Old/New Testament
เยรูซาเล็มเศร้าโศกที่ถูกทำลาย
1 แย่แล้ว แย่แล้ว
เยรูซาเล็ม ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน
แต่ตอนนี้ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย
ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ
แต่ตอนนี้ เธอเป็นเหมือนแม่ม่าย
เธอเคยเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ท่ามกลางจังหวัดทั้งหลาย
แต่ตอนนี้ เธอกลับกลายเป็นทาส
2 เธอร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่นในยามค่ำคืน
และน้ำตาอาบแก้ม
ไม่มีใครปลอบโยนเธอเลย
ในท่ามกลางคนเหล่านั้นที่รักเธอ
เพื่อนๆของเธอต่างก็พากันทรยศเธอ
พวกเขาได้กลายเป็นศัตรูของเธอ
3 ยูดาห์ทนทุกข์เวทนาและถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก
และถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
เธออาศัยอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ
แต่ก็ไม่มีความสงบสุขหรือความมั่นคงเลย
คนพวกนั้นที่ไล่ล่าเธอก็ตามเธอทัน
พวกเขาตามเธอมาทันตรงทางแคบ
4 ถนนต่างๆที่มุ่งหน้าไปศิโยน ต่างร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะไม่มีใครเดินทางมาร่วมงานเทศกาล
ประตูทั้งหมดของศิโยน ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า
พวกนักบวชของเธอครวญคราง
นางสาวทั้งหลายของศิโยนต่างก็เศร้าโศกเสียใจ
ตัวศิโยนเองรู้สึกขมขื่นยิ่งนักกับเรื่องทั้งหมดนี้
5 พวกศัตรูของเยรูซาเล็มได้กลายเป็นพวกเจ้านายของเธอ
ศัตรูของเธอก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใจ
ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะ พระยาห์เวห์ได้ทำให้เยรูซาเล็มต้องทนทุกข์ทรมาน
เพราะเธอฝ่าฝืนกฎอย่างมากมาย
ลูกเล็กทั้งหลายของเธอได้จากไป
ศัตรูของเธอได้จับพวกเขาไป
6 สง่าราศีทั้งหมดของนางสาวศิโยนหมดไปแล้ว
พวกผู้สูงศักดิ์ของเธอก็เป็นเหมือนกวางที่หาทุ่งหญ้าไม่เจอ
ดังนั้นพวกเขาต้องเดินต่อไปอย่างหมดเรี่ยวแรงต่อหน้านักล่าสัตว์
7 ในช่วงเวลาที่เยรูซาเล็มตกทุกข์ได้ยาก
เธอได้ระลึกถึงของมีค่าทั้งหลายที่เธอเคยมีในอดีต
เมื่อคนของเธอตกไปอยู่ในกำมือศัตรู
และไม่มีใครช่วยเธอ
พวกศัตรูของเธอก็มองเธอ
และหัวเราะเยาะที่เธอล่มสลาย
8 เยรูซาเล็ม ได้ทำบาปอันยิ่งใหญ่
ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นของที่น่ารังเกียจ
คนเหล่านั้นที่เคยให้เกียรติกับเธอ
เดี๋ยวนี้กลับดูหมิ่นเธอเพราะพวกเขาได้เห็นเธอเปลือยเปล่า
เธอร้องครวญคราง
และหันจากไปด้วยความอับอายขายหน้า
9 ความไม่บริสุทธิ์ของเธอติดอยู่ที่ชุดของเธอ
เธอไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ความล่มสลายของเธอเกิดขึ้นอย่างน่าใจหาย
และไม่มีใครปลอบโยนเธอ
เธอร้องออกมาว่า “พระยาห์เวห์ ดูความทุกข์ของฉันสิ
ดูสิ ว่าศัตรูของฉันคุยทับฉันขนาดไหน”
10 ศัตรูของเธอได้ยื่นมือออกมาคว้าสิ่งที่มีค่าทั้งหมดของเธอไป
ใช่แล้ว เธอได้เห็นชนชาติอื่นๆบุกเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
ชนชาติเหล่านี้ เป็นชนชาติที่พระองค์ได้สั่งไว้ว่า
“ห้ามไม่ให้คนพวกนี้เข้าไปในที่ประชุมของเจ้า”
