Old/New Testament
แผ่นหินใหม่
(อพย. 34:1-10)
10 ในเวลานั้น พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ตัดหินมาใหม่อีกสองแผ่นให้เหมือนกับสองแผ่นแรก แล้วขึ้นมาหาเราบนภูเขานี้ และให้ทำหีบไม้มาด้วย 2 เราจะเขียนบัญญัติบนแผ่นหินนี้ เป็นบัญญัติเดียวกับที่ได้เขียนไปแล้วบนแผ่นหินชุดแรกที่เจ้าทำแตกไปนั้น แล้วเจ้าจะได้วางพวกมันลงในหีบไม้’
3 เราจึงทำหีบไม้ขึ้นหนึ่งใบจากไม้กระถินเทศ และตัดหินใหม่สองแผ่นที่เหมือนกับหินสองแผ่นแรก แล้วเราก็ขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับหินสองแผ่นนั้นในมือ 4 พระยาห์เวห์ได้เขียนคำพูดเดิมที่เคยเขียนไปแล้วครั้งก่อนลงบนหินสองแผ่นนี้ คือบัญญัติสิบประการที่พระยาห์เวห์ได้พูดกับพวกท่านบนภูเขา ที่พระองค์พูดออกมาจากไฟในวันที่พวกท่านไปอยู่รวมกันที่นั่น แล้วพระองค์ก็ให้แผ่นหินนั้นกับเรา 5 เราก็กลับลงมาจากบนเขา เราได้วางแผ่นหินนั้นไว้ในหีบไม้ที่เราได้ทำขึ้น และแผ่นหินพวกนั้นก็ยังคงอยู่ที่นั่น เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเราไว้
6 (ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางจากบ่อน้ำเบเอโรท-เบเน-ยาอะคัน ไปที่โมเสราห์ อาโรนตายและถูกฝังไว้ที่นั่น เอเลอาซาร์ลูกชายของเขาได้เป็นนักบวชแทนเขา 7 ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางจากที่นั่นไปที่กุดโกดาห์ จากกุดโกดาห์ พวกเขาเดินทางไปถึงโยทบาธาห์ เป็นสถานที่ที่มีลำธารมากมาย 8 ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งเผ่าเลวีให้เป็นผู้แบกหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ให้ยืนรับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และให้อวยพรประชาชนในนามของพระองค์ เหมือนที่พวกเขาได้ทำอยู่จนถึงทุกวันนี้ 9 เพราะเหตุนี้คนเผ่าเลวีถึงไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเป็นของตัวเองเหมือนเผ่าอื่นๆ พระยาห์เวห์คือส่วนแบ่งของชาวเลวี ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สัญญาไว้กับคนเผ่าเลวี)
10 เราได้อยู่บนภูเขาเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนเหมือนครั้งแรกและพระยาห์เวห์ได้ฟังเราอีกครั้งหนึ่งในเวลานั้น พระองค์ไม่ต้องการทำลายท่าน 11 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ลุกขึ้น ไปเดินนำหน้าประชาชน เพื่อพวกเขาจะได้เข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่เราได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะยกให้กับพวกเขา’
สิ่งที่พระยาห์เวห์ต้องการอย่างแท้จริง
12 ชาวอิสราเอลเอ๋ย พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านขออะไรจากท่านหรือ พระองค์ขอเพียงแต่ให้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้เดินในทางของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้รับใช้พระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน 13 และให้เชื่อฟังบัญญัติและกฎของพระองค์ ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง
14 ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นเจ้าของสวรรค์ทั้งสิ้น แม้แต่สวรรค์ชั้นสูงสุด รวมทั้งโลกและทุกสิ่งทุกอย่างในโลก 15 แต่พระยาห์เวห์ยังเอาใจใส่บรรพบุรุษของท่านและรักพวกเขา พระองค์ได้เลือกพวกท่านซึ่งเป็นลูกหลานของพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และพวกท่านก็ยังคงเป็นคนพิเศษสำหรับพระองค์ถึงทุกวันนี้
