Old/New Testament
แขกสามคนมาเยี่ยมเยียน
18 พระยาห์เวห์ได้มาปรากฏตัวต่ออับราฮัม ที่สวนต้นก่อของมัมเร ในขณะที่อับราฮัมกำลังนั่งอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของเขา ภายใต้แสงแดดอันร้อนแรงของวันนั้น 2 เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าเขา เมื่อเขาเห็นคนเหล่านั้น เขาก็รีบวิ่งไปจากหน้าเต็นท์ ไปหาคนพวกนั้น และเมื่อไปถึงก็ก้มกราบถึงพื้นดิน 3 และพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่ชอบใจในสายตาของพวกท่าน ขออย่าได้เดินผ่านข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านไปเลย 4 ขอให้ข้าพเจ้าได้เอาน้ำมาล้างเท้าให้ท่านสักนิด และเชิญมาพักผ่อนใต้ต้นไม้สักพักหนึ่ง 5 ข้าพเจ้าจะได้เอาขนมปังมาให้ท่านกินสักหน่อยหนึ่ง เพื่อท่านจะรู้สึกสดชื่นขึ้น หลังจากนั้นท่านถึงค่อยเดินทางต่อ ขอให้ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งเหล่านี้เถิด ไหนๆท่านก็ได้มาหาข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านแล้ว”
แล้วพวกเขาก็พูดว่า “ทำตามที่เจ้าพูดเถิด”
6 อับราฮัมจึงรีบไปที่เต็นท์ของเขาหาซาราห์ และพูดกับนางว่า “เร็วๆเข้า ไปตวงแป้งอย่างดีมายี่สิบสองลิตร เอามานวดแล้วอบเป็นขนมปัง” 7 แล้วอับราฮัมก็วิ่งไปที่ฝูงสัตว์ และเลือกลูกวัวตัวที่ดีและอ่อนนุ่มที่สุด แล้วเอาไปให้คนรับใช้ของเขา และคนรับใช้ก็รีบเอาไปทำอาหาร
8 อับราฮัมได้นำเอานมข้นเปรี้ยว น้ำนมและเนื้อลูกวัวที่ทำเสร็จแล้ว ไปวางต่อหน้าแขกทั้งสามนั้น ในขณะที่พวกเขากำลังกินกันอยู่ อับราฮัมก็ยืนคอยอยู่ข้างๆพวกเขาใต้ต้นไม้นั้น
9 แล้วพวกเขาก็ถามอับราฮัมว่า “ซาราห์ เมียของเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ”
อับราฮัมตอบว่า “อยู่ในเต็นท์นั้นครับท่าน”
10 แล้วชายคนหนึ่งในพวกเขาก็พูดว่า “ในปีหน้าเวลานี้ เราจะกลับมาหาเจ้าอีกอย่างแน่นอน และซาราห์เมียของเจ้าจะมีลูกชายคนหนึ่ง”
ซาราห์กำลังฟังอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ข้างหลังเขา 11 ทั้งอับราฮัมและซาราห์ก็แก่มากแล้ว และซาราห์ก็หมดประจำเดือนแล้วด้วย 12 ซาราห์จึงหัวเราะอยู่คนเดียวและพูดว่า “ฉันแก่มากจนใช้การไม่ได้แล้ว ผัวฉันก็แก่มากแล้วเหมือนกัน ฉันยังจะมีความต้องการทางเพศอีกหรือ”
13 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับอับราฮัมว่า “ทำไมนางซาราห์ถึงได้หัวเราะและพูดว่า ‘เมื่อฉันแก่ขนาดนี้แล้วจะมีลูกได้อีกหรือ’ 14 มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระยาห์เวห์หรือ ในปีหน้าเวลานี้เราจะกลับมาหาเจ้า มันจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ และซาราห์จะมีลูกชายคนหนึ่ง”
