Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เอเสเคียล 11-13

คำด่าว่าพวกผู้นำชั่ว

11 แล้วพระวิญญาณได้ยกผมขึ้นและนำผมไปอยู่ที่ประตูวิหารทางทิศตะวันออก ประตูนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผมเห็นผู้ชายยี่สิบห้าคนที่ทางเข้าประตูนั้น และผมเห็นยาอาซันยาห์ลูกชายของอัสซูร์ และเปลาทิยาห์ลูกชายของเบไนยาห์ อยู่ที่นั่นด้วย สองคนนี้เป็นผู้นำของประชาชน

พระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ คนพวกนี้คือผู้ที่คบคิดกันวางแผนชั่ว และให้คำแนะนำที่ชั่วช้าในเมืองนี้ พวกเขาพูดว่า ‘ไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างบ้านเพิ่มในเร็วๆนี้ พวกเราอยู่ในเมืองนี้อย่างปลอดภัยเหมือนเนื้อในหม้อ’ ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ไปพูดแทนเราต่อว่าคนพวกนั้น”

แล้วพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่บนตัวผม พระองค์บอกผมว่า “ไปบอกกับคนพวกนั้นว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ครอบครัวอิสราเอลเอ๋ย นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าพูดกัน แต่เราเอง รู้ความคิดทั้งหลายในใจของพวกเจ้า เจ้าได้ฆ่าผู้คนจำนวนมากในเมืองนี้ และเจ้าได้ทำให้ถนนสายต่างๆเต็มไปด้วยซากศพ’

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘พวกซากศพที่เจ้าได้โยนทิ้งไว้ที่นั่นก็คือเนื้อ และเมืองนี้ก็คือหม้อ แต่เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากเมืองนี้ เจ้ากลัวดาบ ดังนั้นเราจะเอาดาบมาลงบนเจ้า’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้

“เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากเมืองนี้ เราจะมอบเจ้าให้กับพวกคนต่างชาติและเราจะลงโทษเจ้า 10 เจ้าจะล้มตายด้วยดาบ เราจะลงโทษเจ้าที่ชายแดนต่างๆของอิสราเอลนี้ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 11 เมืองนี้จะไม่เป็นหม้อใบหนึ่งสำหรับเจ้า และเจ้าจะไม่เป็นเนื้อในหม้อนั้น เราจะลงโทษเจ้าตามชายแดนต่างๆของอิสราเอล 12 เมื่อนั้นเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ และเป็นข้อบังคับต่างๆของเราเองที่เจ้าไม่ยอมทำตาม และเป็นพวกกฎของเราเองที่พวกเจ้าไม่ยอมรักษา แต่เจ้ากลับไปทำตัวเหมือนชนชาติต่างๆที่อยู่รอบๆเจ้า”

13 ในขณะที่ผมกำลังพูดแทนพระเจ้าอยู่นั้น เปลาทียาห์ลูกชายของเบไนยาห์ก็ตาย แล้วผมก้มหน้ากราบลงกับพื้น และร้องด้วยเสียงอันดังว่า

“พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์จะทำลายอิสราเอลที่เหลือทั้งหมดหรือ”

พระเจ้าจะนำคนของพระองค์กลับมา

14 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 15 “เจ้าลูกมนุษย์ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ได้พูดอย่างนี้เกี่ยวกับพี่น้องของเจ้า ญาติที่เจ้ามีหน้าที่ดูแล และครอบครัวทั้งหมดของอิสราเอลว่า

‘พวกเขาได้ไปอยู่ห่างไกลจากพระยาห์เวห์ แผ่นดินนี้ตกเป็นของพวกเราแล้ว พวกเราได้รับสิทธิ์ที่จะยึดครองประเทศนี้แล้ว’

16 ดังนั้น ให้บอกสิ่งนี้กับคนพวกนั้นว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘ถึงแม้เราได้ส่งพวกเขาไปอยู่ห่างไกลท่ามกลางชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม เราได้กลายเป็นวิหารของพวกเขาระดับหนึ่งในช่วงที่พวกเขาอยู่ตามประเทศเหล่านั้น’