16 ให้มอบตัวท่านทั้งหมดกับพระยาห์เวห์ และอย่าดื้อดึงอีกต่อไป[a] 17 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านคือพระเจ้าเหนือพระทั้งปวง และเป็นองค์เจ้าชีวิตเหนือองค์เจ้าชีวิตอื่นๆทั้งหมด พระองค์เป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ทรงพลังและน่ากลัว พระองค์ไม่เลือกหน้าและไม่รับสินบน 18 พระองค์ทำให้แม่หม้ายและเด็กกำพร้าได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรม พระองค์รักชาวต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางเราและให้อาหารและเสื้อผ้ากับเขา 19 พวกท่านต้องรักชาวต่างชาติด้วย เพราะพวกท่านก็เคยเป็นชาวต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน
20 ท่านต้องเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านต้องรับใช้พระองค์เท่านั้น ท่านต้องผูกพันอยู่กับพระองค์และท่านต้องสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ 21 พระองค์คือผู้ที่ท่านควรจะยกย่องสรรเสริญ พระองค์คือพระเจ้าของท่าน พระองค์ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวต่างๆนี้เพื่อท่าน ที่ท่านได้เห็นมาแล้วกับตาตัวเอง 22 ตอนที่บรรพบุรุษของท่านเข้าไปอยู่ที่ประเทศอียิปต์นั้น มีแค่เจ็ดสิบคนเท่านั้น แต่ตอนนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำให้ท่านมีจำนวนมากมายเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า
ให้รักและเชื่อฟังพระยาห์เวห์
11 ท่านต้องรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และท่านต้องเชื่อฟังคำสั่ง กฎ ข้อบังคับและบัญญัติต่างๆของพระองค์เสมอ 2 ในวันนี้ พวกท่านต้องจดจำไว้ว่า เป็นพวกท่านเอง ไม่ใช่ลูกๆของพวกท่าน ที่รู้จักและเห็นบทเรียนจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เป็นท่านเองที่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ อำนาจที่ยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่งของพระองค์ 3 เป็นท่านเอง ไม่ใช่ลูกๆของท่าน ที่เห็นเหตุการณ์พิเศษต่างๆและการกระทำที่พระองค์ได้ทำไว้กับฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ และกับประชาชนชาวอียิปต์ทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ 4 เป็นท่านเอง ไม่ใช่ลูกๆของท่าน ที่ได้เห็นสิ่งที่พระองค์ได้ทำกับกองทัพของอียิปต์ กับม้าและรถรบทั้งหลายของอียิปต์ และการที่พระองค์ทำให้น้ำในทะเลแดงไหลท่วมพวกเขาในขณะที่เขากำลังไล่ตามพวกท่าน เพื่อพระยาห์เวห์จะได้ทำลายพวกเขาจนหมด 5 เป็นท่านเอง ไม่ใช่ลูกๆของท่าน ที่ได้เห็นสิ่งที่พระองค์ได้ทำเพื่อพวกท่านในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งจนกระทั่งพวกท่านมาถึงที่นี่ 6 เป็นท่านเอง ไม่ใช่ลูกๆของท่าน ที่ได้เห็นสิ่งที่พระองค์ทำกับดาธานและอาบีรัมลูกชายของเอลีอับชาวรูเบน เมื่อแผ่นดินอ้าปากของมัน และกลืนพวกเขาและครอบครัวพวกเขา พร้อมกับเต็นท์ คนรับใช้ และสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ไปจากท่ามกลางชาวอิสราเอลทั้งหมด 7 เป็นท่านเอง ไม่ใช่ลูกๆของท่าน ที่ได้เห็นการกระทำอันยิ่งใหญ่ทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้
