Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ปฐมกาล 36-38

ครอบครัวเอซาว

(1 พศด. 1:34-37)

36 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเอซาว (ซึ่งก็คือเอโดม) เอซาวได้เอาพวกผู้หญิงชาวคานาอันมาเป็นเมีย คือ นางอาดาห์ลูกสาวของเอโลนชาวฮิตไทต์ นางโอโฮลีบามาห์ลูกสาวของอานาห์ อานาห์เป็นลูกชายของศิเบโอนชาวฮีไวต์ และนางบาเสมัท[a]ที่เป็นลูกสาวของอิชมาเอล นางเป็นน้องสาวของเนบาโยธ ฝ่ายนางอาดาห์และเอซาวมีลูกชายชื่อเอลีฟัส ส่วนนางบาเสมัทมีลูกชายชื่อเรอูเอล และนางโอโฮลีบามาห์มีลูกชายชื่อ เยอูช ยาลาม และโคราห์ คนเหล่านี้คือลูกชายของเอซาวที่เกิดในแคว้นคานาอัน

เอซาวพาบรรดาเมีย ลูกชาย ลูกสาว และผู้คนทั้งหมดที่อยู่กับเขา รวมทั้งสัตว์เลี้ยง สัตว์อื่นๆและทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามีในแผ่นดินคานาอัน แล้วย้ายไปอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลจากยาโคบน้องชายของเขา เพราะพวกเขามีทรัพย์สมบัติมากมายเกินกว่าที่จะอยู่ด้วยกันได้ แผ่นดินที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้ ไม่มีที่พอที่จะรับฝูงสัตว์ของพวกเขา เพราะฝูงสัตว์ของพวกเขาใหญ่โตเกินไป เอซาวจึงไปอาศัยอยู่ในแถบเนินเขาเสอีร์ (เอซาวก็คือเอโดม)

และนี่คือลูกหลานของเอซาว เอซาวเป็นบรรพบุรุษของคนเอโดมที่อาศัยอยู่ในแถบเนินเขาเสอีร์

10 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของลูกๆเอซาว คือ เอลีฟัส เกิดจากนางอาดาห์ เมียของเอซาว และเรอูเอล เกิดจากนางบาเสมัทเมียของเอซาว

11 เอลีฟัสมีลูกชายห้าคน คือเทมาน โอมาห์ เศโฟ กาทามและเคนัส

12 (เอลีฟัสยังมีเมียน้อยชื่อทิมนา และนางทิมนาคลอดลูกชายให้กับเอลีฟัส ชื่ออามาเลค) พวกนี้คือรายชื่อหลานๆของเอซาว ที่เกิดจากลูกชายของอาดาห์เมียของเอซาว

13 ส่วนเรอูเอลมีลูกสี่คน คือนาหัท เศราห์ ชัมมาห์และมิสซาห์

พวกนี้คือรายชื่อหลานๆของเอซาว ที่เกิดจากลูกชายของบาเสมัทเมียของเอซาว

14 ส่วนเมียคนที่สามของเอซาวคือโอโฮลีบามาห์ นางเป็นลูกสาวของอานาห์ อานาห์เป็นลูกชายศิเบโอน นางโอโฮลีบามาห์ได้คลอดลูกชายสามคนให้กับเอซาว คือเยอูช ยาลาม และโคราห์

15 ต่อไปนี้คือหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเอซาว

ลูกชายคนแรกของเอซาวคือเอลีฟัส ลูกๆของเอลีฟัส ก็มีเทมาน โอมาห์ เศโฟ เคนัส

16 โคราห์ กาทามและอามาเลค

คนพวกนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเอลีฟัสในดินแดนเอโดม พวกเขาเป็นลูกหลานของนางอาดาห์เมียเอซาว

17 เรอูเอลลูกชายของเอซาวก็มีลูกๆคือ นาหัท เศราห์ ชัมมาห์และมิสซาห์

คนพวกนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเรอูเอลในดินแดนเอโดม พวกเขาเป็นลูกหลานของนางบาเสมัทเมียเอซาว

18 นางโอโฮลีบามาห์เมียเอซาว ได้คลอดลูกชายคือเยอูช ยาลาม และโคราห์ ทั้งสามคนได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลเยอูช ยาลามและโคราห์ ที่สืบเชื้อสายมาจากนางโอโฮลีบามาห์เมียเอซาว ลูกสาวของอานาห์