17 แต่เจ้าจะต้องบอกคนเหล่านั้นว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราจะรวบรวมพวกเจ้ามาจากชนชาติต่างๆและนำพวกเจ้ากลับมาจากประเทศที่พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น และเราจะคืนแผ่นดินของอิสราเอลให้กับพวกเจ้า’ 18 เมื่อพวกเขากลับคืนสู่แผ่นดินนี้ พวกเขาจะกำจัดพวกรูปปั้นเลวๆเหล่านี้ กับพวกรูปเคารพขี้ๆเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป 19 เราจะให้พวกเขาไม่เป็นคนสองจิตสองใจและจะใส่วิญญาณใหม่ลงในตัวพวกเขา เราจะเอาหัวใจหินของพวกเขาออกไป และเอาหัวใจที่มีเลือดเนื้อใส่เข้าไปแทน 20 เพื่อพวกเขาจะทำตามข้อบังคับต่างๆของเรา และจะรักษากฎทั้งหลายของเราอย่างเคร่งครัด พวกเขาจะเป็นคนของเราและเราก็จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

21 แต่ส่วนพวกที่ได้มอบใจให้กับพวกรูปปั้นเลวๆและพวกรูปเคารพขี้ๆเหล่านั้น เราก็จะให้พวกเขารับกรรมชั่วที่พวกเขาก่อขึ้นนั้น” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

22 แล้วพวกเครูบได้กางปีกบินไป ล้อที่อยู่เคียงข้างพวกเขาก็ลอยไปด้วย และรัศมีของพระเจ้าแห่งอิสราเอลได้อยู่เหนือพวกเขา 23 รัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นมาจากเมืองเยรูซาเล็ม และไปหยุดอยู่เหนือภูเขาทางตะวันออกของเมือง[a] 24 พระวิญญาณได้ยกผมขึ้น และนำผมกลับมาที่แผ่นดินบาบิโลน มายังพวกที่ถูกกวาดต้อนมา ผมได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ในนิมิตที่มาจากพระเจ้า แล้วนิมิตนั้นก็ได้หายไปจากผม 25 แล้วผมได้บอกกับเชลยพวกนี้ ถึงทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ให้ผมเห็น

ฉากละครตอนถูกเนรเทศ

12 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางคนที่ชอบกบฏ พวกเขามีตาแต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยิน เพราะพวกเขาคือคนที่ชอบกบฏ ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้เก็บข้าวของของเจ้า เพื่อเตรียมถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ในตอนกลางวันขณะที่พวกเขามองดูเจ้า ให้เจ้าออกเดินทางจากที่เจ้าอยู่นี้ไปยังที่อื่น บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจความหมายของสิ่งที่เจ้าทำนี้ ถึงแม้พวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏก็ตาม

ในตอนกลางวันขณะที่พวกเขามองดูเจ้าอยู่นั้น ให้เจ้าเก็บรวบรวมข้าวของต่างๆของเจ้า เพื่อเตรียมถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย แล้วในตอนเย็นขณะที่พวกเขากำลังมองดูเจ้า ก็ให้เจ้าออกไปทำทีเหมือนกับว่ากำลังถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ในขณะที่พวกเขามองดูเจ้า ก็ให้เจ้าขุดรูกำแพงมุดออกไป พร้อมกับเอาข้าวของของเจ้าออกไปทางรูนั้นด้วย ในขณะที่พวกเขามองดูเจ้าอยู่นั้น ให้เจ้าเอาของเหล่านั้นแบกไว้บนบ่า แบกมันออกไปในความมืด ให้ปิดหน้าของเจ้าไว้เพื่อเจ้าจะได้ไม่เห็นแผ่นดิน เราได้ใช้เจ้าเป็นตัวอย่าง สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบ้านของอิสราเอล”

ดังนั้น ผมจึงทำตามคำสั่งนั้น ผมได้เก็บข้าวของต่างๆของผมในตอนกลางวัน เพื่อเตรียมถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ในตอนเย็นผมได้ขุดรูกำแพงด้วยมือของผมเอง แล้วในความมืด ผมได้เอาของทั้งหมดแบกไว้บนบ่า ในขณะที่พวกเขามองดูผมอยู่

ในตอนเช้าคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ พวกอิสราเอลที่ชอบกบฏพวกนั้น ได้ถามเจ้าใช่ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไร 10 ให้บอกกับพวกนั้นว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ข้อความนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าชายองค์นั้นในเมืองเยรูซาเล็มกับครอบครัวอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ที่นั่น’ 11 ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘ผม เป็นตัวอย่างให้กับพวกท่าน สิ่งที่ผมได้ทำไปนั้น จะเกิดขึ้นกับพวกท่าน พวกท่านจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย 12 เจ้าชายของพวกท่านจะต้องเอาของแบกไว้บนบ่าของเขาในความมืด และเขาจะให้คนขุดกำแพงเป็นช่อง แล้วหนีออกไป เขาจะปิดหน้าของเขาเพื่อจะไม่ได้เห็นแผ่นดิน’

