Old/New Testament
ห้องนักบวช
42 แล้วชายผู้นั้นก็นำผมไปทางทิศเหนือ
ออกไปที่ลานด้านนอก และนำผมไปยังพวกห้องที่อยู่อีกฝากหนึ่งของลานที่อยู่หลังวิหาร และตรงข้ามกับตึกทางทิศเหนือ
2 ตึกที่มีห้องพวกนี้ มีประตูออกไปสู่ทิศเหนือนั้น ยาวหนึ่งร้อยศอก กว้างห้าสิบศอก
3 ตึกนี้สูงสามชั้นและมีพวกระเบียงทางเดินอยู่ทั้งสามชั้นระหว่างตึกนี้กับวิหารนั้น มีลานด้านในขั้นอยู่ กว้างยี่สิบศอก อีกฝากหนึ่งของตึกนี้ หันไปทางพื้นหินของลานด้านนอก
4 ที่ด้านหน้าห้องต่างๆที่หันหน้าเข้ามาด้านใน มีเฉลียงกว้างสิบศอก ยาวหนึ่งร้อยศอก แล้วมีประตูอยู่ทางทิศเหนือ
5 ตึกนี้ ห้องข้างบนแคบกว่าข้างล่าง
เพราะระเบียงทางเดินเหล่านั้นไปกินที่ของห้องชั้นบน มากกว่าที่ชั้นกลางและชั้นล่างของตึก
6 ทั้งสามชั้นไม่มีเสาหลักเหมือนกับที่มีในลานข้างนอก ดังนั้นห้องชั้นบนพวกนี้จึงมีพื้นที่ว่างน้อยกว่าชั้นล่างและชั้นกลาง
7 ด้านนอกของตึกนี้ มีกำแพงขนานไปกับห้องพวกนี้และลานด้านนอก กำแพงนี้ทอดยาวไปตามด้านหน้าของห้อง มีขนาดยาวห้าสิบศอก
8 แถวของห้องที่ขนานไปกับลานด้านนอกนั้นยาวห้าสิบศอก
แถวของห้องที่อยู่ใกล้กับห้องศักดิ์สิทธิ์นั้นยาวหนึ่งร้อยศอก
9 มีทางเข้าจากลานด้านนอก เข้ามายังห้องพวกนี้จากทางทิศตะวันออก
10 ตรงจุดเริ่มต้นของกำแพงลานของลานวิหาร ทางทิศใต้เลาะไปตามแนวกำแพงลานด้านนอก มีห้องหลายห้องติดกับลานของวิหารและอยู่ตรงข้ามกับตึก
11 มีเฉลียงอยู่หน้าห้องเหล่านั้น ห้องทางทิศใต้พวกนี้เหมือนกับห้องต่างๆทางทิศเหนือ มีความกว้างและยาวเท่ากัน มีพวกทางออกและความลึกเหมือนกันด้วย 12 ที่จุดเริ่มต้นของเฉลียงที่ขนานไปกับผนัง มีทางเข้าอันหนึ่งที่ผู้คนสามารถใช้เข้าออกห้องต่างๆเหล่านั้นได้ จากทางทิศตะวันออก
13 แล้วชายผู้นั้นได้พูดกับผมว่า
“ห้องทางทิศเหนือและห้องทางทิศใต้ที่หันหน้าไปที่ลานหลังวิหารนั้น คือห้องของพวกนักบวช เป็นห้องสำหรับพวกนักบวชที่รับใช้อยู่ใกล้ชิดพระยาห์เวห์ จะใช้กินเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด พวกเขาจะวางเครื่องบูชาเหล่านี้ไว้ในห้องเหล่านั้น คือเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาชำระล้าง และเครื่องบูชาชดเชย เพราะห้องพวกนั้นเป็นห้องศักดิ์สิทธิ์
14 พวกนักบวชที่เข้าไปในพวกบริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์ของวิหารนั้น จะต้องไม่ออกมาที่ลานด้านนอก จนกว่าพวกเขาจะได้ถอดชุดที่ใส่รับใช้พระยาห์เวห์ไว้ในห้องทั้งหลายของนักบวชก่อน เพราะชุดเหล่านั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาต้องสวมเสื้อผ้าอื่น ก่อนที่จะออกไปยังบริเวณด้านนอกที่คนทั่วไปอยู่กัน”
ลานด้านนอก
15 เมื่อชายผู้นั้นวัดขนาดสิ่งต่างๆภายในบริเวณวิหารเสร็จแล้ว เขาได้นำผมออกมาทางประตูด้านตะวันออก และเขาได้วัดบริเวณรอบๆวิหารทั้งหมด
16 เขาเอาไม้วัด วัดด้านตะวันออกได้ขนาดความยาวห้าร้อยศอก
17 เขาเอาไม้วัด วัดด้านเหนือได้ขนาดความยาวห้าร้อยศอก
18 เขาเอาไม้วัด วัดด้านใต้ ได้ขนาดความยาวห้าร้อยศอก
19 แล้วเขาก็หันไปทางด้านตะวันตกและวัดด้านนั้นได้ความยาวห้าร้อยศอกเหมือนกัน
20 เขาจึงใช้ไม้วัด วัดทั้งสี่ด้านซึ่งมีกำแพงล้อมรอบอยู่ ได้ขนาดยาวห้าร้อยศอก กว้างห้าร้อยศอก กำแพงนี้แยกบริเวณที่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากบริเวณทั่วๆไป
