Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 14-15

โยอาบส่งหญิงฉลาดไปให้ดาวิด

14 โยอาบลูกชายนางเศรุยาห์รู้ว่าใจของดาวิดคิดถึงอับซาโลมมาก เขาจึงส่งคนไปเมืองเทโคอาและให้นำตัวหญิงฉลาดคนหนึ่งมาจากที่นั่น เขาพูดกับนางว่า “ให้ท่านแกล้งทำเป็นไว้ทุกข์อยู่ ให้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสำหรับไว้ทุกข์และอย่าใช้เครื่องสำอางใดๆให้ทำตัวเหมือนหญิงคนหนึ่งที่ไว้ทุกข์ให้กับคนตายมาหลายวันแล้ว แล้วให้ไปหากษัตริย์และพูดสิ่งเหล่านี้กับเขา” และโยอาบก็บอกคำพูดเหล่านั้นให้นางฟัง

เมื่อหญิงจากเมืองเทโคอาไปหากษัตริย์ นางก้มหน้ากราบลงกับพื้นดินทำความเคารพและพูดว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด”

กษัตริย์ถามนางว่า “เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ”

นางพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นแม่หม้าย สามีของข้าพเจ้าตายแล้ว ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านมีลูกชายสองคน พวกเขาต่อสู้กันในทุ่งนา และไม่มีใครที่จะช่วยแยกพวกเขาออกจากกัน คนหนึ่งทำร้ายอีกคนหนึ่งและฆ่าเขาตาย ตอนนี้คนทั้งตระกูลลุกขึ้นคัดค้านข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่าน พวกเขาพูดว่า ‘มอบคนที่ฆ่าพี่ชายของเขามา เพื่อว่าพวกเราจะได้ฆ่าเขาชดใช้ชีวิตให้กับพี่ชายที่เขาฆ่า ถึงจะต้องฆ่าผู้รับมรดกก็ตาม’ พวกเขามาดับไฟถ่านหินก้อนสุดท้ายที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ปล่อยให้สามีข้าพเจ้าไม่มีทั้งชื่อและลูกหลานไว้บนโลกนี้เลย”

กษัตริย์พูดกับหญิงผู้นั้นว่า “กลับไปบ้านเถิด เราจะจัดการเรื่องนี้ให้กับเจ้าเอง”

แต่หญิงจากเมืองเทโคอาพูดกับเขาว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ขอให้โทษตกอยู่ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวพ่อข้าพเจ้าเถิด อย่าให้กษัตริย์และบัลลังก์ของท่านมีความผิดไปด้วยเลย”

10 กษัตริย์ตอบว่า “ถ้ามีใครพูดอะไรกับเจ้า นำตัวเขามาให้เราและเขาจะไม่มารบกวนเจ้าอีกเลย”

11 นางพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ขอให้กษัตริย์ขอร้องพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน เพื่อคนที่จะมาแก้แค้นนั้นจะได้หยุดฆ่า เพื่อลูกชายของข้าพเจ้าจะได้ไม่ถูกทำลายไป”

กษัตริย์ตอบว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า แม้แต่ผมสักเส้นหนึ่งของลูกชายท่านก็จะไม่ตกถึงพื้น”

12 หญิงคนนั้นจึงพูดว่า “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านพูดเรื่องหนึ่งกับกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

เขาตอบว่า “พูดไปเถิด”