13 เราจะกางตาข่ายของเราดักเขา และเขาจะตกลงไปในกับดักของเรา เราจะนำตัวเขาไปที่บาบิโลนซึ่งเป็นแผ่นดินของชาวเคลเดีย แต่เขาจะมองไม่เห็นว่าเขาอยู่ที่ไหน และเขาจะตายอยู่ที่นั่น[b] 14 เราจะทำให้คนที่อยู่รอบๆเขากระจัดกระจายไปกับสายลม รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่และกองทัพทั้งหมดของเขา ศัตรูจะชักดาบไล่ล่าพวกเขา 15 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเราทำให้พวกเขาแตกซ่านไปอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วในหลายประเทศ

16 แต่เราจะให้พวกเขาส่วนหนึ่งรอดตาย พวกเขาจะรอดพ้นจากคมดาบ ความอดอยากและโรคระบาด เพื่อคนพวกนี้จะได้บอกกับชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาไปอยู่ด้วยนั้น ว่าพวกเขาได้ทำสิ่งอันน่ารังเกียจขนาดไหนต่อพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

ฉากละครตอนชาวอิสราเอลหวาดกลัว

17 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าจะต้องทำตัวสั่นเทิ้มเมื่อเจ้ากินอาหาร และกลัวจนขนลุกเมื่อเจ้าดื่มน้ำ 19 เจ้าจะต้องบอกสิ่งนี้กับประชาชนของแผ่นดินนี้ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดเกี่ยวกับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มและในแผ่นดินอิสราเอล พวกเขาจะกินอาหารด้วยความกังวล และดื่มน้ำด้วยความสิ้นหวังเพราะทุกสิ่งทุกอย่างในแผ่นดินของพวกเขาจะถูกกวาดต้อนไปจนเรียบ เพราะประชาชนทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นโหดร้ายและชอบใช้ความรุนแรง 20 เมืองต่างๆที่มีคนอาศัยอยู่จะถูกทิ้งให้เป็นซากปรักหักพังและแผ่นดินจะเวิ้งว้างทรุดโทรม แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์’”

พระยาห์เวห์พูดจริงทำจริง

21 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 22 “เจ้าลูกมนุษย์ ทำไมคนที่อยู่ในแผ่นดินอิสราเอลถึงได้ยกสุภาษิตนี้ขึ้นมา ที่ว่า

‘วันเวลาผ่านพ้นไป
    นิมิตทั้งหลายไม่เห็นเกิดขึ้น’

23 ดังนั้นให้บอกกับคนพวกนั้นว่า พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘เราจะทำให้สุภาษิตนี้สิ้นสุดลง ผู้คนในอิสราเอลจะไม่อ้างสุภาษิตนี้อีกต่อไป’ แต่ให้เจ้าบอกพวกเขาถึงสุภาษิตอีกอันหนึ่งว่า

‘วันเวลานั้นมาถึงแล้ว
    นิมิตทั้งหลายจะเกิดขึ้น’

24 จะไม่มีนิมิตจอมปลอมหรือนักเวทมนตร์ที่หลอกลวงในหมู่ประชาชนอิสราเอลอีกต่อไป 25 เพราะเรา ยาห์เวห์จะเป็นผู้ที่ออกคำสั่งเอง และสิ่งที่เราพูดนั้นจะเกิดขึ้น มันจะไม่ล่าช้าอีกต่อไป เพราะในช่วงชีวิตของพวกเจ้าครอบครัวที่ชอบกบฏ เราจะเป็นคนออกคำสั่งเอง และเราจะทำให้มันเกิดขึ้น” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดไว้ว่าอย่างนั้น

26 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 27 “เจ้าลูกมนุษย์ ครอบครัวของอิสราเอลพูดว่า ‘นิมิตที่เขาเห็นนั้นมันเป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้า เขากำลังทำนายเกี่ยวกับวันเวลาอันยาวไกล’ 28 ดังนั้นให้บอกกับพวกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘ไม่มีคำพูดใดของเราที่จะรีรอชักช้าอีกต่อไป เราพูดอะไร มันก็จะเกิดขึ้น’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

ผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมจะถูกลงโทษ

13 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราต่อต้านพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมพวกนั้น ที่อ้างว่าพูดแทนเราอยู่ในอิสราเอล ให้พูดต่อต้านคนพวกนั้นที่แกล้งทำเป็นพูดแทนเรา แต่ที่แท้ก็พูดตามจินตนาการของพวกมันเอง บอกกับพวกมันว่า ‘ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูดว่า น่าอับอายจริงๆพวกโง่เง่าที่อ้างว่าพูดแทนเรา แต่ที่แท้ก็แค่พูดตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ได้เห็นนิมิตจากพระเจ้าจริง

ชาวอิสราเอลเอ๋ย คนเหล่านั้นที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ที่อ้างว่าพูดแทนเรา เป็นเหมือนหมาไน[c] ท่ามกลางซากปรักหักพัง พวกเจ้าไม่ได้ปีนขึ้นไปเพื่อปกป้องเมืองตรงช่องโหว่ของกำแพง[d] และไม่ได้ซ่อมกำแพงให้กับครอบครัวของอิสราเอล เพื่อจะยืนหยัดต่อต้านสงครามไว้ได้ในวันที่พระยาห์เวห์แสดงความโกรธออกมา

นิมิตของพวกมันเป็นของปลอม และคำทำนายของพวกมันเป็นเรื่องโกหก พวกมันอ้างว่า สิ่งที่พวกมันพูดนั้นเป็นคำพูดของพระยาห์เวห์ พวกมันคาดหวังว่าพระองค์จะทำให้คำทำนายของพวกมันเกิดขึ้นจริง ทั้งๆที่พระองค์ไม่เคยส่งพวกมันมาเลย พวกเจ้าทั้งหลายที่อ้างว่าพูดแทนเรา พวกเจ้าเห็นนิมิตจอมปลอม และทำนายเท็จ ไม่ใช่หรือ ตอนที่อ้างว่า “พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้” ทั้งๆที่เราไม่ได้พูดกับพวกเจ้าเลย’”

ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราต่อต้านพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าพูดโกหกและอ้างว่าเห็นนิมิต” นั่นแหละคือคำพูดของพระยาห์เวห์

พระยาห์เวห์พูดว่า “มือของเราจะต่อต้านพวกเจ้าที่แอบอ้างว่าพูดแทนเรา ที่บอกว่าเห็นนิมิต และพวกหมอดูที่กุเรื่องโกหกขึ้นมา คนพวกนี้จะถูกแยกออกจากสภาที่ประชุมของเรา ชื่อของพวกมันจะไม่ได้รับการบันทึกไว้ในสมุดของครอบครัวอิสราเอล และพวกมันจะไม่ได้กลับมายังแผ่นดินอิสราเอล แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือ ยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

10 สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เพราะพวกมันทำให้คนของเราหลงผิด พวกมันพูดว่า ‘ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี’ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีเลย มันเหมือนกับประชาชนสร้างกำแพงแบบชุ่ยๆแล้วพวกที่อ้างว่าพูดแทนพระเจ้าพวกนี้ เอาปูนขาวมาฉาบให้ดูดี 11 ให้บอกกับคนฉาบปูนพวกนี้ว่า งานของพวกเขาจะต้องพังทลายลง เพราะเราจะส่งพายุฝน และลูกเห็บซัดกระหน่ำลงมา พร้อมกับลมพายุอย่างหนักที่จะพัดกำแพงให้พังลง 12 เมื่อกำแพงถล่มลงมา ผู้คนจะถามพวกมันว่า ‘ทำไมปูนขาวที่ท่านฉาบไว้ไม่ช่วยอะไรเลยล่ะ’” 13 ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะใช้ลมพายุที่รุนแรงนี้ ทำให้กำแพงแตกด้วยความเดือดดาลของเรา เราจะเทฝนกระหน่ำลงมาทำให้กำแพงสึกกร่อนด้วยความโกรธของเรา เราจะส่งลูกเห็บลงมาจัดการมันให้ราบเรียบด้วยความเดือดดาลของเรา

14 ดังนั้นเราจะทำลายกำแพงที่เจ้าได้ฉาบปูนขาวไว้นั้น เราจะทำลายมันให้ราบเป็นหน้ากลอง จนมองเห็นฐานรากของมัน และเมื่อมันล้มลง เจ้าจะถูกทำลายภายในกำแพงนั้น และเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