15 แต่ซาราห์ปฏิเสธว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้หัวเราะ” เพราะนางกลัว
แต่พระองค์บอกว่า “ไม่จริง เจ้าหัวเราะแน่ๆ”
16 แล้วชายทั้งสามคนก็ไปจากที่นั่น พวกเขามองไปที่เมืองโสโดม อับราฮัมเดินไปกับพวกเขา เพื่อไปส่ง
อับราฮัมต่อรองกับพระยาห์เวห์เพื่อเมืองโสโดม
17 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับตัวเองว่า “เราควรจะปิดบังอับราฮัมเรื่องที่เรากำลังจะทำนี้หรือ 18 เขาจะกลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และเป็นมหาอำนาจ และชนชาติทั้งหมดก็จะได้รับพระพรผ่านทางเขา 19 เราจะไม่ปิดบังเรื่องนี้จากเขา เพราะเราได้เลือกเขามา เพื่อเขาจะได้สั่งลูกหลานของเขา และคนในครัวเรือนของเขา ให้ใช้ชีวิตตามแนวทางที่พระยาห์เวห์ต้องการให้พวกเขาเป็น คือทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เพื่อเราจะให้สิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับอับราฮัม”
20 แล้วพระยาห์เวห์พูดว่า “มีเสียงบ่นต่อว่าเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์เยอะมาก และบาปของพวกเขาก็หนักหนาสาหัส 21 เราจะลงไปดูสิว่า พวกเขาได้ทำอย่างที่เราได้ยินมาหรือเปล่า และถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเราจะได้รู้”
22 แล้วชายพวกนั้นก็บ่ายหน้าไปจากที่นั่น แล้วมุ่งตรงไปเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังคงยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ 23 อับราฮัมเข้ามาใกล้พระองค์และพูดว่า “พระองค์จะทำลายคนดีไปพร้อมๆกับคนชั่วจริงๆหรือ 24 แล้วถ้าเกิดมีคนดีสักห้าสิบคนในเมืองนั้นล่ะ พระองค์จะทำลายเมืองนั้นอีกหรือ พระองค์จะไม่ยกโทษให้กับเมืองนั้น เพราะเห็นแก่คนดีห้าสิบคนหรือ 25 พระองค์คงจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ ที่จะฆ่าคนดีๆไปพร้อมกับคนชั่ว
ถ้าเป็นอย่างนั้นคนดีกับคนชั่วก็ไม่ต่างกันเลย พระองค์คงไม่ทำอย่างนั้นแน่ ข้าพเจ้ารู้ว่า พระองค์ผู้เป็นผู้พิพากษาโลกนี้ จะทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน”
26 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดว่า “ถ้าเราเจอคนดีในเมืองโสโดมห้าสิบคน เราก็จะไว้ชีวิตคนในเมืองนั้นเพราะเห็นแก่ห้าสิบคนนั้น”
27 แล้วอับราฮัมก็พูดว่า “ดูเถอะ ข้าพเจ้านี่ช่างบังอาจนักที่พูดกับเจ้านายของข้าพเจ้าอย่างนี้ ทั้งๆที่ข้าพเจ้าเป็นแค่ฝุ่นและขี้เถ้า 28 แล้วถ้าเกิดคนดีห้าสิบคนนั้น ขาดไปสักห้าคนล่ะครับ พระองค์ยังจะทำลายเมืองทั้งเมือง เพราะขาดไปแค่ห้าคนไหมครับท่าน”
แล้วพระองค์พูดว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น ถ้าเราเจอคนดีสี่สิบห้าคนที่นั่น”
29 แล้วอับราฮัมก็พูดกับพระองค์อีกว่า “แล้วถ้าเจอแค่สี่สิบคนที่นั่นล่ะครับท่าน”