19 คนพวกนั้นทั้งหมดเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเอซาว (ซึ่งก็คือเอโดม)

ครอบครัวเสอีร์

(1 พศด. 1:38-42)

20 ต่อไปนี้คือพวกลูกชายของเสอีร์ชาวโฮรี ที่อาศัยในแผ่นดินนั้น พวกเขาชื่อว่า

โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ 21 ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลของคนโฮรี ผู้สืบเชื้อสายมาจากเสอีร์ ในแผ่นดินเอโดม

22 โลทานมีลูกชาย คือ โฮรี เฮมาน[b] โลทานมีน้องสาวคือทิมนา

23 โชบาลมีลูกชาย คือ อัลวาน มานาฮาท เอบาล เชโฟและโอนัม

24 ศิเบโอนมีลูกชายคือ อัยยาห์และอานาห์ (อานาห์คือผู้พบตาน้ำ[c] ในเขตเทือกเขา ขณะที่เขากำลังดูแลฝูงลาของพ่อเขาอยู่)

25 อานาห์มีลูกชายคือ ดีโชน และมีลูกสาวคือโอโฮลีบามาห์

26 ดีโชนมีลูกชาย คือ เฮมดาน เอชบาน อิธรานและเคราน

27 เอเซอร์มีลูกชาย คือ บิลฮาน ศาวาน และอาขาน

28 ดีชานมีลูกชาย คือ อูสและอารัน

29 ต่อไปนี้คือหัวหน้าตระกูลต่างๆของชาวโฮรี คือ โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ 30 ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆของชาวโฮรีในแคว้นเสอีร์

กษัตริย์ของเอโดม

(1 พศด. 1:43-54)

31 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของกษัตริย์ที่ปกครองแผ่นดินเอโดม ก่อนที่อิสราเอลจะมีกษัตริย์ปกครอง[d]

32 เบลาลูกชายของเบโอร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นเอโดมเมืองของเขา[e] ชื่อว่าดินฮาบาห์

33 เมื่อเบลาตาย โยบับลูกชายเศราห์จากเมืองโบสราห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

34 เมื่อโยบับตาย หุชามจากดินแดนเทมานขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

35 เมื่อหุชามตาย ฮาดัด[f] ลูกชายเบดัดเป็นกษัตริย์ต่อ (ฮาดัดคือผู้ที่รบชนะชาวมีเดียนในประเทศโมอับ) เมืองของเขาชื่ออาวีท

36 เมื่อฮาดัดตาย สัมลาห์จากเมืองมัสเรคาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

37 เมื่อสัมลาห์ตาย ชาอูลจากเมืองเรโหโบทริมแม่น้ำยูเฟรติสขึ้นเป็นกษัตริย์

38 เมื่อชาอูลตาย บาอัลฮานันลูกชายอัคโบร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

39 เมื่อบาอัลฮานันลูกชายอัคโบร์ตาย ฮาดาร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ เมืองของเขาชื่อปาอู เขามีเมียชื่อเมเหทาเบล ซึ่งเป็นลูกสาวของมัทเรด มัทเรดเป็นลูกสาวของเมซาหับ

40 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของหัวหน้าตระกูลต่างๆที่เกิดจากเอซาว เรียงตามตระกูลและแคว้นต่างๆที่ใช้ชื่อเดียวกับตระกูลนั้น พวกเขาคือ

ทิมนา อัลวาห์ เยเธท 41 โอโฮลีบามาห์ เอลาห์ ปิโนน 42 เคนัส เทมาน มิบซาร์ 43 มักดีเอล และอิราม พวกเขาคือหัวหน้าตระกูลต่างๆของเอโดม ตามถิ่นฐานและแผ่นดินที่พวกเขาเป็นเจ้าของ เอซาวจึงเป็นต้นตระกูลของชาวเอโดม

โยเซฟนักฝัน

37 ยาโคบอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พ่อเขาเคยอาศัยมาก่อน คือแผ่นดินคานาอัน นี่คือประวัติของครอบครัวยาโคบ