สง่าราศีของพระยาห์เวห์กลับคืนสู่วิหารของพระองค์
43 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมไปที่ประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก 2 และผมได้เห็นรัศมีของพระเจ้าของชาวอิสราเอล ส่องออกมาจากทางทิศตะวันออกนั้น เสียงดังเหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และพื้นดินได้สว่างจ้าไปด้วยแสงจากรัศมีของพระองค์
3 นิมิตที่ผมเห็นนั้นเหมือนกับนิมิตที่ผมเคยเห็นเมื่อครั้งที่พระองค์ได้มาเพื่อทำลายเมือง และเหมือนกับนิมิตที่ผมเคยเห็นที่คลองเคบาร์ และผมก็ซบหน้าลงกับดิน
4 รัศมีของพระยาห์เวห์ได้เข้าสู่วิหารทางประตูที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
5 แล้วพระวิญญาณ[a] ได้ยกผมขึ้น และนำผมเข้าสู่ลานด้านใน และรัศมีของพระยาห์เวห์ได้แผ่ไปทั่ววิหาร 6 ในขณะที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ข้างๆผม ผมได้ยินเสียงของผู้หนึ่งดังออกมาจากภายในวิหารพูดกับผม
7 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์
นี่คือที่ตั้งบัลลังก์ของเรา และเป็นที่วางฝ่าเท้าของเรา
นี่คือที่ที่เราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลตลอดไป ทั้งครอบครัวชาวอิสราเอลกับพวกกษัตริย์ของพวกเขา จะไม่ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องเสื่อมเสียอีก ด้วยการขายตัว[b] ของพวกเขา และด้วยการถวายของขวัญให้กับพวกวิญญาณของกษัตริย์ทั้งหลายของพวกเขาในงานศพของกษัตริย์เหล่านั้น
8 กษัตริย์ของพวกเขาสร้างธรณีประตูวังและเสาประตูวังของพวกเขาติดกับของเราเลย มีแค่ผนังกั้นระหว่างเรากับพวกเขาเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพวกเขาทำตัวน่ารังเกียจ พวกเขาก็ได้ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสียไป เราถึงได้ทำลายพวกเขาตอนที่เราโกรธ 9 ให้พวกเขาหยุดขายตัว และให้หยุดถวายของขวัญให้กับพวกกษัตริย์ที่ตายแล้วของพวกเขา แล้วเราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป
10 เจ้าลูกมนุษย์เอ๋ย ให้บรรยายเรื่องวิหารนี้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอลฟัง เพื่อพวกเขาจะได้อับอายในบาปทั้งหลายของพวกเขา และให้พวกเขาพิจารณาถึงแผนผังของวิหารนี้ 11 แล้วพวกเขาจะได้ละอายต่อสิ่งทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำไป ให้พวกเขารู้จักรูปแบบของวิหารนี้ ทั้งการจัดวาง พวกทางออกและทางเข้า รวมทั้งกฎระเบียบและคำสั่งทั้งหมดของมัน ให้เขียนสิ่งเหล่านี้ไว้ต่อหน้าพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รักษากฎทั้งหลายของเรา และทำตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดของเรา
12 นี่คือกฎของวิหาร คือบริเวณรอบๆวิหารทั้งหมดบนยอดเขา จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นั่นคือกฎของวิหาร
แท่นบูชา
13 ต่อไปนี้คือขนาดของแท่นบูชา โดยวัดเป็นศอก ให้หนึ่งศอกยาวเท่ากับหนึ่งศอกกับอีกหนึ่งฝ่ามือ
แท่นบูชานี้มีร่องน้ำอยู่รอบๆฐานของมัน ลึกหนึ่งศอก กว้างหนึ่งศอก
ตรงริมของร่องน้ำ มีขอบสูงขึ้นมาหนึ่งคืบ และต่อไปนี้คือความสูงของแท่นบูชา
