Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เยเรมียาห์ 48-49

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับโมอับ

48 เกี่ยวกับโมอับนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดว่า

“เราเสียใจกับเนโบ
    เพราะเธอถูกทำลายย่อยยับ
คิริยาธาอิมต้องอับอายขายหน้าและถูกยึด
    ป้อมปราการที่แข็งแกร่งก็ต้องอับอาย
ชื่อเสียงของโมอับสูญสิ้นแล้ว
    ในเฮชโบน ประชาชนได้วางแผนทำร้ายมัน
โดยพูดว่า มาเถอะ มาทำลายชนชาตินี้กัน
เมืองมัดเมนเอ๋ย เจ้าจะต้องถูกทำให้เงียบ
    สงครามไล่ตามเจ้ามา
มีเสียงร้องให้ช่วยดังมาจากโฮโรนาอิม
    เกิดการทำลายล้างและความหายนะครั้งใหญ่ขึ้น
โมอับถูกตีแตกแล้ว
    ลูกเล็กๆของเธอร้องไห้กันใหญ่
คนโมอับเดินร้องไห้สะอึกสะอื้น
    ในระหว่างทางที่เดินขึ้นไปลูฮีท
ส่วนตอนที่เดินลงมาที่เมืองโฮโรนาอิม
    คนโมอับก็ได้ยินเสียงร้องระทมทุกข์
หนีไปซะ เอาชีวิตเจ้าให้รอด
    ถึงจะต้องอยู่โดดเดี่ยวเหมือนพุ่มไม้ในทะเลทราย

เพราะเจ้าไว้วางใจในผลงานและในทรัพย์สมบัติของเจ้า
    ดังนั้นเจ้าก็จะโดนจับ
ส่วนเทพเจ้าเคโมชก็จะถูกเนรเทศไป
    พร้อมกับพวกนักบวชและพวกเจ้าหน้าที่ของมัน
นักทำลายก็จะเข้ามาในทุกเมือง
    และจะไม่มีเมืองไหนเหลือรอด
เขตแดนต่างๆตามหุบเขาจะพินาศ
    และที่ราบจะถูกทำลาย
เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้บอกไว้แล้ว
เอาเกลือโรยบนโมอับ
    เพราะว่าโมอับจะถูกทำลายอย่างป่นปี้แน่ๆ
และเมืองต่างๆของมันจะกลายเป็นที่รกร้าง
    ไม่มีใครอาศัยอยู่
10 ความหายนะจะเกิดกับคนที่ไม่เต็มใจทำงานที่พระยาห์เวห์สั่ง
    ความหายนะจะเกิดกับคนที่ยั้งดาบไม่ยอมฆ่าคน

11 โมอับอยู่อย่างสบายๆมาตั้งแต่เด็ก
    เหมือนเหล้าองุ่นเก่าที่ปล่อยให้ตกตะกอน
ไม่เคยเทจากขวดหนึ่งไปอีกขวดหนึ่ง
    เขาไม่เคยถูกเนรเทศ
ดังนั้นรสชาติของเขายังคงเดิม
    และกลิ่นของเขาก็ไม่เปลี่ยน”
12 พระยาห์เวห์พูดว่า “ดังนั้น วันนั้นใกล้มาถึงแล้วที่เราจะส่งคนมาเทขวดพวกนั้น
    พวกเขาจะเทเจ้าและขวดของเจ้า
พวกเขาจะเทจนหมดขวด
    และทุบขวดเหล่านั้นให้แตกละเอียด”

13 แล้วโมอับก็จะต้องอับอายขายหน้าเพราะเทพเจ้าเคโมช เหมือนกับที่คนอิสราเอลอับอายขายหน้าที่ได้ไว้วางใจเมืองเบธเอล[a]