13 หญิงคนนั้นจึงพูดว่า “แล้วทำไมท่านถึงได้วางแผนทำเรื่องอย่างเดียวกันนี้ต่อประชาชนของพระเจ้า เมื่อท่านตัดสินให้หยุดการแก้แค้น แสดงว่าท่านกำลังกล่าวโทษตัวเอง เพราะแม้แต่ตัวท่านเองยังไม่ยอมรับตัวลูกชายท่านที่ถูกเนรเทศกลับมาเลย 14 มนุษย์เราต้องตายกันทุกคน เหมือนน้ำที่หกลงบนพื้นแล้วไม่สามารถรวมกลับคืนมาได้อีก พระเจ้าไม่ได้คิดที่จะทำลายชีวิตใคร แต่พระองค์คิดหาแผนเพื่อคนที่ถูกขับออกจะได้กลับคืนดีกับพระองค์ 15 ข้าพเจ้าได้มาพูดสิ่งนี้กับกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพราะว่าประชาชนได้ทำให้ข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านคิดในใจว่า ‘ฉันจะพูดกับกษัตริย์ บางทีเขาอาจจะทำตามที่ผู้รับใช้คนนี้ของเขาขอก็ได้ 16 บางทีกษัตริย์อาจจะยอมช่วยผู้รับใช้คนนี้ของเขาให้พ้นจากมือของคนที่พยายามทำลายตัวฉันและลูกชายของฉันไปจากประชาชนซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระเจ้า’ 17 ข้าพเจ้าคนรับใช้ของท่านคิดว่า ‘คำพูดของกษัตริย์นายฉันทำให้ฉันได้รับความสงบสุข’ เพราะกษัตริย์เจ้านายของฉันเป็นเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน สถิตอยู่กับท่านด้วยเถิด”

18 กษัตริย์จึงพูดกับหญิงนั้นว่า “เราจะถามเจ้า อย่าได้ปิดบังเราล่ะ”

หญิงคนนั้นตอบว่า “ขอให้กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าถามมาเถิด”

19 กษัตริย์ถามว่า “เป็นฝีมือของโยอาบใช่ไหม ที่ใช้ให้เจ้ามาพูดอย่างนี้”

หญิงคนนั้นตอบว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบสิ่งที่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าถามได้หรอก ใช่แล้วค่ะ โยอาบคนรับใช้ของท่านเป็นคนสั่งให้ข้าพเจ้าทำสิ่งเหล่านี้ เขาเป็นคนสั่งให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านพูดอย่างนี้ 20 โยอาบผู้รับใช้ท่านทำไปเพื่อจะเปลี่ยนสถานการณ์ในขณะนี้ นายของข้าพเจ้า ท่านเป็นคนฉลาดเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้า ท่านรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้”

อับซาโลมกลับเยรูซาเล็ม

21 กษัตริย์พูดกับโยอาบว่า “ดีมาก เราจะทำตามที่เจ้าขอ ไปนำตัวอับซาโลมหนุ่มคนนั้นกลับมา”

22 โยอาบก้มหน้ากราบลงกับพื้นแสดงความเคารพ และเขาอวยพรให้กับกษัตริย์ โยอาบพูดว่า “วันนี้ผู้รับใช้คนนี้ของท่านรู้แล้วว่า ข้าพเจ้าเองได้รับความกรุณาในสายตาของท่านแล้ว กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพราะกษัตริย์ได้ยอมทำตามคำขอร้องของคนรับใช้คนนี้ของพระองค์”

23 โยอาบจึงไปเกชูร์และนำตัวอับซาโลมกลับมายังเมืองเยรูซาเล็ม 24 แต่กษัตริย์พูดว่า “เขาต้องตรงกลับบ้านเขา อย่าให้มาพบหน้าเรา” อับซาโลมจึงตรงกลับไปบ้านเขาและไม่ได้เห็นหน้ากษัตริย์

25 ในบรรดาชาวอิสราเอลทั้งหมด ไม่มีใครได้รับคำชื่นชมในเรื่องความหล่อเท่ากับอับซาโลม ตั้งแต่หัวจรดเท้าแทบไม่มีที่ติเลย 26 เมื่อใดก็ตามที่เขาตัดผมออก ซึ่งเขาตัดผมทุกๆสิ้นปี เมื่อมันเริ่มหนักเกินไป เขาเคยเอามันมาชั่งดู มันหนักประมาณสองกิโลกรัมสามขีดตามมาตรฐานของหลวง 27 อับซาโลมมีลูกชายสามคนและลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวเขาชื่อทามาร์และนางเป็นคนสวยมาก

