Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 32-34

ที่ดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

(ฉธบ. 3:12-22)

32 เผ่าของรูเบนและกาดมีฝูงสัตว์จำนวนมากมายมหาศาล เมื่อพวกเขาเห็นที่ดินของยาเซอร์และที่ดินของกิเลอาด พวกเขาเห็นว่ามันเป็นที่ที่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ ดังนั้น ประชาชนของกาดและรูเบนจึงไปพูดกับโมเสส นักบวชเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำชุมชนว่า 3-4 “พวกเราผู้รับใช้ของท่านมีสัตว์เลี้ยงอยู่มากมายมหาศาลและที่ดินที่พระยาห์เวห์ได้รบชนะเพื่อประชาชนชาวอิสราเอลนั้น เป็นแผ่นดินที่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์มาก โดยเฉพาะที่ดินบริเวณ อาทาโรท ดีโบน ยาเซอร์ นิมราห์ เฮชโบน เอเลอาเลห์

เสบาม เนโบ และเบโอน” พวกเขาพูดต่อไปว่า “ถ้าท่านพอใจพวกเรา ได้โปรดยกที่ดินนี้ให้กับพวกเรา ผู้รับใช้ของท่าน ไว้ครอบครองด้วยเถิด อย่าให้เราต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเลย”

โมเสสพูดกับประชาชนของกาดและรูเบนว่า “จะให้พี่น้องของท่านออกไปรบในขณะที่ท่านตั้งรกรากอยู่ที่นี่หรือ ทำไมพวกท่านถึงพยายามทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลท้อแท้หมดกำลังใจที่จะข้ามแม่น้ำเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้ยกให้กับพวกเขา รุ่นพ่อของพวกท่านก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ตอนที่เราส่งพวกเขาจากคาเดช-บารเนียให้ไปสำรวจแผ่นดินนั้น พวกเขาขึ้นไปไกลถึงหุบเขาเอชโคล์ และได้สำรวจแผ่นดินนั้น แต่พวกเขากลับทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลท้อแท้หมดกำลังใจ ที่จะเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้ให้พวกเขาไว้ 10 จึงทำให้พระองค์โกรธในวันนั้น และพระองค์ได้สาบานไว้ว่า 11 ‘ประชาชนชาวอิสราเอลที่ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์และมีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป จะไม่มีสักคนเดียวที่จะได้เห็นแผ่นดินที่เราได้สัญญาว่าจะให้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ เพราะพวกเขาไม่ได้ติดตามเราอย่างเต็มที่ 12 ยกเว้นคาเลบลูกชายเยฟุนเนห์และโยชูวาลูกชายนูน เพราะพวกเขาตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มที่’

13 พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล พระองค์ทำให้พวกเขาต้องรอนแรมอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งถึงสี่สิบปี จนกระทั่งคนในรุ่นที่ทำให้พระองค์ไม่พอใจตายไปจนหมดเกลี้ยง 14 และตอนนี้พวกเจ้าคนบาปอีกรุ่นหนึ่ง กลับจะมาแทนที่พ่อของเจ้า เพื่อจะทำให้พระยาห์เวห์โกรธมากขึ้นไปอีก 15 ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ติดตามพระองค์ พระองค์ก็จะทอดทิ้งชาวอิสราเอลไว้ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งให้นานกว่านั้นอีก แล้วเจ้าก็จะเป็นเหตุให้คนพวกนี้ทั้งหมดถูกทำลายไป”