15 ด้วยวิธีนั้น เราจะได้ระบายความโกรธของเราออกมาลงบนกำแพงและลงบนคนเหล่านั้นที่ฉาบปูนขาวทับมัน เราจะบอกกับเจ้าว่า ‘กำแพงไม่มีแล้ว และพวกคนฉาบปูนขาวนั้นหายไปแล้ว’

16 สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับคนพวกนี้ของอิสราเอลที่แอบอ้างว่าพูดแทนเรา ที่ทำนายให้กับเมืองเยรูซาเล็ม และเห็นนิมิตว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเป็นไปด้วยดีเลย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้แหละ

17 และตอนนี้ “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันไปดูผู้หญิงพวกนั้นที่อยู่ท่ามกลางคนของเจ้า พวกนางได้ทำนายตามจินตนาการของตัวเอง ให้เจ้าพูดแทนเราต่อต้านพวกนางว่า 18 ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า น่าอับอายจริงๆพวกเจ้า หญิงที่เย็บผ้าไสยศาสตร์ไว้พันข้อมือให้กับทุกๆคน น่าอับอายจริงๆพวกเจ้า หญิงที่ทำผ้าไสยศาสตร์ไว้คลุมหน้าหลายๆขนาด เพื่อล่าชีวิตคน เจ้าคิดว่าเจ้าจะล่าชีวิตคนของเรา แล้วตัวเจ้าเองจะรอดชีวิตไปได้หรือ 19 เจ้าทำให้คนของเราดูถูกเหยียดหยามเรา เพราะเจ้าพูดโกหกเป่าหูคนของเราที่ชอบฟังคำโกหกอยู่แล้ว เจ้าทำสิ่งนี้เพื่อแลกกับข้าวบาร์เลย์สองสามกำมือและขนมปังไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เจ้าทำให้คนที่ไม่สมควรตาย ต้องมาตาย และทำให้คนที่สมควรตาย ยังมีชีวิตอยู่ 20 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับพวกเจ้า “ดูนะ เราต่อต้านผ้าไสยศาสตร์ที่พันข้อมือของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าใช้ล่าชีวิตคนเหมือนกับล่านก เราจะฉีกมันจากแขนของพวกเจ้า และปล่อยให้คนเหล่านั้นเป็นอิสระ คือคนเหล่านั้นที่เจ้าได้ล่าเหมือนล่านก 21 เราจะฉีกผ้าคลุมหน้าของพวกเจ้าออก และช่วยชีวิตคนของเราจากอำนาจของเจ้า พวกเขาจะไม่ตกเป็นเหยื่อของเจ้าอีกต่อไป แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”

22 เจ้าได้หลอกลวงคนดีๆให้หมดกำลังใจ แต่เราไม่อยากให้พวกเขาหมดกำลังใจ แถมเจ้ายังไปให้กำลังใจกับคนชั่วไม่ให้พวกเขากลับใจ ถ้าเขากลับใจก็จะมีชีวิตต่อไป

23 ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่ได้อ้างว่าเห็นนิมิตอีกต่อไป และจะไม่ได้กุเรื่องเวทมนตร์ของเจ้าขึ้นมาอีก เราจะช่วยกู้คนของเราจากอำนาจของเจ้า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์’”

ยากอบ 1

จากยากอบผู้รับใช้ของพระเจ้า และของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์และองค์เจ้าชีวิต

ถึงคนทั้งสิบสองเผ่าของพระเจ้าที่ได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก

สวัสดีครับ

ความซื่อสัตย์และความเฉลียวฉลาด

พี่น้องครับ เมื่อคุณถูกลองใจในเรื่องต่างๆ ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วว่า การถูกลองใจนั้นจะทดสอบความเชื่อของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเกิดความอดทนอดกลั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะอดทนอดกลั้นกับทุกอย่าง เพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ จะได้ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลย แต่ถ้าคนไหนในพวกคุณขาดความฉลาด ก็ให้ขอจากพระเจ้า แล้วพระองค์จะให้ เพราะพระองค์ใจดีและจะให้กับทุกคนโดยไม่ต่อว่าเลย แต่คนนั้นจะต้องขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะคนที่สงสัยพระเจ้าก็เหมือนกับคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปซัดมา คนอย่างนั้นไม่ต้องหวังว่าจะได้รับอะไรจากองค์เจ้าชีวิตเลย เพราะเป็นคนโลเล เอาแน่เอานอนไม่ได้สักเรื่อง

