Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อพยพ 12-13

วันปลดปล่อย

12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า “เดือนนี้[a] จะเป็นเดือนแรกสำหรับพวกเจ้า และจะเป็นเดือนแรกของปีสำหรับพวกเจ้าด้วย ให้บอกกับที่ชุมนุมของอิสราเอลทุกคนว่า ‘ในวันที่สิบของเดือนนี้ ให้ผู้ชายแต่ละคนเอาลูกแกะมาหนึ่งตัวสำหรับครอบครัวของเขา คือลูกแกะหนึ่งตัวสำหรับทั้งครัวเรือน ถ้าครอบครัวไหนเล็กเกินไปที่จะกินแกะหมดทั้งตัว ก็ให้เขาและเพื่อนบ้านแบ่งลูกแกะตัวนั้นกัน แบ่งตามจำนวนคนที่อยู่ในครอบครัวของเขา จะต้องมีแกะเพียงพอให้แต่ละคนกินกัน ลูกแกะของพวกเจ้าจะต้องสมบูรณ์แข็งแรง เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี พวกเจ้าอาจใช้ลูกแกะหรือลูกแพะก็ได้ แต่พวกเจ้าต้องดูแลมันจนถึงวันที่สิบสี่ของเดือนนี้ แล้วในตอนเย็นของวันนั้น ชาวอิสราเอลทั้งหมดที่มาชุมนุมกัน ก็จะพากันฆ่าพวกมัน พวกเขาจะต้องเอาเลือดของมันมาทาที่ขอบประตูบ้านที่พวกเขากินกันนั้น ให้เขาทาทั้งด้านบน และขอบประตูทั้งสองด้าน

พวกเขาจะกินเนื้อของมันในคืนนั้น เนื้อนั้นจะต้องเอาไปย่างไฟ กินกับขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟูพร้อมกับผักขม ห้ามกินเนื้อที่ยังดิบอยู่ และห้ามเอาไปต้มน้ำด้วย แต่ให้เอาไปย่างไฟ ทั้งส่วนหัว ส่วนขาและเครื่องใน 10 ต้องกินให้หมด อย่าให้เหลือถึงวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าเหลือก็ให้เอาไปเผาให้หมดก่อนเช้า

11 เวลาที่พวกเจ้ากินมันนั้น พวกเจ้าจะต้องเตรียมพร้อม คาดเอวให้กระชับ สวมรองเท้าและถือไม้เท้าไว้ในมือ พวกเจ้าต้องกินอย่างเร่งรีบ เพราะมันคือวันปลดปล่อย[b] ของพระยาห์เวห์

12 ในคืนนี้ เราจะผ่านเข้าไปในแผ่นดินอียิปต์ เราจะฆ่าลูกชายหัวปี[c] ทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกคนหรือลูกสัตว์ เราจะตัดสินลงโทษพระทั้งหมดของอียิปต์ เพราะเราคือยาห์เวห์ 13 เลือดที่ทาไว้ที่ขอบประตูบ้านที่พวกเจ้าอยู่นั้น จะเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นบ้านของพวกเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะข้ามพวกเจ้าไป[d] และจะไม่มีภัยพิบัติใดๆเกิดขึ้นกับพวกเจ้า เมื่อเราทำลายแผ่นดินอียิปต์

