Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เอเสเคียล 45-46

กฎระเบียบเรื่องการแบ่งที่ดินสำหรับใช้ในงานศักดิ์สิทธิ์

45 เมื่อเจ้าแบ่งที่ดินเพื่อให้เป็นมรดกนั้น

เจ้าต้องถวายที่ดินส่วนหนึ่งให้แก่พระยาห์เวห์เพื่อให้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ โดยให้มีขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก[a] กว้างสองหมื่นศอก[b] พื้นที่ทั้งหมดนี้จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ จากเขตศักดิ์สิทธิ์นี้ ให้แบ่งพื้นที่ออกมาส่วนหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่ามีขนาดด้านละห้าร้อยศอก เพื่อให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และให้กันพื้นที่รอบๆส่วนนี้ออกมาอีกห้าสิบศอก เพื่อเป็นพื้นที่เปิดโล่ง

ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก กว้างหนึ่งหมื่นศอกนี้ จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในเขตนี้จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดตั้งอยู่

ในที่ดินทั้งหมด เขตนี้จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกนักบวชอยู่กัน คือพวกนักบวชที่รับใช้อยู่ในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้าใกล้พระยาห์เวห์เพื่อรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์ มันจะเป็นที่ตั้งสำหรับบ้านของพวกเขา และเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย

พื้นที่ขนาดยาวสองหมื่นห้าพันศอก กว้างหนึ่งหมื่นศอกนี้ จะเป็นที่ตั้งของพวกเมืองที่เป็นสมบัติของพวกชาวเลวีที่รับใช้อยู่ในวิหาร เพื่อให้พวกเขาใช้อยู่อาศัย

เจ้าต้องกำหนดบริเวณหนึ่ง มีขนาดกว้างห้าพันศอก ยาวสองหมื่นห้าพันศอก อยู่ถัดจากส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา ที่ตรงนี้ให้เป็นที่อยู่ของชาวอิสราเอลทั้งหมด รวมทั้งเป็นที่ตั้งของเมืองเยรูซาเล็มด้วย

กฎระเบียบเรื่องการแบ่งที่ดินสำหรับผู้นำอิสราเอล

เขตที่ติดกับเขตศักดิ์สิทธิ์ และติดกับเมืองเยรูซาเล็มไปทางตะวันตกและตะวันออก จะเป็นของผู้นำอิสราเอล

เขตนี้จะทอดยาวไปจากสุดเขตแดนทางทิศตะวันตก ไปถึงสุดเขตแดนทิศตะวันออก ขนานไปกับเขตแดนที่เป็นของแต่ละเผ่า ที่ดินนี้จะเป็นสมบัติของผู้นำอิสราเอล และผู้นำของเราจะไม่กดขี่ประชาชนของเราอีกต่อไป แต่จะยินยอมให้ชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของที่ดินได้ตามเผ่าพันธุ์ของพวกเขา

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“พวกผู้นำของอิสราเอล พวกเจ้าได้ปล้นและโกงคนของเรามานานพอแล้ว หยุดความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหงซะ แล้วหันมาทำในสิ่งที่เที่ยงธรรมและถูกต้อง หยุดขับไล่ประชาชนของเราไปจากบ้านของพวกเขาได้แล้ว”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

กฎระเบียบเรื่องน้ำหนักและเครื่องตวง

10 “เจ้าต้องใช้เครื่องชั่งที่เที่ยงตรง ใช้เอฟาห์[c] และใช้บัท[d] ที่เที่ยงตรง 11 เอฟาห์กับบัทนั้นต้องมีขนาดเดียวกัน หนึ่งบัทต้องบรรจุได้หนึ่งส่วนสิบโฮเมอร์[e] และหนึ่งเอฟาห์ต้องบรรจุได้หนึ่งส่วนสิบโฮเมอร์เหมือนกัน