16 แล้วประชาชนของรูเบนและกาดก็ไปพบโมเสสและพูดว่า “ขอให้พวกเราสร้างรั้วสำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเราที่นี่และสร้างเมืองสำหรับลูกเมียของพวกเรา 17 แล้วพวกเราจะเกณฑ์[a] คนของพวกเราไปร่วมรบกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆจนกว่าพวกเขาจะได้ดินแดนที่เป็นของพวกเขาเอง ในขณะที่ลูกเมียของพวกเราก็จะได้อาศัยอยู่ในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ จะได้ปลอดภัยจากคนอื่นที่อยู่ในแผ่นดินนี้ 18 พวกเราจะไม่กลับบ้าน จนกว่าชาวอิสราเอลทุกคนจะได้ส่วนแบ่งในที่ดินเป็นมรดก[b] ครบทุกคน 19 แต่พวกเราจะไม่รับส่วนแบ่งที่ดินของพวกเขาที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน และดินแดนนอกเหนือจากนั้นด้วย เพราะพวกเราจะเอาส่วนแบ่งที่ดินของพวกเราในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน”

20 โมเสสจึงพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าพวกท่านจะทำอย่างนี้ คือถ้าพวกท่านจะเกณฑ์คนไปช่วยทำสงครามต่อหน้าพระยาห์เวห์ 21 และคนที่ถูกเกณฑ์ทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปต่อหน้าพระยาห์เวห์แทนพวกท่าน จนกระทั่งพระองค์ขับไล่ศัตรูของพระองค์ไปจนหมด 22 และแผ่นดินสงบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพวกท่านถึงจะกลับบ้านได้ พวกท่านก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้พระยาห์เวห์และชาวอิสราเอลแล้ว และที่ดินนี้ก็จะตกเป็นสมบัติของพวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์ 23 แต่ถ้าพวกท่านไม่ได้ทำตามนี้ ท่านก็ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ ก็ให้รู้ไว้เลยว่าพวกท่านจะต้องถูกลงโทษเพราะบาปของพวกท่าน 24 สร้างเมืองให้ลูกเมียของพวกท่านและสร้างรั้วให้ฝูงสัตว์ของพวกท่านเถิด และทำทุกอย่างตามที่ท่านได้พูดไว้”

25 ประชาชนชาวกาดและรูเบนพูดว่า “พวกเราคนรับใช้ท่านจะทำตามที่ท่านผู้เป็นเจ้านายของเราสั่ง 26 ลูกเมียของพวกเรา ฝูงแกะ และสัตว์ทุกตัวของพวกเราจะอยู่ในเมืองต่างๆของกิเลอาด 27 พวกเราคนรับใช้ท่านทุกคนที่ถูกเกณฑ์ไปสงคราม จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปทำสงครามต่อหน้าพระยาห์เวห์ ตามที่เจ้านายของเราสั่ง”

28 แล้วโมเสสก็ออกคำสั่งในเรื่องของพวกเขาให้กับนักบวชเอเลอาซาร์ โยชูวาลูกชายนูนและหัวหน้าเผ่าต่างๆของประชาชนชาวอิสราเอล 29 โมเสสบอกกับพวกเขาว่า “ถ้าประชาชนชาวกาดและชาวรูเบนข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับพวกท่าน คือพวกเขาทุกคนที่ถูกเกณฑ์มาทำสงครามต่อหน้าพระยาห์เวห์ จนแผ่นดินนั้นสงบลงต่อหน้าพวกท่านแล้ว ให้พวกท่านยกแผ่นดินกิเลอาดให้กับพวกเขาเป็นเจ้าของ 30 แต่ถ้าคนที่ถูกเกณฑ์นั้นไม่ข้ามไปกับท่าน พวกเขาจะต้องอยู่ในแผ่นดินคานาอันด้วยกันกับท่าน”

31 ประชาชนชาวกาดและชาวรูเบนตอบว่า “เราจะทำตามที่พระยาห์เวห์บอกพวกเรา คนรับใช้ของท่าน 32 เราที่ถูกเกณฑ์มานี้ จะข้ามไปแผ่นดินคานาอันต่อหน้าพระยาห์เวห์ แต่แผ่นดินของพวกเราจะอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน”

