Old/New Testament
16 พวกเขาได้นำเอาหีบของพระเจ้าเข้ามาวางไว้ภายในเต็นท์ที่ดาวิดได้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ และพวกเขาก็ได้เผาสัตว์ทั้งตัวถวายเป็นเครื่องบูชา และถวายเครื่องสังสรรค์บูชาต่อหน้าพระเจ้า 2 เมื่อดาวิดได้ถวายเครื่องบูชาเหล่านั้นเสร็จแล้ว เขาก็ได้อวยพรให้กับประชาชนในนามของพระยาห์เวห์ 3 และเขาก็ได้แจกจ่ายขนมปังหนึ่งก้อน เค้กอินทผลัมกับขนมลูกเกดอัดให้กับชาวอิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง
4 ดาวิดได้แต่งตั้งชาวเลวีบางคนให้ไปรับใช้อยู่ต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์ เพื่อให้เฉลิมฉลองพระเกียรติ ขอบคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 5 อาสาฟได้เป็นหัวหน้าและมีเศคาริยาห์เป็นผู้ช่วย ยังมี เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล เป็นผู้เล่นพิณใหญ่และพิณเล็ก ส่วนอาสาฟเป็นคนตีฉาบ 6 นักบวชเบไนยาห์กับนักบวชยาฮาซีเอลเป็นคนเป่าแตรอยู่ต่อหน้าหีบแห่งคำสัญญาของพระเจ้าเป็นประจำ 7 แล้วในวันนั้นเอง ดาวิดก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการขอบคุณพระยาห์เวห์ โดยอาศัยอาสาฟและญาติๆของอาสาฟคอยช่วยเหลือ
เพลงขอบคุณของดาวิด
(สดด. 105:1-15; 96:1-13; 106:47-48)
8 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ ให้กระจายชื่อเสียงของพระองค์ออกไป
ให้บอกชนชาติทั้งหลายถึงสิ่งที่พระองค์ทำ
9 ให้ร้องเพลงให้กับพระองค์ ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
ใคร่ครวญถึงสิ่งน่าทึ่งทั้งหมดที่พระองค์ได้ทำ
10 โอ้อวดถึงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ขอให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระยาห์เวห์มีความสุขเถิด
11 ให้แสวงหาพระยาห์เวห์และพละกำลังที่มาจากพระองค์เถิด
ให้แสวงหาหน้าของพระองค์อยู่เสมอ
12 ให้ระลึกถึงเรื่องน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำ
ให้ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำและคำตัดสินทั้งหลายที่ออกมาจากปากของพระองค์
13 ลูกหลานของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย
ลูกหลานของยาโคบพวกที่พระองค์ได้เลือกไว้เอ๋ย
14 พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา
คำตัดสินทั้งหลายของพระองค์จะเป็นจริงอย่างนั้นในทุกหนแห่งทั่วโลก
15 อย่างนั้น ให้จดจำข้อตกลงของพระองค์ตลอดไป
คือคำสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับคนของพระองค์เป็นพันรุ่น
16 พระองค์จะรักษาคำสัญญาที่ทำไว้กับอับราฮัม
และคำสาบานของพระองค์ที่ให้ไว้กับอิสอัค
17 พระองค์ทำให้มันเป็นกฎสำหรับยาโคบ
และเป็นข้อตกลงให้กับอิสราเอลตลอดไป
18 พระองค์พูดว่า “เราจะมอบดินแดนคานาอัน
ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าตลอดไป”
19 พระองค์ได้ทำสิ่งนี้ตอนที่พวกเขายังมีกันอยู่ไม่กี่คน
และยังเป็นคนต่างด้าวแค่กระจุกเดียวในดินแดนนั้นอยู่เลย
20 พวกเขาเร่ร่อนพเนจรจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง
21 แต่พระเจ้าไม่ยอมให้ใครข่มเหงพวกเขา
พระองค์ได้เตือนพวกกษัตริย์ทั้งหลายว่า
22 “อย่าแตะต้องคนเหล่านั้นที่เราได้เลือกไว้แล้ว
อย่าได้ทำร้ายพวกผู้พูดแทนเรา”
23 ทุกคนบนโลกนี้ ร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์เถิด
ให้ประกาศวันแล้ววันเล่าถึงความรอดที่มาจากพระองค์