11 คนเยรูซาเล็มทั้งหมดร้องครวญครางหาอาหารกัน
พวกเขาได้เอาสิ่งมีค่าของพวกเขามาแลกกับอาหาร
เพื่อประทังชีวิตของพวกเขา เธอพูดว่า “พระยาห์เวห์เจ้าข้า ดูสิว่า
ฉันได้กลายเป็นขอทานไปแล้ว”
12 เฮ้ พวกเจ้า พวกเจ้าที่เดินผ่านมา
มองไปทั่วๆสิ ดูสิว่า มีความเจ็บปวดไหนบ้างเหมือนกับความเจ็บปวดที่ได้เกิดขึ้นกับฉัน
เป็นความเจ็บปวดที่พระยาห์เวห์ทำให้เกิดขึ้นกับฉันตอนที่พระองค์โกรธฉันอย่างแรง
13 พระองค์ส่งไฟลงมาจากเบื้องบน
และทำให้มันลึกเข้าไปในกระดูกของฉัน
พระองค์ได้กางตาข่ายออกเพื่อดักเท้าฉัน
และนำฉันกลับมา
พระองค์ทำให้ฉันกลายเป็นดินแดนที่ว่างเปล่า
และทำให้ฉันป่วยตลอดวัน
14 พวกความบาปนั้นของฉันถูกผูกมัดเข้ากับแอก
พระองค์ใช้มือของพระองค์ทอความบาปเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
ความบาปเหล่านั้นได้วางอยู่บนคอของฉัน
มันดูดเอากำลังของฉันไป
พระองค์ทำให้ฉันตกไปอยู่ในกำมือของคนเหล่านั้นที่ฉันต่อต้านไม่ไหว
15 องค์เจ้าชีวิตได้ทอดทิ้งนักรบทุกคนของฉันที่เคยอยู่ข้างในกำแพงของฉัน
พระองค์ได้เรียกระดมพลมาต่อต้านฉันเพื่อทำลายทหารหนุ่มของฉัน
องค์เจ้าชีวิตได้เหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อองุ่นซึ่งเป็นของนางสาวยูดาห์
16 ฉันร้องคร่ำครวญเพราะเรื่องเหล่านี้
ดวงตาของฉันนองไปด้วยน้ำตา
ฉันรู้สึกอย่างนี้ เพราะไม่มีผู้ปลอบใจอยู่ใกล้ฉัน
ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น
ลูกๆของฉันเป็นเหมือนกับดินแดนที่รกร้าง
เพราะศัตรูของพวกเขามีชัยเหนือพวกเขา
17 ศิโยนได้ยื่นมือออกมาทั้งสองข้าง
แต่ไม่มีใครจะปลอบโยนเธอ
พระยาห์เวห์ได้สั่งให้ชนชาติรอบๆยาโคบให้กลายเป็นศัตรูของเขา
เยรูซาเล็มได้กลายเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ท่ามกลางพวกเขา
18 เยรูซาเล็มพูดว่า “พระยาห์เวห์นั้นทำถูกต้องแล้วที่ลงโทษฉัน
เพราะฉันไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์
ชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ ฟังให้ดี
ดูความเจ็บปวดของฉันสิ
ทั้งคนหนุ่มสาวของฉันถูกจับไปเป็นเชลยหมดแล้ว
19 ฉันได้เรียกคนเหล่านั้นที่รักฉันให้มาช่วย
แต่พวกเขาทำให้ฉันผิดหวัง
พวกนักบวชและพวกผู้อาวุโสของฉันได้ตายไปในเมือง
ตอนที่พวกเขาออกไปหาอาหารเพื่อประทังชีวิต
20 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ดูสิ ฉันกำลังตกทุกข์ได้ยาก
ท้องของฉันกำลังปั่นป่วน
ใจของฉันแตกสลายอยู่ภายใน
เพราะฉันได้กบฏอย่างมาก
เด็กๆถูกฆ่าฟันด้วยดาบอยู่บนท้องถนนด้านนอก
ส่วนในบ้าน ความตายก็รออยู่
21 ผู้คนได้ยินว่า ฉันกำลังร้องไห้คร่ำครวญ
แต่ไม่มีใครปลอบใจฉัน
ศัตรูของฉันทุกคนได้ยินถึงความเจ็บปวดของฉัน
พวกเขาดีใจที่พระองค์ทำอย่างนี้กับฉัน
ขอให้พระองค์โปรดนำวันแห่งการลงโทษนั้นเป็นวันที่พระองค์ได้ประกาศไว้ให้มาตกลงบนพวกเขาด้วย
ให้พวกเขาเป็นเหมือนกับฉันด้วยเถิด
22 ขอให้ความชั่วทั้งหมดที่พวกเขาทำปรากฏอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยเถิด
และขอให้พระองค์ทำกับพวกเขาอย่างร้ายแรง
เหมือนกับที่พระองค์ทำกับฉันอย่างร้ายแรงเพราะสิ่งชั่วช้าทั้งหมดที่ฉันได้ทำไป