28 อับซาโลมอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มสองปีเต็มโดยไม่ได้พบหน้ากษัตริย์เลย 29 อับซาโลมได้ส่งคนไปตามโยอาบเพื่อให้มาพาเขาไปเข้าพบกษัตริย์ แต่โยอาบไม่ยอมมาพบเขา ดังนั้น เขาจึงส่งคนไปอีกเป็นครั้งที่สอง แต่โยอาบก็ยังไม่ยอมมา

30 เขาจึงพูดกับคนรับใช้ว่า “ทุ่งนาของโยอาบอยู่ถัดจากทุ่งนาของเรา เขามีข้าวบาร์เลย์อยู่ที่นั่น ไปจุดไฟเผามันซะ”

คนรับใช้ของอับซาโลมจึงไปจุดไฟเผานานั้น 31 แล้วโยอาบจึงได้ลุกขึ้นไปที่บ้านของอับซาโลมและพูดกับเขาว่า “ทำไมคนรับใช้ของท่านจึงมาจุดไฟเผานาของเรา”

32 อับซาโลมพูดกับโยอาบว่า “ก็ดูสิ เราส่งคนไปตามท่านมาที่นี่ เพื่อเราจะได้ส่งท่านไปถามกษัตริย์ว่า ‘ให้เรามาจากเกชูร์ทำไม ปล่อยให้เราอยู่ที่นั่นเสียยังจะดีกว่า’ ตอนนี้ เราต้องการพบหน้ากษัตริย์ และถ้าเรามีความผิด ก็ปล่อยให้เขาฆ่าเราเถิด”

33 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และบอกสิ่งนี้กับเขา กษัตริย์จึงเรียกตัวอับซาโลมเข้าพบ เขาเข้ามาและก้มกราบลงกับพื้นต่อหน้ากษัตริย์ และกษัตริย์ก็จูบอับซาโลม

อับซาโลมหาพรรคพวก

15 หลังจากนั้นอับซาโลมได้หารถรบและพวกม้าสำหรับตัวเขาเอง และเขามีชายห้าสิบคนวิ่งนำหน้ารถของเขา เขาจะตื่นแต่เช้ามายืนอยู่ข้างถนนที่ตรงไปยังประตูเมือง[a] เมื่อมีคนเดินผ่านมาพร้อมกับปัญหา เพื่อจะเอาไปให้กษัตริย์ดาวิดตัดสินให้ อับซาโลมก็จะร้องถามคนๆนั้นว่ามาจากที่ไหน คนๆนั้นก็ตอบว่าเขามาจากเผ่าอะไรในอิสราเอล แล้วอับซาโลมก็จะพูดกับเขาว่า “ข้อกล่าวหาของท่านมีเหตุผลและเหมาะสมดี แต่ไม่มีตัวแทนของกษัตริย์ที่จะมาฟังท่านหรอก”

อับซาโลมก็จะพูดอีกว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตัดสินในเมืองนี้ล่ะก็ ทุกๆคนที่มีปัญหาหรือมีคดีก็จะสามารถมาหาเรา และเราจะให้ความเป็นธรรมกับเขา”

และเมื่อใดก็ตามที่มีคนมาหาเขาและคำนับลงต่อหน้าเขา อับซาโลมก็จะยื่นมือออกไปรับตัวคนนั้นมาจูบ อับซาโลมทำอย่างนี้กับชาวอิสราเอลทุกคนที่มาหากษัตริย์ดาวิดเพื่อขอให้ตัดสินคดี อย่างนี้ เขาจึงชนะใจของคนอิสราเอลทั้งหลาย

อับซาโลมวางแผนยึดอาณาจักรพ่อ

สี่ปี[b] ผ่านไป อับซาโลมพูดกับกษัตริย์ว่า “ขออนุญาตไปเมืองเฮโบรนเพื่อไปแก้บนตามที่ลูกเคยบนไว้กับพระยาห์เวห์ด้วยเถิด ตอนที่ลูกผู้รับใช้ท่านยังอยู่ที่เมืองเกชูร์ในอารัม ลูกได้บนไว้ว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์พาลูกกลับเยรูซาเล็มได้ ลูกจะนมัสการพระยาห์เวห์ในเมืองเฮโบรน’[c]

