Old/New Testament
นิมิตที่หก: แผ่นม้วนหนังที่ลอยในอากาศ
5 ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และมองเห็นแผ่นม้วนหนังม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ 2 ทูตสวรรค์ถามผมว่า “เจ้าเห็นอะไร”
ผมตอบว่า “ผมเห็นแผ่นม้วนหนังม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ แผ่นม้วนหนังนี้ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก”
3 ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “มีคำสาปแช่งเขียนอยู่บนแผ่นม้วนหนังนั้น เป็นคำสาปแช่งที่แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินนี้ เพราะที่ผ่านมา ทุกคนที่ขโมย ไม่ได้ถูกลงโทษ และทุกคนที่สาบานว่าจะพูดความจริงแต่กลับเป็นพยานเท็จ ก็ไม่ได้ถูกลงโทษ” 4 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “เราจะส่งคำสาปแช่งนั้นเข้าไปในบ้านของพวกขโมย และเข้าไปในบ้านของคนที่สาบานว่าจะพูดความจริงแต่กลับเป็นพยานเท็จ คำสาปแช่งนั้นจะอยู่ในบ้านของพวกเขา และมันจะทำลายบ้านของพวกเขา รวมทั้งพวกท่อนไม้และก้อนหินของมัน”
นิมิตที่เจ็ด: ผู้หญิงในถังตวง
5 ทูตสวรรค์ที่เคยพูดอยู่กับผมก็ออกมา และพูดกับผมว่า “เงยหน้าดูสิ่งที่กำลังมาทางนี้”
6 ผมพูดว่า “นั่นอะไรครับ”
ท่านบอกว่า “สิ่งที่กำลังมานั้น คือถังตวง”
ท่านบอกว่า “ถังตวงนี้หมายถึงความผิดบาปของคนทั้งแผ่นดิน”
7 ฝาตะกั่วของถังนั้นถูกยกขึ้น และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในถังนั้น 8 ทูตสวรรค์บอกว่า “ผู้หญิงคนนี้หมายถึงความชั่วร้าย” ทูตสวรรค์ผลักเธอกลับเข้าไปในถังนั้น แล้วเลื่อนฝาตะกั่วมาปิดปากถังไว้ 9 ผมเงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงสองคนบินตรงมาหาเรา พวกนางมีปีกเหมือนปีกนกกระสา และปีกของพวกนางก็กางออกรับลม พวกนางมายกถังตวงนั้นแล้วบินไป 10 ผมพูดกับทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “พวกนางจะเอาถังนั้นไปไหนหรือครับ”
11 ทูตสวรรค์บอกผมว่า “พวกนางกำลังจะไปสร้างบ้านให้กับถังนั้น ในแผ่นดินชินาร์[a] และหลังจากที่พวกนางสร้างบ้านนั้นแล้ว พวกนางก็จะวางถังนั้นไว้ที่นั่น”
นิมิตที่แปด: รถม้าสี่คัน
6 ผมเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งหนึ่ง ผมเห็นรถรบสี่คันออกมาจากระหว่างภูเขาทองสัมฤทธิ์สองลูก 2 รถรบคันแรกมีพวกม้าสีแดงลาก รถรบคันที่สองมีพวกม้าสีดำลาก 3 รถรบคันที่สามมีพวกม้าสีขาวลาก และรถรบคันที่สี่มีพวกม้าที่เป็นจุดด่างๆลาก ม้าทุกตัวเป็นม้าที่แข็งแรง
4 จากนั้นผมถามทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “พวกนี้หมายถึงอะไรกันครับท่าน”
5 ทูตสวรรค์ตอบว่า “พวกนี้คือลมสี่ทิศจากฟ้าสวรรค์ที่กำลังออกไป หลังจากยืนประจำการอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์เจ้าของโลกนี้ 6 พวกม้าสีดำกำลังออกไปทางทิศเหนือ พวกม้าสีขาวกำลังออกไปทางทิศตะวันตก และพวกม้าจุดด่างกำลังออกไปทางทิศใต้”[b]
7 พวกม้าที่แข็งแรงพวกนี้ออกมา พวกมันอยากจะท่องตรวจตราไปในโลกนี้ พระยาห์เวห์จึงพูดว่า “ไปเลย ไปท่องตรวจตราโลก” พวกมันจึงท่องตรวจตราไปในโลกนี้
8 พระองค์เรียกผมเข้าไปหาและพูดกับผมว่า “ดูม้าพวกนั้นที่เดินทางไปทางเหนือสิ พวกมันได้ทำให้ความโกรธของเราสงบลงที่นั่น”
โยชูวานักบวชสูงสุดได้รับมงกุฎ
