Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โฮเชยา 12-14

12 เอฟราอิมเฝ้าเลี้ยงลม
    และวิ่งไล่ตามลมตะวันออกทั้งวัน
พวกเขาโกหกมากขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้น
    พวกเขาทำข้อตกลงกับอัสซีเรีย
    และส่งน้ำมันมะกอกไปอียิปต์[a]
พระยาห์เวห์มีคดีกับยูดาห์
    พระองค์จะลงโทษยาโคบตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
    และพระองค์จะตอบแทนให้สาสมกับการกระทำเหล่านั้นของพวกเขา
ยาโคบโกงพี่ชายตอนที่อยู่ในท้องแม่[b]
    เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาได้ปล้ำสู้กับพระเจ้า[c]
เขาปล้ำสู้กับทูตสวรรค์ และเขาชนะ
    ยาโคบร้องไห้และขอพรจากพระเจ้า
เขาพบพระเจ้าที่เบธเอล
    และพระเจ้าพูดกับยาโคบที่นั่น
ผู้นี้คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    ยาห์เวห์ คือชื่อของพระองค์
เจ้าควรจะกลับมาหาพระเจ้าของเจ้า
    ให้จงรักภักดีและรักษาความยุติธรรม
    และฝากความหวังไว้กับพระเจ้าของเจ้าต่อไป

คนพวกนี้เป็นเหมือนกับพวกพ่อค้าคานาอัน ในมือของเขาถือตราชั่งขี้ฉ้อ
    เขาชอบโกงคนอื่นเสมอ
เอฟราอิมพูดว่า “ดูสิ เราร่ำรวยขนาดไหน
    เรารวยขึ้นมาเองนะนี่
ทุกสิ่งที่เราได้ทำที่ทำให้เราร่ำรวยนี้
    ไม่มีสักเรื่องเลยที่คนสามารถชี้ได้ว่าเป็นความบาป”
เราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในอียิปต์
เราจะทำให้เจ้าต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์อีกครั้ง
    เหมือนกับนานมาแล้ว ตอนที่เจ้าอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
10 เราพูดผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และเราได้ทำให้นิมิตเกิดขึ้นมากมาย
    และเราพูดเรื่องเปรียบเทียบต่างๆผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
11 มีการไหว้รูปเคารพที่เมืองกิเลอาดไหม
    คนที่นั่นจะถูกทำลายอย่างแน่นอน
คนที่เมืองกิลกาลถวายเครื่องบูชากับรูปปั้นวัวตัวผู้ไหม
    พวกแท่นบูชาของพวกเขาจะเป็นเหมือนกองหิน[d] ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างทุ่งที่ไถแล้วอย่างแน่นอน
12 ยาโคบหนีไปยังแผ่นดินอารัม
    อิสราเอลทำงานเพื่อแลกกับเมีย
    และเขาเฝ้าดูแลแกะเพื่อแลกกับเมียอีกหนึ่งคน
13 พระยาห์เวห์ใช้ผู้พูดแทนพระเจ้านำอิสราเอลออกจากอียิปต์
    และพระองค์ยังใช้ผู้พูดแทนพระเจ้าเฝ้าดูแลอิสราเอล
14 แต่เอฟราอิมทำให้พระยาห์เวห์โกรธมาก พระยาห์เวห์จึงให้พวกเขารับผิดชอบที่ไปฆ่าคนมากมาย
    และองค์เจ้าชีวิตของพวกเขาจะตอบแทนพวกเขาที่ไปหลู่เกียรติพระองค์

อิสราเอลลืมตัวและลืมบุญคุณของพระเจ้า

13 เมื่อเอฟราอิมพูด คนก็เกร็งจนตัวสั่น
    เขาเป็นที่ยกย่องเชิดชูในอิสราเอล[e]
แต่เขากลับทำผิดที่ไปนมัสการพระบาอัล
    และเขาก็ตายไป
ถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังทำบาปอยู่เรื่อยๆ
    พวกเขาสร้างพวกรูปเคารพให้กับตนเองจากเงิน
พวกช่างฝีมือหล่อรูปเคารพต่างๆขึ้นมา
    พวกเขาอธิษฐานต่อรูปเคารพเหล่านั้นที่คนสร้างขึ้น
    พวกเขาจูบรูปปั้นลูกวัวพวกนั้น[f]
ดังนั้น พวกเขาจะหายไปเหมือนหมอกในตอนเช้า
    เหมือนน้ำค้างที่เหือดหายไปในยามเช้า
เหมือนแกลบที่ปลิวไปจากลานนวดข้าว
    และเป็นเหมือนควันที่ลอยออกมาจากช่องลม