14 จากก้นของร่องน้ำ ขึ้นมาถึงส่วนบนสุดของที่กั้นอันต่ำ สูงสองศอก หนาหนึ่งศอก จากที่กั้นอันต่ำสุดนี้ขึ้นไปถึงที่กั้นอันสูงสุด สูงสี่ศอก หนาหนึ่งศอก
15 เตาไฟของแท่นบูชาสูงสี่ศอก
และที่มุมทั้งสี่ของเตาไฟนั้น มีเชิงงอนสี่อันยื่นขึ้นมา
16 เตาไฟของแท่นบูชานั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า กว้าง ยาวสิบสองศอก
17 ที่กั้นอันสูงนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า กว้าง ยาวสิบสี่ศอก มีขอบสูงครึ่งศอก มีรางน้ำขนาดหนึ่งศอกอยู่รอบๆฐานของแท่น บันไดของแท่นบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก”
18 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
นี่คือกฎระเบียบต่างๆสำหรับแท่นบูชา เมื่อเจ้าสร้างมันเสร็จแล้ว เพื่อเจ้าจะได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชาบนมัน และซัดเลือดใส่ข้างแท่นบูชา
19 เจ้าต้องใช้วัวหนุ่มหนึ่งตัว เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เจ้าต้องนำมันมาให้กับนักบวชชาวเลวี ซึ่งเป็นคนในครอบครัวของศาโดก พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้เรา เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
20 “เจ้าต้องเอาเลือดของมันมาส่วนหนึ่ง มาใส่ที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่นบูชา และที่มุมทั้งสี่ของที่กั้นชั้นบนสุดที่ถัดจากเตาลงมา และขอบที่อยู่รอบมัน อย่างนี้เจ้าจะทำให้แท่นบูชานั้นบริสุทธิ์และชำระมัน
21 เจ้าต้องเอาวัวหนุ่มที่ถูกถวายเป็นเครื่องบูชา และให้เอาไปเผาในที่ที่ได้กำหนดไว้ภายในบริเวณวิหาร ที่อยู่นอกตึกของวิหาร
22 ในวันที่สอง เจ้าต้องถวายแพะผู้ตัวหนึ่งที่ไม่มีตำหนิใดๆเพื่อเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และเจ้าต้องทำให้แท่นบูชาบริสุทธิ์ อย่างที่ทำตอนถวายวัวหนุ่มนั้น
23 เมื่อเจ้าทำพิธีชำระแท่นบูชาเสร็จแล้ว
เจ้าต้องถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่งกับแกะผู้ตัวหนึ่งที่มาจากฝูง ทั้งสองตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ
24 เจ้าต้องถวายพวกมันต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกนักบวชต้องโรยเกลือลงบนพวกมัน และนำพวกมันไปถวายเป็นเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์
25 เจ้าจะต้องจัดหาแพะตัวผู้ตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง ทุกๆวันเป็นเวลาเจ็ดวัน และเจ้ายังต้องจัดหาวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับแกะผู้ตัวหนึ่งจากฝูง สัตว์ทั้งหมดต้องไม่มีตำหนิใดๆ
26 พวกนักบวชต้องชำระแท่นบูชา และทำให้มันบริสุทธิ์ เป็นเวลาเจ็ดวัน อย่างนี้พวกเขาจะได้อุทิศแท่นบูชานี้ให้กับพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ 27 เมื่อพวกเขาทำจนครบเจ็ดวันแล้ว ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไป พวกนักบวชต้องถวายเครื่องเผาบูชาของเจ้า และเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นบูชานั้น แล้วเราจะยอมรับเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
ประตูด้านนอกทางทิศตะวันออก
