Old/New Testament
สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับบาบิโลน
50 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์พูดต่อต้านบาบิโลนและต่อต้านแผ่นดินของชาวบาบิโลน พระองค์พูดผ่านมาทางเยเรมียาห์ว่า
2 “ให้ประกาศเรื่องนี้กับชนชาติต่างๆ
รายงานให้พวกเขาได้ยิน
ยกธงขึ้นมาและรายงานให้พวกเขาได้ยิน
อย่าซ่อนเรื่องนี้ไว้ บอกไปเลยว่าบาบิโลนถูกยึดแล้ว
พระเบลได้รับความอับอายขายหน้า
พระมาดุกก็หวาดกลัว
รูปเคารพต่างๆของบาบิโลนก็ได้รับความอับอายขายหน้า
พวกรูปปั้นต่างๆของบาบิโลนก็หวาดกลัว
3 เพราะชนชาติหนึ่งจากทางเหนือได้ยกทัพมาบุกบาบิโลนแล้ว
ชนชาตินั้นวางแผนจะทำให้แผ่นดินของเธอรกร้าง
และจะได้ไม่มีใครอาศัยอยู่ในบาบิโลน
ทั้งคนและสัตว์ก็หนีไปที่อื่นกันหมด”
4 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในวันนั้นและเวลานั้น ลูกหลานของอิสราเอลจะมาที่นี่
พวกเขาจะมาพร้อมกับลูกหลานของยูดาห์
พวกเขาจะมา และร้องไห้
แล้วพวกเขาก็จะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
5 พวกเขาจะถามหาทางไปศิโยน
โดยหันหน้าตรงไปทางนั้น
แต่พวกเขาจะมาและผูกมัดตัวเองกับพระยาห์เวห์
ในข้อตกลงชั่วนิรันดร์ที่จะไม่มีวันถูกลืมเลย”
6 “คนของเรากลายเป็นแกะที่หลงทาง
พวกคนเลี้ยงพวกมันทำให้มันระหกระเหินไป พวกผู้เลี้ยงแกะทำให้พวกมันกระจัดกระจายไปตามภูเขา
พวกมันเดินจากภูเขาไปถึงเนินเขา
แล้วพวกมันก็ลืมทุ่งหญ้าอันเป็นที่พักพิงของพวกมัน
7 สัตว์อะไรที่เจอพวกมันเข้าก็กินพวกมัน
ศัตรูที่รังควานพวกมันก็พูดว่า
‘พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด’
อันที่จริงพวกเขาได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์
พระยาห์เวห์เป็นทุ่งหญ้าอันแท้จริงของพวกเขา
พระยาห์เวห์เป็นความหวังของบรรพบุรุษของพวกเขา
8 หนีไปจากใจกลางเมืองบาบิโลนซะ
หนีไปจากดินแดนของพวกบาบิโลน
ออกไปแล้วทำตัวเป็นเหมือนแพะตัวผู้ที่เดินนำหน้าฝูง
9 เพราะเราจะปลุกเร้ากองทัพอันยิ่งใหญ่ของชนชาติต่างๆทางเหนือมารบกับบาบิโลน
กองทัพเหล่านั้นจะยกขบวนมาบุกเธอ แล้วบาบิโลนจะถูกยึดที่นั่น
ลูกธนูของพวกเขาเป็นเหมือนนักรบที่เก่งกาจ
พวกมันจะไม่กลับมามือเปล่า
10 ดังนั้นชาวบาบิโลนจะมีไว้สำหรับให้ปล้นสะดม
ส่วนคนที่ปล้นเธอก็จะพออกพอใจ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
11 “บาบิโลน ถึงแม้พวกเจ้าจะเฉลิมฉลอง ถึงแม้เจ้าจะชื่นชมยินดี
เพราะปล้นมรดกของเราไป
ถึงพวกเจ้าจะเต้นระบำเหมือนวัวกระทืบ
และร้องเหมือนม้าหนุ่มที่แข็งแกร่ง
12 แม่ของเจ้าจะต้องอับอายอย่างมาก
คนที่คลอดเจ้าออกมาจะต้องอัปยศอดสู
แน่ล่ะ หลังจากชนชาติต่างๆถอนตัวออกไปแล้ว
ที่นี่ก็จะกลายเป็นป่ารกร้าง แผ่นดินแห้งแล้ง และเป็นทะเลทราย
13 พระยาห์เวห์โกรธ
ก็เลยไม่มีใครมาอาศัยอยู่ที่นั่น
แต่เธอจะถูกทำลายล้างอย่างสิ้นซาก
ทุกคนที่ผ่านมาทางบาบิโลนจะตกใจและจะผิวปากเย้ยหยันลอยฟกช้ำของเธอ
14 พวกเจ้าพลธนูเข้าประจำการล้อมรอบบาบิโลนไว้ทุกด้าน
ยิงไปเลยไม่ต้องประหยัดลูกธนูเอาไว้
เพราะเธอทำบาปต่อพระยาห์เวห์
15 ร้องตะโกนใส่เธอไปทุกด้าน
เธอร้องขอความเมตตา
พวกเสาอันมั่นคงของเธอได้หักลงมา
กำแพงของเธอถูกทำลายลงแล้ว