โฮเมอร์ต้องเป็นเครื่องวัดที่มาตรฐานสำหรับทั้งเอฟาห์และบัท

12 หนึ่งเชเขล[f] ต้องเท่ากับยี่สิบเกราห์

ยี่สิบเชเขลบวกยี่สิบห้าเชเขลบวกสิบห้าเชเขลต้องเท่ากับหนึ่งมินา[g]

กฎระเบียบเรื่องของถวาย

13 ต่อไปนี้คือของขวัญพิเศษที่เจ้าต้องนำมาถวาย

จากแต่ละโฮเมอร์ของข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์ เจ้าต้องถวายหนึ่งส่วนหกเอฟาห์

14 ให้ถวายน้ำมันตามที่ได้กำหนดไว้โดยตวงเป็นบัท

จากน้ำมันแต่ละโคระ ให้แบ่งถวายหนึ่งส่วนสิบบัท[h]

(หนึ่งโคระเท่ากับสิบบัทหรือหนึ่งโฮเมอร์)

15 จากฝูงแกะทุกๆสองร้อยตัวที่ได้รับการเลี้ยงดูในทุ่งหญ้าของอิสราเอลที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ให้เลือกออกมาถวายหนึ่งตัว

ของพวกนี้ทั้งหมด จะเอามาเป็น เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา เพื่อขจัดบาปต่างๆให้กับประชาชน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

16 ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินต้องมอบของถวายต่างๆนี้ให้กับผู้นำอิสราเอล

17 ผู้นำอิสราเอลจะมีหน้าที่จัดหาเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และเครื่องดื่มบูชา สำหรับงานเทศกาลวันพระจันทร์ใหม่ วันหยุดทางศาสนา รวมทั้งงานเทศกาลทั้งหลายที่ได้กำหนดไว้ของครอบครัวชาวอิสราเอล

ผู้นำอิสราเอลจะจัดหาเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา เพื่อใช้ขจัดบาปต่างๆสำหรับครอบครัวอิสราเอล

กฎระเบียบเรื่องเทศกาลต่างๆ

(อพย. 12:1-20; ลนต. 23:33-43)

18 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

ในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง เจ้าต้องนำวัวหนุ่มที่ไม่มีตำหนิใดๆมา และใช้มันทำพิธีเพื่อทำให้บริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นบริสุทธิ์

19 นักบวชต้องเอาเลือดของเครื่องบูชาชำระล้าง มาใส่ไว้ที่เสาประตูของวิหาร และใส่ตรงขอบด้านบนของทั้งสี่มุมของแท่นบูชา และใส่บนเสาประตูของลานด้านใน

20 เจ้าต้องทำพิธีนี้เหมือนกัน ในวันที่เจ็ดของเดือนนั้น สำหรับคนที่ทำบาปไปโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่รู้ โดยวิธีนี้เจ้าจะชำระวิหารให้บริสุทธิ์

21 ในวันที่สิบสี่ของเดือนนั้น เจ้าต้องจัดงานเทศกาลปลดปล่อยขึ้น งานเลี้ยงจะมีขึ้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ในระหว่างนี้ เจ้าจะต้องกินขนมปังที่ไม่ได้ใส่เชื้อฟู 22 ช่วงนี้ ผู้นำจะจัดหาวัวผู้มาตัวหนึ่ง เอามาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง ให้กับทั้งตัวเขาและประชาชนทั้งหมดของแผ่นดิน

23 ตลอดทั้งเจ็ดวันของงานเลี้ยงนี้

ผู้นำต้องเป็นผู้จัดหาวัวตัวผู้เจ็ดตัว และแกะตัวผู้เจ็ดตัว ที่ไม่มีตำหนิใดๆมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์

และจัดหาแพะตัวผู้มาวันละตัว เอามาถวายเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง

24 เมื่อถวายวัวตัวผู้แต่ละตัว ผู้นำจะต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งเอฟาห์[i]ด้วย