8 ดังนั้นพวกท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนทุกอย่างที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ เพื่อพวกท่านจะได้เข้มแข็งและเข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของนี้ 9 และเพื่อพวกท่านจะได้มีชีวิตที่ยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่านว่าจะยกให้กับพวกเขาและลูกหลานของเขา คือแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ 10 เพราะแผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของนั้น ไม่เหมือนแผ่นดินอียิปต์ที่ท่านจากมา ที่แผ่นดินอียิปต์นั้น ท่านปลูกพืชของท่าน และเอาเท้าขูดเป็นร่องน้ำได้[b] เหมือนกับรดสวนผัก 11 แต่แผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามไปเป็นเจ้าของนั้น เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยภูเขาและหุบเขามากมาย และพื้นดินก็จะชุ่มชื้นไปด้วยน้ำฝนที่ตกมาจากฟ้า 12 มันเป็นแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี
13 พระยาห์เวห์พูดว่า ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังบัญญัติของเราที่เรากำลังสั่งกับพวกเจ้าในวันนี้อย่างระมัดระวัง คือให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าและรับใช้พระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า 14 เรา ยาห์เวห์ จะให้ฝนตกในแผ่นดินของพวกเจ้าตามฤดูกาล คือฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู และเจ้าจะได้เกี่ยวพืชผล น้ำองุ่นใหม่ และน้ำมันของเจ้า 15 เราจะให้หญ้าขึ้นในท้องทุ่งของเจ้าสำหรับฝูงสัตว์ของเจ้า และเจ้าจะมีกินอย่างเหลือเฟือ
16 ระวังให้ดี ไม่อย่างนั้นใจของพวกท่านจะถูกล่อลวงให้หันเหไปรับใช้พระอื่นๆและไปกราบไหว้พระเหล่านั้น 17 แล้วพระยาห์เวห์ก็จะโกรธพวกท่าน พระองค์จะปิดท้องฟ้าไม่ให้ฝนตก แผ่นดินจะไม่มีพืชผลงอกออกมา และพวกท่านก็จะมีอายุสั้นในแผ่นดินที่ดีที่พระยาห์เวห์จะยกให้กับพวกท่าน
18 ให้เอาคำสั่งสอนพวกนี้ของเราฝังไว้ในจิตใจของท่านอยู่เสมอ และผูกมันไว้กับมือของพวกท่านเพื่อเตือนความจำ และผูกไว้ที่หน้าผากของท่านเหมือนกับผ้าโพกหัว 19 สอนสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกท่าน ท่องพวกมันเมื่อนั่งอยู่ในบ้าน เดินอยู่ตามท้องถนน เมื่อนอนลงและลุกขึ้น 20 ให้เขียนพวกมันไว้บนเสาประตูบ้าน และบนประตูเมืองของท่าน 21 ให้ทำตามสิ่งเหล่านี้ เพื่อพวกท่านและลูกๆของพวกท่าน จะได้อยู่อีกยาวนานบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะยกให้กับพวกเขาตราบเท่าที่ฟ้ายังอยู่เหนือดิน
22 ถ้าพวกท่านเชื่อฟังคำสั่งสอนทั้งหมดนี้ที่เราได้สั่งให้ท่านทำอย่างระมัดระวัง คือให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เดินในทางของพระองค์ และผูกพันอยู่กับพระองค์ 23 แล้วพระยาห์เวห์จะขับไล่ชนชาติเหล่านี้ออกไปต่อหน้าพวกท่าน และพวกท่านจะขับไล่ชนชาติที่ใหญ่กว่าและเข้มแข็งกว่าพวกท่านได้ 24 ในทุกๆที่ที่เท้าของพวกท่านเหยียบย่ำเข้าไปก็จะตกเป็นของพวกท่าน เขตแดนของพวกท่านจะเริ่มตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งทางตอนใต้ไปถึงเลบานอนทางตอนเหนือ จากแม่น้ำยูเฟรติสทางตะวันออกไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตก 25 จะไม่มีใครสามารถหยุดพวกท่านได้ ไม่ว่าพวกท่านจะไปที่ไหนก็ตาม พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะทำให้ประชาชนกลัวพวกท่าน เหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกท่านแล้ว