กษัตริย์พูดกับเขาว่า “ขอให้ไปเป็นสุขเถิด” เขาจึงไปเมืองเฮโบรน 10 อับซาโลมได้ส่งคนส่งข่าวลับไปถึงทุกๆเผ่าของอิสราเอลว่า “ทันทีที่พวกท่านได้ยินเสียงแตร ให้พูดว่า ‘อับซาโลมคือกษัตริย์ของเมืองเฮโบรน’”

11 ชายสองร้อยคนจากเยรูซาเล็มไปกับอับซาโลมด้วย พวกเขาได้รับเชิญไปเป็นแขกและไปโดยไม่รู้ว่าอับซาโลมวางแผนอะไรอยู่ 12 ขณะที่อับซาโลมถวายเครื่องเผาบูชา เขาได้ส่งคนไปชวนอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของดาวิดให้มาจากกิโลห์เมืองของเขา ดังนั้นแผนการชั่วนี้กำลังไปได้ด้วยดีและผู้ติดตามอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ดาวิดรู้แผนของอับซาโลม

13 คนส่งข่าวคนหนึ่งมาบอกดาวิดว่า “ใจของคนอิสราเอลได้ไปอยู่กับอับซาโลมแล้ว”

14 ดาวิดจึงพูดกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่กับเขาในเยรูซาเล็มว่า “ไปกันเถิด พวกเราต้องหนีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพวกเราสักคนที่หนีอับซาโลมไปได้ พวกเราต้องรีบไปทันที ไม่อย่างนั้น เขาจะมาจับพวกเราอย่างรวดเร็วและทำลายพวกเราและทำลายเมือง”

15 เจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ตอบเขาว่า “ท่านกษัตริย์เจ้านายของพวกเราตัดสินใจยังไง พวกเราคนรับใช้ของท่านก็พร้อมแล้วที่จะทำตามทุกอย่าง”

16 กษัตริย์ออกเดินทางไปพร้อมกับครอบครัวทั้งหมดของเขา แต่เขาทิ้งเมียน้อย[d] ไว้สิบคนให้ดูแลวัง 17 กษัตริย์จึงออกเดินทางพร้อมกับผู้คนที่ติดตามเขาทั้งหมด พวกเขามาหยุดอยู่ในที่แห่งหนึ่งไกลออกมา 18 คนทั้งหมดของเขาเดินผ่านหน้ากษัตริย์ไป รวมทั้งชาวเคเรธี ชาวเปเลทและชาวกัท (มีหกร้อยคนจากเมืองกัท)

19 กษัตริย์พูดกับอิททัยชาวกัทว่า “พวกเจ้ามากับเราทำไม กลับไปอยู่กับกษัตริย์อับซาโลม พวกเจ้าเป็นชาวต่างชาติ เป็นคนที่อพยพมาจากบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้า 20 พวกเจ้าเพิ่งมาเมื่อวานนี้เอง และวันนี้จะให้เราทำให้พวกเจ้าต้องมาร่อนเร่กับพวกเรา ทั้งๆที่เราเองยังไม่รู้ว่าจะไปไหน กลับไปและพาคนของเจ้าไปด้วย ขอให้ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระยาห์เวห์[e]อยู่กับพวกเจ้า”

21 แต่อิททัยตอบกษัตริย์ว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าตราบเท่าที่ท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่ากษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ข้าพเจ้าก็จะอยู่กับท่าน”

22 ดาวิดพูดกับอิททัยว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้ามลำธารขิดโรนไปกันเถอะ”