ที่ฉันพูดอย่างนี้ ก็เพราะฉันครวญครางอย่างหนักและจิตใจฉันก็เจ็บป่วย”
พระยาห์เวห์ทำลายเยรูซาเล็ม
2 แย่แล้ว แย่แล้ว ด้วยความโกรธของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทำให้นางสาวศิโยน น่าขยะแขยง
พระองค์ได้โยนศักดิ์ศรีของอิสราเอลจากท้องฟ้าลงสู่ดิน
พระองค์ไม่สนใจที่จะปกป้องเกียรติของที่วางเท้าของพระองค์[a] ตอนที่พระองค์โกรธ
2 พระยาห์เวห์ได้ทำลายที่พักอาศัยทั้งหมดของยาโคบ
พระองค์ไม่มีเมตตากับเขาเลย
ตอนที่พระองค์โกรธ พระองค์ได้ทำลายพวกป้อมปราการของนางสาวยูดาห์
พระองค์ดึงเธอลงมาบนดิน
พระองค์ทำให้อาณาจักรของยูดาห์และผู้นำทั้งหลายเสื่อมเกียรติไป
3 ตอนที่พระองค์โกรธ พระองค์ได้ตัดเขาสัตว์ของอิสราเอล[b]
พระองค์เลิกปกป้องอิสราเอล[c]
ในขณะที่ข้าศึกกำลังบุกเข้ามาใกล้
และพระองค์ก็เผายาโคบ
เหมือนเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกอย่างรอบๆมัน
4 พระองค์โก่งคันธนูราวกับว่าเป็นศัตรู
มือขวาของพระองค์เล็งอย่างไม่สั่นไหวราวกับเป็นปรปักษ์
พระองค์ฆ่าชายที่หล่อเหลาของยูดาห์จนหมด
พระองค์เทความโกรธแค้นของพระองค์เหมือนไฟเข้าไปในเต็นท์ของนางสาวศิโยน
5 องค์เจ้าชีวิตเป็นเหมือนศัตรู
พระองค์กลืนกินอิสราเอล
พระองค์กลืนกินป้อมปราการทั้งหมดของเธอ
พระองค์กลืนกินเมืองทั้งหลายของเธอที่มีกำแพงกั้น
พระองค์ทวีความเศร้าโศกและการคร่ำครวญให้กับนางสาวยูดาห์
6 พระองค์ถอนวิหารของพระองค์เหมือนกับถอนเพิงในสวน
พระองค์ทำลายเต็นท์นัดพบของพระองค์
พระองค์ทำให้เทศกาลและวันหยุดทางศาสนาทั้งหลายจบสิ้นไปในเมืองศิโยน
พระองค์ดูถูกเหยียดหยามทั้งกษัตริย์และนักบวชตอนที่พระองค์โกรธจัด
7 พระยาห์เวห์ทอดทิ้งแท่นบูชาของพระองค์
พระองค์บอกปัดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระองค์มอบกำแพงป้อมปราการของเยรูซาเล็มให้ตกอยู่ในกำมือศัตรู
พวกศัตรูต่างโห่ร้องกันในวิหารของพระยาห์เวห์
เหมือนกับมีงานเทศกาล
8 พระยาห์เวห์ได้ตัดสินใจทำลายกำแพงเมืองของนางสาวศิโยน
พระองค์ได้วัดดูแล้วว่าจะทำลายถึงแค่ไหน
พระองค์ไม่ได้หดมือกลับจากการทำลายมัน
พระองค์ทำให้ป้อมปราการและกำแพงร้องคร่ำครวญ
พวกมันทรุดโทรมไปด้วยกัน
9 ประตูเมืองต่างๆของเยรูซาเล็มทรุดลงในดิน
พระองค์ทำลายเหล็กดาลประตูทั้งหลาย จนแตกละเอียด
กษัตริย์และผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
ไม่เหลือใครเลยที่จะอยู่ให้คำสั่งสอน
แม้แต่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเธอก็ไม่ได้รับนิมิตจากพระยาห์เวห์
10 พวกผู้อาวุโสของนางสาวศิโยน
ต่างพากันนั่งเงียบอยู่กับพื้น
พวกเขาต่างก็โยนฝุ่นลงบนหัวของตน
พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบ
พวกหญิงสาวบริสุทธิ์ของเยรูซาเล็มต่างก้มหัวลงถึงพื้นด้วยความเสียใจ
11 ตาของผมมีน้ำตาคลอเบ้า
ท้องไส้ผมปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ตับผมทะลักลงสู่ดินแล้ว
เพราะคนของผมถูกทำลาย
ลูกเล็กเด็กแดงก็เป็นลมล้มพับไปบนถนนในเมือง
12 พวกเด็กๆพูดกับแม่ของพวกเขาว่า
“แม่จ๋า อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ไหน”