14 “เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘พวกเราเป็นนักรบ
    เป็นนักรบที่กล้าหาญ’
15 นักทำลายได้เข้าโจมตีโมอับและเมืองต่างๆของมันแล้ว
    ชายฉกรรจ์ที่ดีที่สุดของมันก็ถูกฆ่าตาย”
กษัตริย์พูดว่าอย่างนั้น
    และชื่อของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
16 “หายนะของโมอับกำลังจะมาถึงแล้ว
    และความเลวร้าย ก็เข้ามาอย่างเร่งด่วน
17 ร้องไห้โศกเศร้าให้กับเขาสิ
    พวกเจ้าที่อยู่รอบๆเขา
    พวกเจ้าที่รู้จักชื่อของเขา พูดสิว่า
‘คทาที่แข็งแกร่งแตกละเอียดอย่างนี้ได้ยังไง
    คทาที่มีเกียรติขนาดนี้แตกอย่างนี้ได้ยังไงกัน’

18 ชาวเมืองดีโบนเอ๋ย
    ลงมาจากที่สูงอันทรงเกียรติของเจ้าเถอะ
แล้วก็มานั่งกับพวกคนหิวกระหายบนพื้นดินนี้
    เพราะผู้ที่ทำลายโมอับบุกมาตีเจ้าแล้ว
ป้อมปราการอันแข็งแกร่งของเจ้าถูกทลายลงแล้ว

19 ชาวเมืองอาโรเออร์เอ๋ย
    ให้ยืนอยู่ข้างถนนแล้วคอยดู
ให้ถามผู้ชายที่กำลังวิ่งหนี
    และผู้หญิงที่กำลังหลบหนีว่าเกิดอะไรขึ้น

20 โมอับได้รับความอับอายขายหน้าเพราะว่ามันถูกทำลายแล้ว
    ร้องไห้สะอึกสะอื้นสิ
ป่าวร้องไปตามแม่น้ำอารโนนสิว่า
    โมอับถูกทำลายแล้ว
21 การพิพากษาได้มาถึงที่ราบโมอับ
    โฮโลน ยาซาห์ และเมฟาอัทแล้ว
22 มันได้มาถึงดีโบน
    เนโบ เบธดิบลาอิม
23 คิริยาธาอีม เบธกามุล เบธเมโอน
24 เคริโอท โบสราห์ และเมืองทั้งหมดในแผ่นดินโมอับ
    ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล
25 เขาของโมอับถูกตัดเสียแล้ว
    แขนของเขาก็หัก”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

26 มอมโมอับให้เมาสิ
    เพราะเขาคุยโวใหญ่โตทับถมพระยาห์เวห์
โมอับจะเกลือกกลิ้งอยู่ในอ้วกของตัวเอง
    และโมอับก็จะกลายเป็นที่น่าขัน

27 โมอับ เจ้าคิดว่าอิสราเอลน่าขันใช่ไหมล่ะ
    ถึงแม้ว่าอิสราเอลไม่เคยร่วมกับพวกขโมย
แต่เจ้าก็ยังพูดต่อว่าพวกเขา
    และส่ายหัวไปมา
28 ชาวเมืองโมอับ ทิ้งเมืองต่างๆไปซะ
    ไปอยู่ตามซอกหินเถอะ
เป็นเหมือนนกเขาที่ทำรังอยู่ตามซอกเหวลึก

29 พวกเราได้ยินเรื่องความเย่อหยิ่ง
    ถือตัวอย่างมากของโมอับแล้ว
จองหอง อวดดี
    ทะนงตัวและยโสโอหัง

30 พระยาห์เวห์พูดว่า
“เรารู้ถึงความหยิ่งยโสของโมอับ
    ถึงแม้เขาจะอวดอ้างไปวันๆ
    แต่เราบอกได้เลยว่าเขาจะไม่มีวันทำได้อย่างที่อวดอ้าง”
31 ดังนั้น เราจะร้องคร่ำครวญให้กับโมอับ
    เราจะร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานให้โมอับ
    เราจะร้องคร่ำครวญให้กับชาวเมืองคีร์เฮเรส
32 เพราะยาเซอร์ร้องไห้ เราจึงจะร้องไห้ให้กับเจ้า
    เถาองุ่นแห่งสิมาห์
กิ่งก้านของเจ้างอกออกไปถึงทะเล
    พวกมันไปไกลถึงทะเลยาเซอร์ทีเดียว
แต่ผู้ทำลายได้มาเอาผลไม้และผลองุ่นของเจ้าหมดแล้ว
33 ความยินดีถูกกวาดทิ้งไปหมดแล้วจากสวนผลไม้ในแผ่นดินโมอับ
    เราทำให้เหล้าองุ่นหยุดไหลออกมาจากบ่อย่ำองุ่น
ไม่มีเสียงโห่ร้องของคนย่ำองุ่นอีกแล้ว
    เสียงโห่ร้องไม่ใช่โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีอีกแล้ว