อิททัยชาวกัทจึงเดินทางต่อพร้อมกับคนของเขาและครอบครัวที่อยู่กับเขาทั้งหมด 23 ประชาชน[f] ทั้งหมดต่างร้องไห้ด้วยเสียงอันดังเมื่อขบวนคนเหล่านี้เดินผ่านไป กษัตริย์ได้ข้ามลำธารขิดโรน และคนทั้งหมดได้เดินทางมุ่งสู่ทะเลทราย 24 ศาโดกอยู่ที่นั่นด้วย และชาวเลวีทั้งหมดที่อยู่กับเขากำลังถือหีบแห่งข้อตกลงของพระเจ้า พวกเขาวางหีบของพระเจ้าลงและอาบียาธาร์ก็ถวายเครื่องบูชา[g] จนกระทั่งประชาชนทั้งหมดออกจากเมือง

25 แล้วกษัตริย์ก็พูดกับศาโดกว่า “ให้นำหีบของพระเจ้ากลับเข้าไปในเมือง ถ้าพระยาห์เวห์พอใจในตัวเรา พระองค์ก็จะนำเรากลับมาและให้เราได้เห็นหีบนั้นและที่อาศัยของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง 26 แต่ถ้าพระองค์พูดว่า ‘เราไม่พอใจเจ้า’ เราก็พร้อมที่จะให้พระองค์ทำกับเราตามที่พระองค์เห็นว่าดี”

27 กษัตริย์พูดกับนักบวชศาโดกด้วยว่า “ท่านเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าไม่ใช่หรือ กลับไปในเมืองอย่างสงบพร้อมกับอาหิมาอัสลูกชายของท่านและโยนาธานลูกชายของอาบียาธาร์ ท่านและอาบียาธาร์ พาลูกชายของพวกท่านทั้งสองคนกลับไปเถอะ 28 เราจะคอยอยู่ที่ตรงทางข้ามแม่น้ำที่เข้าไปยังทะเลทราย จนกว่าพวกท่านจะมาบอกข่าวเรา”

29 ดังนั้นศาโดกและอาบียาธาร์จึงนำหีบของพระเจ้ากลับเยรูซาเล็มและอยู่ที่นั่น

คำแนะนำของอาหิโธเฟลสับสนไป

30 ดาวิดเดินทางต่อไปบนภูเขามะกอกเทศ เขาเดินไปร้องไห้ไป เขาเอาผ้าคลุมหัวไว้และเดินเท้าเปล่า ประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็คลุมหัวพวกเขาด้วยและเดินร้องไห้ไปด้วยเหมือนกัน

31 ขณะนั้น มีคนมาบอกดาวิดว่า “อาหิโธเฟลอยู่ในหมู่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับอับซาโลมด้วย” ดาวิดอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเปลี่ยนคำแนะนำของอาหิโธเฟลให้ใช้การไม่ได้ด้วยเถิด” 32 เมื่อดาวิดมาถึงยอดเขาที่คนเขานมัสการพระเจ้ากัน หุชัยชาวอารคีได้คอยอยู่ที่นั่นเพื่อพบดาวิด เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีฝุ่นอยู่เต็มหัวเขา[h]

33 ดาวิดพูดกับเขาว่า “ถ้าเจ้าไปกับเรา เจ้าจะเป็นภาระให้กับเรา 34 แต่ถ้าเจ้ากลับเข้าเมืองไปและพูดกับอับซาโลมว่า ‘ข้าแต่กษัตริย์ ตอนนี้เราจะเป็นผู้รับใช้ท่าน ในอดีตเราเคยเป็นคนรับใช้พ่อของท่านมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้เราจะเป็นคนรับใช้ท่าน’ แล้วเจ้าจะช่วยเราได้ ด้วยการคอยก่อกวนคำแนะนำของอาหิโธเฟล 35 เจ้ายังมีนักบวชศาโดกและอาบียาธาร์คอยช่วยเหลืออยู่ที่นั่น บอกพวกเขาทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าได้ยินภายในวังของกษัตริย์ 36 อาหิมาอัสลูกชายศาโดกและโยนาธานลูกชายอาบียาธาร์จะอยู่ที่นั่นกับพวกเขา เจ้าสามารถส่งพวกเขามาบอกเราในสิ่งที่เจ้าได้ยินมา”