เรายาห์เวห์ เป็นพระเจ้าของเจ้าตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในแผ่นดินอียิปต์
เจ้าไม่ผูกพันกับพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
    และไม่มีผู้ช่วยให้รอดอื่นนอกจากเรา
เป็นเรานี่แหละ ที่รู้จักเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
    ในแผ่นดินที่ร้อนแผดเผานั้น
ตอนที่เราเลี้ยงดูและนำทางพวกเขานั้น
    พวกเขามีกินอย่างเหลือเฟือ
    แต่พวกเขาก็เย่อหยิ่งจองหองขึ้นมา และลืมเรา
ดังนั้นเราจะเป็นเหมือนสิงโตต่อพวกเขา
    เราจะซุ่มคอยพวกเขาเหมือนเสือดาวข้างทาง
เราจะเข้าจู่โจมพวกเขาเหมือนแม่หมีที่ลูกถูกแย่งไป
    เราจะฉีกอกพวกเขาออก
เราจะกัดกินพวกเขาเหมือนสิงโตกัดกินเหยื่อ
    เราจะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นเหมือนที่สัตว์ป่าฉีกเหยื่อของมัน
อิสราเอล เราจะทำลายเจ้า
    ใครจะช่วยเจ้าได้
10 ไหนล่ะ กษัตริย์ของเจ้า
    เขาจะให้ชัยชนะกับเจ้าในเมืองทั้งหลายของเจ้าได้หรือ
แล้วไหนล่ะ พวกผู้นำของเจ้า ที่เจ้าพูดว่า
    “ขอกษัตริย์กับพวกผู้นำให้กับเราด้วย”
11 ตอนเราโกรธ เราให้กษัตริย์กับเจ้า
    และเมื่อเราโกรธอีก เราได้เอากษัตริย์ไปจากเจ้า

12 ความผิดของเอฟราอิมถูกมัดไว้แล้วในหนังสือม้วน
    ความบาปทั้งหลายของเขาได้เก็บบันทึกไว้แล้ว
13 การเจ็บท้องคลอด บอกให้รู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะเกิดแล้ว
    แต่เขาไม่เป็นเด็กที่ฉลาด
เมื่อถึงเวลาที่เขาจะคลอดออกมา
    เขาไม่ยอมโผล่มาที่ปากช่องคลอด

14 เราควรจะไถ่พวกเขาให้พ้นจากแดนคนตายไหม
เราควรจะไถ่พวกเขาจากความตายไหม
    เจ้าความตาย นำพวกภัยพิบัติของเจ้ามาเลย
    เจ้าแดนคนตาย นำความหายนะของเจ้ามาเลย
    ยังไงเราก็ไม่เปลี่ยนใจ ที่จะลงโทษพวกเขาหรอก
15 ถึงแม้ว่าเอฟราอิมจะเจริญเติบโตเหมือนต้นอ้อ
    ลมทางทิศตะวันออกกำลังมา
    ลมหายใจของพระยาห์เวห์กำลังพัดมาจากทะเลทราย
บ่อน้ำของเอฟราอิมกำลังเหือดแห้งไป
    และตาน้ำของเขาจะแห้งไป
ลมนั้นจะปล้นสมบัติของเขาไป
    และเอาของมีค่าทุกอย่างไป
16 สะมาเรียจะต้องรับผิด
    เพราะเธอกบฏต่อพระเจ้าของเธอ
พวกเขาจะถูกดาบฟาดฟันให้ล้มลง
    ลูกเด็กเล็กแดงของเขาจะถูกฟาดลงกับพื้นดิน
    และพวกผู้หญิงของพวกเขาที่มีครรภ์จะถูกผ่าท้อง

ให้หันกลับมาหาพระยาห์เวห์

14 อิสราเอลเอ๋ย หันกลับไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าซะ
    ความบาปของเจ้าทำให้เจ้าล้มลง
เตรียมคำพูดดีๆมา แล้วกลับไปหาพระยาห์เวห์
และพูดกับพระองค์ว่า
    “ขอพระองค์โปรดอภัยให้กับความผิดบาปทั้งหมดที่พวกเราได้ทำไปด้วยเถิด
และโปรดยอมรับคำอธิษฐานของเรา
    เราขอถวายคำสรรเสริญต่อพระองค์ด้วยริมฝีปากของเราเหมือนถวายพวกวัวตัวผู้
อัสซีเรียไม่สามารถช่วยกู้พวกเราได้
    เราจะไม่ขี่ม้าไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย
เราจะไม่พูดกับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมากับมือว่า ‘ท่านเป็นพระเจ้าของเรา’
    เพราะพระองค์เท่านั้นที่แสดงความเมตตาปรานีต่อคนไร้ที่พึ่งอย่างเด็กกำพร้า”