34 ผู้คนร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมานตั้งแต่เมืองเฮชโบน เรื่อยไปจนถึงเมืองเอเลอาเลห์ ถึงเมืองยาฮาส เขาร้องจากโศอาร์ ถึงโฮโรนาอิม และเอกลัท-เชลีชิยาห์ เพราะแม้แต่แหล่งน้ำในนิมริมก็ยังถูกทำลาย 35 พระยาห์เวห์พูดว่า “แล้วเราจะนำจุดจบมาถึงโมอับที่มีการเผาเครื่องบูชาในที่สูง และเผาเครื่องหอมให้กับเทพเจ้าต่างๆของเขา 36 ดังนั้น ใจของเราร้องคร่ำครวญอย่างโศกเศร้าให้โมอับเหมือนกับเสียงขลุ่ยงานศพ ใจของเราร้องคร่ำครวญอย่างโศกเศร้าให้กับคนเมืองคีร์เฮเรสเหมือนกับเสียงขลุ่ยในงานศพ เพราะความมั่งคั่งของโมอับสูญสิ้นไปแล้ว 37 นั่นก็เพราะทุกหัวถูกโกน ทุกเคราถูกตัดออก ทุกๆแขนเต็มไปด้วยบาดแผล และทุกคนก็สวมผ้ากระสอบรอบเอว 38 บนดาดฟ้าของทุกบ้านในโมอับ และตามพวกลานเมือง มีแต่การร้องไห้ไว้ทุกข์ เพราะเราทำลายโมอับแล้ว เหมือนไหที่ไม่มีใครอยากได้” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 39 “โมอับถูกทำลายอะไรอย่างนั้น ร้องไห้คร่ำครวญเถอะ โมอับหันหลังให้เราด้วยความอับอาย โมอับกลายเป็นเรื่องน่าตลกขบขัน และเรื่องที่น่าท้อใจสำหรับเมืองที่อยู่แถวๆนั้น”

40 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ดูสิ ผู้ทำลายร่อนลงมาเหมือนนกอินทรี
    มันกางปีกบินเหนือโมอับ
41 เมืองคีริโอทถูกยึดครองและป้อมปราการต่างๆของมันก็โดนยึด
    และในวันนั้น หัวใจของนักรบชาวโมอับจะเหมือนหัวใจของหญิงที่กำลังคลอดลูก
42 ชาวโมอับจะถูกทำลายไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป
    เพราะเขาได้คุยโวเบ่งทับพระยาห์เวห์

43 ความกลัว หลุมและบ่วงแร้วอยู่ต่อหน้าชาวโมอับ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
44 “คนที่วิ่งหนีไปจากความกลัวจะต้องหล่นลงไปในหลุม
    และคนที่ขึ้นจากหลุมก็จะถูกบ่วงแร้วครอบเอา
เพราะเราจะทำให้สิ่งนี้เกิดกับโมอับในปีที่พวกเขาถูกลงโทษ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
45 “ในเงาของเฮชโบน
    ก็มีคนพวกนั้นที่ได้วิ่งหนีหมดเรี่ยวแรงมาอยู่
เพราะมีไฟพุ่งมาจากเฮชโบน
    และเปลวไฟได้พุ่งออกมาจากวังของสิโหน
มันจะเผาผลาญหน้าผากของโมอับ
    และหัวของคนเหล่านั้นที่กำลังอึกทึกครึกโครม
46 ความหายนะจะเกิดกับเจ้า โมอับ
    คนของเทพเจ้าเคโมช กำลังพินาศ
เพราะพวกลูกชายของเจ้ากำลังถูกจับไป
    และพวกลูกสาวของเจ้ากำลังถูกจับเป็นเชลย
47 แต่ต่อไปเราจะคืนสิ่งที่ถูกเอาไปจากโมอับ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
    การพิพากษาโมอับก็ได้จบลง

