Old/New Testament
นับประชาชน
26 หลังจากโรคระบาดแล้ว พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนว่า 2 “ให้นับประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชนตามครอบครัวของพวกเขา ให้นับชายทุกคนในอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่สามารถเข้ารับใช้ในกองทัพได้”
3 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์จึงพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลในที่ราบโมอับติดแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโคว่า 4 “ให้นับชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ตามที่พระยาห์เวห์เคยสั่งให้โมเสสและประชาชนชาวอิสราเอลทำ ตอนที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
5 รูเบนเป็นลูกชายคนโตของอิสราเอล นี่คือรายชื่อลูกหลานของรูเบน
จากฮาโนค เป็นตระกูลฮาโนค
จากปัลลู เป็นตระกูลปัลลู
6 จากเฮสโรน เป็นตระกูลเฮสโรน
จากคารมี เป็นตระกูลคารมี
7 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของรูเบน รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
8 ลูกชายของปัลลูคือเอลีอับ 9 เอลีอับมีลูกชายสามคนคือ เนมูเอล ดาธานและอาบีรัม ดาธานและอาบีรัม เป็นสองคนที่ชุมชนเลือกขึ้นมา และได้ต่อต้านโมเสส และอาโรน ทั้งสองคนนี้เป็นสมัครพรรคพวกของโคราห์ ตอนที่พวกเขาร่วมกันต่อต้านพระยาห์เวห์ 10 และแผ่นดินได้อ้าปากกลืนพวกเขาและโคราห์ลงไป เมื่อสมัครพรรคพวกของโคราห์ตายไปและไฟได้เผาผลาญคนสองร้อยห้าสิบคนนั้น คนเหล่านี้ได้กลายเป็นตัวอย่างเตือนใจประชาชน 11 แต่ลูกชายของโคราห์ไม่ตาย
12 นี่คือลูกหลานของสิเมโอนตามตระกูลของพวกเขา
จากเนมูเอล เป็นตระกูลเนมูเอล
จากยามีน เป็นตระกูลยามีน
จากยาคีน เป็นตระกูลยาคีน
13 จากเศราห์ เป็นตระกูลเศราห์
จากชาอูล เป็นตระกูลชาอูล
14 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของสิเมโอน รวมคนได้ทั้งหมดสองหมื่นสองพันสองร้อยคน
15 ต่อไปคือลูกหลานของกาดตามตระกูลของพวกเขา
จากเศโฟน เป็นตระกูลเศโฟน
จากฮักกี เป็นตระกูลฮักกี
จากชูนี เป็นตระกูลชูนี
16 จากโอสนี เป็นตระกูลโอสนี
จากเอรี เป็นตระกูลเอรี
17 จากอาโรด เป็นตระกูลอาโรด
จากอาเรลี เป็นตระกูลอาเรลี
18 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของกาด รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าร้อยคน
19-20 ลูกชายของยูดาห์คือเอร์และโอนัน เขาทั้งสองคนตายในแผ่นดินคานาอัน นี่คือลูกหลานของยูดาห์ตามตระกูลของพวกเขา
จากเชลาห์ เป็นตระกูลเชลาห์
จากเปเรศ เป็นตระกูลเปเรศ
จากเศราห์ เป็นตระกูลเศราห์
21 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเปเรศ
จากเฮสโรน เป็นตระกูลเฮสโรน
จากฮามูล เป็นตระกูลฮามูล
22 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของยูดาห์ รวมคนได้ทั้งหมดเจ็ดหมื่นหกพันห้าร้อยคน
23 ต่อไปนี้คือลูกหลานของอิสสาคาร์ตามตระกูลของพวกเขา
จากโทลา เป็นตระกูลโทลา
จากปูวาห์ เป็นตระกูลปูวาห์
24 จากยาชูบ เป็นตระกูลยาชูบ
จากชิมโรน เป็นตระกูลชิมโรน
25 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของอิสสาคาร์ รวมคนได้ทั้งหมดหกหมื่นสี่พันสามร้อยคน
26 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเศบูลุนตามตระกูลของพวกเขา
จากเสเรด เป็นตระกูลเสเรด
จากเอโลน เป็นตระกูลเอโลน
จากยาเลเอล เป็นตระกูลยาเลเอล