เพราะนี่เป็นการแก้แค้นของพระยาห์เวห์
แก้แค้นเอากับเธอ
ให้ทำกับเธอเหมือนที่เธอได้ทำไว้กับคนอื่น
16 กำจัดคนเพาะปลูกและคนใช้เคียวเกี่ยวในช่วงเก็บเกี่ยวออกไปจากบาบิโลน
ทุกคนจะหนีจากคมดาบของศัตรู
พวกเขาแต่ละคนจะหันหนีกลับไปหาคนของตัวเอง
และพวกเขาแต่ละคนจะหนีกลับไปยังแผ่นดินของตัวเอง
17 อิสราเอลเป็นฝูงสัตว์ที่กระจัดกระจายไป
พวกเขาถูกพวกสิงโตไล่กระเจิดกระเจิง
ตัวแรกที่กินอิสราเอลคือกษัตริย์อัสซีเรีย
และตัวหลังที่กินกระดูกของเขาคือเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน
18 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด
‘เรากำลังจะลงโทษกษัตริย์ของบาบิโลนและแผ่นดินของเขาเหมือนกับที่เราได้ลงโทษกษัตริย์ของอัสซีเรียไปแล้ว
19 เราจะนำอิสราเอลกลับมายังทุ่งหญ้าของเขา
แล้วเขาจะเล็มหญ้าบนภูเขาคารเมล และในบาชาน
พวกเขาจะมีหญ้ากินเหลือเฟือ
ตามแถบเนินเขาของเอฟราอิมและกิเลอาด’”
20 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในวันนั้นและเวลานั้น
ผู้คนจะค้นหาความผิดบาปของอิสราเอลแต่ก็จะหาไม่พบ
และจะหาความบาปของยูดาห์แต่ก็จะหาไม่พบ
เพราะเราจะยกโทษให้กับคนที่เราได้ไว้ชีวิต”
21 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ให้บุกขึ้นไปทำลายแผ่นดินเมราธาอิมและชาวเมืองเปโขด
ฆ่าพวกมันให้สิ้นซากอย่าให้เหลือ
ให้ทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง”
22 มีเสียงรบกึกก้อง
และการทำลายล้างครั้งใหญ่ในแผ่นดิน
23 ค้อนของทั้งโลก
ถูกตัดทิ้งและแตกหักไป
บาบิโลนกลายเป็นเมืองรกร้าง
ท่ามกลางชนชาติอื่นๆ
24 บาบิโลน เราได้วางกับดักเจ้าไว้แล้วและเจ้าก็ติดกับ
แถมเจ้ายังไม่รู้ตัวเสียอีก
เจ้าถูกค้นพบและถูกจับ
เพราะเจ้าสู้รบกับพระยาห์เวห์
25 พระยาห์เวห์ได้เปิดคลังอาวุธแล้ว
และพระองค์จะส่งอาวุธแห่งความเกรี้ยวกราดของพระองค์มา
เพราะนั่นคืองานขององค์เจ้าชีวิตพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ในแผ่นดินของชาวบาบิโลน
26 เดินทางจากสุดแผ่นดินโลกไปที่บาบิโลนสิ
เปิดยุ้งฉางของเธอเลย
กองเธอไว้เหมือนกองข้าว
แล้วก็กำจัดเธอให้สิ้นซาก
อย่าให้มีส่วนไหนของเธอหลงเหลือเลย
27 ทำลายพวกวัวตัวผู้ของเธอให้หมด
นำมันลงมาเพื่อฆ่า
เป็นช่วงเศร้าสำหรับพวกเขาเพราะวันของพวกเขามาถึงแล้ว
เป็นเวลาที่พวกเขาจะต้องถูกลงโทษ
28 มีเสียงของคนวิ่งหนีไป เป็นเสียงของพวกบาบิโลนผู้รอดชีวิต
จะมีการประกาศในศิโยน
เรื่องการแก้แค้นของพระยาห์เวห์
เป็นการแก้แค้นของพระองค์สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิหารของพระองค์
29 “รวบรวมพลธนูไปบาบิโลน
รวบรวมทุกคนที่ยิงธนูเป็นตั้งค่ายล้อมเธอไว้
อย่าให้มีใครหนีรอดออกมาได้แม้แต่คนเดียว
ตอบแทนเธอให้สาสมกับการกระทำของเธอ
ทำกับเธอให้สาสมกับที่เธอทำกับคนอื่น
เพราะเธอได้กบฏต่อพระยาห์เวห์
กบฏต่อผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
30 ดังนั้น คนที่เก่งกาจทั้งหมดของเธอจะต้องตายอยู่ที่ลานกลางเมืองของเธอนั่นเอง
และนักรบทุกคนของเธอก็จะถูกฆ่าในวันนั้น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
31 “เราจะเป็นศัตรูกับเจ้า ไอ้พวกกบฏ”