14 พวกเจ้าจะต้องจดจำคืนนี้ไว้ให้ดี พวกเจ้าจะต้องเฉลิมฉลองมันเป็นเทศกาลหนึ่งให้กับพระยาห์เวห์ และพวกเจ้าจะต้องเฉลิมฉลองมันตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า เป็นประเพณีที่ยึดถือตลอดไป 15 พวกเจ้าจะต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เป็นเวลาเจ็ดวัน แต่ในวันแรก พวกเจ้าจะต้องเอาเชื้อฟูออกไปจากบ้านให้หมด เพราะใครก็ตามที่กินเชื้อฟูเข้าไป คนๆนั้นจะต้องถูกตัดออกจากคนอิสราเอล ตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันที่เจ็ด 16 ในวันแรกและวันที่เจ็ด พวกเจ้าจะจัดการชุมนุมอันศักดิ์สิทธิ์ จะต้องไม่มีใครทำงานในวันนั้น ยกเว้นการจัดเตรียมอาหารให้คนกิน 17 พวกเจ้าจะต้องรักษาเทศกาลการกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูนี้ไว้ เพราะในวันนี้เองที่เราได้นำกองทัพของพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเจ้าจะต้องรักษาวันนี้ให้กับลูกหลานของเจ้าจนเป็นประเพณีที่สืบทอดกันตลอดไป 18 ในตอนเย็นของวันที่สิบสี่ของเดือนแรก พวกเจ้าจะกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟู ไปจนถึงตอนเย็นของวันที่ยี่สิบเอ็ดในเดือนเดียวกัน 19 ตลอดเจ็ดวันนี้ พวกเจ้าจะต้องไม่เก็บเชื้อฟูไว้ในบ้านของพวกเจ้า เพราะทุกคนที่ไปกินของที่ใส่เชื้อฟู ไม่ว่าจะเป็นคนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า หรือเจ้าของถิ่นเองก็ตามจะต้องถูกตัดออกจากชุมนุมชาวอิสราเอล 20 พวกเจ้าจะต้องไม่กินเชื้อฟูเลย พวกเจ้าต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟูในทุกหนทุกแห่งที่พวกเจ้าไปอยู่’”

21 โมเสสเรียกพวกผู้อาวุโสชาวอิสราเอลทั้งหมดมาพบ และพูดว่า “ให้พวกท่านไปทำตามนี้ คือให้ไปเลือกลูกแกะมาหนึ่งตัวสำหรับครอบครัวของพวกท่าน และฆ่ามันเป็นลูกแกะสำหรับวันปลดปล่อย 22 เอากิ่งหุสบ[e] มาจุ่มเลือดของมันที่อยู่ในอ่าง และเอาเลือดนั้นไปทาตรงขอบประตู ทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสอง และห้ามไม่ให้ใครออกจากบ้านจนกว่าจะเช้า 23 เมื่อพระยาห์เวห์ผ่านมาเพื่อทำลายอียิปต์ และเห็นเลือดที่อยู่บนขอบประตู ทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสอง พระยาห์เวห์จะได้ผ่านประตูนั้นไป และจะไม่ให้ผู้ทำลายเข้าไปในบ้านเพื่อฆ่าพวกท่าน 24 พวกท่านต้องรักษาคำสั่งนี้ให้เป็นประเพณีสำหรับตัวท่านและลูกหลานของท่านตลอดกาล 25 เมื่อพวกท่านมาถึงแผ่นดินที่พระยาห์เวห์จะให้กับพวกท่านตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้แล้วนั้น ก็ให้พวกท่านยังคงรักษาพิธีนี้ต่อไป 26 เมื่อลูกหลานของท่านถามว่า ‘พิธีนี้มีความหมายอะไร’ 27 ก็ให้พวกท่านตอบว่า ‘มันคือการบูชาลูกแกะในวันปลดปล่อยให้กับพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ผ่านพ้นบ้านของชาวอิสราเอลไป ตอนที่พระองค์ทำลายอียิปต์ แต่พระองค์ทำให้พวกเราที่อยู่ในบ้านปลอดภัย’” แล้วประชาชนต่างก้มกราบลง นมัสการพระองค์

28 ชาวอิสราเอลทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสกับอาโรนไว้ พวกเขาได้ไปลงมือทำตามนั้น

29 ในตอนเที่ยงคืน พระยาห์เวห์เริ่มฆ่าลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่ลูกชายหัวปีของฟาโรห์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ ไปจนถึงลูกชายหัวปีของคนที่ถูกขังคุกอยู่ รวมทั้งลูกหัวปีตัวผู้ของสัตว์ทุกตัว 30 ฟาโรห์กับพวกข้าราชการทั้งหมด รวมทั้งคนอียิปต์ทุกคน ต่างตื่นขึ้นมาในคืนนั้น และก็มีเสียงร้องไห้อย่างหนักไปทั่วอียิปต์ เพราะไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีคนตาย

ชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์

31 ฟาโรห์ได้เรียกตัวโมเสสและอาโรนเข้าพบกลางดึกคืนนั้น และพูดว่า “ลุกขึ้น ไปให้พ้นจากประชาชนของเรา ทั้งพวกเจ้าและลูกหลานของอิสราเอล ไปรับใช้พระยาห์เวห์ ตามที่พวกเจ้าได้พูดไว้ 32 เอาแกะ และฝูงสัตว์ทั้งหลายของพวกเจ้าไปด้วย ไปซะ และอวยพรให้กับเราด้วย” 33 ชาวอียิปต์ต่างเร่งให้คนอิสราเอลรีบๆออกไปจากแผ่นดินนี้ เพราะพวกเขาพูดว่า “พวกเรากำลังจะตาย”

34 ชาวอิสราเอลได้เอาแป้งดิบที่ยังไม่ได้ใส่เชื้อฟูพร้อมกับอ่างขยำแป้ง ห่อผ้าใส่บ่าแบกไป 35 พวกอิสราเอลทำตามที่โมเสสบอก พวกเขาไปขอเครื่องเงินและเครื่องทองและเสื้อผ้าจากคนอียิปต์ 36 พระยาห์เวห์ทำให้พวกคนอียิปต์มีเมตตาต่อคนอิสราเอล คนอิสราเอลขออะไร คนอียิปต์ก็ให้หมด อย่างนี้คนอิสราเอลได้ปล้นเอาความร่ำรวยของคนอียิปต์ไป

37 ชาวอิสราเอลเดินทางจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท มีผู้ชายที่เดินเท้าอยู่ประมาณหกแสนคน ไม่นับเด็กๆ 38 และยังมีคนชาติอื่นๆอีกกลุ่มใหญ่ ที่ร่วมเดินทางมากับพวกเขาด้วย ทั้งยังมีฝูงวัว ฝูงแกะและฝูงสัตว์เลี้ยงอีกจำนวนมหาศาล 39 พวกเขาเอาแป้งดิบที่ติดตัวมา เอามาปิ้งเป็นขนมปังที่ไม่มีเชื้อฟู เพราะแป้งดิบนั้นไม่ได้ใส่เชื้อฟู เพราะพวกเขาถูกไล่ออกจากอียิปต์ เลยไม่มีเวลาที่จะเอ้อระเหย หรือแม้แต่จัดเตรียมอาหารสำหรับพวกเขาเอง

40 ชาวอิสราเอลได้อาศัยอยู่ในอียิปต์[f] เป็นเวลาทั้งสิ้นสี่ร้อยสามสิบปี 41 หลังจากสี่ร้อยสามสิบปีในวันนั้นเอง กองทัพของพระยาห์เวห์ ก็ได้ออกจากแผ่นดินอียิปต์ 42 มันเป็นคืนที่พระยาห์เวห์เฝ้าดู เพื่อนำพวกอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ในคืนเดียวกันนี้เอง เป็นคืนที่พระยาห์เวห์เฝ้าดูชาวอิสราเอลทั้งหมด รวมถึงลูกหลานของเขา 43 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า “นี่คือกฎสำหรับวันปลดปล่อย ห้ามให้ชาวต่างชาติร่วมกินด้วย 44 ส่วนทาสที่ซื้อมาด้วยเงิน หลังจากที่เจ้าขลิบให้กับเขาแล้ว เขาก็ร่วมกินด้วยได้ 45 ห้ามให้คนที่มาอยู่ชั่วคราวหรือคนรับใช้ที่จ้างมา ร่วมกินด้วย 46 เจ้าควรกินมันอยู่แต่ในบ้านหลังเดียว ห้ามเอาเนื้อของมันออกไปนอกบ้าน และพวกเจ้าต้องไม่หักกระดูกของมันด้วย 47 ที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมดจะต้องรักษากฎนี้ไว้ 48 ถ้าคนต่างชาติที่อยู่กับเจ้า อยากจะมีส่วนร่วมในพิธีปลดปล่อยของพระยาห์เวห์ด้วย ผู้ชายทั้งหมดที่อยู่กับเขา จะต้องถูกขลิบเสียก่อน แล้วเขาถึงจะเข้ามามีส่วนร่วมในพิธีได้ เขาจะเป็นเหมือนคนในชาติอิสราเอลนั้นแล้ว แต่คนที่ไม่ได้ถูกขลิบจะร่วมกินด้วยไม่ได้ 49 กฎข้อนี้จะใช้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่น หรือคนต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า”