ตอนที่โยเซฟมีอายุสิบเจ็ดปี เขาเป็นคนดูแลฝูงแกะร่วมกับพี่น้องของเขา เขาเป็นผู้ช่วยของพวกลูกชายบิลฮาห์และศิลปาห์เมียของพ่อเขา โยเซฟจะกลับมาฟ้องเรื่องไม่ดีของพวกเขาให้พ่อฟังอยู่เรื่อย อิสราเอลรักโยเซฟมากกว่าลูกชายคนอื่น เพราะโยเซฟเพิ่งเกิดตอนที่อิสราเอลแก่แล้ว อิสราเอลทำเสื้อคลุมตัวยาวสวยสดงดงามที่มีแขนให้กับโยเซฟ พวกพี่ๆเห็นว่าพ่อรักโยเซฟมากกว่าพวกเขา พวกเขาจึงพากันเกลียดโยเซฟ และไม่ยอมแม้แต่จะทักทาย

ครั้งหนึ่งโยเซฟฝัน และเขาเล่าความฝันนั้นให้พวกพี่ชายฟัง ทำให้พวกเขายิ่งเกลียดโยเซฟมากขึ้น

โยเซฟเล่าว่า “ฟังความฝันของผมดูสิ พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่กลางทุ่งนา ทันใดนั้น ฟ่อนข้าวของผมก็ตั้งตรงขึ้น และฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆได้มาล้อมรอบและโค้งคำนับฟ่อนข้าวของผม”

พวกพี่ชายของเขาพูดกับเขาว่า “นี่เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกเราจริงๆล่ะซินะ” หลังจากนั้นพี่ชายของเขาก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้น เพราะความฝันและสิ่งที่โยเซฟเล่าเกี่ยวกับความฝันนั้น

ต่อมาโยเซฟได้ฝันอีก และเขาก็เล่าให้พวกพี่ชายฟังอีกว่า “ดูสิ ผมฝันอีกแล้ว คราวนี้ฝันว่า มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวสิบเอ็ดดวง ต่างมาโค้งคำนับผม”

10 เมื่อเขาเล่าให้พ่อและพวกพี่ชายฟัง พ่อก็ต่อว่าเขา และพูดกับโยเซฟว่า “เจ้าฝันอะไรของเจ้า นี่พ่อ แม่ และพี่ชายของเจ้าจะต้องกราบลงถึงพื้นต่อหน้าเจ้าอย่างนั้นหรือ” 11 พวกพี่ชายต่างอิจฉาเขา แต่พ่อของเขาเก็บเรื่องพวกนี้ไปคิด

12 วันหนึ่ง พวกพี่ชายของโยเซฟได้พาฝูงสัตว์ของพ่อไปกินหญ้าแถวเชเคม 13 อิสราเอลจึงพูดกับโยเซฟว่า “พวกพี่ชายเจ้ากำลังดูแลฝูงสัตว์อยู่ที่เชเคม มานี่เถิด พ่อจะส่งเจ้าไปหาพวกเขา”

โยเซฟตอบว่า “ครับพ่อ”

14 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “ไปเดี๋ยวนี้เลย ไปดูสิว่าพี่ชายของเจ้ากับฝูงสัตว์สบายดีหรือเปล่า แล้วกลับมาบอกพ่อนะ” แล้วอิสราเอลก็ส่งโยเซฟจากหุบเขาเฮโบรนไปยังเชเคม แล้วโยเซฟก็มาถึงเชเคม

15 ชายคนหนึ่งพบโยเซฟกำลังเดินไปมาอยู่ในท้องทุ่ง เขาจึงถามโยเซฟว่า “เจ้ากำลังหาอะไรหรือ”

16 โยเซฟตอบว่า “ผมกำลังตามหาพวกพี่ชาย ช่วยบอกหน่อยว่าพวกเขาเอาสัตว์ไปกินหญ้าแถวไหน”

17 ชายคนนั้นตอบว่า “พวกเขาไปจากที่นี่แล้ว ข้าได้ยินพวกเขาพูดกันว่า ‘พวกเราไปเมืองโดธานกันเถอะ’” โยเซฟจึงตามพวกพี่ชายไป และพบพวกเขาในเมืองโดธาน

โยเซฟถูกขายเป็นทาส

18 เมื่อพวกพี่ชายเห็นโยเซฟมาแต่ไกล พวกเขาได้วางแผนฆ่าโยเซฟก่อนที่โยเซฟจะเดินมาถึง 19 พวกเขาพูดกันว่า “ดูนั่น เจ้านักฝันกำลังเดินมาแล้ว 20 มาเถอะ ช่วยกันฆ่ามัน แล้วโยนมันทิ้งในบ่อน้ำแห้งๆพวกนี้ แล้วให้เราบอกว่ามันถูกสัตว์ป่าขย้ำกิน แล้วมาดูสิว่าฝันพวกนั้นของมันจะเป็นยังไง”

