Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เยเรมียาห์ 12-14

เยเรมียาห์บ่นให้พระเจ้าฟัง

12 พระยาห์เวห์ เมื่อข้าพเจ้าโต้แย้งกับพระองค์ในศาล
    พระองค์ได้รับการตัดสินว่าถูกเสมอ
แต่ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงความยุติธรรมกับพระองค์
    ทำไมคนหลอกลวงถึงได้เจริญเอาเจริญเอา
    ทำไมพวกวางแผนชั่วถึงประสบความสำเร็จ
พระองค์ปลูกพวกเขาแล้วพวกเขาก็หยั่งรากลงไป
    และเจริญงอกงามแถมยังออกลูกด้วย
พวกเขาพูดถึงพระองค์บ่อยๆ
    แต่พวกเขาไม่จริงใจต่อพระองค์เลย
แต่พระยาห์เวห์ พระองค์รู้จักข้าพเจ้า
    พระองค์เคยเห็นข้าพเจ้าและพระองค์เองก็เคยทดสอบจิตใจของข้าพเจ้าแล้ว
ขอให้พระองค์ลากพวกนั้นไปเหมือนลากแกะไปเชือดเถิด
    คัดพวกมันไว้รอวันเชือดเถิด
แผ่นดินจะแห้งแล้งไปอีกนานแค่ไหน
    และหญ้าในท้องทุ่งทุกที่จะเหี่ยวแห้งไปถึงเมื่อไหร่
เพราะความชั่วช้าของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
    พวกสัตว์และนกถึงถูกกวาดไปเรียบ
    สิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นด้วย เพราะพวกเขาพูดว่า “พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา”

พระเจ้าตอบเยเรมียาห์

พระยาห์เวห์พูดว่า
“ถ้าเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์ที่มีเท้าเหมือนกับเจ้าและพวกเขาทำให้เจ้าหมดแรง
    เจ้าจะไปวิ่งแข่งกับม้าได้ยังไง
ถ้าเจ้ายังสะดุดล้มลงในแผ่นดินที่มีความปลอดภัย
    แล้วเจ้าจะทำยังไงในป่าทึบริมแม่น้ำจอร์แดน
ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะแม้แต่พี่น้องและญาติสนิทของเจ้า
    ยังวางแผนทรยศเจ้าเลย
    ถึงพวกเขาจะร้องเรียกหาเจ้าสุดเสียง
ก็อย่าได้ไปหลงเชื่อพวกเขา
    ถึงแม้พวกเขาจะพูดหวานกับเจ้า

พระยาห์เวห์ได้ทอดทิ้งยูดาห์คนของพระองค์

พระยาห์เวห์พูดว่า
    เราได้ทอดทิ้งวิหารของเราไป
เราได้ละทิ้งมรดกของเราไป
    เราได้ทิ้งยูดาห์คนที่เรารักไว้ในเงื้อมมือศัตรูของนาง
คนที่เราเรียกว่าคนของเราได้กลายเป็นเหมือนสิงโตป่าต่อเรา
นางได้ส่งเสียงคำรามใส่เรา
    ดังนั้น เราจึงเกลียดนาง
คนของเรากลายเป็นเหมือนนกล่อเหยื่อสำหรับเราหรือยังไง
    หรือมีนกล่อเหยื่อรายล้อมนางอยู่หรือ
รวบรวมสัตว์ป่าทั้งหมดเข้ามา
    เพื่อว่าพวกมันจะได้กินนาง
10 คนเลี้ยงแกะหลายคนทำลายไร่องุ่นของเรา
    พวกเขาได้เหยียบย่ำส่วนแบ่งของเราจนราบเรียบ
พวกเขาได้ทำให้ส่วนแบ่งที่เรารักกลายเป็นทะเลทรายร้าง
11 พวกเขาได้ทำให้มันกลายเป็นที่ดินเปล่าประโยชน์
    ดังนั้นที่ดินที่เปล่าประโยชน์นั้นจึงร้องทุกข์ต่อเรา
ที่ดินทั้งหมดถูกปล่อยร้างว่างเปล่า
    แต่ก็ไม่มีใครสนใจใยดี
12 ดังนั้นนักทำลายจึงเดินทางมาจากที่แห้งแล้งในทะเลทราย
    ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะดาบของพระยาห์เวห์กำลังกลืนกินจากสุดปลายโลกด้านหนึ่งไปสุดปลายอีกด้านหนึ่ง
    ไม่มีสันติสุขสำหรับสิ่งมีชีวิตหน้าไหนทั้งสิ้น
13 พวกเขาปลูกข้าวสาลี
    แต่กลับเก็บเกี่ยวหนาม
พวกเขาทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย
    แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ
แล้วพวกเขาจะต้องอับอายกับผลผลิตของตัวเอง
    เพราะพระยาห์เวห์จะระบายความโกรธใส่พวกเขา”