พวกเขาเป็นลมล้มพับไปที่ลานเมือง
เหมือนคนบาดเจ็บและตายไปในอ้อมอกของแม่
13 นางสาวเยรูซาเล็ม จะให้ผมเปรียบเจ้าเหมือนกับอะไรดี
จะให้เปรียบเจ้ากับอะไรดี
นางสาวศิโยน จะให้ผมเอาเจ้าไปเปรียบกับอะไรดี
จะให้ผมปลอบโยนเจ้ายังไงดี
ความหายนะของเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหมือนทะเล ใครจะเยียวยารักษาเจ้าได้
14 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเจ้าได้บอกเจ้าเกี่ยวกับนิมิตที่พวกเขาเห็น
แต่นิมิตพวกนั้นมันไร้สาระและเชื่อไม่ได้
พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความผิดบาปของเจ้า
เพื่อเจ้าจะได้คืนสู่สภาพดีเหมือนเดิม
แต่พวกเขากลับพูดนิมิตจอมปลอมเกี่ยวกับเจ้า
เพื่อนำให้เจ้าหลงไป
15 ทุกคนที่เดินผ่านมาทางนั้นต่างตบมือเยาะเจ้า
พวกเขาผิวปากและส่ายหัวต่อเจ้า นางสาวเยรูซาเล็ม
พวกเขาพูดเยาะว่า “นี่นะหรือเมืองที่ผู้คนต่างพูดกันว่า
เป็นเมืองที่สวยอย่างไม่มีที่ติ
ซึ่งเคยให้ความสุขกับคนทั้งโลก”
16 พวกศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะเปิดปากกว้างหัวเราะเยาะเจ้า
พวกเขาจะผิวปากและกัดฟันและพูดว่า
“เราได้กลืนกินพวกเขาไปจนหมด
นี่แหละเป็นวันที่พวกเรารอคอย วันนั้นได้มาถึงแล้ว
และเราก็ได้เห็นมันกับตาของพวกเราเอง”
17 พระยาห์เวห์ได้ทำในสิ่งที่พระองค์วางแผนไว้
พระองค์ได้ทำตามคำขู่ของพระองค์
พระองค์ได้ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้นานมาแล้ว
พระองค์ได้ทำลายมันลงโดยไม่สงสาร
พระองค์ทำให้ศัตรูของเจ้าเฉลิมฉลองกัน
พระองค์ได้ทำให้ศัตรูของเจ้าเข้มแข็งขึ้น
18 กำแพงเมืองของนางสาวศิโยน
ร้องเรียกองค์เจ้าชีวิตจากใจของเจ้า
ให้น้ำตาของเจ้าไหลพรั่งพรูออกมาเหมือนลำธาร ทั้งวันทั้งคืน
อย่าได้หยุดร้องเลย
อย่าให้ดวงตาของเจ้าได้หยุดพักจากการร้องไห้
19 ลุกขึ้นมาร้องตะโกนในยามค่ำคืน
ลุกขึ้นมาร้องตะโกนในทุกช่วงต้นยาม
เทใจของเจ้าออกมาเหมือนน้ำต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต
ชูมือของเจ้าขึ้นต่อพระองค์เพื่อขอชีวิตของลูกๆเจ้าที่เป็นลมล้มพับไปเพราะความหิวตามหัวถนนต่างๆ
20 มองดูสิ พระยาห์เวห์ สังเกตดูสิว่า
พระองค์ได้ทำอย่างนี้กับใคร
สมควรแล้วหรือที่ผู้หญิงจะกินลูกของตัวเอง ลูกๆที่พวกเขาดูแล
สมควรแล้วหรือที่พวกนักบวชและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจะถูกฆ่าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าชีวิต
21 ทั้งคนหนุ่มและคนแก่นอนคว่ำอยู่บนพื้นกลางถนน
คนสาวๆและหนุ่มๆของผมถูกดาบฆ่าฟันล้มลง
พระองค์ฆ่าพวกเขาในวันที่พระองค์โกรธ
พระองค์สังหารพวกเขาอย่างไร้ความเมตตา
22 พระองค์เรียกศัตรูจากรอบข้างให้มาข่มขวัญฉันราวกับว่าพระองค์เชิญพวกเขามางานเลี้ยง
ในวันที่พระยาห์เวห์โกรธนั้น ไม่มีใครหนีพ้นหรือรอดชีวิตอยู่
ศัตรูของฉันได้ทำลายลูกๆที่ฉันเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาจนหมดสิ้น
พระคริสต์ถวายตัวเองครั้งเดียวก็พอสำหรับตลอดไป