พระยาห์เวห์จะอภัยให้กับอิสราเอล

พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะรักษาพวกเขา จากใจที่ชอบหลงทางไปจากเรา
    เราจะรักพวกเขาอย่างไม่มีขีดจำกัด
    เพราะเราหันความโกรธของเราไปจากพวกเขาแล้ว
เราจะเป็นเหมือนน้ำค้างให้กับอิสราเอล
    เขาจะบานออกเหมือนดอกลิลลี่
    เขาจะหยั่งรากลงเหมือนพวกต้นสนซีดาร์ของเลบานอน
กิ่งก้านของมันจะแผ่ออกไป
    เพื่อว่ามันจะสวยงามเหมือนต้นมะกอก
    และจะมีกลิ่นหอมเหมือนป่าไม้ในเลบานอน
ผู้คนจะกลับมาอาศัยภายใต้ร่มเงาของมัน
    พวกเขาจะปลูกข้าวสาลีกัน
พวกเขาจะบานออกมาเหมือนดอกของเถาองุ่น
    อิสราเอลจะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเหมือนกับเหล้าองุ่นของเลบานอน

พระเจ้าเตือนอิสราเอลเรื่องรูปเคารพ

เอฟราอิมเอ๋ย เรากับพวกรูปเคารพนั้นเหมือนกันตรงไหนหรือ
    เรานี่แหละที่ตอบคำอธิษฐานของเจ้า เรานี่แหละที่คอยดูแลเจ้า
เราเป็นเหมือนต้นสนสามใบที่เขียวตลอดเวลา
    ผลผลิตของเจ้าเกิดมาจากเรา”

คำแนะนำสุดท้าย

ใครเป็นคนฉลาด ก็ให้เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้
    ใครมีความเข้าใจ ก็ให้เขารู้จักเรื่องพวกนี้
คือว่า ทางต่างๆของพระยาห์เวห์นั้นเที่ยงตรง
    คนดีจะเดินในทางเหล่านั้น
    แต่พวกกบฏจะหกล้มในทางเหล่านั้น

วิวรณ์ 4

ยอห์นเห็นสวรรค์

หลังจากนั้นผมเห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่ตรงหน้า และผมได้ยินเสียงที่พูดกับผมครั้งแรก ที่ดังคล้ายกับเสียงแตรพูดว่า “ขึ้นมาบนนี้เถิด แล้วเราจะแสดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป” ทันใดนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ครอบงำผมไว้ แล้วคุณเชื่อไหม สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้านั้น คือบัลลังก์ซึ่งตั้งอยู่ในสวรรค์และมีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้นด้วย ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นมีรูปร่างที่ส่องประกายเหมือนแก้วเจียระไนที่มีค่าทั้งสีเขียวและสีแดง และรอบบัลลังก์นั้นมีรุ้งสีสว่างสดใสเหมือนแก้วมรกตล้อมอยู่ นอกจากนี้ยังมีบัลลังก์อีกยี่สิบสี่บัลลังก์ล้อมรอบบัลลังก์นั้น และมีผู้อาวุโสยี่สิบสี่องค์[a] นั่งอยู่บนแต่ละบัลลังก์ พวกเขาแต่งชุดสีขาวและสวมมงกุฎทองคำ มีฟ้าแลบและฟ้าร้องดังออกมาจากบัลลังก์ และมีคบเพลิงเจ็ดอันลุกโชติช่วงอยู่หน้าบัลลังก์ ซึ่งคือพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า ตรงหน้าบัลลังก์นั้น มองดูแล้วเหมือนทะเลแก้วที่ใสดั่งแก้วเจียระไน

ส่วนตรงกลางบริเวณรอบบัลลังก์ มีสิ่งมีชีวิตสี่ตน ซึ่งมีดวงตาอยู่รอบตัวเต็มไปหมด ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง สิ่งมีชีวิตตนแรกเหมือนสิงโต ตนที่สองเหมือนวัวตัวผู้ ตนที่สามมีหน้าตาเหมือนมนุษย์ และตนที่สี่เหมือนนกอินทรีที่กำลังโผบิน[b] สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้ แต่ละตนมีปีกหกปีกและมีดวงตารอบตัวและใต้ปีกด้วย ตลอดทั้งวันทั้งคืน พวกเขาไม่เคยหยุดพูดว่า

“ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ คือพระเจ้าองค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    เป็นผู้ที่อยู่ในปัจจุบัน ในอดีต และกำลังจะมาในอนาคต”

เมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสี่กล่าวคำสรรเสริญถวายพระเกียรติ และขอบคุณพระองค์ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ผู้ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป 10 ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่องค์ ก็ก้มลงกราบนมัสการพระองค์ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และผู้มีชีวิตอยู่ตลอดไป พวกเขาถอดมงกุฎของตัวเองวางลงตรงหน้าบัลลังก์ของพระองค์ แล้วพูดว่า

11 “พระเจ้าองค์เจ้าชีวิตของพวกเราทั้งหลาย
    พระองค์สมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ ได้รับเกียรติและฤทธิ์อำนาจ
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง
    และทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกสร้างขึ้น และมีขึ้นมาตามใจพระองค์”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International