24 ประกาศให้ชนชาติต่างๆรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
25 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
พระองค์น่ายำเกรงกว่าพระเจ้าทั้งปวง
26 เพราะพระเจ้าทั้งสิ้นของชนชาติเหล่านั้นเป็นแค่รูปเคารพ
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่สร้างฟ้าสวรรค์
27 รัศมีและบารมีของพระองค์แผ่กระจายออกมาจากพระองค์
อำนาจและความชื่นบานอยู่ในบ้านของพระองค์
28 ตระกูลของชนชาติต่างๆทั่วโลกเอ๋ย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
สำหรับสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
29 ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
ให้นำเครื่องบูชาเข้ามาอยู่ต่อหน้าพระองค์
ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์
30 มนุษย์บนแผ่นดินโลกทุกคนเอ๋ย ให้ตัวสั่นเทิ้มเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระองค์เถิด
โลกทั้งใบก็อยู่อย่างมั่นคงจะไม่มีวันสั่นคลอน
31 ขอให้ฟ้าสวรรค์เฉลิมฉลองกัน ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี
ให้คนพูดกันท่ามกลางชนชาติทั้งหลายๆว่า “พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง”
32 ขอให้ทะเลและทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลนั้นโห่ร้องยินดี
ให้ท้องทุ่งและทุกสิ่งทุกอย่างในมันร่าเริงยินดี
33 ขอให้ต้นไม้ในป่าชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
เมื่อพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้
34 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์นั้นดีแท้
ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
35 ให้ท่านพูดว่า
“ข้าแต่พระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา ได้โปรดช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
โปรดรวบรวมและช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากชนชาติต่างๆ
เพื่อพวกเราจะได้ขอบคุณชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
แล้วจะได้โอ้อวดถึงสิ่งน่าสรรเสริญทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผู้เป็นอยู่ตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป
แล้วประชาชนทั้งหลายก็พูดว่า ‘อาเมน’ และพวกเขาได้สรรเสริญพระยาห์เวห์”
37 ดาวิดได้ทิ้งให้อาสาฟกับญาติๆของเขาไว้ ให้อยู่ต่อหน้าหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้ประจำต่อหน้าหีบตามงานที่ต้องทำในแต่ละวันนั้น 38 ดาวิดก็ได้ให้โอเบดเอโดมและเยฮียาห์กับญาติๆของพวกเขาอีกหกสิบแปดคน อยู่ที่นั่นด้วย โอเบดเอโดมลูกชายของเยดูธูนกับโฮสาห์เป็นคนเฝ้าประตู
39 และที่หน้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ของพระยาห์เวห์ ที่ตั้งอยู่ในสถานที่สูง ในกิเบโอน มีนักบวชศาโดกและเหล่านักบวชเพื่อนๆของเขา 40 ทำหน้าที่เผาสัตว์ทั้งตัวบนแท่นบูชาถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์เป็นประจำทุกเช้าเย็นตามทุกสิ่งที่ได้เขียนไว้ในกฏของพระยาห์เวห์ ที่พระองค์ได้สั่งไว้กับชนชาติอิสราเอล 41 ยังมีเฮมาน เยดูธูนและคนอื่นๆที่ได้รับเลือกและถูกระบุชื่อไว้ให้อยู่ที่นั่นเพื่อร้องเพลงขอบคุณพระยาห์เวห์ อย่างเช่น “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป”[a] 42 มีพวกแตรและฉาบอยู่ที่นั่นกับเฮมานและเยดูธูนด้วย เพื่อให้คนเหล่านั้นใช้มันเล่นบรรเลงประกอบเพลงถวายให้กับพระเจ้า และบรรดาลูกชายของเยดูธูนเป็นคนเฝ้าประตู