คำสัญญาที่พระยาห์เวห์ให้กับเพื่อนบ้านของอิสราเอล

14 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ คือ “เกี่ยวกับพวกคนชั่วช้าที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่อยู่ใกล้กับมรดก ที่เราได้ให้กับคนอิสราเอลนั้น เราจะถอนรากพวกเขาจากแผ่นดินของตัวเอง และถอนรากครอบครัวของยูดาห์ออกไปจากพวกเขาด้วย

15 หลังจากถอนรากพวกเขาแล้ว เราก็จะแสดงความเมตตากับพวกเขาอีกครั้ง เราจะพาพวกเขากลับมา ให้แต่ละคนกลับไปยังมรดกของตัวเอง และแต่ละคนก็จะได้กลับไปยังที่ดินของตัวเอง

16 ในอดีตพวกเขาเคยสอนคนของเราให้สาบานกับพระบาอัล แต่ตอนนี้ถ้าพวกเขาเรียนรู้วิถีทางของคนของเราจริงๆโดยสาบานในนามของเรา ด้วยการพูดว่า ‘พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ฉันใด …’ ถ้าทำอย่างนี้ พวกเขาก็จะเจริญขึ้นท่ามกลางคนของเรา

17 แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมฟัง เราก็จะถอนรากชนชาตินี้ และทำลายมันทิ้งอย่างแน่นอน” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้

ผ้าคาดเอวของเยเรมียาห์

13 พระยาห์เวห์พูดกับผมอย่างนี้ว่า “ไปซื้อผ้าคาดเอวที่ทำจากผ้าลินินมาผืนหนึ่ง แล้วเอามาคาดเอวเจ้าไว้ แต่อย่าเอามันไปแช่น้ำ”

ผมก็เลยไปซื้อผ้าตามที่พระยาห์เวห์สั่ง แล้วเอามันมาคาดเอวผมไว้

หลังจากนั้นพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมเป็นครั้งที่สองว่า

“ให้เอาผ้าที่เจ้าซื้อมา ที่คาดเอวเจ้าอยู่ ไปที่แม่น้ำยูเฟรติส แล้วเอามันไปซ่อนไว้ในซอกหิน”

ผมจึงไป และเอามันไปซ่อนไว้แถวแม่น้ำยูเฟรติสตามที่พระยาห์เวห์สั่งผมไว้

หลังจากผ่านไปหลายวัน พระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “ลุกขึ้นแล้วให้ไปที่แม่น้ำยูเฟรติส ไปเอาผ้าที่เราสั่งให้เจ้าเอาไปซ่อนไว้ที่นั่น”

ดังนั้น ผมจึงไปที่แม่น้ำยูเฟรติส แล้วไปหาผ้าผืนนั้น และเอามันออกมาจากที่ซ่อน แต่ผ้านั้นเปื่อยหมดแล้ว จะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่ได้

แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า

“นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘เราจะทำลายความเย่อหยิ่งของยูดาห์และเยรูซาเล็มเหมือนผ้าชิ้นนี้แหละ

10 คนชั่วช้าพวกนี้ ที่ไม่ยอมฟังเสียงเรา ที่ไปเดินตามจิตใจที่ดื้อดึงของพวกเขา และที่ไปติดตามรับใช้พระอื่น และไปก้มกราบอยู่ต่อหน้าพวกพระนั้น คนพวกนี้ก็จะเป็นเหมือนผ้าผืนนี้ ที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

11 ผ้านี้ติดอยู่ที่เอวของคนใส่ยังไง เราก็ทำให้คนอิสราเอลและคนยูดาห์ทุกคนติดอยู่กับเราอย่างนั้นเหมือนกัน’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

“เราอยากให้พวกเขาเป็นคนของเรา และนำชื่อเสียง คำสรรเสริญ และสง่าราศีมาให้กับเรา แต่พวกเขากลับไม่ยอมฟัง”