27 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเศบูลุน รวมคนได้ทั้งหมดหกหมื่นห้าร้อยคน
28 ต่อไปนี้คือลูกชายของโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา คือมนัสเสห์และเอฟราอิม 29 นี่คือลูกหลานของมนัสเสห์
จากมาคีร์ เป็นตระกูลมาคีร์ (มาคีร์เป็นพ่อของกิเลอาด)
จากกิเลอาด เป็นตระกูลกิเลอาด
30 นี่คือลูกหลานของกิเลอาด
จากอีเยเซอร์ เป็นตระกูลอีเยเซอร์
จากเฮเลค เป็นตระกูลเฮเลค
31 จากอัสรีเอล เป็นตระกูลอัสรีเอล
จากเชเคม เป็นตระกูลเชเคม
32 จากเชมิดา เป็นตระกูลเชมิดา
จากเฮเฟอร์ เป็นตระกูลเฮเฟอร์
33 เศโลเฟหัดเป็นลูกชายของเฮเฟอร์ แต่ตัวเขาไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวชื่อ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์และทีรซาห์
34 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของมนัสเสห์ รวมคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
35 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเอฟราอิมตามตระกูลของพวกเขา
จากชูเธลาห์ เป็นตระกูลชูเธลาห์
จากเบเคอร์ เป็นตระกูลเบเคอร์
จากทาหาน เป็นตระกูลทาหาน
36 นี่คือลูกหลานของชูเธลาห์
จากเอราน เป็นตระกูลเอราน
37 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเอฟราอิม รวมคนได้ทั้งหมดสามหมื่นสองพันห้าร้อยคน
พวกเขาเป็นลูกหลานของโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา
38 นี่คือลูกหลานของเบนยามินตามตระกูลของพวกเขา
จากเบลา เป็นตระกูลเบลา
จากอัชเบล เป็นตระกูลอัชเบล
จากอาหิรัม เป็นตระกูลอาหิรัม
39 จากเชฟูฟาม เป็นตระกูลเชฟูฟาม
จากหุฟาม เป็นตระกูลหุฟาม
40 ลูกชายของเบลาคือ อาร์ดและนาอามาน
จากอาร์ด เป็นตระกูลอาร์ด
จากนาอามาน เป็นตระกูลนาอามาน
41 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเบนยามิน รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันหกร้อยคน
42 นี่คือลูกหลานของดานตามตระกูลของพวกเขา
จากชูฮัม เป็นตระกูลชูฮัม
นี่คือตระกูลของดาน 43 รวมคนจากตระกูลชูฮัมได้ทั้งหมดหกหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
44 นี่คือลูกหลานของอาเชอร์ตามตระกูลของพวกเขา
จากอิมนาห์ เป็นตระกูลอิมนาห์
จากอิชวี เป็นตระกูลอิชวี
จากเบรียาห์ เป็นตระกูลเบรียาห์
45 ลูกหลานของเบรียาห์คือ
จากเฮเบอร์ เป็นตระกูลเฮเบอร์
จากมัลคีเอล เป็นตระกูลมัลคีเอล
46 (ลูกสาวของอาเชอร์ชื่อเสราห์) 47 นี่คือตระกูลต่างๆของอาเชอร์ รวมคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
48 นี่คือลูกหลานของนัฟทาลีตามตระกูลของพวกเขา
จากยาเซเอล เป็นตระกูลยาเซเอล
จากกูนี เป็นตระกูลกูนี
49 จากเยเซอร์ เป็นตระกูลเยเซอร์
จากชิลเลม เป็นตระกูลชิลเลม
50 นี่คือพวกตระกูลต่างๆของนัฟทาลี รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
51 รวมจำนวนประชาชนชาวอิสราเอลได้ทั้งหมดหกแสนหนึ่งพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
52 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 53 “ให้แบ่งที่ดินออกเป็นส่วนๆสำหรับคนเหล่านี้ตามจำนวนรายชื่อ 54 ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ ก็แบ่งให้มากหน่อย ถ้าเป็นกลุ่มเล็ก ก็แบ่งให้น้อยหน่อย แต่ละกลุ่มจะได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนคนที่ได้นับไว้ 55 อย่างไรก็ตาม ใครจะได้ที่ดินตรงไหน ก็ต้องจับสลากกัน พวกเขาจะได้รับที่ดินตามรายชื่อเผ่าของบรรพบุรุษของพวกเขา 56 แต่ละเผ่าจะจับสลากแบ่งที่ดินกัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าใหญ่หรือเผ่าเล็กก็ตาม”