9 พระคำของพระยาห์เวห์ที่มาถึงผมพูดว่า 10 “เฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ เพิ่งกลับมาจากการถูกเนรเทศไปบาบิโลน ไปเอาเงินและทองจากพวกเขาสิ และในวันเดียวกันนั้นให้เจ้าไปบ้านของโยสิยาห์ลูกชายของเศฟันยาห์ 11 ให้เอาเงินและทองนั้นมาทำเป็นมงกุฎสองอัน และให้เอามงกุฎอันหนึ่งไปสวมหัวของโยชูวานักบวชสูงสุด ลูกชายของเยโฮซาดัก 12 และให้บอกกับโยชูวาว่า
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
‘ดูสิ นี่คือชายชื่อ “กิ่ง”
เขาจะแผ่กิ่งของเขาออกมาในที่ที่เขาอยู่
และเขาจะสร้างวิหารของพระยาห์เวห์
13 คนนี้แหละจะเป็นคนสร้างวิหารของพระยาห์เวห์
คนนี้แหละจะเป็นคนได้รับเกียรติ
เขาจะนั่งและปกครองอยู่บนบัลลังก์ของเขา
และจะมีนักบวชคนหนึ่งอยู่ข้างๆบัลลังก์ของเขา
ชายทั้งสองคนนี้จะทำงานร่วมกันอย่างกลมเกลียว’
14 และมงกุฎอีกอันหนึ่งจะเป็นเครื่องเตือนใจในวิหารของพระยาห์เวห์ให้กับ เฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์ลูกของเศฟันยาห์
15 คนที่อยู่ไกลๆจะได้มาช่วยกันสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ส่งผมมาหาเจ้า และสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ถ้าพวกเจ้าจะเชื่อฟังเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าอย่างเต็มที่”
พระยาห์เวห์อยากให้คนของพระองค์มีความเมตตาปรานี
7 ในปีที่สี่ที่ดาริอัสเป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนเก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ[c] 2 เมืองเบธเอลส่งชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค มาขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกเขา 3 พวกเขาพูดกับพวกนักบวชที่วิหารของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นและพูดกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ในช่วงเดือนที่ห้าของทุกปี[d] พวกเราร้องไห้และอดอาหาร ไว้ทุกข์ให้กับวิหารที่ถูกทำลายไป เราทำอย่างนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว จะให้เราทำต่อไปอีกหรือเปล่า”
4 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมาถึงผมว่า 5 “ให้บอกกับทุกคนในแผ่นดินนี้และให้บอกกับพวกนักบวชด้วยว่า ‘ที่พวกเจ้าอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและในเดือนที่เจ็ดเป็นเวลาถึงเจ็ดสิบปีแล้วนั้น พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าได้อดอาหารให้กับเราจริงๆ 6 แล้วเวลาที่เจ้ากินและดื่มนั้น พวกเจ้าไม่ใช่กินและดื่มเพื่อประโยชน์สุขของตัวเองหรอกหรือ 7 คำพูดอย่างนี้ พระยาห์เวห์ก็เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน เรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ตอนที่เยรูซาเล็มและหมู่บ้านรอบข้างมั่นคงปลอดภัยและมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย และเรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือตอนที่ดินแดนเนเกบและเชเฟลาห์[e]ยังมีผู้คนอาศัยอยู่’”
8 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ พูดอย่างนี้ว่า
9 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
‘ให้ตัดสินอย่างยุติธรรม
ให้มีน้ำใจต่อกันและเห็นอกเห็นใจกัน
10 อย่ากดขี่ข่มเหงแม่หม้าย เด็กกำพร้า คนต่างชาติ หรือคนจน
อย่าวางแผนชั่วในใจต่อกัน’
11 แต่คนพวกนั้นก็ไม่ยอมฟัง
พวกเขาทำเป็นเมิน ดื้อดึง
และยังอุดหูไม่ยอมฟัง
12 เขาทำให้ใจตัวเองแข็งเหมือนเพชรเพื่อจะไม่ได้ยินกฎและคำสั่งต่างๆ
ที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นส่งผ่านมาทางพระวิญญาณของพระองค์
โดยพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน
พระยาห์เวห์จึงโกรธแค้นมาก
13 ดังนั้นพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
‘ตอนที่เราเรียกพวกเขา พวกเขาก็ไม่ยอมฟังเรา
ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาขอความช่วยเหลือจากเรา
เราก็จะไม่ยอมฟังพวกเขาเหมือนกัน
14 แล้วเราได้พัดพวกเขาให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติที่พวกเขาไม่รู้จัก
จนแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าจนไม่มีใครเดินผ่านไปมา
เมื่อชนชาติต่างๆเหล่านั้นบุกเข้ามา
และแผ่นดินที่น่าอยู่ก็ถูกทำลายไป’”
พระเจ้าสัญญาว่าจะอวยพรเยรูซาเล็ม
8 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นที่มาถึงผมพูดว่า 2 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด ‘เราหึงหวงศิโยน ด้วยความหึงหวงมาก เราหึงหวงเธออย่างแรงกล้า’ 3 พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ คือ ‘เราได้กลับมายังศิโยน และเราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม ดังนั้นเยรูซาเล็มจะมีชื่อเรียกว่า “เมืองแห่งความสัตย์ซื่อ” และภูเขาของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น จะมีชื่อเรียกว่า “ภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์”’”
4 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ “คนแก่ทั้งชายและหญิงจะได้มานั่งพักผ่อนกันตามลานเมืองทั้งหลายของเยรูซาเล็มอีก ผู้ชายแต่ละคนจะถือไม้เท้าอยู่ในมือเพราะแก่แล้ว 5 ตามลานเมืองทั้งหลายจะเต็มไปด้วยเด็กๆทั้งชายและหญิงวิ่งเล่นกัน” 6 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นถามคือ “ถึงแม้มันจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในสายตาของคนที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ นั่นหมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ในสายตาของเราด้วยหรือ” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นถาม
7 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ “เรากำลังจะช่วยกู้คนของเราจากแผ่นดินทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก 8 เราจะนำพวกเขามาอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มนี้ พวกเขาจะเป็นคนของเรา และเราก็จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา ที่สัตย์ซื่อและชอบธรรม”
9 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ “กล้าหาญไว้ พวกเจ้าที่เพิ่งได้ยินคำเหล่านี้จากปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ตอนวางรากฐานสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นขึ้นมาใหม่ 10 ก่อนหน้าที่จะสร้างวิหารนั้น ไม่มีเงินพอที่จะจ้างคนงานแม้แต่คนเดียว ไม่มีเงินพอที่จะเช่าสัตว์สักตัวมาใช้งาน คนที่เดินทางก็ไม่มีความปลอดภัยจากศัตรู และเราก็ได้ทำให้แต่ละคนเป็นศัตรูกัน 11 แต่ตอนนี้ จะไม่เหมือนตอนนั้นอีกแล้ว เราจะเป็นพระเจ้าของคนที่ยังเหลืออยู่พวกนี้” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น
12 “พวกเขาจะหว่านเมล็ดพืชในเวลาที่สงบศึก ต้นองุ่นจะออกผลของมัน ผืนดินจะให้ผลผลิต ท้องฟ้าจะให้ฝน และเราจะยกสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้เป็นสมบัติของคนของเราที่ยังเหลืออยู่ 13 คนยูดาห์และคนอิสราเอลเอ๋ย ชนชาติทั้งหลายเคยพูดว่า พวกเจ้าเป็นตัวอย่างของคนที่ถูกสาปแช่ง แต่อีกไม่ช้า เราจะช่วยกู้พวกเจ้า และคนก็จะพูดถึงพวกเจ้าว่า เป็นตัวอย่างของคนที่ได้รับพระพร ไม่ต้องกลัว กล้าหาญไว้”