33 ดังนั้นอาณาจักรของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์และอาณาจักรของกษัตริย์โอกจากบาชาน รวมทั้งแผ่นดินพร้อมกับเมืองต่างๆของมัน และอาณาเขตต่างๆของเมืองที่อยู่รอบๆ โมเสสได้ยกให้กับประชาชนชาวกาดและชาวรูเบนและประชาชนครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ที่เป็นลูกชายโยเซฟ

34 แล้วประชาชนชาวกาดก็สร้างเมืองพวกนี้ขึ้นใหม่ คือ ดีโบน อาทาโรท อาโรเออร์ 35 อัทโรทโชฟาน ยาเซอร์ โยกเบฮาห์ 36 เบธนิมราห์และเบธฮาราน ทั้งกำแพงเมืองและรั้วสำหรับฝูงแกะของพวกเขา

37 ประชาชนชาวรูเบนสร้างเมืองพวกนี้ขึ้นใหม่ คือเมืองเฮชโบน เอเลอาเลห์ คิริยาธาอิม 38 เนโบ บาอัลเมโอนและสิบมาห์ พวกเขาใช้ชื่อเดิมเรียกชื่อเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ยกเว้นเมืองเนโบและเมืองบาอัลเมโอน พวกเขาเปลี่ยนชื่อให้ใหม่

39 ลูกหลานของมาคีร์ลูกชายมนัสเสห์ ได้บุกกิเลอาดและยึดมันไว้ได้ พวกเขาได้ขับไล่ชาวอาโมไรต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น 40 ดังนั้น โมเสสจึงยกแคว้นกิเลอาดให้กับตระกูลมาคีร์ มาคีร์เป็นลูกชายของมนัสเสห์ และตระกูลมาคีร์ก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 41 ยาอีร์สืบเชื้อสายมาจากมนัสเสห์ เขาได้ยึดหมู่บ้านหลายแห่งของชาวอาโมไรต์ เขาได้เรียกชื่อหมู่บ้านพวกนั้นว่าหมู่บ้านต่างๆของยาอีร์ 42 โนบาห์บุกเข้าไปยึดเคนาทและเมืองรอบๆมัน และเรียกมันว่าโนบาห์ตามชื่อของเขา

ชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์

33 โมเสสและอาโรนได้นำประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ ในรูปแบบของกองทัพ[c] นี่คือลำดับการเดินทางของพวกเขา โมเสสเขียนสถานที่เริ่มต้นของการเดินทางของพวกเขา ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ นี่คือลำดับการเดินทางของพวกเขาจากจุดเริ่มต้น

พวกเขาออกจากราเมเสสในวันที่สิบห้าของเดือนแรก วันนั้นเป็นวันหลังวันปลดปล่อยหนึ่งวัน ประชาชนชาวอิสราเอลออกเดินทางอย่างกล้าหาญท่ามกลางสายตาของชาวอียิปต์ ชาวอียิปต์กำลังฝังศพลูกชายหัวปี[d] ของพวกเขา ที่พระยาห์เวห์ได้ฆ่าตาย พระองค์ได้แสดงถึงการพิพากษาของพระองค์ต่อพวกพระต่างๆ[e] ของชาวอียิปต์

ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากราเมเสสและมาตั้งค่ายที่สุคคท พวกเขาออกจากสุคคท มาตั้งค่ายที่เอธาม ติดเขตที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกเขาออกจากเอธามและเลี้ยวไปทางปิหะหิโรททางตะวันออกของบาอัล-เซโฟน พวกเขามาตั้งค่ายอยู่ใกล้มิกดล

พวกเขาออกจากปิหะหิโรทและเดินทางผ่านทะเลไปจนถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกเขาเดินทางเป็นเวลาสามวันในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเอธาม และพวกเขาตั้งค่ายที่มาราห์

พวกเขาออกจากมาราห์และไปถึงเอลิม ที่นั่นมีตาน้ำสิบสองแห่งและต้นปาล์มเจ็ดสิบต้น ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งค่ายที่นั่น