และเมื่อถวายแกะตัวผู้แต่ละตัว เขาต้องถวายเมล็ดพืชจำนวนหนึ่งเอฟาห์ พร้อมกับถวายน้ำมันหนึ่งฮิน[j] สำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

25 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด และในช่วงเจ็ดวันของเทศกาลอยู่เพิง ผู้นำต้องจัดหาเครื่องบูชาเหล่านี้ไว้ด้วย คือพวกเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและน้ำมัน

กฎระเบียบต่างๆสำหรับผู้ครอบครองและประชาชน

46 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ประตูลานด้านในที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้น ให้ปิดมันไว้ตลอดหกวันทำงานนั้น แต่ในวันหยุดทางศาสนาและวันพระจันทร์ใหม่ ให้เปิดมันไว้ ผู้ครอบครองอิสราเอลจะต้องเข้ามาจากด้านนอกโดยผ่านทางระเบียงของประตูทางเข้า และมายืนอยู่ข้างเสาประตู พวกนักบวชต้องเอาเครื่องเผาบูชาของผู้ครอบครอง และพวกเครื่องสังสรรค์บูชาของเขา มาถวายให้กับเรา ผู้ครอบครองต้องกราบไหว้อยู่ที่ธรณีประตูทางเข้า แล้วถึงค่อยออกไป แต่อย่าเพิ่งปิดประตูจนกว่าจะถึงตอนเย็น ทุกๆวันหยุดทางศาสนาและทุกๆวันพระจันทร์ใหม่ ประชาชนในแผ่นดินต้องมากราบไหว้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ที่ทางเข้าของประตูนั้น

เครื่องเผาบูชาที่ผู้ครอบครอง นำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ในวันหยุดทางศาสนานั้น จะต้องประกอบไปด้วย ลูกแกะผู้หกตัว และแกะผู้หนึ่งตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ

เขาต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชหนึ่งเอฟาห์[k] พร้อมกับแกะผู้ตัวนั้น และถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชเท่าที่อยากจะถวาย พร้อมกับลูกแกะเหล่านั้น แต่เขาต้องถวายน้ำมันหนึ่งฮินสำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

ในวันพระจันทร์ใหม่นั้น เขาต้องถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว พร้อมกับลูกแกะหกตัว และแกะผู้หนึ่งตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ

เขาต้องจัดหาเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชหนึ่งเอฟาห์ถวายพร้อมกับวัวผู้ตัวนั้น และถวายเมล็ดพืชหนึ่งเอฟาห์ไปพร้อมกับแกะผู้ตัวนั้นด้วย และให้ถวายเมล็ดพืชเท่าที่เขาอยากจะถวาย พร้อมกับพวกลูกแกะ แต่เขาต้องถวายน้ำมันหนึ่งฮิน[l] สำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

เมื่อผู้ครอบครองเข้ามา เขาต้องเดินผ่านระเบียงของประตูทางเข้า และต้องออกไปทางประตูเดียวกัน

เมื่อประชาชนในแผ่นดินนั้น มาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ในงานเทศกาลต่างๆที่ได้กำหนดไว้ คนที่เข้ามาทางประตูทิศเหนือเพื่อมานมัสการเรา จะต้องออกไปทางประตูทิศใต้ และคนที่เข้ามาทางประตูทิศใต้จะต้องออกไปทางประตูทิศเหนือ ห้ามเข้าออกโดยใช้ประตูเดียวกัน แต่ต้องเข้าออกโดยใช้ประตูที่อยู่ตรงข้ามกัน

10 ผู้ครอบครองจะต้องอยู่ท่ามกลางประชาชน ประชาชนเข้าออกตอนไหน ผู้ครอบครองก็ต้องเข้าออกตอนนั้นด้วย

11 ทั้งงานเทศกาลและงานเลี้ยงทั้งหลายที่ได้กำหนดขึ้น ต้องมีเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช หนึ่งเอฟาห์ถวายพร้อมกับวัวผู้หนึ่งตัว