43 แล้วประชาชนทั้งหมดก็กลับบ้าน และดาวิดก็กลับวังของเขาเพื่อที่จะไปอวยพรให้กับครอบครัวของเขา
พระเจ้าให้สัญญากับดาวิด
(2 ซมอ. 7:1-17)
17 เมื่อดาวิดได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาแล้ว เขาก็ได้พูดกับนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ดูสิ เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่สร้างจากไม้สนซีดาร์ แต่หีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ยังอยู่ในเต็นท์เลย”
2 นาธันจึงตอบดาวิดไปว่า “อยากทำอะไรก็ทำไปเถิด เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน”
3 แต่ในคืนนั้นเอง คำพูดของพระเจ้าก็มาถึงนาธันว่า
4 “ให้ไปบอกกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ไม่ใช่เจ้าหรอกที่จะเป็นคนสร้างบ้านให้เราอยู่ 5 นับตั้งแต่วันที่เราได้นำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์มาจนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่เคยอาศัยอยู่ในบ้านมาก่อน แต่เราได้ย้ายจากเต็นท์นี้ไปเต็นท์โน้น ย้ายจากที่พักนี้ไปที่พักโน้น 6 ไม่ว่าเราได้ย้ายไปไหนก็ตามทั่วทั้งอิสราเอล เราเคยพูดกับพวกผู้นำของอิสราเอลที่เราได้สั่งให้คอยดูแลประชาชนของเราหรือเปล่าว่า ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ได้สร้างบ้านที่ทำจากไม้สนซีดาร์ให้กับเรา’”
7 “เจ้าจะต้องไปพูดกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “เราได้นำเจ้ามาจากทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ จากการไล่ต้อนฝูงแพะแกะ มาเป็นผู้ปกครองเหนือประชาชนอิสราเอลของเรา 8 และเราได้อยู่กับเจ้าในทุกๆที่ที่เจ้าไป เราได้กำจัดศัตรูทั้งหมดของเจ้าออกไปต่อหน้าเจ้า เราจะทำให้เจ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งบนโลกนี้ 9 และเราจะหาสถานที่ให้กับประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เราจะปลูกฝังพวกเขาไว้ที่นั่น เพื่อพวกเขาจะได้อาศัยอยู่ที่นั่นและไม่ถูกรบกวนอีกต่อไป พวกคนชั่วที่เคยกดขี่พวกเขาก็จะไม่สามารถทำกับพวกเขาอย่างที่เคยทำมาก่อนได้อีก 10 สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้น แต่เราได้แต่งตั้งพวกผู้นำขึ้นเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา และเราจะปราบปรามพวกศัตรูทั้งหมดของเจ้า แล้วเราขอบอกเจ้าว่า เป็นเราเองยาห์เวห์ที่จะสร้างบ้านให้กับเจ้า[b] 11 เมื่อวันเวลาของเจ้าครบแล้ว และเจ้าได้ไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า แล้วเราจะทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า คือลูกชายคนหนึ่งของเจ้าได้ครองบัลลังก์สืบต่อจากเจ้า และเราก็จะตั้งให้อาณาจักรของเขามั่นคง 12 เขาจะเป็นคนที่สร้างบ้านให้กับเรา และเราก็จะตั้งให้บัลลังก์ของเขามั่นคงตลอดไป 13 เราจะเป็นพ่อของเขาและเขาก็จะเป็นลูกชายของเรา เราจะไม่เอาความรักมั่นคงของเราไปจากตัวเขาอย่างที่เราเคยเอาไปจากซาอูลผู้ที่เคยอยู่ก่อนหน้าเจ้า 14 แต่เราจะแต่งตั้งเขาในบ้านและอาณาจักรของเราตลอดไป แล้วบัลลังก์ของเขาก็จะมั่นคงตลอดไป”’”
15 นาธันบอกดาวิดเรื่องนิมิตและทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าพูด
คำอธิษฐานของดาวิด
(2 ซมอ. 7:18-29)