10 พวกเขาออกจากเอลิมและมาตั้งค่ายใกล้ทะเลต้นกก[f]

11 พวกเขาออกจากทะเลต้นกก และมาตั้งค่ายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งสีน

12 พวกเขาออกจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งสีนและมาตั้งค่ายที่โดฟคาห์

13 พวกเขาออกจากโดฟคาห์และมาตั้งค่ายที่อาลูช

14 พวกเขาออกจากอาลูชและมาตั้งค่ายที่เรฟีดิม ที่นั่นไม่มีน้ำให้ประชาชนดื่ม

15 พวกเขาออกจากเรฟีดิมและไปตั้งค่ายที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย

16 พวกเขาออกจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายและไปตั้งค่ายที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์

17 พวกเขาออกจากขิบโรท-หัทธาอาวาห์และไปตั้งค่ายที่ฮาเซโรท

18 พวกเขาออกจากฮาเซโรทและไปตั้งค่ายที่ริทมาห์

19 พวกเขาออกจากริทมาห์และไปตั้งค่ายที่ริมโมน-เปเรศ

20 พวกเขาออกจากริมโมน-เปเรศและไปตั้งค่ายที่ลิบนาห์

21 พวกเขาออกจากลิบนาห์และไปตั้งค่ายที่ริสสาห์

22 พวกเขาออกจากริสสาห์และไปตั้งค่ายที่เคเฮลาธาห์

23 พวกเขาออกจากเคเฮลาธาห์และไปตั้งค่ายที่ภูเขาเชเฟอร์

24 พวกเขาออกจากภูเขาเชเฟอร์และไปตั้งค่ายที่ฮาราดาห์

25 พวกเขาออกจากฮาราดาห์และไปตั้งค่ายที่มักเฮโลท

26 พวกเขาออกจากมักเฮโลทและไปตั้งค่ายที่ทาหัท

27 พวกเขาออกจากทาหัทและไปตั้งค่ายที่เทราห์

28 พวกเขาออกจากเทราห์และไปตั้งค่ายที่มิทคาห์

29 พวกเขาออกจากมิทคาห์และไปตั้งค่ายที่ฮัชโมนาห์

30 พวกเขาออกจากฮัชโมนาห์และไปตั้งค่ายที่โมเสโรท

31 พวกเขาออกจากโมเสโรทและไปตั้งค่ายที่เบเน-ยาอะคัน

32 พวกเขาออกจากเบเน-ยาอะคันและไปตั้งค่ายที่โฮร์-ฮักกีดกาด

33 พวกเขาออกจากโฮร์-ฮักกีดกาดและไปตั้งค่ายที่โยทบาธาห์

34 พวกเขาออกจากโยทบาธาห์และไปตั้งค่ายที่อับโรนาห์

35 พวกเขาออกจากอับโรนาห์และไปตั้งค่ายที่เอซีโอน-เกเบอร์

36 พวกเขาออกจากเอซีโอน-เกเบอร์และไปตั้งค่ายที่เคเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน

37 พวกเขาออกจากเคเดชและไปตั้งค่ายที่โฮร์ ภูเขาตรงชายแดนของแผ่นดินเอโดม 38 นักบวชอาโรนขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์และตายบนนั้นในวันที่หนึ่งของเดือนห้า ซึ่งเป็นปีที่สี่สิบหลังจากประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ 39 อาโรนอายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปีขณะที่เขาตายบนภูเขาโฮร์

40 กษัตริย์ชาวคานาอันของเมืองอาราด ที่อยู่ในเนเกบ ได้ยินว่าประชาชนชาวอิสราเอลกำลังเดินทางมา 41 พวกชาวอิสราเอลออกจากภูเขาโฮร์และมาตั้งค่ายที่ศัลโมนาห์

