Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 15-16

กฎเกี่ยวกับการถวาย

15 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับคนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินที่เจ้าจะไปอาศัยอยู่ เป็นแผ่นดินที่เรายกให้กับเจ้านั้น เจ้าต้องเอาของถวายที่มาจากฝูงวัวหรือฝูงแกะมาถวายพระยาห์เวห์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสัตวบูชาต่างๆที่เอามาแก้บน หรือเป็นเครื่องบูชาที่สมัครใจเอามาเอง หรือเอามาตอนมีงานเทศกาลต่างๆตามปกติ เพื่อเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์

คนที่ถวายเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์ จะต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชด้วย คือแป้งอย่างดีสองลิตร[a] ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งลิตร[b]

เจ้าต้องถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชาด้วย พร้อมกับเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชา เหล้าองุ่นหนึ่งลิตรสำหรับแกะหนึ่งตัว

หรือในกรณีที่เป็นแกะตัวผู้ เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชด้วย คือแป้งอย่างดีสี่ลิตรครึ่ง[c] ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งลิตร และเจ้าต้องถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชา เป็นกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์

เมื่อเจ้าถวายวัวรุ่นตัวหนึ่งจากฝูงเป็นเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสัตวบูชาแก้บน หรือเครื่องสังสรรค์บูชาต่อพระยาห์เวห์ เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมกับวัวรุ่นตัวนั้นด้วย คือแป้งอย่างดีหกลิตรครึ่ง[d] ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งลิตรครึ่ง[e] 10 เจ้าต้องถวายเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรครึ่ง เป็นเครื่องดื่มบูชา นี่จะเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 11 วัวตัวผู้แต่ละตัว หรือแกะตัวผู้แต่ละตัว หรือแกะหรือแพะแต่ละตัวที่เอามาถวาย ต้องเตรียมอย่างนี้ทั้งหมด 12 ไม่ว่าเจ้าจะเอาสัตว์มาถวายเท่าไหร่ก็ตาม เจ้าจะต้องทำอย่างนี้กับสัตว์แต่ละตัว ไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็ตาม

13 ประชาชนชาวอิสราเอลจะต้องทำอย่างนั้น เมื่อถวายพวกของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 14 ต่อจากนี้ไป เมื่อชาวต่างชาติคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับพวกเจ้า อยากจะถวายพวกของขวัญ ที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ เขาก็จะต้องทำเหมือนกับที่เจ้าทำ 15 มันจะมีแค่กฎเดียวสำหรับเจ้าและคนต่างด้าวที่อยู่กับเจ้า กฎนี้จะใช้ตลอดไป ตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า เพราะในสายตาของพระยาห์เวห์ เจ้าและชาวต่างชาติก็เหมือนกัน 16 เจ้าและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่กับเจ้าจะใช้กฎและระเบียบเดียวกัน”

17 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 18 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินที่เรากำลังนำเจ้าไป 19 และเมื่อเจ้ากินอาหารจากแผ่นดินนั้น เจ้าจะต้องถวายของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ 20 แป้งดิบก้อนแรกของเจ้า เจ้าต้องทำเป็นขนมปังถวายเป็นของขวัญ เจ้าต้องถวายมันเหมือนกับของขวัญที่มาจากลานนวดข้าว 21 เจ้าจะต้องถวายแป้งดิบก้อนแรกเป็นของขวัญกับพระยาห์เวห์ ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน

22 ถ้าเจ้าทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้ทำตามคำสั่งทั้งหมดนี้ที่พระยาห์เวห์ได้บอกโมเสสไว้ 23 ทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเจ้าผ่านทางโมเสส ตั้งแต่วันนั้นที่พระองค์ได้ให้กฎพวกนั้นกับเจ้าเป็นครั้งแรก เรื่อยมาตลอดชั่วลูกชั่วหลาน 24 แล้วถ้าชุมชนของพวกเจ้าทำสิ่งนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ทำไปเพราะไม่รู้ ทั้งชุมชนต้องนำวัวรุ่นจากฝูงวัวมาเป็นเครื่องเผาบูชาที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ พร้อมกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาตามที่กฎกำหนดไว้ และพวกเจ้าต้องนำแพะตัวผู้มาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง

25 ด้วยวิธีนี้ นักบวชจะทำพิธีชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทนประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชน เพื่อพวกเขาจะได้รับการยกโทษ เพราะมันเป็นความผิดพลาด และพวกเขาก็ได้นำเครื่องบูชามาถวายเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ และได้นำเครื่องบูชาชำระล้างของพวกเขามาไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ สำหรับความผิดพลาดของพวกเขา 26 ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชนและชาวต่างชาติที่อยู่ร่วมกับเจ้าก็จะได้รับการยกโทษ เพราะทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดพลาดนั้น

27 แต่ถ้าคนๆหนึ่งทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ คนๆนั้นต้องถวายแพะตัวเมียตัวหนึ่งอายุหนึ่งปีเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง 28 แล้วนักบวชจะทำพิธีชำระแท่นบูชาแทนคนๆนั้นที่ทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ นักบวชจะทำพิธีนี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์แทนคนๆนั้น แล้วคนๆนั้นจะได้รับการยกโทษ 29 สำหรับประชาชนของอิสราเอลและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกับพวกเจ้า ก็ให้ใช้กฏเดียวกันเมื่อมีคนทำผิด

30 แต่คนที่ทำบาปโดยตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอลเองหรือชาวต่างชาติ คนๆนั้นได้ดูหมิ่นพระยาห์เวห์ เขาจะต้องถูกตัดออกจากประชาชนของเขา 31 เพราะเขาดูหมิ่นคำพูดของพระยาห์เวห์ และฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ คนๆนั้นต้องถูกตัดออกจากประชาชน เขาจะต้องถูกลงโทษ[f]’”

คนที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนา

32 เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกเขาพบชายคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันหยุดทางศาสนา 33 คนเหล่านั้นที่เจอเขาเก็บฟืนอยู่ ได้นำตัวเขามาหาโมเสส อาโรนและประชาชนทั้งหมด 34 พวกเขาควบคุมตัวชายคนนั้นไว้เพราะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขา

35 พระยาห์เวห์จึงพูดกับโมเสสว่า “ชายคนนั้นต้องถูกฆ่า ประชาชนทั้งหมดต้องฆ่าเขาด้วยก้อนหินที่นอกค่าย” 36 ประชาชนจึงนำตัวชายคนนั้นออกไปนอกค่ายและเอาหินขว้างเขาจนตาย ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

พู่เตือนความจำ

37 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 38 “ให้บอกคนอิสราเอลว่า ให้พวกเขาทำพู่ติดไว้ที่ชายเสื้อของพวกเขาตลอดชั่วลูกชั่วหลาน และพวกเขาต้องเอาเชือกสีฟ้าผูกบนพู่ทุกมุม 39 เจ้าจะมีพู่พวกนี้ เพื่อพวกเจ้าจะได้เห็นมันและจดจำคำสั่งของพระยาห์เวห์ทุกข้อ และทำตาม เพื่อพวกเจ้าจะได้ไม่กลายเป็นคนไม่สัตย์ซื่อ เพราะไปทำตามใจและความอยากของตัวเอง 40 เจ้าจะได้จดจำและทำตามคำสั่งของเราทุกข้อ และเจ้าจะเป็นคนที่ถูกแยกออกมาสำหรับพระเจ้าของเจ้า 41 เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อจะเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

ผู้นำบางคนเริ่มต่อต้านโมเสส

16 โคราห์ ดาธาน อาบีรัม และโอน ได้ต่อต้านโมเสส โคราห์เป็นลูกชายของอิสฮาร์ อิสฮาร์เป็นลูกชายของโคฮาท โคฮาทเป็นลูกชายของเลวี ส่วนดาธานและอาบีรัมเป็นลูกชายของเอลีอับ โอนเป็นลูกชายของเปเลท ดาธาน อาบีรัมและโอนเป็นลูกหลานของรูเบน พวกเขาได้พาคนหลายคน ลุกขึ้นต่อต้านโมเสส พวกเขารวบรวมคนได้สองร้อยห้าสิบคนจากประชาชนชาวอิสราเอล พวกคนสองร้อยห้าสิบคนนี้เป็นผู้นำของชุมชน ที่ประชาชนเลือกขึ้นมา เป็นพวกคนที่มีชื่อเสียง พวกเขารวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน พวกเขาพูดกับโมเสสและอาโรนว่า “พวกท่านหลงตัวเองเกินไปแล้ว เพราะประชาชนทั้งหมดนี้ ทุกคนเป็นคนพิเศษของพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็อยู่ท่ามกลางพวกเขา ทำไมท่านถึงต้องยกตัวเองขึ้นข่มประชาชนของพระยาห์เวห์ด้วย”

