพี่ชาย
8 เดโบราห์พี่เลี้ยงของเรเบคาห์ตายที่นั่น นางถูกฝังอยู่ใต้ต้นโอ๊คใกล้เบธเอล ยาโคบเรียกสถานที่นั้นว่า “อัลโลนบาคูท”[f]
ชื่อใหม่ของยาโคบ
9 พระเจ้าได้ปรากฏตัวกับยาโคบอีก เมื่อเขากลับมาจากปัดดาน อารัม และพระองค์ได้อวยพรให้กับยาโคบ 10 พระองค์พูดกับเขาว่า “เจ้าชื่อยาโคบ แต่ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่ยาโคบอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่ว่าอิสราเอล[g]” พระเจ้าจึงตั้งชื่อให้กับเขาว่าอิสราเอล
11 พระเจ้าพูดกับเขาว่า “เราคือพระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ[h] ให้เจ้าเกิดลูกหลานมากมาย และมีจำนวนมากขึ้น ชนชาติหนึ่งหรือแม้แต่อีกหลายๆชนชาติ จะสืบเชื้อสายมาจากเจ้า กษัตริย์ทั้งหลายจะมาจากเจ้า 12 แผ่นดินที่เราได้ยกให้อับราฮัมและอิสอัค เราก็จะยกให้กับเจ้าและลูกหลานของเจ้าที่เกิดมาภายหลัง” 13 แล้วพระเจ้าก็ลอยขึ้นไปจากเขา ตรงที่พระองค์พูดกับเขานั้น 14 ยาโคบจึงตั้งแท่งหินขึ้น ตรงบริเวณนั้นที่พระเจ้าได้พูดกับเขา และยาโคบได้เทเครื่องดื่มบูชาและเทน้ำมันมะกอกลงบนเสาหินนั้น เพื่ออุทิศมันให้กับพระเจ้า 15 ยาโคบตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า “เบธเอล” เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพูดกับเขา
ราเชลตายเมื่อคลอดลูก
16 หลังจากนั้นยาโคบและครอบครัวได้เดินทางออกจากเบธเอล ในระหว่างทางที่ยังอีกไกลกว่าจะถึงเอฟราธาห์ ราเชลเจ็บท้องคลอด นางคลอดลูกยากมาก เจ็บปวดทรมานมาก 17 ในระหว่างที่นางกำลังคลอดด้วยความยากลำบากนั้น หมอตำแยได้บอกนางว่า “ไม่ต้องกลัว นี่จะเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งให้กับท่าน”
18 ขณะที่นางกำลังจะตาย นางตั้งชื่อลูกว่า เบนโอนี[i] แต่ยาโคบผู้เป็นพ่อตั้งชื่อเด็กว่า เบนยามิน[j]
19 เมื่อราเชลตาย ร่างของนางถูกฝังอยู่ระหว่างทางที่จะไปเอฟราธาห์ (ซึ่งก็คือเบธเลเฮม) 20 ยาโคบจึงตั้งเสาหินขึ้นบนหลุมฝังศพของนาง และเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เสาหินของหลุมศพราเชล มาจนถึงทุกวันนี้ 21 แล้วอิสราเอลได้เดินทางต่อ และเขาตั้งค่ายอยู่ทางตอนใต้ของหอคอยเอเดอร์[k]
22 ในช่วงที่อิสราเอลอาศัยอยู่ในแคว้นนั้น รูเบนได้ไปร่วมหลับนอนกับบิลฮาห์[l] เมียน้อยของพ่อเขา และเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของอิสราเอล
ครอบครัวอิสราเอล
(1 พศด. 2:1-2)
ขณะนั้นยาโคบมีลูกชายสิบสองคน
23 ลูกที่เกิดจากเลอาห์คือ รูเบน (ลูกคนโตของยาโคบ) สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุน
24 ลูกชายที่เกิดจากราเชลคือ โยเซฟ และเบนยามิน
25 ลูกชายของบิลฮาห์สาวใช้ของราเชลคือ ดานและนัฟทาลี
26 ลูกชายของศิลปาห์สาวใช้ของเลอาห์คือ กาดและอาเชอร์ คนเหล่านี้คือลูกชายของยาโคบที่เกิดในปัดดาน อารัม
27 ยาโคบได้มาหาอิสอัคพ่อของเขาที่มัมเร (เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคิริยาทอารบา หรือเฮโบรน) เป็นที่ที่อับราฮัมและอิสอัคอาศัยอยู่ 28 อิสอัคมีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยแปดสิบปี 29 เขาตายและถูกฝังร่วมกับบรรพบุรุษ เขาเป็นคนแก่ที่มีอายุยืนยาวมาก เอซาวและยาโคบลูกทั้งสองของเขาได้ร่วมกันฝังศพเขา