คำเตือนต่อยูดาห์

12 “ดังนั้นให้เอาข่าวนี้ไปบอกกับพวกเขา พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘ไหทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นอยู่เต็ม’ แล้วพวกนั้นก็จะพูดกับเจ้าว่า ‘พวกเราไม่รู้หรือยังไงว่าไหทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นอยู่เต็ม’

13 เจ้าก็จะต้องบอกพวกนั้นว่า พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘เรากำลังจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้เมามายกันหมด ทั้งกษัตริย์ทุกคนที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด พวกนักบวช พวกผู้พูดแทนพระเจ้า และคนทั้งหมดในเยรูซาเล็ม

14 และเราจะบดขยี้ผู้คนเข้าใส่กัน และบดขยี้แม้แต่พ่อแม่เข้าใส่ลูกๆของเขา’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

“เราจะไม่ละเว้น สงสาร หรือเมตตาปรานีต่อพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้พินาศไป”

15 เอียงหูเข้ามา อย่าได้หยิ่งผยอง
    เพราะพระยาห์เวห์ได้เตือนไว้แล้ว
16 ถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก่อนที่จะค่ำมืด
    และก่อนที่เท้าท่านจะสะดุดล้มบนเนินเขาตอนพลบค่ำ
ในช่วงที่พวกท่านรอคอยแสงอรุณนั้น
    พระองค์จะทำให้มันกลับกลายเป็นความมืดมิดและมืดมัว
17 ถ้าพวกท่านไม่ยอมฟังสิ่งนี้
    ผมก็จะร้องไห้ให้กับความหยิ่งผยองของท่าน
ผมจะหลั่งน้ำตาอย่างขมขื่นและน้ำตาก็จะไหลพรากจากตาของผม
    เพราะฝูงแกะของพระยาห์เวห์ถูกจับเอาไปเป็นเชลยแล้ว
18 ให้บอกกษัตริย์และแม่ของกษัตริย์ว่า
    “ให้ลงมานั่งในที่นั่งที่ต่ำต้อย
เพราะมงกุฎอันแสนสวยของพวกเจ้าได้หล่นจากหัวของพวกเจ้าแล้ว
19 พวกเมืองต่างๆของเนเกบก็ถูกปิดไปหมดแล้ว
    และก็ไม่มีใครไปเปิดมัน
ยูดาห์ถูกไล่ออกไปแล้วหมดทุกคน
    ถูกไล่ออกไปจนหมดเกลี้ยง”

20 พระยาห์เวห์พูดว่า “เงยหน้าดูพวกที่กำลังมาจากทางทิศเหนือสิ
    ฝูงแกะที่เจ้าได้มา ไปอยู่ที่ไหนหมดแล้ว
    แกะที่สวยงามของเจ้าอยู่ที่ไหน
21 เจ้าจะว่ายังไงเมื่อคนที่เจ้าเคยฝึกอบรมเพื่อจะได้มาเป็นมิตรกับเจ้า
    แต่พวกเขากลับแต่งตั้งคนเหล่านั้นให้มาเป็นหัวหน้าเจ้า
    เจ้าจะไม่เจ็บเหมือนผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูกหรือ
22 และถ้าเจ้าสงสัยในใจว่า
    ‘ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับฉัน’
มันเป็นเพราะความผิดอันใหญ่หลวงของเจ้าเอง
    ที่กระโปรงของเจ้าถูกถลกขึ้นมา
    และเจ้าก็ถูกข่มขืน
23 ชาวเอธิโอเปียเปลี่ยนสีผิวตัวเองได้หรือ
    เสือดาวเปลี่ยนลายจุดของมันได้หรือ
ถ้าได้ พวกเจ้าที่ได้รับการเรียนรู้ให้ทำในสิ่งที่ชั่วช้า
    ก็เปลี่ยนมาทำดีได้เหมือนกัน