อวยพรหรือสาปแช่ง
26 วันนี้เราให้ทางเลือกกับพวกท่าน ให้ท่านเลือกเอาระหว่างคำอวยพรหรือคำสาปแช่ง 27 ท่านจะได้รับคำอวยพร ถ้าท่านเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ 28 และท่านจะได้รับคำสาปแช่งถ้าท่านไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และหันเหไปจากทางที่เรากำลังสั่งท่านในวันนี้ และหันไปบูชาพระอื่นที่พวกท่านไม่รู้จักมาก่อน
29 เมื่อพระยาห์เวห์นำท่านเข้าไปในดินแดนที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของแล้ว ท่านต้องขึ้นไปบนยอดเขาเกริซิมแล้วอ่านคำอวยพรให้ประชาชนฟัง และขึ้นไปบนยอดเขาเอบาลแล้วอ่านคำสาปแช่งให้ประชาชนฟังจากยอดเขานั้นด้วย 30 ท่านก็รู้อยู่แล้วว่า ภูเขาพวกนี้อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ไปทางทิศตะวันตก ภูเขาพวกนี้อยู่ในดินแดนของชาวคานาอัน ที่อาศัยอยู่ในหุบเขาจอร์แดน อยู่ไม่ไกลจากป่าโอ๊คของโมเรห์ ใกล้ๆกับเมืองกิลกาล 31 เพราะพวกท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดน เข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านยกให้กับท่าน เมื่อพวกท่านเป็นเจ้าของมันและตั้งบ้านเรือนอยู่กันแล้ว 32 พวกท่านจะต้องทำตามกฎและข้อบังคับต่างๆที่เราให้กับพวกท่านในวันนี้อย่างระมัดระวัง
สถานที่สำหรับนมัสการพระเจ้า
12 นี่คือกฎและข้อบังคับที่พวกท่านต้องทำตามอย่างระมัดระวังในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษท่านได้ยกให้กับท่าน ท่านต้องทำตามกฎเหล่านั้นตราบเท่าที่พวกท่านยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น 2 เมื่อพวกท่านยึดเอาแผ่นดินของชนชาติเหล่านี้มาได้แล้ว พวกท่านต้องทำลายสถานที่ทุกแห่งที่พวกเขาใช้นมัสการพระต่างๆของพวกเขาให้หมดเกลี้ยง ตามภูเขาสูง ตามเนินเขาและตามใต้ต้นไม้ทุกต้น 3 พวกท่านต้องรื้อแท่นบูชาต่างๆของพวกเขาทิ้งให้หมด พวกท่านต้องทุบเสา[c]หินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาให้แตกเป็นชิ้นๆ พวกท่านต้องเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ของพวกเขา และต้องตัดพวกรูปปั้นพระต่างๆของพวกเขาให้เป็นชิ้นๆ เพื่อจะได้ลบชื่อของพระเทียมเท็จเหล่านั้นให้หมดไปจากสถานที่นั้น
4 พวกท่านต้องไม่นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านแบบเดียวกับที่คนพวกนั้นเขาทำกัน 5 แต่พวกท่านต้องไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่พระยาห์เวห์จะเลือกออกมาจากท่ามกลางเผ่าทั้งหลายของพวกท่าน พระองค์จะสถิตอยู่ที่นั่นเหมือนบ้านของพระองค์ และท่านต้องไปนมัสการพระองค์ที่นั่น 6 ท่านต้องเอาเครื่องเผาบูชา เครื่องสัตวบูชา พืชผลและสัตว์ต่างๆหนึ่งในสิบส่วนจากของที่ท่านหามาได้ รวมทั้งให้เอาของขวัญพิเศษ[d] ของแก้บนที่ท่านเคยบนไว้กับพระยาห์เวห์ เครื่องบูชาตามความสมัครใจ และลูกตัวแรกจากฝูงวัวและฝูงแพะแกะของพวกท่าน ไปในสถานที่นั้นด้วย 7 ท่านและครอบครัวของท่านจะกินกันที่นั่นต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พวกท่านจะยินดีกับสิ่งดีๆทั้งหมดที่พวกท่านได้ลงมือลงแรงทำไป เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้อวยพรท่าน