44 แล้วชายผู้นั้นได้พาผมกลับไปที่ประตูด้านนอกของบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ประตูนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมันก็ปิดอยู่
2 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ประตูนี้ต้องปิดอยู่เสมอ ไม่มีใครมีสิทธิ์เปิดมัน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออกทางประตูนี้ มันต้องปิดอยู่เสมอ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้เข้ามาทางประตูนี้
3 มีแต่ผู้นำของอิสราเอลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้นั่งอยู่ที่ในประตูนี้ เพื่อจะกินอาหารต่อหน้าพระยาห์เวห์ เขาต้องเข้ามาทางระเบียงของประตูและออกไปทางเดียวกัน”
ความศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร
4 แล้วชายผู้นั้นได้นำผมผ่านเข้าไปทางประตูทิศเหนือ ไปถึงด้านหน้าของวิหาร ผมมองดูและเห็นรัศมีของพระยาห์เวห์เต็มวิหารของพระองค์ และผมได้ซบหน้าลงกับดิน
5 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า
“เจ้าลูกมนุษย์ สนใจดีๆ ดูดีๆและฟังดีๆถึงทุกสิ่งที่เราบอกกับเจ้า ที่เกี่ยวกับกฎระเบียบของวิหารของพระยาห์เวห์ ให้สังเกตทางเข้าและทางออกทั้งหมดของบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ดี
6 ให้พูดกับครอบครัวอิสราเอลที่ชอบกบฏว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ครอบครัวอิสราเอล ให้หยุดการประพฤติอันน่ารังเกียจทั้งหมดของพวกเจ้าซะ 7 นอกจากการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างอื่นของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ายังได้นำพวกชาวต่างชาติที่ไม่ได้ขลิบทั้งใจและกาย เข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา ทำให้วิหารของเราเสื่อมไป ในขณะที่เจ้าถวายอาหารให้กับเราซึ่งก็คือไขมันและเลือดนั้น อย่างนี้พวกเจ้าได้ละเมิดข้อตกลงที่มีต่อเรา
8 แทนที่พวกเจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้า ในการเฝ้ายามพวกของศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากลับให้คนต่างชาติเข้ามาเฝ้ายามแทนในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา”’”
9 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“ห้ามพวกคนต่างชาติที่ยังไม่ได้ขลิบทั้งใจและกายเข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถึงจะเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลก็ตาม
10 แต่พวกชาวเลวีจะเข้ามา คือคนเหล่านั้นที่ปลีกตัวห่างไปจากเราตอนที่ชาวอิสราเอลหลงทางไป พวกชาวเลวีที่หันไปจากเราและไปติดตามพวกรูปเคารพ จะต้องรับผลกรรมจากบาปที่พวกเขาทำไปนั้น
11 พวกเขาจะยังทำหน้าที่ยามในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา รับใช้อยู่ที่ประตูวิหาร และฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาต่างๆสำหรับประชาชน และยืนอยู่ต่อหน้าประชาชนเพื่อรับใช้พวกเขา 12 แต่เราได้ยกมือสาบานไว้ว่า พวกเขาต้องรับผลกรรมจากบาปที่พวกเขาทำไปนั้น เพราะพวกเขาเคยไปรับใช้คนเหล่านั้นต่อหน้าพวกรูปเคารพของพวกเขา และทำให้ครอบครัวชาวอิสราเอลทำบาป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