24 ดังนั้นเราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป
    เหมือนแกลบที่ถูกลมของทะเลทรายพัดปลิวไป
25 นี่คือส่วนแบ่งของเจ้า
    ที่เราได้ชั่งออกมาให้กับเจ้า”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
    “ส่วนแบ่งที่เราได้ชั่งให้กับเจ้า
    เราทำอย่างนี้ก็เพราะเจ้าได้ลืมเรา
    แล้วหันไปไว้วางใจในสิ่งที่ไม่จริง
26 เราเองจะยกกระโปรงขึ้นคลุมหัวเจ้า
    เพื่อคนจะได้เห็นความอัปยศอดสูของเจ้า
27 เราได้เห็นการสำส่อนของเจ้า
    การให้ท่าของเจ้า
อุบายแยบยลที่เจ้าใช้สำส่อนบนเนินเขาต่างๆ
    เราได้เห็นพิธีกรรมที่น่าขยะแขยงที่เจ้าได้ทำในท้องทุ่งนั้น
แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ เยรูซาเล็มเอ๋ย
    เจ้าจะไม่บริสุทธิ์ไปอีกนานเท่าไหร่”

ภัยแล้งและผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอม

14 นี่คือคำพูดของพระยาห์เวห์ที่มาถึงเยเรมียาห์เกี่ยวกับภัยแล้งว่า

“ยูดาห์ร้องไห้เศร้าโศก
    ประตูเมืองต่างๆของเธอก็ทรุดโทรม
ความมืดปกคลุมแผ่นดิน
    และเสียงร้องไห้ขมขื่นของเยรูซาเล็มก็ดังขึ้น
พวกคนชั้นสูงส่งคนใช้ออกไปหาน้ำ
    พวกเขาไปที่แอ่งเก็บน้ำแต่ก็หาน้ำไม่ได้
ก็เลยกลับมาพร้อมกับเหยือกเปล่าๆ
    พวกเขาอับอายขายหน้าก็เลยคลุมหัวไว้
เพราะพื้นดินก็แตกระแหง
    เพราะไม่มีฝนตกลงมาบนแผ่นดิน
คนไถนาก็อับอาย
    จนต้องคลุมหัวไว้
แม้แต่แม่กวางในทุ่งโล่งออกลูกแล้วทิ้งลูกไป
    เพราะไม่มีหญ้าให้กิน
พวกลาป่ายืนอยู่บนยอดเนินเขาโล้นเตียน
    พวกมันหอบเหมือนพวกหมาไน
ดวงตาของพวกมันปิดลง
    เพราะไม่มีผักหญ้าจะให้กิน

พระยาห์เวห์เจ้าข้า
    ถ้าความผิดของพวกเราย้อนกลับมาสนองเราเอง
    โปรดทำอะไรสักอย่างเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์เอง
เพราะเราเคยหันหลังให้พระองค์หลายต่อหลายครั้ง
    เราได้ทำบาปต่อพระองค์
พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์คือผู้ที่อิสราเอลกำลังรอคอย พระองค์คือความหวังของอิสราเอล
    และเป็นพระผู้ช่วยของเขาในยามยาก
แต่ทำไมพระองค์ถึงทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า
    หรือนักท่องเที่ยวที่ค้างแรมแค่คืนเดียว
ทำไมพระองค์ถึงทำเหมือนคนที่ประหลาดใจ
    ทำเหมือนนักรบที่ไม่สามารถช่วยคนที่เขามาช่วย
พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเราที่นี่
    คนเขาเรียกพวกเราด้วยชื่อของพระองค์ ขออย่าได้ทอดทิ้งพวกเรา”
10 พระยาห์เวห์พูดถึงคนพวกนี้ว่า
“มันเป็นเรื่องจริงที่ว่า
    เท้าของพวกเขาชอบเดินไปเรื่อยและพวกเขาก็ไม่ควบคุมมันไว้
ดังนั้นตอนนี้พระยาห์เวห์จะไม่ยอมรับพวกเขา
    พระองค์จะจดจำความผิดที่พวกเขาได้ทำไป
    และพระองค์จะลงโทษพวกเขาสำหรับบาปต่างๆของพวกเขา”

11 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “อย่าได้อธิษฐานเพื่อความสุขสบายของคนพวกนี้ 12 ถึงพวกเขาจะอดอาหาร เราก็จะไม่ฟังคำร้องขอให้ช่วยของพวกเขา ถึงพวกเขาจะถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เราก็จะไม่พอใจในพวกเขาอยู่ดี เพราะเราได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ที่จะกำจัดพวกเขาด้วยดาบ ด้วยความหิวโหยและด้วยโรคภัยไข้เจ็บ”