57 ต่อไปนี้คือชาวเลวีที่ได้นับตามตระกูลของพวกเขา
จากเกอร์โชน เป็นตระกูลเกอร์โชน
จากโคฮาท เป็นตระกูลโคฮาท
จากเมรารี เป็นตระกูลเมรารี
58 คนเหล่านี้อยู่ในตระกูลเลวี
ตระกูลลิบนี
ตระกูลเฮโบรน
ตระกูลมาลี
ตระกูลมูชี
ตระกูลโคราห์
โคฮาทเป็นพ่อของอัมราม 59 เมียของอัมรามชื่อโยเคเบดเป็นลูกหลานของเลวี นางเกิดอยู่ในเผ่าของเลวีในอียิปต์ นางมีลูกกับอัมราม คืออาโรน โมเสสและมิเรียมพี่สาวของพวกเขา
60 อาโรนมีลูกชื่อ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ 61 นาดับและอาบีฮูตายไปแล้ว เมื่อครั้งที่พวกเขาได้ถวายไฟที่พระยาห์เวห์ไม่อนุญาตให้ถวายต่อหน้าพระองค์
62 รวมจำนวนชายชาวเลวีที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปสองหมื่นสามพันคน เพราะพวกเขาไม่สามารถนับรวมกับชาวอิสราเอลคนอื่นได้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเหมือนประชาชนชาวอิสราเอลคนอื่นๆ
63 นี่คือคนที่โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์นับได้ ในขณะที่อยู่ในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเยริโค 64 ในบรรดาประชาชนเหล่านี้ ไม่มีคนที่โมเสสและอาโรนเคยนับเมื่อครั้งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายรอดชีวิตอยู่เลย 65 เพราะพระยาห์เวห์เคยพูดถึงคนเหล่านั้นไว้ว่า “พวกเขาจะตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” จึงไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์และโยชูวาลูกชายนูน
พวกลูกสาวของเศโลเฟหัด
27 เศโลเฟหัดเป็นลูกชายของเฮเฟอร์ เฮเฟอร์เป็นลูกชายของกิเลอาด กิเลอาดเป็นลูกชายของมาคีร์ มาคีร์เป็นลูกชายของมนัสเสห์ จากเผ่ามนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นลูกชายของโยเซฟ เศโลเฟหัดมีลูกสาวห้าคน คือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์ 2 พวกนางยืนอยู่ต่อหน้าโมเสส นักบวชเอเลอาซาร์ บรรดาผู้นำและประชาชนทั้งหมดที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ
พวกนางพูดว่า 3 “พ่อของพวกเราได้ตายไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เขาไม่ได้เป็นพรรคพวกของโคราห์ ที่ร่วมต่อต้านพระยาห์เวห์ แต่เขาตายเพราะบาปของเขาเอง และเขาไม่มีลูกชาย 4 แล้วทำไมชื่อของพ่อพวกเราจะต้องถูกตัดออกจากตระกูลของเขา เพียงเพราะเขาไม่มีลูกชายด้วย โปรดแบ่งที่ดินให้กับพวกเราให้เท่าเทียมกับที่ท่านจะแบ่งให้กับพี่น้องคนอื่นของพ่อพวกเราด้วยเถิด”
5 โมเสสจึงได้นำเรื่องนี้ไปถามพระยาห์เวห์ 6 พระองค์พูดกับโมเสสว่า 7 “คำร้องขอของลูกสาวเศโลเฟหัดถูกต้อง เจ้าต้องแบ่งที่ดิน[a] ให้กับพวกนางท่ามกลางพี่น้องของพ่อพวกนาง พวกนางจะได้มอบที่ดินนั้นให้กับลูกหลานของพวกนางสืบต่อไป ให้ส่วนแบ่งของพ่อพวกนางกับพวกนางไป 8 และบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าชายคนหนึ่งตายไปโดยที่ไม่มีลูกชาย พวกเจ้าต้องให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับลูกสาวของเขา 9 และถ้าเขาไม่มีลูกสาว เจ้าต้องให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับพี่น้องของเขา 10 ถ้าเขาไม่มีพี่น้อง ก็ให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับพี่น้องของพ่อเขา 11 ถ้าพ่อของเขาไม่มีพี่น้อง ก็ให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับญาติที่สนิทที่สุดของเขา ที่อยู่ในตระกูลของเขา และคนๆนั้นก็จะเป็นเจ้าของมัน นี่จะเป็นกฎที่ใช้ในการตัดสิน สำหรับประชาชนชาวอิสราเอล ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้’”