21 เมื่อรูเบนได้ยิน เขาพยายามจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือของพวกนั้น เขาพูดว่า “อย่าฆ่าเขาเลย” 22 รูเบนพูดว่า “อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย แค่โยนเขาลงไปในบ่อแห้งกลางทะเลทรายก็พอ อย่าทำร้ายเขาเลย” รูเบนพูดอย่างนี้ เพราะกะว่าจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกนี้ และส่งเขากลับไปหาพ่อ 23 เมื่อโยเซฟมาถึง พวกพี่ชายก็ช่วยกันดึงเสื้อคลุมที่มีแขนออกจากตัวโยเซฟ 24 แล้วเอาเขาโยนลงไปในบ่อน้ำที่ว่างเปล่าและไม่มีน้ำ

25 พวกเขาได้นั่งลงกินอาหาร เมื่อพวกเขามองไป ก็เห็นขบวนพ่อค้าคนอิชมาเอลมาจากเมืองกิเลอาด มีฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศ พิมเสนและยางไม้หอม พวกเขากำลังมุ่งหน้าลงไปอียิปต์ 26 ยูดาห์พูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเราฆ่าน้องชายของเรา แล้วซ่อนศพไว้เฉยๆ 27 มาเถิด เอาตัวเขาขายให้กับชาวอิชมาเอล อย่าทำร้ายเขาเลย ยังไงเขาก็เป็นน้องของเรา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราเอง” แล้วพวกพี่น้องของเขาก็เห็นด้วย 28 เมื่อพ่อค้าชาวมีเดียนผ่านมา พวกเขาช่วยกันดึงตัวโยเซฟขึ้นจากบ่อ และพวกเขาได้ขายโยเซฟให้กับชาวอิชมาเอลเป็นเงินยี่สิบเชเขล[g] และพวกอิชมาเอลก็พาโยเซฟไปอียิปต์

29 เมื่อรูเบนกลับมาที่บ่อน้ำนั้นอีกครั้ง เขาไม่พบโยเซฟในนั้น เขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเขาแสดงความเศร้าโศกเสียใจ 30 รูเบนกลับมาหาน้องๆของเขา และพูดว่า “เจ้าเด็กนั่นไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แล้วทีนี้พี่จะทำยังไงดี” 31 พวกเขาจึงเอาเสื้อคลุมของโยเซฟมา และฆ่าแพะตัวผู้ตัวหนึ่ง แล้วเอาเสื้อคลุมของโยเซฟจุ่มลงไปในเลือดนั้น 32 แล้วพวกเขาก็เอาเสื้อเปื้อนเลือดตัวนั้นส่งให้พ่อดูและบอกว่า “เราพบเสื้อตัวนี้ ช่วยดูหน่อยว่าใช่เสื้อคลุมของลูกชายพ่อหรือเปล่าครับ”

33 ยาโคบจำเสื้อตัวนั้นได้และพูดว่า “มันเป็นเสื้อคลุมของลูกพ่อ สัตว์ป่าได้กัดกินเขาเสียแล้ว โยเซฟคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆแน่แล้ว” 34 แล้วยาโคบก็ฉีกเสื้อผ้าของตน และเอาผ้ากระสอบมาคาดเอว เพื่อแสดงความเศร้าโศก เขายังคงเศร้าโศกเสียใจให้กับลูกชายของเขาเป็นเวลานาน 35 ทั้งลูกชายและลูกสาวคนอื่นต่างมาปลอบโยนเขา แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ เขาพูดว่า “พ่อจะไว้ทุกข์ให้กับลูกคนนี้จนกว่าพ่อจะลงไปหาเขาในแดนคนตาย” แล้วยาโคบก็ร้องไห้ให้โยเซฟ

36 ขณะนั้นชาวมีเดียนได้ขายโยเซฟต่อไปให้กับโปทิฟาร์ในอียิปต์ โปทิฟาร์เป็นข้าราชการของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ และเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์