8 เมื่อถึงเวลานั้น พวกท่านต้องไม่นมัสการแบบเดียวกับที่พวกเรากำลังทำอยู่ในวันนี้ คือแต่ละคนก็ทำตามใจของตัวเอง 9 ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกท่านยังไม่ได้เข้าไปในสถานที่แห่งการพักผ่อนและแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน 10 แต่อีกไม่ช้าพวกท่านก็จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนแล้ว พวกท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะยกให้กับท่าน พระองค์จะให้พวกท่านได้หยุดพักจากการสู้รบกับศัตรูทั้งหมดที่อยู่ล้อมรอบท่าน และพวกท่านจะอยู่อย่างปลอดภัย 11 แล้วพวกท่านต้องเอาทุกอย่างที่เราได้สั่งพวกท่านไว้ ไปยังสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือกขึ้นมาสำหรับนมัสการพระองค์ คือท่านต้องเอาเครื่องเผาบูชา เครื่องสัตวบูชา พืชผลและสัตว์ต่างๆหนึ่งในสิบส่วนจากของที่ท่านหามาได้ รวมทั้งให้เอาของขวัญพิเศษ ของแก้บนที่ท่านเคยบนไว้กับพระยาห์เวห์ 12 ให้พวกท่านชื่นชมยินดีกันต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทั้งพวกท่าน ลูกชายลูกสาวของพวกท่าน ทาสชายหญิงของพวกท่าน และชาวเลวี ในเมืองของพวกท่านด้วย เพราะพวกนี้ไม่มีส่วนแบ่งในที่ดินเหมือนกับพวกท่าน 13 ท่านต้องระวังให้ดี ที่จะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาที่ไหนก็ได้ที่ท่านเห็น 14 แต่ให้เอาเครื่องเผาบูชาของท่านไปถวายในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือกออกมาจากท่ามกลางเผ่าใดเผ่าหนึ่งของท่าน และทุกอย่างที่เราได้สั่งท่านไว้ให้เอาไปทำที่นั่น
15 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านอยากจะฆ่าสัตว์ และเอาเนื้อมากินในเมืองหนึ่งเมืองใดของท่าน ท่านก็ทำได้ ตามขนาดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอวยพรท่าน คนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ทางพิธีกรรม ก็กินได้ทั้งนั้น เหมือนกินเนื้อทราย[e] หรือเนื้อกวาง 16 แต่ท่านต้องไม่กินเลือดของมัน ต้องเอาเลือดไปเททิ้งบนพื้นเหมือนเทน้ำ
17 ท่านต้องไม่กินของพวกนี้ในเมือง คือ พืชผลของท่านที่แบ่งออกมาหนึ่งในสิบ[f]ส่วน หรือเหล้าองุ่นใหม่หรือน้ำมัน ลูกสัตว์ตัวแรกทุกตัวที่เกิดจากฝูงวัวและฝูงแพะแกะของท่าน และของทุกอย่างที่ท่านได้บนไว้ว่าจะให้กับพระยาห์เวห์ เครื่องบูชาตามความสมัครใจของท่าน และของขวัญพิเศษของท่าน 18 ท่านจะต้องกินเครื่องบูชาเหล่านี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ในสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะเลือกไว้เท่านั้น ท่านต้องไปกินกันที่นั่นกับลูกชายลูกสาวของท่าน ทาสชายหญิงของท่าน และชาวเลวีที่อาศัยอยู่ในเมืองของท่าน ให้ชื่นชมยินดีอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้ชื่นชมยินดีกับสิ่งดีๆที่ท่านได้ลงมือทำลงไป 19 ระวังให้ดี อย่าลืมที่จะแบ่งอาหารนี้ให้กับชาวเลวี ตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินของท่านนั้น