เมื่อโมเสสได้ยินอย่างนั้น เขาก็ทรุดตัวกราบลงกับพื้นดิน แล้วพูดกับโคราห์และพรรคพวกของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระยาห์เวห์จะทำให้ท่านรู้ว่าใครเป็นของพระองค์และใครเป็นคนพิเศษ และพระองค์จะนำคนที่พิเศษนั้นมาอยู่ใกล้พระองค์ และคนที่พระองค์เลือก พระองค์ก็จะนำมาอยู่ใกล้พระองค์ โคราห์ ทำอย่างนี้สิ ในวันพรุ่งนี้ ให้ท่านและพรรคพวกของท่านเอากระถางไฟมา และเอาไฟใส่เข้าไป แล้วใส่เครื่องหอมลงในนั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ แล้วคนที่พระยาห์เวห์เลือกจะเป็นคนพิเศษของพระองค์ พวกท่านเลวีต่างหากที่หลงตัวเองไปแล้ว”

โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ฟังให้ดีๆพวกชาวเลวีทั้งหลาย พวกท่านคิดว่ามันน้อยเกินไปใช่ไหม ที่พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้แยกพวกท่านออกจากประชาชนชาวอิสราเอล เพื่อนำพวกท่านมาใกล้พระองค์ ให้มารับใช้ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ และมายืนอยู่ต่อหน้าชุมชนเพื่อบริการพวกเขา 10 พระยาห์เวห์ได้นำท่าน และพรรคพวกของท่าน ให้มาอยู่ใกล้พระองค์ แต่พวกท่านอยากจะเป็นนักบวชด้วย 11 ดังนั้น ท่าน และพรรคพวกของท่าน จึงได้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านพระยาห์เวห์ แล้วอาโรนทำผิดอะไร พวกท่านถึงได้บ่นต่อว่าเขา”

12 โมเสสส่งคนไปเรียกดาธานและอาบีรัมลูกชายเอลีอับมา แต่พวกเขาบอกว่า “พวกเราจะไม่มา 13 แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ ที่ท่านนำพวกเราออกมาจากแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้เรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ แล้วตอนนี้ท่านยังทำตัวเป็นเจ้านายเหนือพวกเราอีก 14 นอกจากนั้น ท่านก็ยังไม่ยอมพาพวกเราเข้าไปในแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ แถมยังไม่ยอมให้ที่นาและไร่องุ่นกับพวกเราด้วย ท่านจะแหกตาพวกนี้ต่อไปอีกหรือ พวกเราจะไม่มา”

15 โมเสสโกรธมาก เขาพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “อย่าไปรับเครื่องบูชาของพวกเขาเลย ข้าพเจ้าไม่เคยทำผิดต่อพวกเขาเลย แม้แต่ลาซักตัวก็ไม่เคยเอาของเขามา”

16 โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ท่านและพรรคพวกของท่านต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวันพรุ่งนี้ จะมีท่าน พรรคพวกของท่านและอาโรน 17 พวกท่านแต่ละคนจะต้องเอากระถางไฟของท่านใส่เครื่องหอม แล้วแต่ละคนต้องนำกระถางไฟนั้นมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ รวมทั้งหมดสองร้อยห้าสิบใบ ท่านและอาโรนก็ต้องนำกระถางไฟของตัวเองมาด้วย”

18 ดังนั้นทุกคนได้นำกระถางไฟของตัวเองมา ใส่ถ่านที่ติดไฟอยู่ลงไปและใส่เครื่องหอมลงไป แล้วมายืนอยู่หน้าทางเข้าเต็นท์นัดพบพร้อมกับโมเสสและอาโรน 19 โคราห์รวบรวมคนในชุมชนทั้งหมดให้มาต่อต้านพวกเขาที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ปรากฏแก่คนทั้งชุมชน

20 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 21 “ถอยห่างจากชุมชนนี้ เราจะทำลายพวกมันทันที”

22 โมเสสและอาโรนก้มกราบลงและพูดว่า “พระเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าเหนือวิญญาณของคนทั้งหมด[g] เมื่อมีคนหนึ่งทำบาป พระองค์จะโกรธคนทั้งชุมชนหรือ”