พระองค์ตอบว่า “เราก็จะไม่ทำลายมันเพราะเห็นแก่สี่สิบคนนั้น”
30 แล้วอับราฮัมพูดต่อไปว่า “ขอพระองค์อย่าได้โกรธข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าขอถามอีกคำ แล้วถ้าเจอแค่สามสิบคนที่นั่นล่ะครับท่าน”
พระองค์ตอบว่า “เราก็จะไม่ทำลายมัน ถ้าเราเจอคนดีสามสิบคนที่นั่น”
31 แล้วอับราฮัมก็พูดว่า “ดูเถอะ ข้าพเจ้านี่ช่างบังอาจจริง ที่พูดกับเจ้านายของข้าพเจ้าอย่างนี้ แล้วถ้าเกิดเจอแค่ยี่สิบคนที่นั่นล่ะครับท่าน”
พระองค์ตอบว่า “เราก็จะไม่ทำลายมัน เพราะเห็นแก่ยี่สิบคนนั้น”
32 แล้วอับราฮัมพูดว่า “ขอพระองค์อย่าได้โกรธข้าพเจ้าเลย ขอถามอีกแค่ครั้งเดียว แล้วถ้าเกิดเจอแค่สิบคนที่นั่นล่ะครับท่าน”
พระองค์ตอบว่า “เราก็จะไม่ทำลายมัน เพราะเห็นแก่สิบคนนั้น”
33 เมื่อพระองค์พูดกับอับราฮัมเสร็จแล้ว พระองค์ก็จากไป แล้วอับราฮัมก็กลับไปที่อยู่ของเขา
ทูตสวรรค์มาเยี่ยมโลท
19 ทูตสวรรค์สององค์ได้เข้ามาในเมืองโสโดมตอนเย็น โลทกำลังนั่งอยู่ที่ประตูเมือง เขาเห็นทูตสวรรค์สององค์นั้น โลทจึงลุกขึ้นเข้าไปหาพวกเขาและก้มกราบถึงพื้น 2 โลทพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ขอได้โปรดไปแวะที่บ้านของผู้รับใช้ของท่านและค้างคืนที่นั่น จะได้ล้างเท้า แล้วตื่นแต่เช้าเดินทางต่อ”
ทูตสวรรค์ตอบว่า “ไม่ล่ะ เราจะค้างคืนที่ลานเมือง[a] นี้”
3 แต่โลทยังตื้อพวกเขาไม่เลิก จนพวกเขายอมแวะไปพักค้างคืนที่บ้านของโลท โลทก็ได้ทำอาหารเลี้ยงพวกเขา อบขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูให้ และพวกเขาก็กินกัน
4 ก่อนที่พวกเขาจะเข้านอน ผู้ชายชาวเมืองโสโดม มีทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งเมืองได้มายืนล้อมรอบบ้านโลท 5 พวกเขาเรียกโลทออกมาถามว่า “ชายที่มาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน พาพวกเขาออกมาให้พวกเราสมสู่หน่อย”
6 โลทออกไปนอกประตูและปิดประตูไว้ 7 แล้วโลทก็พูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย ขอร้องเถอะ อย่าได้ทำสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้เลย 8 เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมมีลูกสาวสองคนที่ยังไม่เคยร่วมเพศกับใครเลย ผมจะเอาพวกนางออกมาให้กับพวกท่าน พวกท่านอยากจะทำอะไรกับพวกนาง ก็แล้วแต่พวกท่าน แต่อย่าได้ทำอะไรกับชายสองคนนี้เลย เพราะพวกเขาได้มาอยู่ร่มชายคาบ้านผม ผมจะต้องปกป้องพวกเขา”[b]
9 แต่ชายชาวเมืองโสโดมกลับพูดว่า “ถอยไป” และพวกเขาพูดกันว่า “โลทคนนี้มาที่นี่ในฐานะแขก แล้วตอนนี้มันจะมาตัดสินพวกเราหรือ” พวกเขาหันไปพูดกับโลทว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำกับแกเลวร้ายยิ่งกว่าทำกับพวกนั้นอีก” พวกเขาก็รุมกันเข้ามาหาโลทและใกล้เข้ามาพังประตูแล้ว