องค์เจ้าชีวิตพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น
“เพราะว่าวันของเจ้ามาถึงแล้ว
เวลาที่เราจะลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว
32 ไอ้พวกกบฏจะสะดุดล้มลง
จะไม่มีใครยกมันขึ้นมาอีก
เราจะจุดไฟเผาเมืองต่างๆของมัน
แล้วไฟก็จะเผาผลาญพวกนั้นทั้งหมดที่อยู่รอบๆมันด้วย”
33 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“ทั้งลูกหลานของอิสราเอลและลูกหลานของยูดาห์ถูกกดขี่
และพวกที่จับกุมพวกเขาทั้งหมดก็กักขังพวกเขาไว้ พวกมันไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป
34 แต่พระผู้ไถ่ของเขานั้นแข็งแกร่งกว่า
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นคือชื่อของพระองค์
พระองค์จะสู้คดีให้พวกเขาอย่างแน่นอน
พระองค์จะทำให้แผ่นดินบาบิโลนสั่นสะเทือน
และทำให้ชาวบาบิโลนกลัวจนตัวสั่น”
35 พระยาห์เวห์พูดว่า
“มีดาบมาทำลายชาวบาบิโลน
มีดาบมาทำลายคนที่อาศัยอยู่ในบาบิโลน พวกเจ้านาย และพวกคนฉลาดของเธอ
36 มีดาบมาทำลายพวกหมอดู
พวกมันจะกลายเป็นไอ้โง่
มีดาบมาทำลายคนแข็งแกร่งของเธอ
แล้วพวกเขาจะท้อแท้หมดกำลังใจ
37 มีดาบมาทำลายม้าและรถม้าของเธอ
รวมทั้งกลุ่มต่างๆที่อาศัยอยู่ในบาบิโลน
แล้วพวกเขาก็จะขี้กลัวเหมือนพวกผู้หญิง
มีดาบมาทำลายคลังทรัพย์สมบัติของเธอ
แล้วพวกมันก็จะโดนปล้นไป
38 มีดาบมาทำลายแหล่งน้ำต่างๆของเธอ
แล้วพวกมันก็จะแห้งขอดไป
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเพราะ
บาบิโลนเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยรูปเคารพ
ดังนั้นพวกมันจะถูกทำให้เป็นบ้าไปด้วยความน่าสยดสยอง
39 ดังนั้น สัตว์ร้ายต่างๆและพวกหมาไนจะมาอาศัยอยู่ที่นั่น
นกเค้าแมวก็จะมาอาศัยอยู่
บาบิโลนจะไม่มีคนมาอาศัยอยู่อีกแล้วตลอดไป
จะไม่มีคนอยู่ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน”
40 พระยาห์เวห์พูดว่า
“บาบิโลนก็จะเหมือนกับเมืองโสโดมและโกโมราห์ตอนที่พระยาห์เวห์ทำลายพวกมันและประชาชนของมัน
และจะไม่มีมนุษย์คนไหนอพยพเข้าไปอยู่ด้วย
41 ดูสิ ชนกลุ่มหนึ่งกำลังบุกมาจากทางเหนือ
ชนชาติที่ยิ่งใหญ่ และกษัตริย์ทั้งหลายกำลังถูกปลุกระดมจากแดนไกลสุดขอบโลก
42 พวกเขาจะถือธนูและหอกมา
พวกเขาโหดเหี้ยมไร้ความเมตตาปรานี
เสียงพวกเขาดังกึกก้องเหมือนทะเล
เมื่อพวกเขาควบม้ามา
ลูกสาวของบาบิโลน
พวกเขาตั้งแถวเตรียมรบกับเจ้าแล้ว
43 กษัตริย์ของบาบิโลนได้ยินข่าวว่าพวกนั้นบุกใกล้เข้ามา
มือไม้ของเขาก็เลยอ่อนปวกเปียก
เขาเจ็บปวดเหมือนหญิงที่กำลังคลอดลูก
44 เราจะเขย่าขวัญเขาเหมือนสิงโตที่ออกมาจากป่าของแม่น้ำจอร์แดน และเข้าไปที่ทุ่งหญ้าที่เขียวเสมอ อยู่ๆเราก็จะขับไล่พวกเขาไปจากเธอ เราอยากแต่งตั้งใคร เราก็จะแต่งตั้งคนนั้นให้ครอบครองเธอ เพราะจะมีใครเหมือนเราบ้าง ใครจะแต่งตั้งเราหรือ จะมีผู้เลี้ยง[a] คนไหนกล้ามายืนขวางหน้าเราหรือ[b] 45 ดังนั้น พวกเจ้า ให้ฟังแผนการของพระยาห์เวห์ที่ได้วางไว้เพื่อทำลายบาบิโลน และเป็นแผนที่พระองค์วางไว้ต่อต้านดินแดนของชาวบาบิโลน แน่นอน พวกศัตรูจะลากพวกแกะรวมทั้งพวกลูกแกะทั้งหลาย แน่นอน พระยาห์เวห์จะทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขา 46 เมื่อมีรายงานว่าบาบิโลนโดนยึดแล้ว แผ่นดินก็สั่นสะท้าน และชนชาติต่างๆก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความขมขื่น”
พระเยซูเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดตลอดไป
8 ประเด็นที่เรากำลังพูดถึงคือ เรามีหัวหน้านักบวชสูงสุดอย่างนี้ ผู้ที่นั่งอยู่ทางขวาของบัลลังก์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ 2 หัวหน้านักบวชสูงสุดนี้ ทำหน้าที่รับใช้อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือในเต็นท์[a]ที่แท้จริง ที่มนุษย์ไม่ได้ตั้งขึ้นแต่องค์เจ้าชีวิตตั้งขึ้นเอง
3 หัวหน้านักบวชสูงสุดทุกคนได้รับการแต่งตั้งให้เอาของขวัญและเครื่องบูชามาถวาย ดังนั้นจึงจำเป็นที่หัวหน้านักบวชสูงสุดของเราคนนี้ จะต้องมีของที่จะเอามาถวายด้วย 4 ถ้าพระองค์อยู่ในโลก พระองค์คงไม่ได้เป็นนักบวชหรอก เพราะนักบวชที่คอยถวายของขวัญตามกฎของโมเสสมีอยู่แล้ว 5 แต่พวกเขาทำงานรับใช้ในที่ที่เป็นแค่สิ่งที่เลียนแบบ และเป็นเงาของสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ เหมือนกับเมื่อโมเสสกำลังจะตั้งเต็นท์ พระเจ้าได้เตือนว่า “ระวังให้ดี ให้ทำทุกอย่างตามแบบที่ได้แสดงให้เจ้าดูบนภูเขา[b]นั้น” 6 แต่งานในหน้าที่ของนักบวชที่พระเยซูได้รับนั้น ยิ่งใหญ่กว่างานของนักบวชพวกนั้นมากนัก เช่นเดียวกับคำสัญญาของพระเจ้าที่พระเยซูได้เป็นคนกลางนำมานั้น ก็ดีกว่าคำสัญญาเดิมมากนัก เพราะพระเจ้าได้ตั้งคำสัญญาใหม่นี้ไว้บนคำสัญญาที่ชี้ถึงสิ่งที่ดีกว่า
7 ถ้าหากคำสัญญาเดิมนั้นไม่บกพร่องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหาคำสัญญาอันที่สองมาแทน 8 แต่พระเจ้าติเตียนประชาชนชาวอิสราเอลว่า
“องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘เวลาที่เราจะทำสัญญาใหม่
กับชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์กำลังจะมาถึงแล้ว
9 ซึ่งจะไม่เหมือนกับคำสัญญา ที่เราเคยทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา
ตอนที่เราจูงมือพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์
เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของเราอีกต่อไป
เราจึงหันหลังไม่สนใจพวกเขา’ องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้แหละ
10 นี่เป็นคำสัญญาใหม่ที่เราจะทำกับประชาชนชาวอิสราเอล
หลังจากเวลานั้น องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้
เราจะใส่กฎของเราเข้าไปในจิตใจของพวกเขา
เราจะเขียนพวกมันลงไปในหัวใจของพวกเขา
เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นคนของเรา
11 เขาจะไม่ต้องมาสอนเพื่อนบ้าน หรือพี่น้องของเขาว่า
‘มารู้จักองค์เจ้าชีวิตสิ’ เพราะตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุด
จนถึงคนยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเขาทุกคนก็จะรู้จักเรา
12 เพราะเราจะยกโทษให้กับความชั่วของพวกเขา
และเราจะไม่จดจำความบาปของพวกเขาอีกต่อไป”[c]
13 เมื่อพระองค์เรียกคำสัญญานี้ว่า “อันใหม่” แสดงว่าพระองค์เคยทำให้คำสัญญาเดิม[d]นั้นล้าสมัยไปแล้ว สิ่งที่ล้าสมัยและเก่าแก่ไปแล้ว ก็กำลังจะสูญหายไปในไม่ช้า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International