13 แล้วผมก็พูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมบอกกับคนพวกนั้นว่า ‘ไม่ต้องกลัวดาบและความอดอยาก มันจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเจ้าหรอก เราพูดเพราะพระยาห์เวห์จะให้สันติสุขกับเจ้าอย่างแน่นอน’” 14 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “พวกผู้พูดแทนพระเจ้านั้นอ้างว่าพูดแทนเรา แต่พวกมันโกหก เราไม่ได้ส่งพวกมันมา เราก็ไม่ได้สั่งพวกมันและเราก็ไม่ได้พูดกับพวกมันด้วย แต่พวกมันยังคงพูดแทนเราให้กับพวกเจ้า เป็นนิมิตโกหกและคำทำนายไร้สาระที่มาจากจิตใจที่หลอกลวงของพวกมัน 15 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่า ผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ที่พูดในนามของเรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ส่งพวกมันมา ที่พูดว่า ‘ดาบและความหิวโหยจะไม่เข้ามาในแผ่นดินนี้ พวกผู้พูดแทนพระเจ้านี้จะต้องตายด้วยดาบและความหิวโหย 16 ส่วนคนที่ฟังพวกมันก็จะต้องถูกโยนลงไปบนถนนของเยรูซาเล็มด้วยความอดอยากหิวโหยและตายด้วยดาบและจะไม่มีใครฝังศพให้พวกเขา เราจะลงโทษพวกผู้พูดแทนพระเจ้านี้ รวมทั้งเมีย ลูกชาย และลูกสาวของพวกมัน’

17 เยเรมียาห์ เอาคำพูดนี้ไปบอกกับยูดาห์ว่า
    ‘เราหลั่งน้ำตาทุกคืนวันไม่เคยหยุดหย่อน
เพราะการทำลายล้างอันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก
    เพราะเขามีแผลอันเจ็บปวดแสนสาหัส
18 ถ้าเราออกไปในทุ่ง
    เราก็จะเห็นคนบาดเจ็บเพราะดาบ
และถ้าเราเข้าไปในเมือง
    เราก็เห็นโรคร้ายต่างๆที่เกิดจากความอดอยาก
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้น ก็เพราะว่า
    ทั้งพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและนักบวชทำการค้าไปทั่วแผ่นดินแต่ขาดความรู้’”

19 ประชาชนพูดว่า “พระองค์ทอดทิ้งยูดาห์อย่างสิ้นเชิงแล้วหรือ
    พระองค์รังเกียจศิโยนมากขนาดนั้นเชียวหรือ
ทำไมพระองค์ถึงได้ทำร้ายเรา
    ในเวลาที่ไม่มีหมอจะรักษาพวกเรา
พวกเราเฝ้ารอสันติสุข
    แต่ไม่มีอะไรดีให้เห็นเลย
พวกเราเฝ้ารอเวลาที่พวกเราจะได้รับการรักษา
    กลับมีแต่เรื่องสยดสยองเกิดขึ้น
20 พระยาห์เวห์เจ้าข้า พวกเรารู้ว่าเราทำบาปอะไรบ้าง
    และรู้ว่าบรรพบุรุษของเราทำบาปอะไรเอาไว้
    พวกเรารู้ว่าพวกเราทำผิดบาปต่อพระองค์
21 ขออย่าได้ปฏิเสธพวกเราเลยเพื่อว่าชื่อเสียงของพระองค์จะได้แผ่ไพศาลขึ้น
    และอย่าทำให้บัลลังก์ของพระองค์เองต้องได้รับความอับอาย
    ได้โปรดระลึกถึงคำมั่นสัญญาที่พระองค์ได้ทำไว้กับเราและขออย่าได้ผิดคำสัญญาเลย
22 พวกเทพเจ้าจอมปลอมของชนชาติต่างๆทำให้ฝนตกได้หรือ
    ตัวท้องฟ้าเองจะทำให้ฝนตกได้หรือ
ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่เป็นพระยาห์เวห์ของพวกเรา
    พวกเราพึ่งในพระองค์
    เพราะพระองค์เป็นผู้ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด”

2 ทิโมธี 1

จากเปาโล ผู้เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ตามความต้องการของพระเจ้า พระเจ้าได้ส่งผมออกไปบอกผู้คนเกี่ยวกับชีวิตที่พระองค์สัญญาว่าจะให้ในพระเยซูคริสต์

ถึงทิโมธีลูกรัก ขอให้พระเจ้าพระบิดา และพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา ให้ความเมตตากรุณา และสันติสุขกับคุณ