42 พวกเขาออกจากศัลโมนาห์และไปตั้งค่ายที่ปูโนน

43 พวกเขาออกจากปูโนนและไปตั้งค่ายที่โอโบท

44 พวกเขาออกจากโอโบทและไปตั้งค่ายที่อิเย-อาบาริมบริเวณชายแดนของโมอับ

45 พวกเขาออกจากอิเย-อาบาริมและไปตั้งค่ายที่ดีโบน-กาด

46 พวกเขาออกจากดีโบน-กาดและไปตั้งค่ายที่อัลโมน-ดิบลาธาอิม

47 พวกเขาออกจากอัลโมน-ดิบลาธาอิมและไปตั้งค่ายท่ามกลางเทือกเขาต่างๆของอาบาริมใกล้เนโบ

48 พวกเขาออกจากภูเขาอาบาริมและไปตั้งค่ายในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค 49 พวกเขาตั้งค่ายไปตามริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนในที่ราบของโมอับตั้งแต่เบธ-เยชิโมทไปจนถึงอาเบล-ชิทธิม

50 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่ราบโมอับใกล้แม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค พระองค์พูดว่า 51 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอันแล้ว 52 เจ้าต้องขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นออกไปให้หมด เจ้าต้องทำลายรูปแกะสลักของพวกเขาทั้งหมด และทำลายรูปเคารพที่ทำจากโลหะและเจ้าต้องรื้อสถานที่บวงสรวง[g] ของพวกเขาออกให้สิ้นซาก 53 แล้วให้เจ้าเข้าไปยึดเอาแผ่นดินนั้นและตั้งรกรากในมัน เพราะเราได้มอบแผ่นดินนี้ให้เจ้าเป็นเจ้าของแล้ว 54 เจ้าจะต้องแบ่งที่ดินกันในหมู่พวกเจ้า โดยการใช้สลากแบ่งตามตระกูลของพวกเจ้า เจ้าต้องแบ่งให้ตระกูลใหญ่มากหน่อย ตระกูลเล็กน้อยหน่อย สลากของตระกูลไหนตกในที่ดินใด ที่ดินตรงนั้นก็เป็นของตระกูลนั้น พวกเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งตามเผ่าของบรรพบุรุษพวกเจ้า

55 ถ้าเจ้าไม่ขับไล่คนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นไปต่อหน้าเจ้า คนเหล่านั้นจะเป็นเหมือนเศษผงในตาของเจ้าและเหมือนหนามเสียบอยู่ข้างตัวเจ้า พวกมันจะทำให้เกิดปัญหามากมายกับเจ้าบนแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่ 56 แล้วเราก็จะทำกับเจ้าเหมือนกับที่เราวางแผนจะทำกับพวกมันเหมือนกัน”

เขตแดนของคานาอัน

34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เอาคำสั่งนี้ไปบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินนั้นที่จะตกเป็นของพวกเจ้า คือแผ่นดินของคานาอันตามเขตแดนของมัน ทางทิศใต้จะเริ่มตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินเรียบไปทางข้างๆเอโดม เขตแดนทางใต้จะเริ่มที่ทิศตะวันออกจากด้านใต้สุดของทะเลเกลือ เขตแดนของพวกเจ้าจะลากยาวไปข้ามทางใต้ของอาครับบิมและผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินไปจนสุดทางใต้ของคาเดช-บารเนีย และมันจะไปต่อจนถึงฮาซารัดดาร์และจะไปผ่านอัสโมน จากอัสโมนเขตแดนจะเลี้ยวไปทางแม่น้ำอียิปต์[h] และจะไปสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เขตแดนทางตะวันตกจะเป็นชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน มันจะเป็นเขตแดนตะวันตกของพวกเจ้า ส่วนเขตแดนทางเหนือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปตามสันเขาของภูเขาโฮร์ จากภูเขาโฮร์ไปเรื่อยจนถึงเลโบ-ฮามัทแล้วเขตแดนจะขยายต่อจนถึงเศดัด เขตแดนจะต่อไปเรื่อยจนถึงศิโฟรนและจะไปสิ้นสุดที่ฮาซา-เรนัน นี่จะเป็นเขตแดนทางเหนือของพวกเจ้า 10 ทางฝั่งตะวันออกเขตแดนของพวกเจ้าจะไปตามเส้นของฮาซา-เรนันจนถึงเชฟาม 11 จากเชฟาม เขตแดนจะลงไปถึงริบลาห์จนถึงทางตะวันออกของอายิน 12 แล้วเขตแดนจะลงไปต่อและไปบรรจบเนินเขาทางตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี[i]