10 ชายสองคนที่อยู่ในบ้านก็ยื่นมือของพวกเขาออกมาลากโลทเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตู 11 แล้วทูตสวรรค์ทั้งสองก็ทำให้พวกชายที่อยู่นอกประตูบ้านนั้นตาบอด ทั้งหนุ่มและแก่ ชายพวกนั้นพยายามจะบุกเข้าไปในบ้าน จึงคลำหาประตูบ้านกันจนหมดแรง
การหลบหนีจากเมืองโสโดม
12 ชายสองคนนั้นถามโลทว่า “มีใครในครอบครัวเจ้าอีกหรือเปล่าที่อยู่ที่นี่ ให้พาพวกเขาออกไปจากเมืองนี้ให้หมด ทั้งพวกลูกเขย พวกลูกชายลูกสาวของเจ้า และคนอื่นๆอีกที่เจ้ามีในเมืองนี้ 13 เพราะเรากำลังจะทำลายเมืองนี้ เพราะพระยาห์เวห์ได้ยินว่าเมืองนี้ชั่วร้ายนัก พระองค์จึงได้ส่งพวกเราให้มาทำลายเมืองนี้”
14 แล้วโลทได้ออกไปบอกกับพวกคู่หมั้น คือพวกผู้ชายที่หมั้นกับพวกลูกสาวของเขาว่า “ลุกขึ้น ไปจากที่นี่เร็ว เพราะพระยาห์เวห์กำลังจะทำลายเมืองนี้” แต่พวกลูกเขยคิดว่าโลทกำลังล้อเล่น
15 เมื่อถึงตอนเช้า ทูตสวรรค์ก็เร่งโลท บอกว่า “ลุกขึ้นเร็ว รีบเอาเมียและลูกสาวสองคนของเจ้า ที่อยู่ที่นี่ออกไปจากเมืองนี้ ไม่อย่างนั้น ตอนที่เมืองนี้ถูกลงโทษ เจ้าจะถูกทำลายไปด้วย”
16 แต่โลทยังชักช้าอยู่ ชายสองคนนั้นจึงคว้ามือของเขา ทั้งเมียและลูกสาวของโลท เพราะพระยาห์เวห์มีเมตตาต่อโลท และทูตสวรรค์ได้พาพวกเขาออกไปทิ้งไว้นอกเมือง 17 เมื่อทูตสวรรค์ได้พาพวกเขาออกไปนอกเมืองแล้ว ทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้พูดว่า “ให้วิ่งสุดชีวิตเลย ห้ามเหลียวหลังมามอง และอย่าหยุดที่หุบเขาไหนๆเลย ให้วิ่งไปที่เทือกเขาพวกนั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกทำลาย”
18 แล้วโลทพูดกับพวกเขาว่า “ขออย่าได้ทำอย่างนั้นเลยเจ้านายของข้าพเจ้า 19 ดูสิ ท่านได้กรุณากับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน และท่านได้แสดงความเมตตากับข้าพเจ้าอย่างใหญ่หลวง ที่ช่วยชีวิตของข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าวิ่งหนีไปที่เทือกเขาพวกนั้นไม่ทันแน่ ความหายนะคงถึงตัวข้าพเจ้าก่อน และข้าพเจ้าก็จะตาย 20 ดูสิครับ เมืองนั้นอยู่ใกล้กับเมืองนี้ พอที่ข้าพเจ้าจะวิ่งไปทัน และเป็นเมืองเล็ก ขอให้ข้าพเจ้าหนีไปที่นั่นเถิด มันเป็นเมืองเล็กๆแล้วท่านจะได้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้า”
21 แล้วทูตสวรรค์ก็พูดกับโลทว่า “ตกลง เราจะให้เจ้าวิ่งไปที่นั่น เราจะไม่ทำลายเมืองนั้นที่ท่านพูดถึง 22 เร็วเข้า รีบหนีไปที่นั่น เราจะยังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าเจ้าจะวิ่งไปถึงที่นั่น” (เมืองนั้นจึงมีชื่อว่าโศอาร์[c])
โสโดมและโกโมราห์ถูกทำลาย