16 แล้วกษัตริย์ดาวิดก็ได้เข้าไปนั่งอยู่ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครและครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นใครกันหรือ พระองค์ถึงได้ทำสิ่งต่างๆให้กับข้าพเจ้ามากมายขนาดนี้ 17 แต่ดูเหมือนว่ามันยังน้อยไปในสายตาของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังได้สัญญาเกี่ยวกับครอบครัวของผู้รับใช้ของพระองค์ที่ยังมาไม่ถึง และพระองค์ยังทำกับข้าพเจ้าราวกับเป็นคนสำคัญมาก 18 มีอะไรอีกไหมที่ข้าพเจ้าจะทำให้กับพระองค์ได้ ให้สมกับที่พระองค์ให้เกียรติกับข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ พระองค์เองก็รู้จักผู้รับใช้พระองค์ดี 19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ไป พระองค์ทำเพื่อเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทำตามที่พระองค์อยากทำ สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้พระองค์ทำให้คนรู้กันไปทั่ว 20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ไม่มีใครเหมือนกับพระองค์อีกแล้ว และไม่มีพระเจ้าองค์ไหนอีกนอกจากพระองค์เท่านั้น ทุกอย่างที่เราได้ยินมาทำให้เราเชื่อว่าเรื่องนี้จริง 21 และจะมีใครเป็นเหมือนอิสราเอลชนชาติของพระองค์เล่า เป็นชาติเดียวในโลกที่พระเจ้าได้ไถ่ออกมาจากการเป็นทาส เพื่อจะได้มาเป็นประชาชนของพระองค์เอง พระองค์ได้สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เองด้วยการกระทำอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเหล่านี้ โดยการขับไล่ชนชาติต่างๆออกไป เพื่อเปิดทางให้กับประชาชนของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ได้ไถ่ออกมาจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ 22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์ เป็นชนชาติของพระองค์ตลอดไป และตัวพระองค์เองก็ได้มาเป็นพระเจ้าของพวกเขา
23 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้คำสัญญาที่พระองค์ได้พูดไว้เกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระองค์ และครอบครัวของเขานั้นอยู่อย่างมั่นคงตลอดไปเถิด และขอให้พระองค์ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 24 เพื่อมันจะได้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ และชื่อเสียงของพระองค์จะยิ่งใหญ่ตลอดไป เมื่อคนพูดกันว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชาวอิสราเอลนั้น เป็นพระเจ้าของชนชาติอิสราเอลจริงๆ’ และเพื่อครอบครัวของข้าพเจ้าจะได้ตั้งมั่นคงอยู่ต่อหน้าพระองค์
25 เพราะพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าได้เปิดเผยกับผู้รับใช้ของพระองค์แล้วว่า พระองค์จะสร้างบ้านให้เขา ผู้รับใช้ของพระองค์จึงกล้าที่จะมาอธิษฐานต่อหน้าของพระองค์ 26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์คือพระเจ้า และตอนนี้ พระองค์ได้สัญญาสิ่งดีสิ่งนี้กับผู้รับใช้ของพระองค์ 27 ตอนนี้ พระองค์เห็นดีด้วยที่จะอวยพรให้กับครอบครัวของผู้รับใช้พระองค์ ซึ่งมันจะคงอยู่ตลอดไปต่อหน้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์อวยพรใคร คนนั้นก็จะได้รับพระพรตลอดไป”
ดาวิดได้ชัยชนะเหนือชาติต่างๆ
(2 ซมอ. 8:1-14)
18 ต่อมาภายหลัง ดาวิดได้โจมตีชาวฟีลิสเตียและเอาชนะพวกเขาได้และทำให้พวกนั้นอยู่ใต้บังคับ เขาได้ยึดเมืองกัทและหมู่บ้านโดยรอบไว้ได้จากพวกฟีลิสเตีย