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับอัมโมน

49 เกี่ยวกับคนอัมโมน พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้

“คนอัมโมน เจ้าคิดว่าคนอิสราเอลไม่มีลูกชายหรือ
    เจ้าคิดว่าเขาไม่มีผู้รับมรดกหรือ
ถ้าอย่างนั้นทำไมเทพเจ้าโมเลคถึงอ้างว่าเป็นเจ้าของกาด[b] ล่ะ
    และทำไมคนของเขาถึงได้อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆของมันล่ะ”

พระยาห์เวห์พูดว่า
“วันเหล่านั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
    คือวันที่เราจะทำให้เสียงแตรรบดังกึกก้อง
เพื่อทำศึกกับรับบาห์เมืองหลวงของอัมโมน
    มันจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
และหมู่บ้านรอบๆมันจะถูกเผา
    จากนั้นอิสราเอลก็จะครอบครองเขตแดนนั้น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

เฮชโบน ร้องไห้สิ เพราะเมืองอัยถูกทำลายแล้ว
    ลูกสาวทั้งหลายของรับบาห์ ร้องขอความช่วยเหลือสิ
สวมใส่เสื้อผ้ากระสอบซะ
    ร้องไห้ และเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมายในคอกแกะนั้น
เพราะพระโมเลคจะถูกเนรเทศไป
    พร้อมกับพวกนักบวชและพวกเจ้าหน้าที่ของมัน
ทำไมเธอถึงได้อวดถึงความแข็งแกร่ง
    ความแข็งแกร่งของเธอกำลังเสื่อมถอยไป
ลูกสาวที่ทรยศเอ๋ย เจ้าไว้วางใจในความร่ำรวยของเจ้า
    เจ้าพูดว่า “ใครจะมาโจมตีฉันล่ะ”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า
    “เรานี่แหละจะนำความหวาดกลัวมาให้เจ้าจากคนเหล่านั้นที่อยู่รอบๆเจ้า
พวกเจ้าทุกคนจะโดนขับไล่ออกไป
    และจะไม่มีการรวบรวมคนที่ระหกระเหินเข้าด้วยกัน

แล้วหลังจากนั้น เราจะคืนสิ่งที่คนอัมโมนถูกยึดไปกลับมาให้พวกเขา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเอโดม

เกี่ยวกับเอโดม พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า

“ไม่มีความเฉลียวฉลาดหลงเหลืออยู่ในเทมานแล้วหรือ
    คนฉลาด ไม่มีปัญญาให้คำปรึกษาแล้วหรือ
    พวกเขาสูญเสียสติปัญญาไปหมดแล้วหรือ
คนที่อยู่ในเดดาน หนีไปซะ
    หันหลังกลับไปอยู่ให้ห่างไกล
เพราะเราจะนำหายนะมาสู่เอซาว
    ตอนที่เราลงโทษเขา

ถ้าคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
    พวกเขาจะไม่เหลือองุ่นไว้บ้างเลยหรือ
ถ้าขโมยมาตอนกลางคืน
    พวกมันก็จะเอาเฉพาะสิ่งที่พวกมันอยากได้
10 เนื่องจากเราได้เปลื้องผ้าของเอซาว
    และเปิดเผยที่ซ่อนของเขา
    เขาก็เลยไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกแล้ว
ลูกหลาน ครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขาก็จะถูกทำลายไป
    ส่วนเขาก็จะไม่มีตัวตนอีกต่อไป
11 ทอดทิ้งเด็กกำพร้าของเจ้าซะ
    แล้วเราจะไว้ชีวิตพวกเขา
ทอดทิ้งพวกแม่ม่ายของเจ้าซะ
    พวกเขาถึงจะได้ไว้วางใจในเรา”