23 เมื่อตะวันโผล่ขึ้นมา โลทได้มาถึงเมืองโศอาร์ 24 พระยาห์เวห์ได้ส่งไฟกำมะถันและลูกไฟตกลงมาใส่เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ เหมือนห่าฝนจากท้องฟ้า 25 และพระองค์ได้ทำลายเมืองเหล่านั้น ตลอดจนหุบเขาทั้งหมด และคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพวกนั้นทุกคน และทุกสิ่งทุกอย่างที่งอกขึ้นมาจากพื้นดิน
26 เมียของโลทได้เหลียวหลังไปดู ร่างของนางได้กลายเป็นเสาเกลือไป
27 อับราฮัมตื่นแต่เช้ามืดและไปยังสถานที่ที่เขายืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 28 อับราฮัมมองลงไปยังเมืองโสโดมและโกโมราห์และหุบเขาทั้งหมด เขาเห็นควันลอยขึ้นจากแผ่นดินนั้น เหมือนควันจากเตาหลอมโลหะ
29 เมื่อพระยาห์เวห์ทำลายเมืองต่างๆในหุบเขา พระองค์ได้ระลึกถึงอับราฮัม พระองค์จึงนำโลทออกมาจากความหายนะนั้น ตอนที่พระองค์ทำลายเมืองต่างๆพวกนั้นที่โลทเคยอยู่
โลทกับพวกลูกสาวของเขา
30 จากเมืองโศอาร์ โลทได้ขึ้นไปอาศัยอยู่ตามเทือกเขาต่างๆพร้อมกับลูกสาวสองคนของเขา เพราะโลทกลัวที่จะอาศัยอยู่ในเมืองโศอาร์ เขาและลูกสาวทั้งสองอาศัยอยู่ในถ้ำ 31 พี่สาวคนโตพูดกับน้องสาวว่า “พ่อของเราแก่แล้ว และไม่มีผู้ชายคนใดในดินแดนนี้ที่จะมาแต่งงานกับเรา[d] เหมือนกับที่คนอื่นๆบนโลกนี้เขาทำกัน 32 ไปเถอะ ไปให้พ่อเราดื่มเหล้าองุ่นกัน แล้วพี่จะเข้าไปร่วมหลับนอนกับพ่อ เราจะได้มีผู้สืบเชื้อสายต่อไป ผ่านทางพ่อของเรา”
33 แล้วในคืนนั้น ลูกสาวทั้งสองคนของโลทให้พ่อของนางดื่มเหล้าองุ่นจนเมามาย แล้วลูกสาวคนโตได้เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับโลท แต่โลทไม่รู้ตัวเลยว่านางเข้ามานอนกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่และลุกขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่
34 วันต่อมาพี่สาวคนโตพูดกับน้องสาวว่า “ดูสิ เมื่อคืนนี้ พี่ได้เข้าไปร่วมหลับนอนกับพ่อแล้ว ให้เราไปมอมเหล้าองุ่นพ่ออีกคืนนี้ น้องจะได้เข้าไปร่วมหลับนอนกับพ่อ เพื่อว่าเราจะได้มีผู้สืบเชื้อสายผ่านทางพ่อเรา” 35 แล้วในคืนนั้น ลูกสาวทั้งสองคน ได้มอมเหล้าองุ่นพ่อจนเมามาย แล้วลูกคนเล็กก็เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับโลท แต่โลทไม่รู้ตัวเลยว่านางมานอนกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ และนางลุกขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่
36 ลูกสาวทั้งสองคนของโลทได้ตั้งท้องกับพ่อของนาง 37 ลูกสาวคนโตคลอดลูกชาย นางตั้งชื่อเขาว่า โมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวโมอับจนทุกวันนี้ 38 ลูกสาวคนเล็กคลอดลูกชายเหมือนกัน เธอตั้งชื่อเขาว่าเบน-อัมมี[e] เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวอัมโมนจนทุกวันนี้
เรื่องการให้