2 ดาวิดยังได้เอาชนะพวกโมอับ และประชาชนชาวโมอับก็กลายเป็นทาสของดาวิดที่ต้องคอยส่งส่วยให้กับเขา
3 ดาวิดต่อสู้กับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ไปจนถึงฮามัท ตอนที่ดาวิดไปตั้งอนุสาวรีย์ให้กับตัวเองที่ลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีส 4 ดาวิดยึดเอารถรบไว้ได้หนึ่งพันคัน ทหารม้าเจ็ดพันคน และทหารเดินเท้าสองหมื่นคนมาจากกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ และยังได้ตัดเส้นเอ็นที่ขาหลังของม้าทุกตัว เหลือไว้เพียงหนึ่งร้อยตัวสำหรับลากรถรบ
5 เมื่อชาวอารัมแห่งเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ของเมืองโศบาห์ ดาวิดได้ฆ่าทหารชาวอารัมตายไปสองหมื่นสองพันคน 6 แล้วดาวิดก็ได้จัดกำลังทหารไว้จำนวนหนึ่งให้อยู่ในเขตของชาวอารัมที่มีดามัสกัสเป็นเมืองหลวง และประชาชนชาวอารัมก็กลายเป็นทาสของดาวิดที่ต้องส่งส่วยให้กับเขา พระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกๆที่ที่เขาไป
7 ดาวิดได้ยึดเอาโล่ทองคำที่พวกนายทหารของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ถือ แล้วเอาพวกมันไปไว้ที่เมืองเยรูซาเล็ม 8 และยังได้ยึดเอาทองสัมฤทธิ์จำนวนมากมายมหาศาลมาจากเมืองเทบาห์และเมืองคูน ซึ่งเป็นเมืองของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ไว้ด้วย ซึ่งต่อมาภายหลังซาโลมอนได้ใช้ทองสัมฤทธิ์นี้ทำขันทะเล[c] และเสาหลายต้น รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้อีกหลายอย่างสำหรับวิหาร
9 เมื่อกษัตริย์โทอูแห่งเมืองฮามัทได้ยินข่าวว่า ดาวิดเอาชนะกองทัพทั้งหมดของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ได้ 10 เขาจึงส่งฮาโดรัมลูกชายของเขามาพบกษัตริย์ดาวิดเพื่อถามทุกข์สุขและแสดงความยินดีกับดาวิด เพราะกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์เคยมาทำสงครามและเอาชนะกษัตริย์โทอูมาก่อน ฮาดัดเอเซอร์ทำสงครามกับโทอูบ่อยๆ กษัตริย์โทอูยังให้ฮาโดรัมขนของทุกชนิดที่ทำจากทอง เงินและทองสัมฤทธิ์ นำมาให้กับกษัตริย์ดาวิดด้วย 11 กษัตริย์ดาวิดได้เอาทองและเงินที่เขายึดมาได้จากชาติต่างๆคือ เอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตียและชาวอามาเลค มาอุทิศให้กับพระยาห์เวห์
12 อาบีชัยลูกชายของนางเศรุยาห์ได้ฆ่าชาวเอโดมหนึ่งหมื่นแปดพันคนตายในหุบเขาเกลือ 13 เขาได้จัดกำลังทหารจำนวนหนึ่งให้อยู่ในเอโดมและประชาชนชาวเอโดมทั้งหมดก็กลายเป็นทาสของดาวิด และพระยาห์เวห์ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกที่ที่ดาวิดไป
ข้าราชการคนสำคัญของดาวิด
(2 ซมอ. 8:15-18; 20:23-26)
14 ดาวิดได้เป็นกษัตริย์เหนือชนชาติอิสราเอลทั้งหมด และเขาได้ให้ความยุติธรรมและความถูกต้องกับประชาชนทั้งหมดของเขา 15 โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทลูกชายของอาหิลูดเป็นเลขานุการ 16 ศาโดกลูกชายของอาหิทูบและอาหิเมเลคลูกชายของอาบียาธาร์เป็นนักบวช ชาวชาเป็นผู้จดบันทึก[d] 17 เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาเป็นแม่ทัพของชาวเคเรธีและชาวเปเลท[e] และบรรดาลูกชายของดาวิดได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่คอยอยู่เคียงข้างกษัตริย์
28 ขณะที่พระเยซูสอนอยู่ในบริเวณวิหาร พระองค์ตะโกนให้ทุกคนได้ยินว่า “ใช่แล้ว พวกคุณรู้จักเรา และรู้ว่าเรามาจากไหน แต่เราไม่ได้มาเอง มีผู้หนึ่งที่ส่งเรามาจริงๆ พวกคุณไม่รู้จักพระองค์ผู้นั้น 29 แต่เรารู้จักพระองค์เพราะเรามาจากพระองค์ และพระองค์ส่งเรามา”