โยชูวาคือผู้นำคนใหม่
(ฉธบ. 31:1-8)
12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้ขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมและมองดูแผ่นดินที่เรากำลังจะให้กับประชาชนชาวอิสราเอล 13 เมื่อเจ้าได้เห็นมันแล้ว เจ้าก็จะได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้าเหมือนที่อาโรนพี่ชายของเจ้าได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา 14 เพราะเจ้าทั้งสองไม่เชื่อฟังคำสั่งของเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน เมื่อครั้งที่ประชาชนถกเถียงกับเรา เพราะเจ้าทั้งสองไม่ได้ให้เกียรติว่าเราศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีน้ำไหลออกมาต่อหน้าประชาชนเหล่านั้น” (น้ำนั้นคือน้ำของเมรีบาห์ที่เคเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน)
15 โมเสสพูดกับพระยาห์เวห์ว่า 16 “ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้รู้ความคิดของประชาชนทั้งหมด แต่งตั้งคนๆหนึ่งเป็นผู้นำของชุมชนนี้ 17 เพื่อคอยนำพวกเขาในสนามรบและนำพาพวกเขาเข้าออกเหมือนแกะ เพื่อว่าประชาชนของพระองค์จะได้ไม่เป็นเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง”
18 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “นำตัวโยชูวาลูกชายของนูน ผู้มีพรสวรรค์มาและวางมือของเจ้าลงบนเขา 19 ให้เขายืนอยู่หน้านักบวชเอเลอาซาร์และชุมชนทั้งหมด และมอบภารกิจให้เขาต่อหน้าคนพวกนั้น
20 ให้อำนาจของเจ้ากับเขาเพื่อชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมดจะได้เชื่อฟังเขา 21 แต่ถ้าโยชูวาต้องการตัดสินใจอะไร เขาจะต้องไปหานักบวชเอเลอาซาร์ และเอเลอาซาร์ก็จะใช้อูริมและทูมมิมขอคำตอบจากพระยาห์เวห์ ถ้าพระยาห์เวห์สั่งให้บุก โยชูวา ชาวอิสราเอลทั้งหมดและคนทั้งชุมชนก็จะบุก และถ้าพระยาห์เวห์สั่งให้ถอย พวกเขาก็จะถอย”
22 โมเสสจึงทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขา เขาพาโยชูวามาและให้มายืนอยู่ต่อหน้านักบวชเอเลอาซาร์และชุมชนทั้งหมด 23 แล้วโมเสสก็วางมือลงบนโยชูวาและมอบภารกิจให้เขาตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับโมเสส
เครื่องบูชาประจำวัน
28 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้ออกคำสั่งนี้กับประชาชนชาวอิสราเอล บอกพวกเขาว่า ‘เจ้าต้องระมัดระวังที่จะถวายเครื่องบูชาของเรา อาหารของเรา เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับเรา ตามเวลาที่ได้กำหนดไว้’ 3 และบอกพวกเขาว่า ‘นี่คือพวกของขวัญที่เจ้าต้องถวายให้กับพระยาห์เวห์ เป็นของถวายตามปกติของแต่ละวัน คือลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสองตัวที่ไม่มีตำหนิใดๆ 4 เจ้าต้องถวายลูกแกะตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาในตอนเช้า และถวายลูกแกะอีกตัวหนึ่งในตอนเย็น[b] 5 ให้ถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชด้วย คือแป้งอย่างดีสองลิตร[c] ผสมน้ำมันที่คั้นจากมะกอกอย่างดีหนึ่งลิตร[d] 6 นี่คือกฎของเครื่องเผาบูชาที่ตั้งขึ้นมาตอนอยู่ที่ภูเขาซีนาย เป็นพวกของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 7 และต้องถวายเครื่องดื่มบูชาพร้อมกับมันโดยใช้เครื่องดื่มหนึ่งลิตรต่อลูกแกะหนึ่งตัว ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้รินเหล้าองุ่นเก่าเป็นเครื่องดื่มบูชาแก่พระยาห์เวห์ 8 แล้วบูชาลูกแกะตัวที่สองในตอนเย็นกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา เหมือนกับที่บูชาในตอนเช้า เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์