พระเยซูส่งศิษย์ทั้งสิบสองคนออกไป
(มก. 3:13-19; 6:7-13; ลก. 6:12-16; 9:1-6)
10 พระเยซูเรียกศิษย์เอกทั้งสิบสองคนมา และให้สิทธิอำนาจกับพวกเขาเหนือวิญญาณชั่ว เพื่อจะขับพวกมันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดได้
2 นี่คือรายชื่อศิษย์เอกทั้งสิบสองคนคือ
ซีโมน หรือเรียกกันว่า เปโตร
อันดรูว์น้องชายของเขา
ยากอบลูกของเศเบดี
ยอห์นน้องชายของเขา
3 ฟีลิป
บารโธโลมิว
โธมัส
มัทธิวคนเก็บภาษี
ยากอบลูกของอัลเฟอัส
ธัดเดอัส
4 ซีโมน ผู้มีใจจดจ่อกับพระเจ้า[a]
และยูดาส อิสคาริโอท คนที่ต่อมาได้หักหลังพระองค์
5 พระเยซูส่งสิบสองคนนี้ออกไป พร้อมกับสั่งว่า “อย่าไปหาพวกคนที่ไม่ใช่ชาวยิว อย่าเข้าไปในเมืองของพวกชาวสะมาเรีย 6 แต่ให้ไปหาคนอิสราเอล แกะของพระเจ้าที่หลงหาย 7 ไปประกาศว่า ‘อาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้มาถึงแล้ว’ 8 และรักษาคนป่วยให้หาย ทำให้คนตายฟื้น รักษาคนเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงให้หายสะอาด และไล่ผีออกจากคน คุณได้รับฤทธิ์อำนาจนี้มาเปล่าๆก็ให้ช่วยคนอื่นเปล่าๆด้วย 9 เวลาเดินทาง ไม่ต้องเอาเงินทองติดตัวไป ไม่ต้องเอากระเป๋า หรือเสื้อผ้าสำรอง หรือรองเท้าสาน หรือไม้เท้าไปด้วย 10 เพราะคนทำงานก็สมควรจะได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งที่เขาจำเป็น
11 เมื่อคุณเข้าไปบ้านไหนเมืองไหนก็ตาม ให้หาคนที่เต็มใจต้อนรับคุณ และพักอยู่ที่บ้านของคนนั้นตลอดจนกว่าจะจากเมืองนั้นไป 12 เมื่อคุณเข้าไปในบ้าน ก็ขอพระเจ้าอวยพรให้เขาอยู่เย็นเป็นสุข 13 ถ้าคนในบ้านนั้นยินดีต้อนรับคุณ พรนั้นก็จะตกอยู่กับบ้านนั้น แต่ถ้าเขาไม่ต้อนรับคุณ พรนั้นก็จะกลับคืนมาหาคุณ 14 และถ้าบ้านไหนเมืองไหนไม่ต้อนรับคุณ และไม่ฟังสิ่งที่คุณพูด ก็ออกจากที่นั่นเสีย และสะบัดฝุ่นจากเท้า[b]ออกเสียด้วย 15 เราขอบอกให้รู้ว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองนั้นจะได้รับโทษหนักกว่าชาวเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์[c] เสียอีก
พระเยซูเตือนว่าจะเกิดเรื่องเดือดร้อน
(มก. 13:9-13; ลก. 21:12-17)
16 ฟังให้ดีนะ เราส่งพวกคุณออกไปเหมือนส่งแกะไปอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า ดังนั้นพวกคุณต้องฉลาดเหมือนงู และซื่อบริสุทธิ์เหมือนนกพิราบ 17 ระวังให้ดีเพราะคนพวกนั้นจะจับพวกคุณไปขึ้นศาล และเฆี่ยนคุณในที่ประชุม 18 พวกคุณจะถูกนำตัวไปยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์ เพราะคุณเป็นศิษย์ของเรา พวกคุณจะต้องเป็นพยานเล่าเรื่องของเราให้กษัตริย์ เจ้าเมือง และคนที่ไม่ใช่ชาวยิวฟัง 19 เมื่อโดนจับ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะพูดอะไร หรือจะพูดอย่างไร เพราะเมื่อถึงเวลา พระเจ้าจะบอกเองว่าจะให้คุณพูดอะไร 20 จริงๆแล้ว คนที่พูดจะไม่ใช่ตัวพวกคุณ แต่เป็นพระวิญญาณของพระบิดาพูดผ่านทางคุณ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International