13 ดังนั้นโมเสสจึงนำคำสั่งนี้ไปให้ประชาชนชาวอิสราเอล “นี่คือแผ่นดินที่เจ้าจะได้รับโดยการโยนสลาก พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ว่าแผ่นดินนี้จะมอบให้พวกเจ้าเก้าเผ่าครึ่ง 14 เพราะเผ่าของรูเบนและกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ได้รับส่วนของพวกเขาแล้วตามตระกูลของพวกเขา 15 คนทั้งสองเผ่าครึ่งนั้นได้รับที่ดินส่วนของพวกเขาไปแล้วในฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดนจากเยริโค บนฝั่งตะวันออกที่ดวงอาทิตย์ขึ้น”

16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “คนเหล่านี้จะช่วยแบ่งที่ดินให้กับพวกเจ้า คือนักบวชเอเลอาซาร์และโยชูวาลูกชายของนูน 18 พวกเจ้าจะเลือกผู้นำคนหนึ่งจากแต่ละเผ่ามาช่วยแบ่งที่ดินด้วย 19 นี่เป็นรายชื่อของผู้นำพวกนั้น

คาเลบลูกชายเยฟุนเนห์ จากเผ่ายูดาห์

20 เชมูเอลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่าสิเมโอน

21 เอลีดาดลูกชายคิสโลน จากเผ่าเบนยามิน

22 บุคคีลูกชายโยกลี จากเผ่าดาน

23 จากลูกหลานของโยเซฟ ฮันนีเอลลูกชายเอโฟด จากเผ่ามนัสเสห์

24 เคมูเอลลูกชายชิฟทาน จากเผ่าเอฟราอิม

25 เอลีซาฟานลูกชายปารนาค จากเผ่าเศบูลุน

26 ปัลทีเอลลูกชายอัสซาน จากเผ่าอิสสาคาร์

27 อาหิฮูดลูกชายเชโลมี จากเผ่าอาเชอร์

28 เปดาเฮลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่านัฟทาลี”

29 พระยาห์เวห์ได้สั่งคนเหล่านี้ให้แบ่งแผ่นดินคานาอันกันในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอล

มาระโก 9:30-50

พระเยซูพูดถึงเรื่องความตายของพระองค์อีก

(มธ. 17:22-23; ลก. 9:43-45)

30 พระเยซูและพวกศิษย์ก็เดินทางต่อโดยผ่านแคว้นกาลิลี พระเยซูไม่อยากให้ใครรู้ว่าพระองค์อยู่ที่ไหน เพราะกำลังสอนพวกศิษย์อยู่ พระองค์บอกเขาว่า 31 “บุตรมนุษย์จะต้องถูกจับส่งไปอยู่ในมือของมนุษย์ และเขาจะถูกฆ่า และหลังจากนั้นสามวันเขาจะฟื้นขึ้นจากความตาย” 32 พวกศิษย์ไม่เข้าใจว่าพระองค์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ไม่มีใครกล้าถาม

ใครเป็นใหญ่

(มธ. 18:1-5; ลก. 9:46-48)

33 เมื่อพวกเขามาถึงเมืองคาเปอรนาอุม ขณะที่อยู่ในบ้าน พระองค์ถามพวกศิษย์ว่า “ในระหว่างทางพวกคุณเถียงกันเรื่องอะไร” 34 ทุกคนเงียบหมด เพราะในระหว่างทางนั้นพวกเขาเถียงกันเรื่องที่ว่าใครใหญ่ที่สุด