เครื่องบูชาวันหยุดทางศาสนา
9 ในวันหยุดทางศาสนา ให้ถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสองตัวที่ไม่มีตำหนิใดๆพร้อมกับแป้งอย่างดีสี่ลิตรครึ่ง[e] ผสมน้ำมัน เป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา 10 ให้ถวายเครื่องเผาบูชาในทุกวันหยุดทางศาสนา พร้อมกับเครื่องเผาบูชาประจำวันและเครื่องดื่มบูชา
การชุมนุมประจำเดือน
11 ในวันที่หนึ่งของแต่ละเดือน พวกเจ้าต้องถวายเครื่องเผาบูชาดังนี้ คือวัวหนุ่มสองตัวจากฝูงสัตว์ แกะตัวผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว พวกมันต้องเป็นสัตว์ที่ไม่มีตำหนิใดๆ 12 และต้องถวายแป้งอย่างดีหกลิตรครึ่ง[f] ผสมน้ำมันพร้อมกับวัวแต่ละตัว และแป้งอย่างดีสี่ลิตรครึ่งผสมน้ำมันพร้อมกับแกะตัวผู้แต่ละตัวเป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช 13 และต้องถวายแป้งอย่างดีสองลิตร[g] ผสมน้ำมันเป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมกับลูกแกะแต่ละตัว สิ่งเหล่านี้เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 14 ส่วนเครื่องดื่มบูชามีเหล้าองุ่นสองลิตร[h]สำหรับวัวหนุ่มแต่ละตัว เหล้าองุ่นหนึ่งลิตร[i]สำหรับแกะตัวผู้แต่ละตัวและเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัว นี่คือเครื่องเผาบูชาประจำเดือนทุกครั้งที่ขึ้นเดือนใหม่ของปี 15 นอกเหนือไปจากเครื่องเผาบูชาประจำวันและเครื่องดื่มบูชาแล้ว เจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวให้กับพระยาห์เวห์เป็นเครื่องบูชาชำระล้างด้วย
เทศกาลวันปลดปล่อย
16 ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก เป็นเทศกาลวันปลดปล่อยของพระยาห์เวห์ 17 วันที่สิบห้าของเดือนนั้นจะมีงานเฉลิมฉลอง เจ้าต้องกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูเป็นเวลาเจ็ดวัน 18 ในวันแรกจะมีการชุมนุมพิเศษ เจ้าต้องไม่ทำงานที่ใช้แรงงานใดๆทั้งสิ้น 19 เจ้าต้องถวายพวกของขวัญเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ คือ วัวหนุ่มสองตัวจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะอายุหนึ่งปีเจ็ดตัว พวกมันต้องไม่มีตำหนิใดๆ 20 เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชที่จะบูชาพร้อมกับสัตว์เหล่านี้คือ แป้งอย่างดีผสมน้ำมัน เจ้าต้องใช้แป้งหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัว ใช้แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัว 21 ให้ใช้แป้งสองลิตรกับลูกแกะแต่ละตัวจากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 22 ต้องใช้แพะหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง[j] เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเจ้า 23 นอกเหนือจากการถวายเครื่องเผาบูชาประจำวันในตอนเช้าแล้ว เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ด้วย
24 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ซ้ำๆกันทุกวันตลอดเจ็ดวัน ถวายอาหารเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาประจำวันแล้ว เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาพวกนี้พร้อมกับเครื่องดื่มบูชาด้วย