10 กฎของโมเสสเป็นแค่เงาของสิ่งดีๆที่กำลังจะมาถึง มันไม่ใช่ของจริง ดังนั้นกฎของโมเสสที่สั่งให้คนต้องเอาเครื่องบูชาแบบเดิมๆมาถวายพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกๆปีนั้น ไม่มีวันทำให้คนที่มาเข้าเฝ้าพระเจ้าสมบูรณ์แบบได้ 2 เพราะถ้ากฎทำให้คนสมบูรณ์แบบได้จริง คนคงจะเลิกถวายเครื่องบูชาไปแล้ว เพราะเขาคงได้รับการชำระครั้งเดียวก็พอแล้ว และใจของเขาคงไม่รู้สึกผิดต่อบาปที่เขาได้ทำ 3 แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เครื่องบูชากลับกลายเป็นสิ่งที่เตือนให้เขาระลึกถึงบาปที่ได้ทำทุกๆปี 4 เพราะเลือดของวัวตัวผู้และเลือดของแพะจะมาล้างบาป ก็เป็นไปไม่ได้
5 ดังนั้น เมื่อพระคริสต์ได้เข้ามาในโลกนี้ พระองค์พูดว่า
“พระองค์ (พระเจ้า) ไม่ต้องการเครื่องบูชา และของถวาย
แต่พระองค์ได้เตรียมร่างกายสำหรับข้าพเจ้า
6 พระองค์ไม่ได้พอใจกับเครื่องเผาบูชา
และเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป
7 แล้วข้าพเจ้า (พระคริสต์) ก็พูดว่า
‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่
ข้าพเจ้ามาเพื่อทำตามความต้องการของพระองค์
เหมือนกับที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน’”[a]
8 ครั้งแรกพระองค์ (พระคริสต์) พูดว่า “พระองค์ (พระเจ้า) ไม่ต้องการและไม่ได้พอใจในเครื่องสัตวบูชาที่นำมาบูชา เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาป” (ถึงแม้กฎของโมเสสสั่งให้ทำอย่างนี้) 9 แล้วต่อมาพระองค์ (พระคริสต์) ได้พูดอีกว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าพเจ้ามาเพื่อทำตามความต้องการของพระองค์” ดังนั้น พระเจ้าจึงยกเลิกระบบแรกเสีย เพื่อจะจัดตั้งระบบอันที่สองขึ้นมา 10 เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ เพราะพระเยซูคริสต์ได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ทำ และพระองค์ได้เสียสละร่างกายของพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอสำหรับตลอดไป
11 นักบวชชาวยิวทุกคนยืนทำหน้าที่รับใช้พระเจ้าทุกวัน และเขาถวายเครื่องบูชาอย่างเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มันไม่สามารถจะกำจัดบาปได้ 12 แต่หลังจากที่พระคริสต์ได้สละตัวเองเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเพื่อจัดการกับบาปตลอดไป พระองค์ได้นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า 13 พระองค์จะนั่งรอจนกว่าพระเจ้าจะทำให้ศัตรูของพระองค์มาเป็นที่วางเท้าของพระองค์ 14 เพราะเมื่อพระองค์ถวายตัวเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นสมบูรณ์แบบตลอดกาล
15 พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เป็นพยานยืนยันกับเราในเรื่องนี้ พระองค์ได้พูดว่า
16 “นี่คือคำสัญญาใหม่ที่เราจะทำกับประชาชนของเราหลังจากสมัยนั้น
เราจะใส่กฎของเราเข้าไปในจิตใจของพวกเขา
และจะเขียนพวกมันลงไปในหัวใจของพวกเขา”[b]
17 “และเราจะลืมบาป และการกระทำที่ผิดๆของพวกเขาตลอดไป”[c]
18 เมื่อพระเจ้าอภัยบาปให้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการถวายเครื่องบูชาเพื่อจัดการกับบาปอีกต่อไป
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International