35 พระองค์จึงนั่งลงเรียกศิษย์ทั้งสิบสองคนเข้ามา แล้วพูดว่า “ถ้าใครอยากจะเป็นใหญ่ เขาจะต้องเป็นคนที่ต่ำต้อยที่สุดและยอมรับใช้ทุกคน”

36 พระองค์เอาเด็กเล็กๆคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา พระองค์โอบเด็กนั้นไว้ แล้วสอนว่า 37 “คนที่ต้อนรับเด็กเล็กๆอย่างนี้เพราะเห็นแก่เรา ก็เท่ากับคนนั้นได้ต้อนรับเราด้วย และคนที่ต้อนรับเราก็ไม่ได้ต้อนรับแต่เราเท่านั้น แต่ยังได้ต้อนรับผู้ที่ส่งเรามาด้วย”

คนที่ไม่ได้ต่อต้านพระเยซูก็เป็นพวกพระองค์

(ลก. 9:49-50)

38 ยอห์นเล่าให้พระเยซูฟังว่า “อาจารย์ครับ พวกเราเห็นชายคนหนึ่งขับผีชั่วออก โดยอ้างชื่อของอาจารย์ พวกเราก็เลยพยายามห้ามเขา เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา”

39 แต่พระเยซูบอกว่า “อย่าไปห้ามเขาเลย เพราะไม่มีใครที่อ้างชื่อเราทำสิ่งอัศจรรย์ แล้วอีกประเดี๋ยวหนึ่งก็มาใส่ร้ายเรา 40 คนที่ไม่ได้ต่อต้านเราก็เป็นพวกเรา 41 ใครก็ตามที่ให้น้ำพวกคุณดื่มเพราะพวกคุณเป็นคนของพระคริสต์ เรารับรองว่า เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน

โทษสำหรับผู้ที่ทำให้คนอื่นทำบาป

(มธ. 18:6-9; ลก. 17:1-2)

42 ระหว่างการทำให้คนที่ต่ำต้อยคนหนึ่งในพวกนี้ที่ไว้วางใจในเราหลงไปทำบาป กับการถูกถ่วงน้ำโดยมีหินโม่แป้ง[a] แขวนคอไว้ อย่างหลังนี้ก็ยังจะดีกว่า 43 ถ้ามือข้างหนึ่งของคุณทำให้คุณทำบาป ตัดมันทิ้งซะ เพราะมือด้วนข้างหนึ่งแล้วมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า ก็ดีกว่ามีมือครบทั้งสองข้าง แต่ต้องตกนรกในไฟที่ไม่มีวันดับ 44 [b] 45 ถ้าเท้าข้างหนึ่งของคุณทำให้คุณทำบาป ก็ตัดมันทิ้งซะ เพราะเท้าข้างหนึ่งด้วนแล้วมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า ก็ยังดีกว่ามีเท้าครบทั้งสองข้างแต่ต้องถูกโยนลงไปในนรก 46 [c] 47 ถ้าตาของคุณทำให้คุณทำบาปก็ควักทิ้งซะ เพราะเหลือตาข้างเดียวแล้วได้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ก็ยังดีกว่ามีตาสองข้างแล้วถูกโยนลงไปในนรก 48 ที่เต็มไปด้วยตัวหนอนที่ไม่มีวันตายและไฟที่ไม่มีวันดับ

49 ทุกคนจะต้องถูกชำระล้าง[d]ด้วยไฟแห่งความทุกข์”

50 “เกลือนั้นดี แต่ถ้าเกลือหมดรสเค็มแล้วพวกคุณจะทำให้มันกลับมาเค็มอีกได้อย่างไร ขอให้พวกคุณมีเกลือ[e] อยู่ในตัว คืออยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International