13 “อย่างนี้ พวกเขาจะต้องไม่เข้าใกล้เพื่อรับใช้เราในฐานะนักบวช หรือเข้าใกล้ของศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตาม หรือเข้าใกล้เครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา พวกเขาต้องทนรับความอับอายจากการทำตัวที่น่ารังเกียจของพวกเขา
14 แต่เราจะตั้งให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นยาม และจัดการกับภาระทั้งหลายที่จะต้องทำในวิหารนั้น
15 แต่พวกนักบวชที่เป็นชาวเลวี และเป็นลูกหลานของศาโดก ที่เคยทำหน้าที่อยู่ภายในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเราอย่างซื่อสัตย์ เมื่อครั้งที่ชาวอิสราเอลหันเหไปจากเรานั้น พวกเขามีสิทธิ์เข้ามาใกล้เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา พวกเขามีสิทธิ์ยืนอยู่ต่อหน้าเรา เพื่อถวายเครื่องบูชาที่เป็นส่วนไขมันและเลือดนั้นให้กับเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
16 “พวกเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเรา และเข้ามาใกล้โต๊ะของเรา เพื่อทำพิธีอยู่ต่อหน้าเรา และพวกเขาจะทำหน้าที่เฝ้ายามสำหรับเรา
17 เมื่อพวกนักบวชนี้เข้าสู่ประตูลานด้านใน พวกเขาต้องสวมเสื้อลินิน พวกเขาต้องไม่สวมเสื้อผ้าที่ทำจากขนแกะ ในขณะที่ทำพิธีอยู่ที่ประตูลานด้านในหรือภายในวิหาร
18 พวกเขาต้องสวมผ้าโพกหัวที่ทำจากลินินและใส่ผ้าชั้นในที่ทำจากลินินไว้รอบเอวของพวกเขา พวกเขาต้องไม่สวมสิ่งใดๆก็ตามที่จะทำให้มีเหงื่อ 19 เมื่อพวกเขาออกไปสู่ลานด้านนอกที่ประชาชนอยู่ พวกเขาต้องถอดเสื้อผ้าที่ใส่ในขณะทำพิธีออก และต้องทิ้งเสื้อผ้าชุดนั้นไว้ในพวกห้องศักดิ์สิทธิ์ และสวมเสื้อผ้าชุดอื่นแทน อย่างนั้น จะได้ไม่มีใครไปถูกเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา และเป็นอันตราย[c]
20 พวกเขาต้องไม่โกนหัวหรือปล่อยให้ผมยาว แต่พวกเขาต้องเล็มผมอยู่เป็นประจำ
21 ห้ามนักบวชดื่มเหล้าองุ่นเมื่อเข้าไปในลานด้านใน
22 พวกเขาต้องไม่แต่งงานกับแม่หม้าย หรือกับหญิงที่หย่ากับสามีมาแล้ว
พวกเขาจะต้องแต่งงานกับหญิงพรหมจรรย์ที่เป็นลูกหลานของชาวอิสราเอล หรือแต่งกับแม่หม้ายของนักบวชเท่านั้น
23 พวกเขาต้องสอนประชาชน ให้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างความศักดิ์สิทธิ์กับของธรรมดาทั่วๆไป และสอนให้พวกเขารู้จักวิธีแยกแยะว่าอะไรบริสุทธิ์และอะไรไม่บริสุทธิ์
24 เมื่อมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
พวกนักบวชต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน และต้องตัดสินเรื่องนั้นตามกฎระเบียบของเรา
พวกเขาต้องรักษากฎทุกข้อและข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวกับงานเทศกาลต่างๆที่เราได้กำหนดขึ้น และพวกเขาจะต้องรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวันหยุดทางศาสนาของเราไว้
25 พวกนักบวชต้องไม่ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ ด้วยการเข้าใกล้คนตาย แต่ถ้าคนตายเป็นพ่อหรือแม่ ลูกชายหรือลูกสาว พี่ชายหรือน้องชาย พี่สาวหรือน้องสาวของเขาที่ยังไม่ได้แต่งงาน เขาจะได้รับอนุญาตให้ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ได้ 26 หลังจากที่เขาได้รับการชำระตัวแล้ว เขาต้องรออยู่เจ็ดวันก่อนที่จะกลับไปทำหน้าที่ในวิหาร