และเมล็ดพืชอีกหนึ่งเอฟาห์ถวายพร้อมกับแกะผู้หนึ่งตัว

และถวายเมล็ดพืชเท่าที่เขาอยากจะถวาย พร้อมกับพวกลูกแกะ พร้อมกับน้ำมันหนึ่งฮินสำหรับเมล็ดพืชแต่ละเอฟาห์

12 เมื่อผู้ครอบครองจัดหาเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจมาให้กับพระยาห์เวห์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสังสรรค์บูชาก็ตาม จะต้องเปิดประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกให้กับเขา เขาจะถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสังสรรค์บูชา เหมือนกับที่เขาถวายในวันหยุดทางศาสนา แล้วเขาจะออกไป และหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ให้ปิดประตู

กฎระเบียบเรื่องเครื่องบูชาประจำวัน

13 ทุกๆเช้า ผู้ครอบครองต้องจัดหาลูกแกะอายุหนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิใดๆมาเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์

14 ผู้ครอบครองยังต้องจัดหาเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชหนึ่งส่วนหกเอฟาห์ กับน้ำมันหนึ่งส่วนสามฮิน เพื่อทำให้แป้งนุ่ม ร่วมกับการถวายเครื่องเผาบูชานี้ การถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชให้แก่พระยาห์เวห์นั้น เป็นกฎที่ต้องทำตลอดไป

15 เขาจะต้องถวายลูกแกะ เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและน้ำมัน ให้กับเราในทุกๆเช้า นี่เป็นกฎสำหรับเครื่องเผาบูชาที่ทำกันตามปกติทุกๆวัน”

กฎระเบียบเรื่องการยกมรดกของผู้ครอบครองแผ่นดิน

16 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ถ้าผู้ครอบครองมอบของขวัญจากกองมรดกให้กับลูกชายคนหนึ่งคนใดของเขา มรดกนั้นจะตกเป็นของลูกหลานของลูกชายคนนั้นด้วย มันจะเป็นสมบัติที่ตกทอดกันต่อๆไป

17 แต่ ถ้าผู้ครอบครองมอบของขวัญจากกองมรดกให้กับคนรับใช้คนหนึ่งคนใดของเขา คนรับใช้คนนั้นจะเก็บของนั้นไว้ได้จนถึงปีแห่งการปลดปล่อยแล้วของนั้นก็จะกลับไปสู่ผู้ครอบครองคนนั้นเหมือนเดิม มรดกของผู้ครอบครองจะตกทอดไปสู่ลูกชายของผู้ครอบครองเท่านั้น มันเป็นสมบัติของลูกหลานของเขา

18 ผู้ครอบครองต้องไม่ไปแย่งชิงมรดกของประชาชน

หรือขับไล่ประชาชนออกจากที่ดินของพวกเขา

ผู้ครอบครองต้องยกมรดกที่เป็นของเขาเองให้กับพวกลูกชายของเขา เพื่อประชาชนของเราจะได้ไม่ต้องถูกไล่ออกจากที่ดินของพวกเขา”

กฎระเบียบเรื่องครัวของวิหาร

19 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมผ่านไปที่ทางเข้าที่อยู่ด้านข้างของประตูที่จะไปสู่บรรดาห้องศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ห้องเหล่านั้นคือห้องของพวกนักบวช เขาได้พาผมไปดูสถานที่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ปลายสุดทางด้านทิศตะวันตก 20 เขาพูดกับผมว่า “นี่คือสถานที่ที่พวกนักบวชจะใช้ต้มเครื่องบูชาชดเชย และเครื่องบูชาชำระล้าง และอบเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ต้องเอาเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ออกไปที่ลานด้านนอก ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อประชาชนได้”[m]

21 แล้วเขาได้นำผมไปที่ลานด้านนอก และพาผมเดินผ่านไปทั้งสี่มุมของลาน และแต่ละมุมก็มีลานเล็กอีกลานหนึ่ง