เปาโลขอบคุณพระเจ้าและให้กำลังใจทิโมธี

ผมขอบคุณพระเจ้า ผู้ที่ผมรับใช้ด้วยใจบริสุทธิ์ เหมือนกับที่บรรพบุรุษของผมรับใช้ ผมอธิษฐานให้คุณเสมอทั้งวันทั้งคืน คิดถึงตอนที่คุณร้องไห้เพื่อผมแล้ว ทำให้ผมอยากเจอคุณมาก ซึ่งจะทำให้ผมมีความสุขจริงๆ ผมยังนึกถึงความเชื่อที่จริงใจของคุณ ซึ่งตอนแรกมีอยู่ในโลอิสยายของคุณ และยูนีสแม่ของคุณ และตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามีอยู่ในคุณด้วย นี่เป็นเหตุที่ผมขอเตือนให้คุณใช้พรสวรรค์ที่พระเจ้าให้ตอนที่ผมวางมือ[a] ลงบนคุณ กระพือพรสวรรค์นั้นให้มันลุกโชติช่วงขึ้น เพราะพระวิญญาณที่พระเจ้าให้กับเรานั้นไม่ทำให้เราขี้ขลาด แต่พระวิญญาณนี้ทำให้เราเต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ ความรัก และการควบคุมตนเอง

ไม่ต้องอับอายที่จะบอกคนเกี่ยวกับองค์เจ้าชีวิตของเรา หรืออับอายในตัวผมที่เป็นนักโทษเพราะเห็นแก่พระองค์ แต่ให้พึ่งฤทธิ์เดชของพระเจ้า แล้วยอมทนทุกข์ด้วยกันกับผมเพื่อข่าวดีนั้นดีกว่า พระเจ้าทำให้เรารอดและเรียกเราให้มาเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ ที่พระองค์เรียกเรานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา แต่เป็นไปตามความต้องการของพระเจ้า และพระองค์ได้ให้ความเมตตากรุณานี้กับเราผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะมีโลกนี้เสียอีก 10 แต่ตอนนี้พระเจ้าได้เปิดเผยเรื่องนี้แล้วโดยพระเยซูคริสต์ผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราที่ได้มาปรากฏตัวให้เห็นแล้ว พระองค์ได้มาทำลายความตาย และทำให้เราเห็นถึงชีวิตที่ไม่มีวันตายที่ผ่านทางข่าวดีนี้ 11 เพราะข่าวดีนี้เอง พระองค์ถึงได้แต่งตั้งให้ผมเป็นคนประกาศข่าว เป็นศิษย์เอก และเป็นครู 12 ด้วยเหตุนี้เองผมถึงได้รับความทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่นี้ แต่ผมก็ไม่อับอายหรอก เพราะผมรู้จักผู้ที่ผมเชื่อ และผมก็มั่นใจว่า พระองค์สามารถรักษาสิ่งที่ผมได้มอบไว้ให้กับคนอื่น[b]จนกว่าวันนั้น[c]จะมาถึง 13 ขอให้คุณยึดถือคำสอนที่มีประโยชน์ ที่คุณได้ยินจากผมนี้ไว้เป็นแบบอย่าง และทำตามด้วยความเชื่อและความรักที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ 14 ขอให้เก็บรักษาสิ่งที่ได้มอบไว้ให้กับคุณนี้เอาไว้ให้ดี ด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวเรา

15 คุณก็รู้ว่า ทุกคนในแคว้นเอเชียได้ทิ้งผมไปหมดแล้ว รวมทั้งฟีเจลัสและเฮอร์โมเกเนสด้วย 16 ขอให้องค์เจ้าชีวิตมีเมตตากรุณาต่อครอบครัวของโอเนสิโฟรัสด้วย เพราะเขาได้ให้กำลังใจผมหลายครั้งและก็ไม่อับอายที่ผมติดคุกอยู่ 17 ตรงกันข้าม เมื่อเขามาถึงกรุงโรม เขาก็ยังอุตส่าห์ตามหาผมจนพบ 18 ขอองค์เจ้าชีวิตโปรดให้ความเมตตากับเขาในวันนั้นด้วยเถิด และคุณก็รู้ดีว่าตอนที่ผมอยู่ที่เมืองเอเฟซัสนั้น เขาได้ช่วยผมมากขนาดไหน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International