23 พระยาห์เวห์จึงพูดกับโมเสสว่า 24 “ให้บอกกับคนในชุมชนว่า ‘ย้ายออกไปให้ห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธานและอาบีรัม’”

25 โมเสสยืนขึ้นและตรงไปที่ดาธาน อาบีรัมและพวกผู้ใหญ่ของชาวอิสราเอลที่ติดตามเขา 26 โมเสสบอกกับชุมชนว่า “ย้ายออกให้ห่างจากเต็นท์ของคนชั่วพวกนี้ และอย่าไปแตะต้องอะไรก็ตามที่เป็นของพวกเขา ไม่อย่างนั้น ท่านจะถูกทำลาย เพราะความบาปทั้งหมดของพวกเขา”

27 ประชาชนจึงย้ายออกห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธานและอาบีรัม ตอนนี้ ดาธานและอาบีรัมได้ออกมายืนอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของพวกเขา พร้อมกับลูกเมียและเด็กทารกของพวกเขา

28 โมเสสพูดว่า “อย่างนี้พวกท่านจะได้รู้ว่า พระยาห์เวห์ได้ส่งเรามาทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ เราไม่ได้คิดพวกมันขึ้นมาเอง 29 คือ ถ้าคนพวกนี้ตายธรรมดาๆเหมือนกับที่คนอื่นๆเขาตายกัน และถ้าเรื่องที่เกิดกับคนอื่นก็เกิดขึ้นกับพวกเขาด้วย แสดงว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้ส่งเรามา 30 แต่ถ้าพระยาห์เวห์ทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ให้พื้นดินอ้าปากกลืนพวกเขาและทุกสิ่งที่เขามีลงไป และพวกนี้ถูกฝังทั้งเป็น แล้วท่านก็จะได้รู้ว่า พวกเขาได้ดูหมิ่นพระยาห์เวห์”

31 เมื่อโมเสสพูดจบ พื้นดินที่อยู่ใต้คนพวกนั้นก็แยกออก 32 มันเหมือนกับพื้นดินกำลังอ้าปากของมันและกลืนเอาคนพวกนั้น ครอบครัวของพวกเขาและคนของโคราห์ รวมทั้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา 33 พวกเขาจึงถูกฝังทั้งเป็นพร้อมสิ่งของของพวกเขา แล้วพื้นดินก็ปิดทับพวกเขาและพวกเขาก็หายไปจากชุมชน

34 คนอิสราเอลอื่นๆที่อยู่รอบๆต่างวิ่งหนี เมื่อได้ยินเสียงร้องของพวกเขา คนเหล่านั้นพูดว่า “เดี๋ยวแผ่นดินจะกลืนพวกเราไปด้วย”

35 พระยาห์เวห์ได้ส่งไฟลงมาทำลายสองร้อยห้าสิบคนที่กำลังบูชาเครื่องหอมอยู่

36 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 37-38 “บอกเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนว่า ให้เอากระถางไฟพวกนั้นออกมาจากกองไฟที่ยังเผาอยู่ และเขี่ยถ่านไฟและขี้เถ้าให้กระจายไปทั่วๆ กระถางไฟได้กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเขาได้เอากระถางไฟพวกนี้มาถวายพระยาห์เวห์ ให้เอากระถางไฟของคนพวกนี้ที่ทำบาปจนทำให้พวกเขาต้องตาย ไปตีให้แบนๆ แล้วเอามาทาบเข้ากับแท่นบูชา มันจะเป็นสิ่งเตือนใจสำหรับประชาชนชาวอิสราเอล”

39 นักบวชเอเลอาซาร์จึงเอากระถางไฟทองสัมฤทธิ์ ที่คนพวกนั้นที่ถูกเผาไปแล้วนำมาถวาย เอามาตีเป็นแผ่นบางๆ มาทาบไปบนแท่นบูชาตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับเขาผ่านทางโมเสส 40 แผ่นทองสัมฤทธิ์นี้จะเป็นสิ่งที่เตือนประชาชนชาวอิสราเอล เพื่อไม่ให้คนที่ไม่มีสิทธิ์ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของอาโรนเข้าไปใกล้แท่นบูชาเพื่อเผาเครื่องหอมต่อหน้าพระยาห์เวห์ จะได้ไม่เป็นเหมือนโคราห์และพรรคพวกของเขา