12 เพราะพระยาห์เวห์พูดว่า “บางคนดื่มถ้วยแห่งความโกรธของพระเจ้า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่าบาป แต่เอโดม เจ้าดูเหมือนไร้เดียงสาแต่เจ้าไม่ไร้เดียงสา อย่างนั้นเจ้าก็เลยจะต้องดื่มจากถ้วยนั้นอย่างแน่นอน” 13 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราได้สาบานไว้กับตัวเองว่า เจ้าจะพินาศย่อยยับ กลายเป็นสิ่งที่คนหัวเราะเยาะ เป็นแผ่นดินที่ไม่มีประโยชน์ เป็นคำสาปแช่ง โบสราห์และเมืองต่างๆของมันจะกลายเป็นดินแดนที่ไม่มีประโยชน์ตลอดไป”

14 ผมได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์
    และผู้ส่งข่าวก็ถูกส่งไปตามชาติต่างๆ
พระองค์พูดว่า “ให้พวกเจ้ารวมตัวกันโจมตีเอโดม
    และลุกขึ้นมาทำสงคราม
15 เอโดม เราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติเล็กๆในบรรดาชาติต่างๆ
    ผู้คนจะดูถูกเจ้าไปทั่ว
16 เอโดม เจ้าทำให้คนอื่นเกรงกลัว
    เจ้าเลยหลงตัวเองนึกว่าแน่ เจ้ามันหยิ่งทะนง
เจ้าอาศัยอยู่ตามซอกหินผา
    เจ้าครอบครองเนินเขาสูง
ถึงเจ้าจะสร้างรังไว้สูงเหมือนนกอินทรี
    เราก็จะเอาเจ้าลงมาจากที่นั่น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

17 “เอโดมจะกลายเป็นที่รกร้างน่ากลัว
    ทุกคนที่ผ่านมาจะตกตะลึง
    และทุกคนก็จะเย้ยหยันบาดแผลฟกช้ำของมัน
18 เหมือนกับที่ชาวเมืองโสโดม โกโมราห์และเมืองแถวๆนั้นถูกตีแตก
    ก็เลยไม่มีใครอยู่ที่นั่นและไม่มีมนุษย์ที่ไหนจะไปที่นั่น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

19 เหมือนสิงโตที่ออกมาจากป่าของแม่น้ำจอร์แดน และเข้าไปที่ทุ่งหญ้าที่เขียวเสมอ อยู่ๆเราก็จะขับไล่ชาวเอโดมไปจากประเทศของมัน เราอยากแต่งตั้งใคร เราก็จะแต่งตั้งคนนั้นให้ครอบครองมัน เพราะจะมีใครเหมือนเราบ้าง ใครจะแต่งตั้งเราหรือ จะมีผู้เลี้ยงแกะ[c] คนไหนกล้ามายืนขวางหน้าเราหรือ

20 ดังนั้น ให้ฟังแผนการที่พระยาห์เวห์ได้วางไว้ต่อต้านเอโดม
    และแผนต่างๆที่พระองค์วางไว้เพื่อทำลายคนที่อยู่ในเทมาน
แน่นอน พวกฝูงสัตว์หนุ่มสาวจะถูกลากออกไป
    แน่นอน คอกแกะของพวกมันจะว่างเปล่า
21 เสียงล่มสลายของเอโดม ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
    เสียงร้องของพวกเขาจะได้ยินไปไกลถึงทะเลแดง
22 ดูสิ พระองค์จะบินขึ้น และโฉบลงมาอย่างนกอินทรี
    และกางปีกเหนือโบสราห์
ในวันนั้นหัวใจของนักรบเอโดมจะเป็นเหมือนหัวใจของหญิงที่กำลังเจ็บท้องคลอดลูก