6 ระวังให้ดี อย่าทำความดีเพื่ออวดคนอื่น เพราะคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ 2 เวลาที่คุณช่วยเหลือคนจน ก็อย่าไปทำเหมือนกับพวกหน้าซื่อใจคด[a] ที่ชอบเป่าแตรในที่ประชุม หรือตามท้องถนนเพื่อให้คนมาดูและชมเชยเขา เพราะจริงๆแล้ว เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาก็ได้รับคำชมนั้นเป็นรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว 3 แต่เมื่อช่วยเหลือคนจน ก็อย่าให้มือซ้ายรู้ว่ามือขวาทำอะไร 4 ดังนั้นเมื่อคุณช่วยเหลือคนจน ก็ให้ทำเป็นความลับ และพระบิดาของคุณผู้เห็นสิ่งที่คุณทำเป็นความลับนี้ ก็จะให้รางวัลกับคุณ
เรื่องการอธิษฐาน
(ลก. 11:2-4)
5 เวลาที่คุณอธิษฐาน ก็อย่าทำเหมือนพวกหน้าซื่อใจคดพวกนั้น ที่ชอบยืนอธิษฐานในที่ประชุม หรือตามท้องถนนเพื่ออวดให้คนอื่นเห็น เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว 6 ส่วนคุณ เมื่ออธิษฐานก็ให้เข้าไปในห้อง ปิดประตูและอธิษฐานต่อพระบิดาที่มองไม่เห็นด้วยตา และพระองค์จะมองเห็นสิ่งที่คุณทำเป็นความลับนี้ และให้รางวัลกับคุณ
7 เมื่อคุณอธิษฐาน ก็อย่าพูดซ้ำซากไร้สาระเหมือนคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทำกัน เพราะพวกเขาคิดว่า ถ้าเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาจะได้รับคำตอบจากการอธิษฐานนั้น 8 อย่าทำเหมือนคนพวกนั้น เพราะพระบิดารู้ว่าคุณขาดอะไรก่อนที่คุณจะขอเสียอีก 9 คุณควรจะอธิษฐานอย่างนี้ว่า
‘พระบิดาของเราที่อยู่บนสวรรค์
ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ
10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่ในโลกนี้
ขอให้คนในโลกนี้ทำตามใจพระองค์ เหมือนอย่างที่เป็นในสวรรค์
11 โปรดให้พวกเรามีอาหารกินในทุกๆวัน
12 และโปรดยกโทษให้กับความบาปของพวกเรา
เหมือนกับที่พวกเรายกโทษให้กับคนอื่นที่ทำบาปต่อเรา
13 อย่าปล่อยให้เราแพ้ต่อการยั่วยวน
แต่ขอช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย[b]’[c]
14 ถ้าคุณยกโทษให้กับคนที่ทำบาปต่อคุณ พระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ ก็จะยกโทษให้คุณด้วย 15 แต่ถ้าคุณไม่ยอมยกโทษให้คนอื่น พระบิดาของคุณก็จะไม่ยกโทษให้กับบาปของคุณเหมือนกัน
เรื่องการอดอาหาร
16 เมื่อคุณอดอาหารก็ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเหมือนไอ้พวกหน้าซื่อใจคดทำกัน เพื่อให้คนเห็นว่าเขาอดอาหารอยู่ เราจะบอกให้รู้ว่า พวกเขาได้รับรางวัลของพวกเขาอย่างครบถ้วนแล้ว 17 แต่เมื่อคุณอดอาหาร ขอให้ล้างหน้าล้างตาให้แจ่มใส และใส่น้ำมันผม 18 จะได้ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังอดอาหารอยู่ แต่พระบิดาของคุณที่มนุษย์มองไม่เห็น จะเห็นคุณโดยที่คุณไม่รู้และให้รางวัลกับคุณ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International