อาโรนช่วยชีวิตประชาชน

41 วันต่อมา ชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด ต่างบ่นต่อว่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ทำให้คนของพระยาห์เวห์ต้องตาย”

42 ขณะที่คนในชุมชนกำลังรวมตัวกันต่อต้านโมเสสและอาโรน พวกเขาได้หันไปทางเต็นท์นัดพบ และเห็นเมฆปกคลุมเต็นท์นั้นและรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ปรากฏขึ้น 43 โมเสสกับอาโรนก็มาที่ด้านหน้าของเต็นท์นัดพบ

44 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 45 “ถอยไปให้ห่างจากชุมชนนี้ เราจะได้ทำลายพวกเขาเดี๋ยวนี้” โมเสสกับอาโรนจึงก้มกราบลงกับพื้น

46 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “ไปเอากระถางไฟ และเอาไฟจากแท่นบูชาใส่ลงไป และใส่เครื่องหอมลงไปด้วย แล้วรีบเอาไปที่ชุมชนนั้นแทนประชาชน เพื่อระงับความโกรธของพระยาห์เวห์ เพราะพระยาห์เวห์กำลังโกรธพวกเขา โรคระบาดกำลังเกิดขึ้น”

47 แล้วอาโรนก็ไปเอากระถางไฟตามที่โมเสสบอก แล้ววิ่งเข้าไปกลางชุมชน และเขาเห็นว่าเกิดโรคระบาดขึ้นแล้วในหมู่ประชาชน เขาเอาเครื่องหอมใส่ลงในกระถางไฟแทนประชาชน เพื่อระงับความโกรธของพระยาห์เวห์ 48 เขายืนอยู่ระหว่างคนเป็นและคนตาย และโรคระบาดก็หยุดลง 49 มีคนตายจากโรคระบาดครั้งนี้ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยคน ไม่รวมคนที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้วเพราะโคราห์ 50 อาโรนได้กลับไปหาโมเสสที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เพราะโรคระบาดได้หยุดลงแล้ว

มาระโก 6:1-29

พระเยซูกลับบ้าน

(มธ. 13:53-58; ลก. 4:16-30)

พระเยซูไปจากที่นั่นและกลับไปบ้านเดิม พวกศิษย์ก็ติดตามไปด้วย เมื่อถึงวันหยุดทางศาสนา พระองค์ก็สั่งสอนอยู่ในที่ประชุมของชาวยิว มีคนมากมายที่ทึ่งในคำสอนของพระองค์ และพูดกันว่า “เขาไปเอาความรู้แบบนี้มาจากไหน แล้วทำการอัศจรรย์เหล่านี้ได้ยังไง เขาเป็นแค่ช่างไม้ ลูกของมารีย์ พี่ชายของยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมน และพวกน้องสาวของเขาก็อยู่ในเมืองนี้กับพวกเราอีกด้วย” พวกเขาจึงขุ่นเคืองพระองค์

พระเยซูจึงพูดกับพวกเขาว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้าได้รับเกียรติในทุกที่ ยกเว้นในบ้านเมือง ในหมู่ญาติพี่น้อง และในครอบครัวของตัวเอง” เมื่ออยู่ที่นั่น พระเยซูจึงไม่สามารถทำการอัศจรรย์ได้นอกจากวางมือรักษาคนป่วยไม่กี่คน พระองค์แปลกใจที่พวกเขาไม่มีความเชื่อในพระองค์ พระองค์จึงไปสอนที่หมู่บ้านใกล้เคียงแถวนั้นแทน

พระเยซูส่งศิษย์เอกสิบสองคนออกไป

(มธ. 10:1, 5-15; ลก. 9:1-6)

พระองค์เรียกศิษย์เอกทั้งสิบสองคนมา แล้วส่งพวกเขาออกไปเป็นคู่ๆพระองค์ทำให้พวกเขามีสิทธิอำนาจเหนือวิญญาณชั่วทั้งหลาย และสั่งว่า “อย่าเอาอะไรติดตัวไปเลยนอกจากไม้เท้า ไม่ต้องเอาอาหาร ถุงย่ามหรือเงินติดตัวไป ให้ใส่รองเท้าได้แต่ไม่ต้องเอาเสื้อผ้าสำรองไป” 10 พระองค์พูดกับพวกเขาว่า “บ้านไหนที่ต้อนรับคุณ ก็ให้อยู่ที่บ้านนั้นตลอดจนกว่าจะจากเมืองนั้นไป 11 แต่ถ้าที่ไหนไม่ต้อนรับหรือไม่ฟังพวกคุณ ก็ให้ออกไปจากที่นั่น และให้สะบัดฝุ่นออกจากเท้า[a] ด้วย เพื่อเป็นการเตือนพวกเขา”