22 ลานเล็กที่อยู่ตามมุมทั้งสี่ของลานด้านนอกนี้ มีขนาดยาวสี่สิบศอกและกว้างสามสิบศอก ลานเล็กที่อยู่ติดกับทั้งสี่มุมนี้มีขนาดเท่ากันหมด

23 บริเวณโดยรอบด้านในของลานเล็กทั้งสี่ลานนั้น มีส่วนที่ยื่นออกมาจากกำแพง ส่วนที่ยื่นออกมานั้นก่อขึ้นจากหิน และมีที่ก่อไฟอยู่ด้านล่างโดยรอบ

24 ชายผู้นั้นได้พูดกับผมว่า “สถานที่เหล่านี้คือพวกครัวที่พวกผู้ที่รับใช้อยู่ในวิหาร ใช้ต้มพวกเครื่องบูชาของประชาชน”

1 ยอห์น 2

พระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอด

ลูกๆที่รัก ผมได้เขียนสิ่งเหล่านี้ถึงพวกคุณ เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ทำบาป แต่ถ้าใครทำบาป เราก็มีพระเยซูคริสต์ผู้ซื่อสัตย์ที่แก้ตัวแทนเราต่อหน้าพระบิดา พระองค์เป็นเครื่องบูชาที่จัดการกับบาปของเรา และไม่ใช่แต่ความบาปของเราเท่านั้น แต่รวมถึงบาปของคนทั้งโลกด้วย

ถ้าเรารักษาคำสั่งของพระองค์ เราก็จะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์จริงๆ คนที่พูดว่า “ฉันรู้จักพระเจ้า” แต่ไม่ได้ทำตามคำสั่งของพระองค์ ก็เป็นคนโกหก เขาไม่ได้รู้จักความจริง แต่คนที่ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้านั้น ความรักของพระเจ้าก็สำเร็จครบถ้วนในคนๆนั้นอย่างแท้จริง สิ่งนี้ทำให้เราแน่ใจว่าเราอยู่ในพระองค์ คนที่บอกว่าตัวเองอยู่ในพระเจ้า ก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนกับพระเยซูด้วย

คำสั่งให้เรารักคนอื่น

เพื่อนๆที่รัก ผมไม่ได้เขียนคำสั่งใหม่ให้กับคุณ แต่เป็นคำสั่งอันเก่าที่พวกคุณมีอยู่แล้วและเคยได้ยินมาแล้ว แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงคุณนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคำสั่งใหม่ก็ได้ คุณดูได้จากชีวิตของพระคริสต์ หรือดูจากชีวิตของพวกคุณเอง แล้วจะรู้ว่าคำสั่งใหม่นี้เป็นความจริงเพราะความมืดกำลังผ่านพ้นไป และความสว่างอันแท้จริงกำลังส่องแสงอยู่แล้ว

คนที่พูดว่าเขาอยู่ในความสว่างแต่ยังเกลียดชังพี่น้องอยู่ ก็แสดงว่าเขายังอยู่ในความมืด 10 คนที่รักพี่น้องของเขาก็อยู่ในความสว่าง ชีวิตของเขาจะไม่มีอะไรไม่ดีที่จะไปทำให้คนอื่นสะดุดทำบาป 11 แต่คนที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็ยังอยู่ในความมืด เขายังเดินอยู่ในความมืด และก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปที่ไหน เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด

12 ลูกเล็กๆที่รัก ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะบาปที่พวกคุณได้ทำนั้น พระเจ้าได้ยกโทษแล้วผ่านทางพระคริสต์

13 คุณพ่อทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้รู้จักกับพระองค์ ผู้ซึ่งเป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก คนหนุ่มๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้เอาชนะมารร้ายนั้น