ยูดาห์และทามาร์

38 ในเวลานั้นยูดาห์ได้จากพี่น้องของเขา และเดินทางไปตั้งเต็นท์ อาศัยอยู่กับคนอดุลลัมคนหนึ่งชื่อฮีราห์ ที่นั่นยูดาห์ได้พบหญิงชาวคานาอันคนหนึ่ง พ่อของนางชื่อชูวา ยูดาห์เอานางมา และมีเพศสัมพันธ์กับนาง นางตั้งท้องและคลอดลูกชาย นางตั้งชื่อเด็กว่าเอร์ แล้วนางก็ตั้งท้องอีกคนและคลอดลูกเป็นชาย นางตั้งชื่อเด็กว่าโอนัน แล้วนางก็คลอดลูกชายอีกคน แล้วนางก็ตั้งชื่อเด็กว่าเชลาห์ ยูดาห์อาศัยอยู่ที่เคซิบเมื่อนางคลอดเชลาห์

ยูดาห์หาเมียคนหนึ่งให้เอร์ลูกชายคนโต นางชื่อทามาร์ แต่เอร์เป็นคนชั่วร้ายในสายตาพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์จึงทำให้เขาตาย ยูดาห์จึงพูดกับโอนันว่า “เข้าไปนอนกับเมียของพี่ชายเจ้าสิ เขาตายไปแล้ว และให้เจ้าไปทำหน้าที่น้องเขย[h] ให้กับนาง และเกิดลูกให้กับพี่ชายของเจ้าด้วย”

โอนันรู้ว่าเด็กที่เกิดมานั้นจะไม่เป็นของเขา ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเพศสัมพันธ์กับเมียพี่ชาย เขาจะหลั่งน้ำกามบนพื้น เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องมีลูกให้กับพี่ชายของเขา 10 สิ่งที่โอนันทำนี้ เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทำให้โอนันตายไปอีกคน 11 ยูดาห์จึงพูดกับทามาร์ลูกสะใภ้ว่า “กลับไปอยู่กับพ่อของเจ้าก่อนนะ และอย่าแต่งงานล่ะ รอจนกว่าเชลาห์ลูกชายของพ่อจะโต” เพราะยูดาห์กลัวว่าเชลาห์อาจจะตายเหมือนกับพี่ๆของเขา ทามาร์จึงกลับไปอยู่บ้านพ่อของนาง

12 หลังจากเวลาผ่านไปนาน เมียของยูดาห์ ลูกสาวของชูวาตาย เมื่อยูดาห์หายเศร้าโศกแล้ว เขากับฮีราห์เพื่อนคนอดุลลัมก็ขึ้นไปที่หมู่บ้านทิมนาห์ ไปหาคนที่ตัดขนแกะของเขา 13 มีคนมาบอกทามาร์ว่า “พ่อผัวของเธอกำลังมาที่หมู่บ้านทิมนาห์เพื่อมาตัดขนแกะของเขา” 14 ทามาร์จึงถอดชุดที่แสดงถึงการเป็นหม้ายออกและเอาผ้าคลุมหน้า แต่งตัวแล้วไปนั่งอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านเอนาอิม ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปหมู่บ้านทิมนาห์ เพราะนางรู้ว่าเชลาห์โตแล้ว และนางก็ยังไม่ได้ถูกยกให้เป็นเมียของเขา

15 เมื่อยูดาห์เห็นนางก็คิดว่าเป็นโสเภณี เพราะนางมีผ้าคลุมหน้า 16 ยูดาห์จึงเข้าไปหานางที่ข้างทางและพูดว่า “มาสิ มาร่วมหลับนอนกับพี่หน่อย” เพราะเขาไม่รู้ว่านางคือลูกสะใภ้ของเขา

ทามาร์จึงพูดว่า “พี่จะให้อะไรน้องหรือ ถ้าน้องยอมหลับนอนกับพี่”

17 ยูดาห์ตอบว่า “พี่จะส่งลูกแพะจากฝูงสัตว์มาให้กับน้องตัวหนึ่ง”

นางพูดว่า “ได้ค่ะ แต่พี่จะต้องให้อะไรเป็นเครื่องมัดจำกับน้องก่อน จนกว่าพี่จะส่งแพะมา”

18 ยูดาห์พูดว่า “พี่จะให้อะไรเป็นเครื่องมัดจำดีล่ะ”

นางตอบว่า “ขอตราประทับกับเชือกห้อย[i] ของพี่ก็แล้วกัน รวมทั้งไม้เท้าที่พี่ถืออยู่ด้วย” เขาจึงให้พวกมันกับนาง และเข้าไปนอนกับนาง อย่างนั้นนางจึงตั้งท้องกับเขา 19 แล้วนางลุกขึ้นกลับบ้านไป แล้วนางได้ถอดผ้าคลุมหน้าออกและสวมชุดแม่หม้ายตามเดิม