50 ชาวอิสราเอลทุกคนก็ได้ทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งกับโมเสสและอาโรนไว้ทุกอย่าง พวกเขาได้ลงมือทำตามนั้น 51 ในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้นำลูกหลานของอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์เป็นขบวน[g]

13 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เอาลูกหัวปีที่แม่คลอดออกมาเป็นท้องแรก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหัวปีของหญิงชาวอิสราเอล หรือลูกหัวปีตัวผู้ของสัตว์ก็ตาม อุทิศไว้ให้กับเรา เพราะมันเป็นของเรา”

โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ให้จำวันนี้ไว้ เมื่อพวกท่านออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ เพราะด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้นำพวกท่านออกมาจากที่นั่น พวกท่านต้องไม่กินขนมปังที่ใส่เชื้อฟู วันนี้ ในเดือนอาบีบ[h] พวกท่านกำลังเดินทางออกไป เมื่อพระยาห์เวห์พาท่านไปถึงแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส เป็นแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับพวกบรรพบุรุษของท่าน ที่จะยกให้กับท่าน เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์[i] อย่าได้ลืมที่จะทำพิธีนี้ในเดือนนี้

ท่านต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่เจ็ด จะมีการจัดงานเทศกาลให้กับพระยาห์เวห์ ห้ามกินขนมปังที่ใส่เชื้อฟูในเจ็ดวันนั้น และจะต้องไม่มีอาหารที่ใส่เชื้อฟูในบ้านของท่าน หรือทั่วเขตแดนของท่าน ในวันนั้น ให้พวกท่านอธิบายให้กับลูกๆฟังว่า ‘ที่มีงานเลี้ยงนี้ก็เพราะสิ่งที่พระยาห์เวห์ทำให้กับเราตอนที่เราออกมาจากอียิปต์’

งานเลี้ยงนี้จะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่ผูกอยู่ที่มือ และเป็นสิ่งเตือนใจอยู่ระหว่างตา[j] เพื่อว่ากฎของพระยาห์เวห์จะได้อยู่ที่ริมฝีปากของท่าน เพราะพระองค์ได้พาท่านออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ 10 ดังนั้น พวกท่านควรจะทำตามประเพณีนี้ ทุกๆปีตามวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว

11 และเมื่อพระยาห์เวห์ได้พาท่านเข้าไปในแผ่นดินของชาวคานาอัน ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับท่านและบรรพบุรุษของท่าน และยกมันให้กับท่าน 12 ท่านจะต้องยกเด็กชายทุกคนที่เกิดมาเป็นลูกหัวปีให้กับพระยาห์เวห์ และลูกสัตว์ตัวผู้ทุกตัวที่เกิดมาเป็นลูกหัวปี จะเป็นของพระยาห์เวห์ 13 ถ้าท่านต้องการซื้อลูกลาตัวผู้ที่เกิดมาเป็นลูกหัวปีคืนจากพระยาห์เวห์ ท่านก็เอาลูกแกะมาแลกได้ แต่ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะซื้อลูกลาตัวนั้นคืน ก็ให้ท่านหักคอมัน เอาไปเป็นเครื่องบูชา ส่วนเด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดมาเป็นลูกชายหัวปี[k] ท่านจะต้องซื้อคืนมาจากพระยาห์เวห์

14 ในอนาคต เมื่อลูกชายของท่านถามว่า ‘สิ่งที่พ่อทำนี้ มันมีความหมายว่าอะไรครับ’ ก็ให้ท่านตอบกับลูกว่า ‘พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระองค์ 15 แต่เมื่อฟาโรห์ดื้อดึง ไม่ยอมปล่อยพวกเรา พระยาห์เวห์จึงได้ฆ่าลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกหัวปีของคนหรือของสัตว์ นั่นเป็นเหตุที่พ่อถึงได้ถวาย ลูกสัตว์ตัวผู้ทุกตัว ที่เกิดออกมาเป็นท้องแรก ให้กับพระยาห์เวห์ และพ่อได้ซื้อลูกชายหัวปีของพ่อคืนจากพระยาห์เวห์’ 16 มันจะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่ผูกอยู่ที่มือ และสายคาดที่อยู่เหนือตาของลูก เพราะพระยาห์เวห์ได้พาพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระองค์”