12 พวกศิษย์ของพระองค์ก็ออกไปสั่งสอน ให้ผู้คนกลับตัวกลับใจเสียใหม่ 13 พวกเขาขับผีชั่วออกไปหลายตน ทาน้ำมันมะกอกให้กับคนเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก และรักษาพวกเขาจนหาย

เฮโรดสั่งตัดหัวยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำ

(มธ. 14:1-12; ลก. 9:7-9)

14 กษัตริย์เฮโรด[b] ได้ยินชื่อเสียงของพระเยซูเพราะคนพูดกันไปทั่ว บางคนพูดว่า “เขาต้องเป็นยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำที่ฟื้นขึ้นจากความตายแน่ๆถึงทำการอัศจรรย์พวกนี้ได้”

15 บางคนพูดว่า “เขาคือเอลียาห์” และบางคนพูดว่า “เขาคือผู้พูดแทนพระเจ้าเหมือนกับผู้พูดแทนพระเจ้าคนอื่นๆในสมัยโบราณนั้น”

16 เมื่อเฮโรดได้ยินเรื่องพวกนี้ พระองค์พูดว่า “ต้องเป็นยอห์น คนที่เราสั่งให้ตัดหัวฟื้นขึ้นจากตายแน่ๆ” 17 เพราะเฮโรดเองที่เป็นคนสั่งให้จับยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปน้องชายของเฮโรด 18 เพราะยอห์นได้เตือนกษัตริย์เฮโรดบ่อยๆว่า “พระองค์ทำไม่ถูก ที่เอาภรรยาน้องชายมาเป็นภรรยาตัวเอง” 19 ทำให้เฮโรเดียสแค้นใจอยากจะฆ่ายอห์น แต่ก็ทำไม่ได้ 20 เพราะกษัตริย์เฮโรดกลัวยอห์น พระองค์รู้ว่ายอห์นเป็นคนที่ทำตามใจพระเจ้า และเป็นคนของพระเจ้าจริงๆ จึงปกป้องยอห์นไว้ ทุกครั้งที่เฮโรดฟังยอห์นสอนก็ลำบากใจ แต่ก็ยังชอบฟัง

21 แล้วโอกาสของนางเฮโรเดียสก็มาถึง เมื่อเฮโรดจัดงานวันเกิดของพระองค์ขึ้น พระองค์เชิญพวกข้าราชการชั้นสูง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญๆของแคว้นกาลิลีมาในงาน 22 ลูกสาวของนางเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้เฮโรดและบรรดาแขกเหรื่อถูกอกถูกใจมาก แล้วกษัตริย์เฮโรดจึงบอกกับหญิงสาวนี้ว่า “อยากได้รางวัลอะไรก็ขอมาเลย เราจะให้” 23 พระองค์ยังสัญญาอีกว่า “เราจะให้ทุกอย่างที่เจ้าขอ แม้กระทั่งครึ่งหนึ่งของอาณาจักรนี้”

24 เธอก็ออกไปถามแม่ว่า “แม่ หนูขออะไรดีคะ” แม่ตอบว่า “ขอหัวของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำสิ”

25 แล้วเธอก็รีบวิ่งเข้าไปบอกกษัตริย์ว่า “ดิฉันขอหัวของยอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำใส่ถาดมาให้ที่นี่ค่ะ”

26 กษัตริย์เฮโรดเสียใจมาก แต่เพราะเขาได้สาบานไว้แล้วต่อหน้าแขกเป็นจำนวนมาก เฮโรดจึงไม่กล้าที่จะผิดคำพูดกับเธอ 27 เฮโรดจึงสั่งให้เพชฌฆาตไปตัดหัวของยอห์นในคุกทันที 28 และเอาใส่ถาดมาให้กับเธอ แล้วเธอก็เอาไปให้แม่ของเธอ 29 เมื่อศิษย์ของยอห์นรู้เข้าก็พากันมารับร่างของยอห์นไปฝังไว้ในอุโมงค์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International