30 พวกเขาจึงพยายามที่จะจับพระเยซู แต่ไม่มีใครจับตัวพระองค์ได้เพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ 31 แต่ก็มีคนเป็นจำนวนมากในฝูงชนนั้นที่เชื่อพระองค์และพูดว่า “เมื่อพระคริสต์มา พระองค์จะทำสิ่งอัศจรรย์มากกว่าที่ชายคนนี้ทำหรือ”
พวกยิวหาโอกาสจับพระเยซู
32 เมื่อพวกฟาริสีได้ยินว่ามีคนเป็นจำนวนมากแอบซุบซิบกันเรื่องพระเยซูอยู่ หัวหน้านักบวชและพวกฟาริสีส่งเจ้าหน้าที่ของวิหารไปจับตัวพระเยซู 33 พระเยซูพูดว่า “เราจะอยู่กับพวกคุณอีกสักพักหนึ่ง แล้วก็จะกลับไปหาพระองค์ผู้ที่ส่งเรามา 34 พวกคุณจะตามหาเรา แต่จะหาไม่เจอ เพราะพวกคุณไม่สามารถไปในที่ที่เรากำลังจะไป”
35 พวกผู้นำชาวยิวถามกันว่า “เขาจะไปไหนหรือ ที่พวกเราจะหาเขาไม่เจอ เขาจะไปหาคนของพวกเราที่เมืองกรีกและสอนพวกคนกรีกที่นั่นหรือ 36 แล้วเขาหมายถึงอะไรนะ ตอนที่เขาพูดว่า ‘คุณจะตามหาเราแต่จะหาไม่เจอ’ และ ‘พวกคุณไม่สามารถไปในที่ที่เรากำลังจะไป’”
พระเยซูพูดถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์
37 ในวันสุดท้ายของเทศกาลอยู่เพิง ซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุด พระเยซูยืนขึ้นและพูดเสียงดังว่า “ถ้าใครหิวน้ำ ก็ให้มาหาเราและดื่มสิ 38 คนที่ไว้วางใจเราก็จะมีลำธารของน้ำที่ให้ชีวิตไหลออกมาจากหัวใจของเขา เหมือนกับที่พระคัมภีร์บอก” 39 พระเยซูกำลังพูดถึงพระวิญญาณ ซึ่งภายหลังคนที่ไว้วางใจพระองค์จะได้รับ แต่ที่ยังไม่มีใครได้รับตอนนี้ เพราะพระเยซูยังไม่ตายและยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมารับเกียรติอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ประชาชนเถียงกันเรื่องพระเยซู
40 เมื่อประชาชนได้ยินสิ่งที่พระเยซูพูด ก็มีบางคนพูดว่า “ชายคนนี้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้นที่คนรอคอยแน่ๆ”[a]
41 คนอื่นๆพูดว่า “เขาเป็นพระคริสต์”
แต่บางคนแย้งว่า “พระคริสต์จะมาจากแคว้นกาลิลีได้ยังไง 42 พระคัมภีร์บอกว่า พระคริสต์จะมาจากครอบครัวของดาวิด และมาจากหมู่บ้านเบธเลเฮม เมืองที่ดาวิดเคยอยู่ไม่ใช่หรือ” 43 จึงเกิดการแตกแยกกันขึ้นในหมู่ประชาชนเพราะตกลงกันไม่ได้ในเรื่องของพระเยซู 44 บางคนอยากจะจับกุมพระองค์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำ
ผู้นำชาวยิวไม่ไว้วางใจพระเยซู
45 ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของวิหารกลับไปหาพวกผู้นำนักบวช และพวกฟาริสีที่ถามว่า “ทำไมพวกเจ้าไม่จับมันมาที่นี่”
46 พวกเจ้าหน้าที่ตอบไปว่า “พวกเรายังไม่เคยได้ยินใครพูดเหมือนชายคนนี้มาก่อนเลย”
47 พวกฟาริสีถามอีกว่า “พวกแกก็ถูกมันหลอกด้วยหรือ 48 ดูซิ มีใครบ้างในกลุ่มผู้นำหรือพวกฟาริสีที่ไปหลงเชื่อมัน 49 ส่วนไอ้พวกนอกคอกที่ไม่รู้กฎปฏิบัติพวกนั้น ยังไงก็ถูกพระเจ้าสาปแช่งอยู่แล้ว”
50 นิโคเดมัส คนที่ไปหาพระเยซูก่อนหน้านี้ และเป็นผู้นำชาวยิวคนหนึ่งถามพวกเขาว่า 51 “ตามกฎปฏิบัติของพวกเราจะไม่ตัดสินใครจนกว่าจะฟังเขาพูดและรู้ว่าเขาทำอะไร ไม่ใช่หรือ”
52 แต่พวกเขาบอกนิโคเดมัสว่า “คุณก็มาจากกาลิลีกับเขาด้วยหรือ ลองไปค้นพระคัมภีร์ ดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าไม่มีผู้พูดแทนพระเจ้าที่มาจากกาลิลีเลย”
53 [b] แล้วพวกเขาทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International