การเดินทางออกจากอียิปต์

17 เมื่อฟาโรห์ปล่อยตัวประชาชนชาวอิสราเอล พระเจ้าไม่ได้นำพวกเขาผ่านทางดินแดนของชาวฟีลิสเตีย ถึงแม้จะใกล้กว่า เพราะพระเจ้าคิดว่า “ถ้าพวกนี้ไปเจอสงครามเข้า พวกเขาจะเปลี่ยนใจกลับไปอียิปต์อีก” 18 พระเจ้าพาประชาชนไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง[l] ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ แต่งตัวพร้อมสู้รบ

โยเซฟกลับบ้าน

19 โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะก่อนตาย โยเซฟได้ให้พวกลูกชายของอิสราเอลสาบาน โยเซฟพูดว่า “พระเจ้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าแน่นอนและพวกเจ้าจะต้องเอากระดูกของเราไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเจ้าด้วย”

พระเจ้านำประชาชนของพระองค์

20 พวกชาวอิสราเอลได้ออกจากเมืองสุคคท และไปตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลเอธาม ตรงเขตแดนติดกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 21 ในตอนกลางวัน พระยาห์เวห์นำหน้าพวกเขาด้วยเสาเมฆ เพื่อนำทางพวกเขา ส่วนในตอนกลางคืน พระองค์ใช้เสาเพลิง เพื่อให้แสงสว่างกับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 22 เสาเมฆไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางวัน และเสาเพลิงก็ไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางคืน มันอยู่ต่อหน้าพวกเขาตลอด

มัทธิว 16

ผู้นำชาวยิวทดสอบพระเยซู

(มก. 8:11-13; ลก. 12:54-56)

16 พวกฟาริสีและพวกสะดูสีเรียกให้พระเยซูทำเรื่องอัศจรรย์ให้ดู เพื่อทดสอบว่าพระองค์มาจากพระเจ้าจริงหรือไม่

พระเยซูตอบว่า “เมื่อท้องฟ้าสีแดงในตอนเย็น คุณบอกว่าพรุ่งนี้อากาศจะดี เมื่อท้องฟ้าสีแดงและมืดครึ้มในตอนเช้า คุณบอกว่าวันนี้ฝนจะตก คุณรู้จักที่จะตีความหมายของดินฟ้าอากาศ แต่กลับไม่รู้จักความหมายของสิ่งเหล่านี้ที่เราทำ มีแต่คนที่ชั่วและไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ที่เรียกร้องให้ทำการอัศจรรย์ให้ดู แต่เราจะไม่ทำอะไรให้ดูนอกจากการอัศจรรย์ของโยนาห์”[a] แล้วพระเยซูก็ไปจากพวกเขา

เชื้อของพวกฟาริสีและสะดูสี

(มก. 8:14-21)

ขณะที่พวกศิษย์ของพระเยซูกำลังข้ามทะเลสาบไปอีกฟากหนึ่งนั้น ก็ลืมเอาขนมปังมาด้วย พระเยซูได้เตือนพวกเขาว่า “ระวังเชื้อของพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดีนะ”

พวกศิษย์จึงพูดกันว่า “ที่อาจารย์พูดอย่างนี้ ต้องเป็นเพราะพวกเราลืมเอาขนมปังมาแน่ๆ”

พระเยซูรู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร จึงพูดว่า “พวกคุณนี่ช่างมีความเชื่อน้อยจริงๆ ไปพูดกันถึงเรื่องไม่มีขนมปังทำไม นี่พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกหรือ จำไม่ได้แล้วหรือ ตอนที่เราแบ่งขนมปังห้าก้อนเลี้ยงคนห้าพันคน พวกคุณเก็บเศษที่เหลือได้กี่เข่ง 10 หรือตอนที่เราแบ่งขนมปังเจ็ดก้อนเลี้ยงคนสี่พันคน พวกคุณเก็บเศษที่เหลือได้กี่เข่ง 11 ทำไมพวกคุณถึงไม่เข้าใจนะว่า เราไม่ได้พูดถึงเรื่องขนมปัง แต่เราเตือนให้พวกคุณระวังเชื้อของพวกฟาริสีและพวกสะดูสี”