20-21 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ขยายเขตแดนของท่านตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ท่านอาจจะอยู่ไกลเกินไปจากสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือกไว้สำหรับนมัสการพระองค์ แล้วท่านเกิดอยากจะกินเนื้อขึ้นมา ท่านก็กินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ท่านต้องการ ท่านสามารถฆ่าสัตว์จากฝูงวัวและฝูงแพะแกะที่พระยาห์เวห์ได้ให้ท่านไว้ ให้ทำตามวิธีที่เราได้สั่งท่านไว้แล้ว และท่านก็กินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ท่านต้องการในเมืองต่างๆของท่าน 22 ท่านสามารถที่จะกินมันได้เหมือนกับที่ท่านกินเนื้อทรายหรือเนื้อกวาง ทั้งคนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ทางพิธีกรรม ก็กินได้เหมือนกันหมด 23 แต่ต้องให้แน่ใจว่าท่านจะไม่กินเลือด เพราะเลือดคือชีวิต ดังนั้นอย่าได้กินชีวิตพร้อมกับเนื้อสัตว์ 24 ท่านต้องไม่กินเลือดของมัน ท่านต้องเทเลือดของมันลงบนพื้นเหมือนเทน้ำ 25 ท่านต้องไม่กินเลือดของมันเพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง เพราะท่านจะต้องทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าถูกต้อง
26 แต่อย่างไรก็ตาม ท่านต้องเอาของขวัญศักดิ์สิทธิ์และของขวัญแก้บนของท่านไปยังสถานที่นั้นที่พระยาห์เวห์จะเลือกขึ้นมา 27 ท่านต้องถวายเครื่องเผาบูชาของท่าน รวมทั้งเนื้อสัตว์และเลือดบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เลือดของเครื่องสัตวบูชาอื่นต้องถูกเทลงบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน แต่ท่านกินเนื้อของมันได้ 28 ท่านต้องระมัดระวังที่จะรักษาและเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดนี้ที่เราให้กับท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะได้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เพราะท่านกำลังจะทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเห็นว่าดีและถูกต้อง
29 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทำลายชนชาติที่อยู่ต่อหน้าท่าน เป็นชนชาติที่ท่านกำลังจะเข้าไปขับไล่ และเมื่อท่านขับไล่พวกเขาออกไปแล้ว และท่านได้ตั้งรกรากอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาแล้ว 30 ระวังให้ดี อย่าไปติดกับโดยไปลอกเลียนแบบพวกเขา หลังจากที่พวกเขาถูกทำลายไปต่อหน้าท่านแล้ว ระวังให้ดี อย่าไปถามเกี่ยวกับพระต่างๆของพวกเขา อย่าไปถามว่า ‘ชนชาตินี้เขาบูชาพวกพระของพวกเขายังไง เราจะได้ทำตาม’ 31 ท่านต้องไม่นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามแบบพวกเขา เพราะพวกเขาได้ทำสิ่งชั่วร้ายทุกอย่างถวายให้กับพวกพระของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์เกลียดชัง พวกเขาถึงขนาดเผาลูกชายและลูกสาวเป็นเครื่องบูชายัญให้กับพวกพระของพวกเขา
32 พวกท่านต้องระวัง ให้ทำตามทุกสิ่งที่เรากำลังสั่งพวกท่าน ท่านต้องไม่เพิ่มอะไรเข้าไปหรือตัดอะไรออกไปจากนี้
พระเจ้าส่งพระบุตรมา
(มธ. 21:33-46; ลก. 20:9-19)
12 พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ฟังว่า “มีชายคนหนึ่งทำสวนองุ่นไว้ เขาล้อมรั้วไว้รอบ ขุดบ่อย่ำองุ่น และสร้างหอคอย เขาให้ชาวสวนมาเช่าสวนองุ่นนั้น ส่วนตัวเขาเดินทางไปต่างประเทศ 2 เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลองุ่นเขาก็ส่งทาสคนหนึ่งมารับส่วนแบ่งจากผลองุ่นนั้น 3 แต่พวกคนเช่ากลับจับทาสคนนั้นทุบตีและไล่กลับไปมือเปล่า 4 เจ้าของสวนส่งทาสคนใหม่มาอีก แต่คราวนี้พวกคนเช่าก็ได้รุมกันทุบหัวเขาและแกล้งเขาจนอับอาย 5 เจ้าของสวนส่งอีกคนหนึ่งมาแต่ก็ถูกฆ่า แล้วเขาก็ยังส่งคนมาอีกเรื่อยๆ คนที่เขาส่งมาก็ถูกตีบ้าง ถูกฆ่าบ้าง
6 สุดท้ายเจ้าของสวนเหลือคนเพียงคนเดียว คือลูกชายสุดที่รักของเขา เขาจึงส่งลูกชายมา เขาคิดว่า ‘พวกนั้นจะต้องเคารพยำเกรงลูกชายของเราแน่ๆ’