14 ลูกเล็กๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้มารู้จักกับพระบิดา คุณพ่อทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณได้มารู้จักกับพระองค์ผู้ซึ่งได้เป็นอยู่ตั้งแต่เริ่มแรก คนหนุ่มๆทั้งหลาย ผมได้เขียนถึงพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณมีกำลังมาก และพระคำของพระเจ้าอยู่ในพวกคุณทั้งหลาย และพวกคุณก็ได้เอาชนะมารร้ายนั้น

15 อย่ารักโลกหรือรักสิ่งของในโลกนี้อีกต่อไป ถ้าคนไหนรักโลกนี้ คนนั้นก็ไม่ได้รักพระบิดา 16 เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ คือกิเลสตัณหาของสันดาน กิเลสตัณหาของตา และการโอ้อวดในสิ่งที่ทำหรือมี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกนี้ 17 โลกนี้กำลังผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมๆกับกิเลสตัณหาของมัน แต่คนที่ทำตามความต้องการของพระเจ้าจะยังอยู่ตลอดไป

อย่าติดตามศัตรูของพระคริสต์

18 ลูกๆเอ๋ย วันสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว อย่างที่พวกคุณได้ยินแล้วว่าศัตรูของพระคริสต์กำลังจะมา เดี๋ยวนี้พวกศัตรูนั้นก็ได้มากันมากมายแล้ว ซึ่งทำให้เรารู้ว่าวันสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว 19 ศัตรูพวกนี้เป็นพวกที่ได้เดินออกไปจากพวกเรา แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้เป็นคนของพวกเราหรอก เพราะถ้าเป็นพวกเราจริงก็ต้องอยู่กับเราตลอดไป แต่พวกเขาได้ออกไปจากพวกเราแล้ว แสดงว่าไม่มีใครสักคน ในพวกเขาที่เป็นคนของพวกเรา

20 พระคริสต์ผู้บริสุทธิ์ได้เจิมพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้พวกคุณทุกคนรู้ความจริง 21 ที่ผมเขียนจดหมายมาหาพวกคุณ ไม่ใช่เพราะพวกคุณไม่รู้ความจริงนี้ แต่เพราะพวกคุณรู้แล้ว และรู้ด้วยว่าไม่มีคำหลอกลวงออกมาจากความจริง

22 แล้วคนโกหกคือใคร คนโกหกก็คือคนที่พูดว่าพระเยซูไม่ใช่พระคริสต์ คนนี้แหละคือศัตรูของพระคริสต์และเป็นคนที่ปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตรด้วย 23 ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา แต่คนที่ยอมรับพระบุตรอย่างเปิดเผยก็มีพระบิดาด้วย

24 ขอให้พวกคุณเก็บรักษาคำสั่งสอนที่คุณได้ยินมาตั้งแต่ต้น เพราะถ้าคุณเก็บรักษาคำสั่งสอนนี้ไว้ คำสั่งสอนนี้ก็จะเก็บรักษาคุณไว้ในพระบุตรและพระบิดาด้วย 25 นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัญญาว่าจะให้กับเรา คือชีวิตที่อยู่กับพระเจ้าตลอดไป

26 ทั้งหมดที่ผมเขียนมานี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่มีคนพยายามจะมาหลอกลวงพวกคุณ 27 พระคริสต์ได้เจิมพวกคุณด้วยพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ยังอยู่กับพวกคุณ คุณก็เลยไม่ต้องให้ใครมาสอนอีก เพราะพระวิญญาณนั้นได้สอนให้คุณรู้เกี่ยวกับทุกสิ่ง พระวิญญาณนั้นเป็นความจริงและจะไม่หลอกลวง ดังนั้นพวกคุณควรจะตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์เหมือนกับที่พระวิญญาณได้สอนนั้น

28 เดี๋ยวนี้ขอให้ลูกเล็กๆทั้งหลายตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อวันที่พระคริสต์มาปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจและไม่ต้องละอายเมื่อพระองค์กลับมา 29 เพราะพวกคุณรู้แล้วว่า พระเจ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทุกคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องก็ได้เป็นลูกของพระเจ้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International