12 ในที่สุดพวกศิษย์ก็เข้าใจแล้วว่า พระองค์ไม่ได้พูดถึงเชื้อที่ใส่ในขนมปัง แต่เตือนให้ระวังเรื่องคำสอนของพวกฟาริสีและสะดูสี

เปโตรพูดว่าพระเยซูคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

(มก. 8:27-30; ลก. 9:18-21)

13 เมื่อพระเยซูมาถึงแคว้นซีซารียาฟีลิปปี พระองค์ถามพวกศิษย์ว่า “คนเขาพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นใครกัน”

14 พวกศิษย์ตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นคนที่ทำพิธีจุ่มน้ำ บางคนก็ว่าเป็นเอลียาห์ บางคนก็ว่าเป็นเยเรมียาห์หรือเป็นคนหนึ่งในพวกผู้พูดแทนพระเจ้า”

15 พระเยซูถามพวกศิษย์ว่า “แล้วพวกคุณล่ะ ว่าเราเป็นใคร”

16 ซีโมน เปโตร ตอบว่า “พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ พระบุตรของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”

17 พระเยซูตอบว่า “ซีโมนลูกของโยนาห์ คุณนี่ได้รับเกียรติจริงๆ ในเรื่องนี้ พระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์เป็นผู้เปิดเผยให้คุณรู้นะ ไม่ใช่มนุษย์หรอก 18 เราจะบอกให้รู้ว่า คุณคือเปโตร[b] และบนหินก้อนนี้ เราจะสร้างหมู่ประชุมของเราขึ้นมา และอำนาจทั้งหมดของความตาย[c] จะไม่สามารถเอาชนะหมู่ประชุมของเราได้ 19 เราจะให้กุญแจของอาณาจักรแห่งสวรรค์กับคุณ อะไรก็ตามที่คุณห้ามไม่ให้ทำบนโลกนี้ พระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ก็จะห้ามไม่ให้ทำด้วย ส่วนอะไรก็ตามที่คุณให้ทำบนโลกนี้ พระเจ้าที่อยู่บนสวรรค์ก็จะให้ทำด้วย” 20 แล้วพระเยซูได้สั่งพวกศิษย์ ห้ามไม่ให้บอกใครว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

พระเยซูทำนายว่าพระองค์ต้องตาย

(มก. 8:31-9:1; ลก. 9:22-27)

21 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระเยซูเริ่มอธิบายให้พวกศิษย์ฟังว่า พระองค์จะต้องไปเมืองเยรูซาเล็มและต้องทนทุกข์ทรมานหลายอย่างจากพวกผู้นำอาวุโสของชาวยิว พวกหัวหน้านักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติ พระองค์จะถูกฆ่า แต่จะฟื้นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม

22 เปโตรดึงพระองค์มาข้างๆและต่อว่าพระองค์ว่า “ไม่มีทางหรอกอาจารย์ มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างนั้นแน่”

23 พระองค์หันมาพูดกับเปโตรว่า “ไปให้พ้น ไอ้ซาตาน แกกำลังขัดขวางเรา เพราะแกไม่ได้คิดแบบพระเจ้า แต่คิดแบบมนุษย์”

24 แล้วพระเยซูก็พูดกับพวกศิษย์ว่า “ถ้าใครอยากจะติดตามเรา คนนั้นต้องเลิกตามใจตัวเอง และแบกกางเขนของตัวเองตามเรามา 25 คนที่อยากจะเอาตัวรอดจะไม่รอด แต่คนที่ยอมสละตัวเองเพื่อเราจะค้นพบตัวเอง 26 มันจะได้กำไรตรงไหน ถ้าได้โลกทั้งใบ แต่ตัวเองถูกทำลายไป จะเอาอะไรไปแลกเพื่อจะได้ตัวเองกลับคืนมาได้หรือ 27 เพราะบุตรมนุษย์จะกลับมาด้วยความสง่างามของพระบิดาของพระองค์ และมาพร้อมกับทูตสวรรค์ของพระองค์ แล้วบุตรมนุษย์จะมาตัดสินมนุษย์ทุกคนตามการกระทำของเขา 28 เราจะบอกให้รู้ว่า มีบางคนในพวกคุณที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์มาในอาณาจักรของพระองค์”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International