14 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ “เราเคยตั้งใจจะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับเจ้า ตอนที่บรรพบุรุษของเจ้าทำให้เราโกรธ และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนใจ” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น 15 “แล้วในวันนี้ เราตั้งใจที่จะทำดีต่อคนเยรูซาเล็มและคนยูดาห์ ดังนั้นอย่าได้กลัวเลย 16 พวกเจ้าจะต้องทำสิ่งเหล่านี้ คือ ให้พูดแต่ความจริงเท่านั้นต่อเพื่อนบ้านของตน ให้ตัดสินอย่างยุติธรรมในศาลเพื่อก่อให้เกิดสันติภาพ 17 พวกเจ้าจะต้องไม่วางแผนชั่วร้ายในใจต่อเพื่อนบ้านของตน เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราเกลียด” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
18 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ได้มาถึงผมว่า 19 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด ‘วันอดอาหารในเดือนสี่ เดือนห้า เดือนเจ็ดและเดือนสิบ จะกลายเป็นเวลาชื่นชมยินดีและเฉลิมฉลองกัน เป็นเทศกาลแห่งความสุขสำหรับคนยูดาห์ แต่พวกเจ้าจะต้องรักความจริงและรักสันติภาพ’”
20 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ
“ในอนาคตผู้คนและพลเมืองจากหลายๆเมืองจะมาที่เยรูซาเล็ม
21 คนของเมืองหนึ่งจะพูดกับคนของอีกเมืองหนึ่งว่า
‘พวกเราไปขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์กันเถอะ
ไปนมัสการพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นกันเถอะ ผมเองกำลังจะไป’”
22 คนเป็นจำนวนมาก และชนชาติต่างๆที่มีอำนาจ จะมานมัสการพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นในเยรูซาเล็ม และมาแสวงหาความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ 23 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ “ในวันเหล่านั้น ชาวยิวแต่ละคน จะโดนคนต่างชาติสิบคนที่พูดคนละภาษา เข้ามาจับ ใช่แล้วคือมาจับชายเสื้อคลุมของพวกเขา และพูดว่า ‘ขอพวกเราไปกับพวกท่านด้วยเถิด เพราะเราได้ยินว่าพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน’”
คนทั้งหลายบนสวรรค์สรรเสริญพระยาห์เวห์
19 หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงดังกึกก้อง เหมือนเสียงของคนจำนวนมากบนสวรรค์ร้องว่า
“สรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าเป็นผู้มีชัย
พระองค์เต็มไปด้วยสง่าราศี และฤทธิ์อำนาจ
2 การตัดสินโทษของพระองค์นั้นถูกต้องและยุติธรรม
พระองค์ได้ลงโทษหญิงโสเภณีที่ยิ่งใหญ่
เธอได้ทำให้โลกนี้เสื่อมไป
เพราะการทำบาปทางเพศของเธอ
พระองค์ได้แก้แค้นให้กับทาสของพระองค์ที่ถูกเธอฆ่าตาย”
3 พวกเขายังพูดอีกว่า
“สรรเสริญพระยาห์เวห์
ควันไฟจะลอยขึ้นมาจากนครนั้นตลอดไป”
4 จากนั้นพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ และสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตน ก็ก้มลงกราบไหว้พระเจ้าที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และพูดว่า
“อาเมน สรรเสริญพระยาห์เวห์”
5 แล้วมีเสียงดังมาจากบัลลังก์ว่า
“ท่านทั้งหลายที่เป็นทาสของพระองค์ที่นับถือพระเจ้า ทั้งผู้ยิ่งใหญ่และผู้ต่ำต้อย
มาสรรเสริญพระเจ้าของเรากันเถอะ”
6 จากนั้นผมได้ยินเสียงเหมือนเสียงของคนจำนวนมาก เสียงนั้นดังเหมือนกับเสียงของน้ำตกและเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงนั้นพูดว่า
“สรรเสริญพระยาห์เวห์
องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ขึ้นครองราชย์
7 ให้เราชื่นชมยินดีและมีความสุข และสรรเสริญพระองค์เถิด
เพราะว่าเวลาแห่งการสมรสของลูกแกะได้มาถึงแล้ว
และเจ้าสาวของพระองค์ก็ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว
8 เธอได้รับผ้าลินินที่สะอาดสดใสเป็นประกายซึ่งเธอจะใช้ใส่”
(ผ้าลินินที่งดงามนั้นหมายถึงสิ่งดีๆที่คนของพระเจ้าได้ทำ)
9 แล้วทูตสวรรค์นั้นพูดกับผมว่า “เขียนลงไปว่า คนที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงสมรสของลูกแกะนั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ” และพูดอีกว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นคำพูดที่แท้จริงของพระเจ้า”
10 ผมได้ก้มลงแทบเท้าเพื่อกราบไหว้ทูตสวรรค์องค์นั้น แต่ท่านพูดว่า “อย่าทำอย่างนั้น เพราะเราเป็นเพื่อนทาสของคุณและพี่น้องคนอื่นๆของคุณที่ซื่อสัตย์ในความจริงที่พระเยซูได้เปิดเผยให้รู้ ดังนั้นให้กราบไหว้พระเจ้า เพราะความจริงที่พระเยซูได้เปิดเผยนั้น เป็นสิ่งที่ดลใจให้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพูด”
ผู้ที่ขี่ม้าสีขาว
11 จากนั้นผมเห็นประตูสวรรค์เปิดออก โอ้โหดูสิ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง และผู้ขี่ม้านั้นมีชื่อว่า “ซื่อสัตย์และเที่ยงแท้” เพราะพระองค์พิพากษาและทำสงครามอย่างยุติธรรม 12 ตาของพระองค์นั้นดูคล้ายเปลวไฟที่ลุกโชน มีมงกุฎอยู่หลายอันบนศีรษะของพระองค์ มีชื่อหนึ่งเขียนอยู่บนร่างกายของพระองค์ แต่มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่รู้ความหมายของชื่อนั้น 13 พระองค์ใส่เสื้อคลุมที่ถูกจุ่มลงไปในเลือด และคนก็เรียกพระองค์ว่า “พระคำของพระเจ้า” 14 พวกกองทัพแห่งสวรรค์ขี่ม้าสีขาวตามพระองค์มา พวกเขาแต่งกายด้วยผ้าลินินสีขาวที่ใสสะอาด 15 มีดาบอันคมกริบออกมาจากปากของพระองค์ ดาบนี้เอาไว้ใช้ต่อสู้กับชนชาติต่างๆ พระองค์จะปกครองคนพวกนั้นด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำองุ่นแห่งความโกรธของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น 16 มีชื่อเขียนอยู่ที่เสื้อคลุมและที่ต้นขาของพระองค์ว่า
“กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง องค์เจ้าชีวิตเหนือเจ้าทั้งปวง”
17 หลังจากนั้นผมเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ และพูดเสียงดังกับพวกนกที่บินอยู่บนท้องฟ้าว่า “มาเถอะ มาร่วมชุมนุมกันในงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 18 เพื่อเจ้าจะได้กินเนื้อของพวกกษัตริย์ แม่ทัพนายกองและเหล่าทหาร ตลอดจนเนื้อม้า เนื้อคนขี่ม้า และเนื้อของคนทั้งหมด ทั้งไทและทาส และคนที่เป็นอิสระ ทั้งผู้ยิ่งใหญ่และผู้ต่ำต้อย”
19 จากนั้นผมเห็นสัตว์ร้ายกับพวกกษัตริย์บนโลก และกองทัพของพวกเขามาชุมนุมกันเพื่อทำสงครามกับผู้ที่ขี่ม้าขาว และกองทัพของเขา 20 แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับ พร้อมกับผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมที่เคยแสดงอภินิหารต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้นและหลอกลวงคนที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้น และบูชารูปปั้นของมัน ทั้งสองก็ถูกจับโยนทั้งเป็นลงไปในบึงไฟกำมะถันที่กำลังลุกไหม้อยู่ 21 พวกกองทัพของมันถูกฆ่าด้วยดาบที่ออกจากปากของพระองค์ผู้ที่ขี่ม้าขาวนั้น และพวกนกทั้งหลายก็กินเนื้อของคนเหล่านี้จนอิ่ม
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International