37 ดังนั้นหุชัยที่ปรึกษาของกษัตริย์จึงกลับเข้าไปในเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อับซาโลมเข้าเมืองมาพอดี

ลูกา 17:1-19

การยั่วยวน การอภัย ความเชื่อ

(มธ. 18:6-7, 21-22; มก. 9:42)

17 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “จะมีสิ่งที่มายั่วยวนให้คนทำบาปเสมอ แต่คนที่มายั่วยวน นั้นช่างน่าอายจริงๆ ระหว่างการชักชวนคนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ให้ทำบาป กับการถูกจับโยนลงไปในทะเลพร้อมกับมีหินโม่แป้ง[a]ล่ามคออยู่ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า ระวังตัวไว้ให้ดี ให้ตักเตือนพี่น้องที่ทำบาป และอภัยให้เขาเมื่อเขากลับตัวกลับใจ ถึงแม้เขาจะทำผิดบาปต่อคุณถึงวันละเจ็ดครั้งก็ตาม แต่ถ้าทุกครั้งเขาบอกคุณว่า ‘ผมกลับตัวกลับใจแล้วครับ’ ก็ให้ยกโทษเขา” ฝ่ายพวกศิษย์เอก ก็พูดกับองค์เจ้าชีวิตว่า “ถ้าอย่างนั้น ช่วยเพิ่มความเชื่อให้กับเราด้วยครับ”

พระเยซูตอบว่า “แค่คุณมีความเชื่อเล็กเท่าเมล็ดมัสตาร์ดนี้ คุณก็สั่งให้ต้นหม่อนทั้งต้นถอนรากถอนโคนไปปลูกอยู่ในทะเลได้แล้ว”

ทาสที่ดี

“สมมุติว่าคุณมีทาสคนหนึ่ง เมื่อเขากลับมาจากไถนาหรือเลี้ยงแกะ คุณจะพูดกับเขาไหมว่า ‘รีบๆไปหาอะไรกินเร็ว’ หรือคุณจะพูดกับเขาว่า ‘ไปเตรียมอาหารมาสิ แล้วคอยรับใช้อยู่นี่แหละ จนกว่าเราจะกินและดื่มเสร็จ แล้วเจ้าถึงค่อยไปกิน’ นายต้องขอบใจทาสที่เขาทำตามคำสั่งหรือ 10 พวกคุณก็เหมือนกัน เมื่อทำงานที่นายสั่งมาเสร็จแล้ว ก็ควรพูดว่า ‘พวกเราเป็นแค่ทาสที่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่สมควรที่เจ้านายจะขอบใจหรอก’”

ให้รู้จักขอบคุณ

11 ในระหว่างทางที่ไปเมืองเยรูซาเล็ม พระเยซูผ่านไปตามเขตแดนของแคว้นกาลิลีกับแคว้นสะมาเรีย 12 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายสิบคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง เข้ามาหาพระองค์ แต่ยืนอยู่ห่างๆ 13 และร้องตะโกนว่า “เยซู นายท่าน สงสารพวกเราด้วยเถิด”

14 พระองค์ก็มองพวกเขา แล้วพูดว่า “ไปแสดงตัวให้พวกนักบวช[b] ดูสิ” ในระหว่างทางที่ไปนั้น พวกเขาก็หายจากโรค 15 คนหนึ่งในนั้น เมื่อเห็นว่าหายแล้ว ก็กลับมาร้องสรรเสริญพระเจ้าเสียงดัง 16 เขาก้มลงกราบขอบคุณอยู่ที่เท้าของพระเยซู เขาเป็นชาวสะมาเรีย 17 พระเยซูถามว่า “มีสิบคนที่หายจากโรคไม่ใช่หรือ แล้วอีกเก้าคนอยู่ที่ไหน 18 ทำไมมีแต่คนต่างชาติคนนี้เท่านั้นหรือ ที่กลับมาสรรเสริญพระเจ้า” 19 แล้วพระเยซูก็บอกเขาว่า “ลุกขึ้นกลับไปได้แล้ว ความเชื่อของคุณทำให้หายจากโรคแล้ว”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International