27 ในวันที่เขาเข้าในบริเวณวิหารศักดิ์สิทธิ์ ถึงลานด้านในเพื่อจะรับใช้ในบริเวณศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาจะต้องถวายเครื่องบูชาชำระล้างให้กับตัวเองก่อน” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
28 นี่จะเป็นมรดกที่พวกนักบวชจะได้รับ คือเราเองเป็นมรดกของพวกเขา เจ้าต้องไม่ให้เขาถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินใดๆในอิสราเอล เราเองเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา
29 พวกเขาจะกินเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องบูชาชำระล้าง และเครื่องบูชาชดเชย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวอิสราเอลนำมาถวายให้แก่พระยาห์เวห์จะเป็นของพวกเขา
30 ผลผลิตชุดแรกของพืชทุกชนิด และของถวายพิเศษทุกชนิด จะเป็นของพวกนักบวช เจ้าต้องให้ส่วนที่ดีที่สุดของแป้งดิบของเจ้ากับพวกเขา เพื่อเจ้ากับครอบครัวจะได้รับพร
31 แล้วพวกนักบวชต้องไม่กินอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนกหรือสัตว์อื่นๆที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าฉีกทึ้งจนตาย
1 มีเรื่องหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ก่อนวันแรกของโลกแล้ว เป็นเรื่องที่เราได้ยินมากับหู เห็นมากับตา ได้เพ่งดูอย่างละเอียด และได้สัมผัสมากับมือของเราเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับถ้อยคำ[a]แห่งชีวิต 2 และชีวิตนั้นเองได้มาปรากฏให้เราเห็น และตอนนี้เราได้เป็นพยานและประกาศเรื่องของชีวิตนั้นให้พวกคุณ คือชีวิตที่จะอยู่กับพระเจ้าตลอดไป ชีวิตนั้นอยู่กับพระบิดาและได้มาปรากฏให้เราเห็น 3 เพราะเราได้เห็นและได้ยินเรื่องชีวิตนั้นแล้ว เราจึงมาบอกให้พวกคุณรู้เดี๋ยวนี้ หวังว่าพวกคุณจะได้มีสายสัมพันธ์กับพวกเราเหมือนกับที่พวกเรามีสายสัมพันธ์กับพระบิดาและกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ด้วย 4 เพราะอย่างนี้ เราจึงเขียนเรื่องพวกนี้ให้กับพวกคุณ เพื่อพวกเรา[b]จะได้มีความสุขอย่างเต็มที่
พระเจ้ายกโทษให้กับเรา
5 นี่คือเรื่องที่เราได้ยินจากพระเยซูคริสต์เจ้า และเป็นเรื่องเดียวกับที่เรากำลังบอกพวกคุณอยู่เดี๋ยวนี้ คือพระเจ้าเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดในพระองค์เลย 6 ถ้าเราบอกว่าเรามีสายสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่เรายังใช้ชีวิตอยู่ในความมืด เราก็โกหกและไม่ได้ทำตามความจริง 7 แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างเหมือนกับที่พระเจ้าอยู่ในความสว่าง เราก็จะมีสายสัมพันธ์ร่วมกัน และเลือดของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้าก็ล้างความบาปทุกอย่างของเราจนหมดสิ้น
8 ถ้าเราบอกว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และไม่รู้จักความจริง 9 แต่ถ้าเรายอมสารภาพความบาปของเรา พระเจ้าผู้รักษาคำสัญญาและทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จะยกโทษบาปให้กับเรา และจะล้างเราให้สะอาดจากความผิดทุกอย่างด้วย 10 แต่ถ้าเราบอกว่า เราไม่ได้ทำบาป เราก็กำลังว่าพระเจ้าโกหก และคำพูดของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในใจเราเลย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International