20 ยูดาห์ส่งลูกแพะมากับฮีราห์คนอดุลลัมเพื่อนของเขา เพื่อเอามาแลกกับตราประทับ เชือกห้อยและไม้เท้าจากหญิงคนนั้น แต่ฮีราห์หาหญิงคนนั้นไม่พบ 21 เขาถามคนแถวๆนั้นว่า “หญิงโสเภณีของวัด ที่อยู่ข้างทางเข้าหมู่บ้านเอนาอิมอยู่ที่ไหนหรือ”

แต่พวกเขาตอบว่า “แถวนี้ไม่เคยมีหญิงโสเภณีของวัดมาก่อน”

22 ฮีราห์จึงกลับมาหายูดาห์และบอกว่า “เราหานางไม่พบ และคนแถวนั้นบอกว่า ‘แถวนี้ไม่เคยมีหญิงโสเภณีของวัดมาก่อน’”

23 ยูดาห์จึงพูดว่า “ก็ปล่อยให้นางเก็บของพวกนั้นไว้แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเราจะถูกหัวเราะเยาะได้ เราได้ส่งลูกแพะไปให้แล้ว แต่ท่านหานางไม่พบ”

นางทามาร์ตั้งท้อง

24 สามเดือนต่อมา มีคนมาบอกยูดาห์ว่า “ทามาร์ลูกสะใภ้ของท่านทำตัวเป็นโสเภณี ดูสิ ตอนนี้นางตั้งท้องแล้วเพราะการเป็นโสเภณีของนาง”

ยูดาห์พูดว่า “นำตัวนางออกมาและเผานางทั้งเป็น”

25 เมื่อทามาร์ถูกนำตัวมา นางได้ส่งคนส่งข่าวไปหาพ่อผัวของนางว่า “ชายคนที่เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้เป็นคนทำให้ฉันท้อง” นางพูดว่า “ดูของพวกนี้สิ ทั้งตราประทับ เชือกห้อยและไม้เท้า มันเป็นของใครกัน”

26 ยูดาห์จำของพวกนี้ได้ทันที เขาพูดว่า “นางทำถูกแล้ว เราผิดเอง เพราะเราไม่ได้ยกนางให้เชลาห์ลูกชายของเราตามสัญญา” ยูดาห์ไม่เคยร่วมหลับนอนกับนางอีกเลยตั้งแต่นั้น

27 เมื่อครบกำหนดคลอด มีเด็กแฝดอยู่ในท้องนาง 28 และเมื่อนางคลอดลูกนั้น ลูกคนหนึ่งยื่นมือออกมาก่อน หมอตำแยก็เลยเอาด้ายแดงผูกข้อมือเด็กคนนั้นไว้ นางพูดว่า “คนนี้คลอดก่อน” 29 แต่ทันทีที่เด็กดึงมือกลับไป น้องชายของเขาก็คลอดออกมา หมอตำแยจึงพูดว่า “อะไรกัน นี่เจ้าแย่งออกมาก่อนเลยหรือ” ดังนั้นเขาจึงมีชื่อว่าเปเรศ[j] 30 และต่อมาเด็กคนที่มีด้ายแดงผูกข้อมือจึงคลอดตามออกมา เขาจึงมีชื่อว่าเศราห์[k]

มัทธิว 10:21-42

21 พี่น้องจะหักหลังกันเองให้ไปถูกฆ่า พ่อจะหักหลังลูกให้ไปถูกฆ่า ลูกๆจะต่อต้านพ่อแม่ และส่งพ่อแม่ไปให้ถูกฆ่า 22 ทุกคนจะเกลียดพวกคุณ เพราะพวกคุณเป็นศิษย์ของเรา แต่ใครที่ทนได้จนถึงที่สุดก็จะได้รับความรอด 23 เมื่อเขาข่มเหงคุณในเมืองหนึ่ง ก็ให้หนีไปเมืองอื่น เราขอบอกให้รู้ว่า บุตรมนุษย์จะมาถึงก่อนที่พวกคุณจะเดินทางไปทั่วทุกเมืองของอิสราเอลเสียอีก