ความร่ำรวยที่แท้จริง

พี่น้องที่ยากจนก็ควรจะโอ้อวดที่พระเจ้าได้ทำให้เขาร่ำรวยฝ่ายวิญญาณ 10 ส่วนคนที่ร่ำรวย เมื่อพระเจ้าทำให้เขาตกต่ำลง ก็ควรจะโอ้อวดด้วยเหมือนกัน เพราะคนร่ำรวยนี้จะร่วงโรยไปเหมือนดอกหญ้า 11 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น แสงแดดก็จะแผดเผาต้นหญ้าให้เหี่ยวแห้งไป ดอกของมันร่วงโรยไป และความสวยงามของมันก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น คนรวยก็เหมือนกัน จะต้องตายไปในขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับงานของเขา

การล่อลวงไม่ได้มาจากพระเจ้า

12 สำหรับคนที่ทนต่อการทดลองและการล่อลวงต่างๆได้ ก็ถือว่ามีเกียรติจริงๆเพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนี้ไปได้ เขาจะได้รับรางวัล[a]แห่งชีวิตแท้ เป็นรางวัลที่พระเจ้าได้สัญญาว่าจะให้กับคนที่รักพระองค์ 13 อย่าให้คนที่กำลังถูกล่อลวงพูดว่า “พระเจ้าล่อลวงฉัน” เพราะพระเจ้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วร้ายและพระองค์ก็ไม่เคยล่อลวงใครด้วย 14 แต่เป็นเพราะกิเลสของตัวเองต่างหากที่มาล่อลวงและชักนำให้หลงไป 15 เมื่อกิเลสตั้งท้อง มันก็จะคลอดความบาปออกมา แล้วเมื่อความบาปโตเต็มที่ มันก็จะคลอดความตายออกมา

16 พี่น้องที่รัก อย่าให้ถูกหลอกเอาล่ะ 17 ของดีๆและยอดเยี่ยมทุกอย่างลงมาจากพระเจ้าเบื้องบน พระองค์เป็นผู้สร้างดวงสว่างต่างๆในฟ้าสวรรค์ แต่พระองค์ไม่เหมือนกับดวงสว่างเหล่านั้นหรือเงาของมันที่เคลื่อนไหวไปมา เพราะพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 18 พระเจ้าได้เลือกเราให้เกิดเป็นลูกของพระองค์ โดยถ้อยคำแห่งความจริง เพื่อในสิ่งสารพัดที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมาแล้วนั้น เราจะเป็นสิ่งแรก[b]ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่

ให้รับฟังและเชื่อฟัง

19 พี่น้องที่รัก จำไว้ว่าให้ทุกคนว่องไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ 20 เพราะความโกรธนั้น ไม่ได้ช่วยทำให้ใครมีชีวิตที่พระเจ้าชอบใจหรอก 21 กำจัดความสกปรกเลวทรามทุกชนิดและความชั่วร้ายอันล้นเหลือออกจากชีวิตให้หมดสิ้น แล้วยอมรับให้ถ้อยคำของพระเจ้าฝังลงไปในใจคุณแทนอย่างสุภาพนอบน้อม เพราะถ้อยคำของพระเจ้าสามารถช่วยให้คุณรอดได้ 22 ให้ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้าอยู่เสมอ อย่าเอาแต่ฟังเฉยๆเพราะนั่นเป็นการหลอกตัวเอง 23 เพราะคนที่ฟังคำสั่งสอนของพระเจ้า แล้วไม่ทำตาม ก็เหมือนกับคนที่ส่องหน้าตัวเองในกระจก 24 พอส่องเสร็จ เดินไปก็ลืมแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร 25 แต่คนที่เอาใจใส่ในกฎของพระเจ้า เป็นกฎที่สมบูรณ์แบบและให้เสรีภาพ แล้วสำรวจมันอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่เป็นคนฟังที่ขี้หลงขี้ลืม แต่ทำตามคำสั่งสอน คนนั้นจะได้รับเกียรติในสิ่งที่เขาทำ

ศาสนาที่แท้จริง

26 ถ้าใครคิดว่าเขาเป็นคนเคร่งศาสนา แต่ไม่รู้จักควบคุมลิ้นของตัวเอง เขาก็หลอกลวงตัวเอง การเคร่งศาสนาของเขา ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

27 ศาสนาที่บริสุทธิ์ และแท้จริงตามแบบของพระเจ้าพระบิดา คือ การช่วยเหลือเด็กกำพร้าและแม่ม่ายที่เดือดร้อน และการรักษาตัวเองไม่ให้แปดเปื้อนกับความชั่วร้ายของโลกนี้

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International