25 ในวันที่เจ็ด จะมีการชุมนุมพิเศษของพวกเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานใดๆ
เทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตแรก
(ลนต. 23:15-22)
26 ในเทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตแรก[k] ซึ่งเป็นเทศกาลเพ็นเทคอสต์ของพวกเจ้า เมื่อเจ้านำเมล็ดข้าวใหม่มาถวายเป็นเครื่องบูชาให้พระยาห์เวห์ เจ้าจะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานใดๆ 27 เจ้าต้องถวายเครื่องเผาบูชาที่มีกลิ่นที่พระยาห์เวห์ชอบ โดยใช้วัวหนุ่มสองตัวจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว 28 และถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชโดยใช้แป้งอย่างดีผสมน้ำมันหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัว แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัว 29 และแป้งสองลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัว จากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 30 เจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง[l] เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้า 31 นอกเหนือไปจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมันแล้ว เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้และเครื่องดื่มบูชา พวกมันต้องเป็นของที่ไม่มีตำหนิใดๆ
พระเยซูเลี้ยงคนสี่พันคน
(มธ. 15:32-39)
8 มีอีกครั้งหนึ่งที่ชาวบ้านมากมายมาอยู่กับพระเยซู พวกเขาไม่มีอาหารกิน พระเยซูจึงเรียกพวกศิษย์มาบอกว่า 2 “สงสารคนพวกนี้จริงๆเพราะเขาอยู่ที่นี่กับเรามาสามวันแล้ว และไม่มีอะไรกินด้วย 3 ถ้าเราส่งพวกเขากลับบ้านไปทั้งๆที่ยังหิวอยู่ พวกเขาจะต้องเป็นลมกลางทางแน่ๆและบางคนก็มาไกลมากด้วย”
4 พวกศิษย์บอกว่า “ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งอย่างนี้ จะไปหาอาหารที่ไหนมาเลี้ยงคนตั้งเยอะแยะขนาดนี้ล่ะครับ”
5 พระองค์เลยถามว่า “พวกคุณมีขนมปังกี่ก้อน” พวกเขาตอบว่า “เจ็ดก้อนครับ”
6 พระองค์จึงสั่งให้ฝูงชนนั่งลงกับพื้น แล้วพระองค์เอาขนมปังเจ็ดก้อนมา ขอบคุณพระเจ้า แล้วหักขนมปังส่งให้กับพวกศิษย์เอาไปแบ่งให้กับฝูงชนกินกัน 7 พวกเขามีปลาตัวเล็กๆอยู่ไม่กี่ตัว พระองค์ก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับปลาเหล่านั้น และบอกให้พวกศิษย์เอาไปแจก 8 พวกเขากินกันจนอิ่ม และพวกศิษย์เก็บเศษอาหารที่เหลือได้ถึงเจ็ดเข่งเต็มๆ 9 มีประมาณสี่พันคนที่อยู่ที่นั่น หลังจากกินเสร็จ พระองค์ส่งพวกเขากลับบ้าน 10 แล้วพระองค์กับพวกศิษย์พากันลงเรือไปแคว้นดาลมานูธา
พวกฟาริสีมาทดลองพระองค์
(มธ. 16:1-4)
11 พวกฟาริสีได้มาโต้เถียงพระองค์และท้าให้พระองค์ทำเรื่องอัศจรรย์ให้ดูเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์มาจากพระเจ้าจริง 12 พระเยซูถอนใจยาวและพูดว่า “ทำไมคนสมัยนี้ชอบเรียกให้ทำสิ่งอัศจรรย์กันนัก เราขอบอกให้รู้ว่าจะไม่ทำสิ่งอัศจรรย์อะไรให้ดูทั้งนั้น” 13 แล้วพระองค์ก็ลงเรือข้ามทะเลสาบไปอีกฝั่ง
เชื้อฟูของพวกฟาริสีและพวกเฮโรด
(มธ. 16:5-12)
14 พวกศิษย์ลืมเอาขนมปังมาด้วย เลยมีขนมปังอยู่แค่ก้อนเดียวในเรือ 15 พระเยซูเตือนพวกเขาว่า “ระวังเชื้อ[a] ของพวกฟาริสีและของเฮโรดไว้ให้ดี”
16 พวกเขาพูดกันว่า “ที่อาจารย์พูดอย่างนี้ก็เพราะพวกเราไม่มีขนมปังไง”