24 ศิษย์ไม่เหนือกว่าครู และทาสก็ไม่เหนือกว่าเจ้านาย 25 ศิษย์น่าจะพอใจแล้ว ที่เป็นได้เหมือนครู และทาสก็น่าจะพอใจแล้ว ที่เป็นได้เหมือนเจ้านาย ถ้าขนาดเจ้าของบ้านยังถูกเรียกว่าซาตาน[a] แล้วลูกบ้านจะไม่ถูกเรียกด้วยชื่อที่เลวร้ายกว่านั้นอีกหรือ

กลัวพระเจ้า ไม่ต้องกลัวมนุษย์

(ลก. 12:2-7)

26 ดังนั้น ไม่ต้องกลัวคนพวกนั้น เพราะทุกอย่างที่ปิดบังไว้ก็จะถูกเปิดโปงออกมา และทุกอย่างที่เป็นความลับก็จะถูกเปิดเผย 27 สิ่งที่เราได้บอกคุณในที่มืด ก็ขอให้ไปพูดในที่สว่าง สิ่งที่เรากระซิบบอกคุณ ก็ให้ไปประกาศจากบนดาดฟ้า 28 อย่ากลัวคนพวกนี้ที่ฆ่าได้แต่ร่างกาย แต่ไม่สามารถฆ่าวิญญาณของคุณได้ แต่ให้เกรงกลัวพระองค์ผู้ที่สามารถทำลายได้ทั้งร่างกายและวิญญาณของคุณในนรก 29 ถ้าพระบิดาของคุณไม่ยอม แม้แต่นกกระจอกตัวเล็กๆสองตัวที่มีค่าแค่บาทเดียวจะตกลงมาบนพื้นไม่ได้เลย 30 แม้แต่เส้นผมทุกเส้นบนหัวคุณ พระองค์ก็นับไว้หมดแล้ว 31 อย่ากลัวเลย เพราะพวกคุณมีค่ามากกว่านกกระจอกทั้งฝูงมากนัก

บอกคนถึงความเชื่อของคุณ

(ลก. 12:8-9)

32 ถ้าใครยอมรับเราต่อหน้าคนในโลกนี้ เราก็จะยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราบนสวรรค์ด้วย 33 แต่ถ้าใครไม่ยอมรับเราต่อหน้าคนในโลกนี้ เราก็จะไม่ยอมรับเขาต่อหน้าพระบิดาของเราบนสวรรค์เหมือนกัน

การติดตามพระเยซูอาจจะทำให้คุณเดือดร้อน

(ลก. 12:51-53; 14:26-27)

34 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำความสงบสุขมาให้กับโลกนี้ เราไม่ได้นำความสงบสุขมา แต่เรานำดาบมาให้ 35-36 เพราะเรามาเพื่อทำให้

‘ลูกชายต่อต้านพ่อ ลูกสาวต่อต้านแม่
ลูกสะใภ้ต่อต้านแม่ผัว
ศัตรูของเขาก็คือคนในครอบครัวของเขานั่นเอง’[b]

37 คนที่รักพ่อหรือแม่ของตัวเองมากกว่าเรา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของเรา คนที่รักลูกชายหรือลูกสาวของตัวเองมากกว่าเรา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของเรา 38 คนที่ไม่ยอมแบกไม้กางเขนของตัวเอง แล้วตามเรามา ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของเรา 39 คนที่พยายามเอาตัวรอด จะไม่รอด แต่คนที่สละตัวเองเพื่อเราจะค้นพบตัวเอง

พระเจ้าจะอวยพรคนที่ต้อนรับคุณ

(มก. 9:41)

40 คนที่ต้อนรับคุณ ก็ต้อนรับเราด้วย และคนที่ต้อนรับเรา ก็ได้ต้อนรับผู้ที่ส่งเรามาด้วย 41 คนที่ต้อนรับผู้พูดแทนพระเจ้า เพราะเขาเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า ก็จะได้รับรางวัลแบบเดียวกับที่ผู้พูดแทนพระเจ้านั้นได้รับ และคนที่ต้อนรับคนที่เชื่อฟังพระเจ้าเพราะเขาเชื่อฟังพระเจ้า ก็จะได้รับรางวัลแบบเดียวกับคนที่เชื่อฟังพระเจ้านั้นได้รับ 42 แม้แต่คนที่ให้แค่น้ำเย็นแก้วเดียวกับศิษย์ที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งของเรา เราขอบอกให้รู้ว่า คนๆนั้นจะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International