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับดามัสกัส

23 เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

“เมืองฮามัทและเมืองอารปัดต้องอับอายขายหน้า
    เพราะเมืองทั้งสองได้ยินข่าวร้าย
ทั้งสองกลัวจนตัวอ่อนปวกเปียก
    เหมือนทะเลอันปั่นป่วนที่ไม่สามารถทำให้สงบได้
24 เมืองดามัสกัสนั้นอ่อนแอ
    เธอหันหลังวิ่งหนีไปแล้ว
    เธอกลัวจนตัวสั่น
ความทุกข์ระทมและความเจ็บปวด
    ตกลงบนเธอเหมือนหญิงที่กำลังคลอดลูก

25 เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้
    ถูกทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิง
26 แน่นอน คนที่เก่งกาจของเธอจะล้มตายในลานกลางเมือง
    และพวกทหารของเธอทุกคนจะพินาศ”
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนั้น
27 “เราจะจุดไฟเผากำแพงเมืองดามัสกัส
    และเราจะเผาผลาญวังของเบนฮาดัด”

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเผ่าเคดาร์และอาณาจักรฮาโซร์

28 เกี่ยวกับเผ่าเคดาร์และอาณาจักรฮาโซร์ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนโจมตี

พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า
“ลุกขึ้นมา บุกไปทำลายเคดาร์ซะ
    ทำลายพวกคนทางตะวันออก
29 ให้ยึดเต็นท์และฝูงสัตว์ของพวกมันมา
    รวมทั้งผ้าเต็นท์และข้าวของเครื่องใช้ด้วย
จูงอูฐพวกเขาออกไป
    และร้องบอกพวกเขาว่า ‘หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องน่าสยดสยอง’
30 หนีไปซะ หนีไปให้ไกลๆเลย
    ชาวเมืองฮาโซร์ ไปหลบซ่อนตัวซะ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“เพราะกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
    ได้ร่างแผนการและวางแผนจะโจมตีเจ้าแล้ว

31 ลุกขึ้น ไปบุกชาติที่สงบสุขกัน
    ชาติที่รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“ชาติที่ไม่มีประตูหรือสลักกลอนประตู
    และอยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง
32 ศัตรูจะลักขโมยอูฐของพวกเขาไป
    และยังปล้นฝูงสัตว์ที่ส่งเสียงดังของพวกเขาไปด้วย
เราจะกระจัดกระจายคนที่เข้าพิธีโกนจอน[d] ไปทั่วสารทิศ
    และเราจะนำความหายนะมาสู่พวกเขาจากทุกด้าน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
33 “และเมืองฮาโซร์จะกลายเป็นถ้ำของพวกหมาไน
    กลายเป็นที่รกร้างตลอดไป
จะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น
    และจะไม่มีใครย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย”

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเมืองเอลาม

34 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า เกี่ยวกับเมืองเอลาม ในช่วงแรกที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์

35 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    “เราจะทำลายธนูของเอลาม
36 เราจะนำลมสี่สายจากทั้งสี่ทิศของท้องฟ้ามาทำลายเอลาม
    และจะทำให้คนเอลามกระจัดกระจายไปตามที่ลมสี่สายนี้พัดไป
และคนเอลามที่ถูกขับไล่ออกไปนี้จะไปอยู่ทั่วทุกชนชาติเลย
37 เราจะทำให้ชาวเอลามกระจุยกระจายไปต่อหน้าต่อตาศัตรูและคนที่อยากจะฆ่าพวกเขา
และเราจะนำความหายนะมาสู่พวกเขา
    เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราโกรธพวกเขาแค่ไหน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และเราจะส่งดาบมาไล่ล่าพวกเขา
    จนกว่าเราจะกำจัดพวกเขาจนหมด
38 เราจะตั้งบัลลังก์ของเราในเอลาม
    และจะถอดถอนกษัตริย์และพวกเจ้านายออกไปจากที่นั่น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
39 “แต่หลังจากนั้น เราจะพลิกสถานการณ์ให้เอลามกลับมาดีเหมือนเดิม”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