7 แต่พวกคนเช่ากลับพูดกันว่า ‘นี่ไง ผู้รับมรดก มาเร็วเข้า ฆ่ามันเลย สวนนี้จะได้ตกเป็นของเรา’ 8 พวกคนเช่าจึงจับเขาไปฆ่า แล้วโยนศพทิ้งออกไปนอกสวนองุ่น
9 พวกคุณคิดว่าเจ้าของสวนจะทำยังไง เขาจะมาฆ่าพวกชาวสวนนั้น แล้วเอาสวนองุ่นนั้นไปให้ชาวสวนคนอื่นเช่าต่อ 10 พวกคุณไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้หรือ ที่ว่า
‘หินก้อนนี้ที่ช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด
11 องค์เจ้าชีวิตทำให้เป็นอย่างนั้น
สำหรับเราแล้วนี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ’”[a]
12 เมื่อพวกผู้นำชาวยิวรู้ตัวว่าพระองค์กำลังเปรียบพวกเขาว่าเป็นคนเช่าสวนพวกนั้น พวกเขาจึงหาทางที่จะจับพระองค์ แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวฝูงชน พวกเขาจึงพากันจากไป
คนมาถามเรื่องการเสียภาษี
(มธ. 22:15-22; ลก. 20:20-26)
13 พวกผู้นำยิวส่งพวกฟาริสี และพวกที่สนับสนุนกษัตริย์เฮโรด[b] มาเพื่อจับผิดคำพูดพระเยซู 14 พวกเขาถามพระองค์ว่า “อาจารย์ครับ เรารู้ว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่กลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ไม่เห็นแก่หน้าใคร และสอนความจริงในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์ทำ ช่วยบอกหน่อยสิครับว่ามันถูกต้องตามกฎหรือเปล่าที่จะเสียภาษีให้กับซีซาร์”
15 พระองค์รู้ว่าพวกเขามาหลอกถามก็เลยพูดว่า “พวกคุณมาหลอกจับผิดเราทำไม ส่งเหรียญเงินมาอันหนึ่งสิ” 16 พวกเขาจึงส่งเหรียญให้พระองค์ แล้วพระองค์ถามพวกเขาว่า “นี่เป็นรูปและชื่อใคร” พวกเขาตอบว่า “ซีซาร์”
17 พระเยซูเลยตอบว่า “ของๆซีซาร์ก็ให้กับซีซาร์ และของๆพระเจ้าก็ให้กับพระเจ้า” พวกเขาก็ทึ่งในคำตอบของพระองค์
พวกสะดูสีมาถามเรื่องการฟื้นขึ้นจากตาย
(มธ. 22:23-33; ลก. 20:27-40)
18 พวกสะดูสีมาหาพระองค์ (พวกนี้ไม่เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นจากความตาย) พวกเขาถามว่า 19 “อาจารย์ครับ โมเสสได้เขียนสั่งพวกเราว่า ถ้าชายคนไหนตายและทิ้งภรรยาไว้โดยยังไม่มีลูก ก็ให้น้องชายของคนตายนั้นแต่งงานกับหญิงม่ายคนนี้ จะได้มีลูกไว้สืบสกุลของพี่ชายของเขา 20 ครั้งหนึ่งมีพี่น้องอยู่เจ็ดคน พี่ชายคนโตแต่งงานแล้วตายไปแต่ยังไม่มีลูก 21 น้องคนที่สองก็มาแต่งงานกับแม่ม่ายของพี่ชาย และเขาก็ตายไปโดยยังไม่มีลูก น้องคนที่สามก็มาทำเหมือนกัน 22 ทำอย่างนี้จนครบทั้งเจ็ดคนโดยไม่มีใครมีลูกเลย แล้วสุดท้ายหญิงคนนี้ก็ตาย 23 ในวันที่ทุกคนฟื้นขึ้นจากความตายนั้น ผู้หญิงคนนี้จะเป็นภรรยาของใคร ในเมื่อทั้งเจ็ดคนนั้นก็เคยเป็นสามีของเธอ”
24 พระเยซูว่า “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว นี่เพราะพวกคุณไม่เข้าใจพระคัมภีร์ และไม่รู้จักฤทธิ์เดชของพระเจ้า 25 เมื่อคนฟื้นขึ้นจากความตายนั้น จะไม่มีการแต่งงานหรือยกให้เป็นผัวเมียกันอีกแล้ว แต่พวกเขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ 26 พวกคุณไม่เคยอ่านในหนังสือของโมเสสหรือ ในตอนที่พุ่มไม้ติดไฟแต่ไม่ไหม้[c] พระเจ้าพูดกับโมเสสว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’[d] 27 พระเจ้าไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนมีชีวิต พวกคุณเข้าใจเรื่องนี้ผิดหมดเลย”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International