17 พระองค์รู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน จึงพูดว่า “ทำไมพวกคุณถึงพูดกันแต่เรื่องไม่มีขนมปัง ยังไม่เห็นหรือเข้าใจกันอีกเหรอ ใจแข็งกระด้างมากขนาดนั้นเชียวหรือ 18 มีตาก็มองไม่เห็น มีหูก็ไม่ได้ยิน จำไม่ได้แล้วหรือ 19 ตอนที่เราเลี้ยงคนห้าพันคนด้วยขนมปังห้าก้อน พวกคุณเก็บเศษที่เหลือได้กี่เข่ง” พวกเขาตอบว่า “สิบสองเข่งครับ”
20 “แล้วตอนที่เราเลี้ยงคนสี่พันคนด้วยขนมปังเจ็ดก้อนล่ะ พวกคุณเก็บเศษที่เหลือได้กี่เข่ง” พวกเขาก็ตอบว่า “เจ็ดเข่งครับ”
21 แล้วพระองค์จึงพูดว่า “ขนาดทำให้ดูอย่างนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือ”
พระเยซูรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา
22 เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเบธไซดา มีคนพาคนตาบอดมาหาพระองค์ อ้อนวอนให้พระองค์แตะต้องเขา 23 พระองค์ก็จูงมือคนตาบอดออกมานอกหมู่บ้าน พระองค์ถ่มน้ำลายใส่ตาทั้งสองข้างของคนตาบอดนั้น และวางมือบนตัวเขาแล้วถามว่า “มองเห็นหรือยัง”
24 คนตาบอดเงยหน้าขึ้นมาดูและบอกว่า “เห็นคนครับ แต่เหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา”
25 พระองค์ก็เลยวางมือบนตาของเขาอีกครั้งหนึ่ง คนตาบอดก็ได้เพ่งดู ตาของเขาก็หายสนิท มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน 26 พระองค์บอกให้เขากลับบ้านโดยบอกว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้านนั้น”
เปโตรพูดว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
(มธ. 16:13-20; ลก. 9:18-21)
27 พระเยซูและพวกศิษย์เดินทางไปที่หมู่บ้านใกล้ๆเมืองซีซารียาแคว้นฟีลิปปี ในระหว่างทางนั้นพระองค์ถามพวกศิษย์ว่า “คนอื่นๆเขาว่าเราเป็นใครกัน”
28 พวกเขาก็ตอบว่า “บางคนว่า เป็นยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำ บางคนว่า เป็นเอลียาห์ และมีบางคนว่า เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่ง”
29 แล้วพระองค์ถามว่า “แล้วพวกคุณล่ะ คิดว่าเราเป็นใคร” เปโตรตอบว่า “เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น”
30 พระองค์จึงเตือนพวกศิษย์ไม่ให้บอกคนอื่นว่าพระองค์เป็นใคร
พระเยซูทำนายถึงความตายของพระองค์
(มธ. 16:21-28; ลก. 9:22-27)
31 แล้วพระเยซูเริ่มสอนให้พวกเขารู้ว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายอย่าง พวกผู้นำชาวยิว พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติจะไม่ยอมรับเขา และเขาจะต้องถูกฆ่า แต่เขาจะฟื้นขึ้นมาอีกในวันที่สาม” 32 พระองค์เล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟังอย่างชัดเจน เปโตรจึงดึงพระองค์ไปข้างๆแล้วต่อว่าพระองค์ที่พูดอย่างนั้น 33 พระองค์ก็หันไปดูพวกศิษย์แล้วดุเปโตรว่า “ไปให้พ้น ไอ้ซาตาน เพราะแกไม่ได้คิดแบบพระเจ้า แต่คิดแบบมนุษย์”
34 พระองค์เรียกชาวบ้านกับศิษย์เข้ามาแล้วพูดว่า “ถ้าใครอยากจะติดตามเรา คนนั้นต้องเลิกตามใจตัวเอง และแบกไม้กางเขนของตัวเองตามเรามา 35 คนที่อยากจะเอาตัวรอดจะไม่รอด แต่คนที่ยอมสละตัวเองเพื่อเราและข่าวดีนั้นจะรอด 36 มันจะได้กำไรตรงไหน ถ้าได้โลกทั้งใบ แต่ตัวเองถูกทำลายไป 37 เขาจะเอาอะไรไปแลกเพื่อจะได้ตัวเองกลับคืนมาหรือ 38 ในยุคชั่วร้ายนี้ ถ้าคนไหนอับอายที่จะยอมรับเราและถ้อยคำของเรา บุตรมนุษย์ ก็จะอับอายที่จะยอมรับคนนั้นด้วยเหมือนกันในวันที่บุตรมนุษย์เสด็จกลับมาพร้อมกับสง่าราศีของพระบิดาและพร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International