ฮีบรู 7

นักบวชเมลคีเซเดค

เมลคีเซเดคคนนี้เป็นกษัตริย์เมืองซาเล็ม เป็นนักบวชของพระเจ้าสูงสุด ท่านได้พบกับอับราฮัม ในขณะที่อับราฮัมกลับมาหลังจากที่ได้รบชนะกษัตริย์ต่างๆ แล้วท่านได้อวยพรให้อับราฮัม อับราฮัมแบ่งของที่ยึดมาได้ให้กับเมลคีเซเดคไปหนึ่งในสิบ ชื่อของเมลคีเซเดค หมายถึง “กษัตริย์ที่ทำตามใจพระเจ้า” และท่านเป็นกษัตริย์ของเมืองซาเล็มด้วย ซึ่งหมายถึง “กษัตริย์แห่งสันติสุข” ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่และตระกูลของท่าน[a] ชีวิตของท่านไม่มีวันเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ เมลคีเซเดคจึงเหมือนกับพระบุตรของพระเจ้า ตรงที่ว่าเป็นนักบวชตลอดไป

ดูสิว่าท่านยิ่งใหญ่ขนาดไหน แม้แต่อับราฮัมผู้เป็นต้นตระกูลของเรา ยังได้แบ่งของที่ยึดมาได้ให้กับท่านไปหนึ่งในสิบเลย พวกนักบวชที่มาจากเผ่าเลวี[b]นั้น กฎของโมเสสสั่งให้เขาเก็บส่วนแบ่งหนึ่งในสิบจากประชาชน ซึ่งก็คือพี่น้องของเขานั่นเอง ทั้งๆที่พวกเขาทั้งหมดสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม แต่เมลคีเซเดคไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากเผ่าเลวี แต่ก็ยังได้รับส่วนแบ่งหนึ่งในสิบจากอับราฮัม และท่านยังได้อวยพรให้กับอับราฮัมคนที่ได้รับคำสัญญาจากพระเจ้า ซึ่งเรารู้ว่า ผู้ใหญ่จะเป็นคนที่อวยพรให้กับผู้น้อย ในกรณีของนักบวชชาวเลวีที่ได้รับส่วนแบ่งหนึ่งในสิบนั้น เป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องตาย แต่ในกรณีของเมลคีเซเดคที่ได้รับส่วนแบ่งหนึ่งในสิบนั้น คือคนที่พระคัมภีร์ได้พูดไว้ว่า จะยังคงมีชีวิตอยู่[c]ต่อไป อาจจะพูดได้ว่าเลวีคนที่ได้รับส่วนแบ่งหนึ่งในสิบนั้น จริงๆแล้วได้ให้ส่วนแบ่งหนึ่งในสิบกับเมลคีเซเดคด้วยโดยผ่านทางอับราฮัม 10 ถึงแม้ตอนที่เมลคีเซเดคพบกับอับราฮัมนั้น เลวียังไม่เกิดเลยแต่ก็อยู่ในสายเลือดของอับราฮัมบรรพบุรุษของเขา

11 ชาวอิสราเอลได้รับกฎของโมเสส ซึ่งกฎนั้นขึ้นอยู่กับระบอบนักบวชของเลวี แต่ระบอบนี้ไม่สามารถทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบนั้นได้ เพราะถ้ามันทำได้ ทำไมยังต้องมีนักบวชอีกคนหนึ่งมา ซึ่งเป็นไปตามแบบของเมลคีเซเดค ไม่ใช่ตามแบบของอาโรน 12 เมื่อเปลี่ยนระบอบนักบวชไป กฎก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นด้วย 13 เราเห็นได้ว่าระบอบนั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะพระเยซูคนที่เราพูดถึงนี้ มาจากอีกเผ่าหนึ่งที่ไม่ใช่เผ่าเลวี และยังไม่มีใครเลยในเผ่าของพระเยซู ที่เคยเป็นนักบวชคอยรับใช้อยู่ที่หน้าแท่นบูชา 14 มันก็เห็นชัดว่า องค์เจ้าชีวิตของเราสืบเชื้อสายมาจากเผ่ายูดาห์ และโมเสสก็ไม่เคยพูดว่าจะมีนักบวชมาจากเผ่านี้เลย

พระเยซูเป็นนักบวชเหมือนเมลคีเซเดค

15 การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งเห็นชัดมากขึ้น เมื่อมีนักบวชคนหนึ่งเกิดขึ้นตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค 16 ซึ่งคนนี้ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบวชตามกฎ คือกฎที่จะต้องสืบเชื้อสายมาจากเผ่าเลวี แต่เป็นเพราะฤทธิ์อำนาจของชีวิตที่ไม่สามารถทำลายได้ 17 เหมือนกับที่ในพระคัมภีร์ได้พูดถึงคนนี้ว่า “เจ้าเป็นนักบวชตลอดไป ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค”[d]

18 ข้อบังคับอันเก่า ตอนนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เนื่องจากมันอ่อนแอและไร้ประโยชน์ 19 อันที่จริงแล้วกฎของโมเสสไม่ได้ทำให้อะไรสมบูรณ์แบบได้เลย แต่ตอนนี้เราได้รับความหวังที่หวังในสิ่งที่ดีกว่า เพราะความหวังนี้เราจึงเข้าใกล้พระเจ้าได้

20 ที่สำคัญคือว่า พระเจ้าได้แต่งตั้งพระเยซูให้เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดตามคำสาบานของพระองค์ ในขณะที่คนอื่นๆได้เป็นนักบวชนั้น โดยไม่มีคำสาบาน 21 แต่พระเยซูได้เป็นหัวหน้านักบวช เมื่อพระเจ้าสาบานกับพระเยซูว่า

“องค์เจ้าชีวิตได้สาบานไว้แล้ว
    และจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเลย
‘พระองค์เป็นนักบวชตลอดไป’”[e]

22 คำสาบานนี้หมายความว่า พระเยซูเป็นผู้ประกันว่าสัญญา[f]อันใหม่นี้ดีกว่าสัญญาอันเก่า

23 เหตุที่มีหัวหน้านักบวชหลายคน ก็เพราะพวกเขาต้องตายไป แล้วทำหน้าที่ต่อไม่ได้ 24 แต่พระเยซูนั้นมีชีวิตตลอดไปจึงทำหน้าที่หัวหน้านักบวชได้ตลอดไป 25 ดังนั้น ทุกๆคนที่มาหาพระเจ้า โดยผ่านทางพระเยซู พระองค์สามารถที่จะช่วยชีวิตของเขาได้ครบถ้วน[g] เพราะพระองค์อยู่เสมอที่จะขอความเมตตาให้กับพวกเขา

26 เราต้องการหัวหน้านักบวชสูงสุดอย่างพระเยซูนี่แหละ เพราะพระองค์เป็นที่พอใจของพระเจ้า ไม่มีที่ติ ไม่มีจุดด่างพร้อย แยกจากคนบาปทั้งหลาย และได้รับการยกขึ้นอยู่เหนือฟ้าสวรรค์ 27 พระองค์ไม่ต้องถวายเครื่องบูชาทุกวัน เหมือนกับพวกหัวหน้านักบวชอื่นๆทำ คืออย่างแรกพวกนั้นต้องถวายเครื่องบูชาจัดการกับบาปของตัวเองก่อน แล้วถึงค่อยทำให้กับประชาชน แต่พระเยซูถวายเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวสำหรับทุกๆคน พระเยซูทำอย่างนี้ตอนที่พระองค์ถวายชีวิตของพระองค์เอง 28 จริงๆแล้วกฎของโมเสสได้แต่งตั้งมนุษย์ที่มีความอ่อนแอ ให้มาเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด แต่คำสาบานที่มาภายหลังกฎของโมเสสนั้น ได้แต่งตั้งพระบุตรผู้ที่พระเจ้าได้ทำให้สมบูรณ์แบบทุกอย่างตลอดไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International