Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เยเรมียาห์ 32-33

เยเรมียาห์ซื้อท้องทุ่งที่อานาโธท

32 นี่คือข่าวสารจากพระยาห์เวห์ที่มาถึงเยเรมียาห์ ในปีที่สิบ[a] ที่เศเดคียาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ และตรงกับปีที่สิบแปดของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์

ในเวลานั้น กองทัพของกษัตริย์บาบิโลนกำลังล้อมเมืองเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังถูกคุมขังอยู่ในลานของคุกที่อยู่ในวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์เป็นผู้สั่งให้จับเยเรมียาห์ขังไว้ในคุกที่นั่นเอง พระองค์ถามเยเรมียาห์ว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ทำนายอย่างนี้ เจ้าพูดว่า พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลน พระองค์จะได้ยึดครองมัน และกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ก็จะไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกบาบิโลน เพราะเขาจะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลนอย่างแน่นอน และกษัตริย์เศเดคียาห์จะได้พูดกับกษัตริย์บาบิโลนตรงหน้า และเจอกันซึ่งๆหน้า กษัตริย์ของบาบิโลนจะบังคับให้เศเดคียาห์ไปบาบิโลน และเขาจะต้องอยู่ที่นั่น จนกว่าเราจะมาลงโทษเขา พวกเจ้าจะต่อสู้กับพวกบาบิโลน แต่จะไม่ชนะ’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

แล้วเยเรมียาห์ก็ตอบว่า “ข่าวสารของพระยาห์เวห์มาถึงผม พระองค์พูดว่า ‘เยเรมียาห์ ฮานาเมลลูกชายของชัลลูมลุงของเจ้าจะมาหาเจ้า และเขาจะบอกกับเจ้าว่า “ให้ซื้อท้องทุ่งของผมที่อยู่ในอานาโธทไปหน่อย เพราะท่านสามารถซื้อมันได้ตามสิทธิ์”’

แล้วฮานาเมลลูกชายของลุงผม ก็ได้มาหาผมในลานคุกแห่งนี้ ตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกไว้ และเขาก็พูดกับผมว่า ‘ให้ซื้อท้องทุ่งของผมไปหน่อย ท้องทุ่งที่อยู่ในอานาโธท ที่อยู่ในแผ่นดินของเบนยามิน เพราะท่านมีสิทธิ์ที่จะครอบครอง และมีสิทธิ์ที่จะซื้อมันได้ ให้ท่านซื้อเก็บไว้เอง’”

ดังนั้นผมจึงรู้ว่านี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ แล้วผมก็ซื้อท้องทุ่งนั้นจากฮานาเมลลูกชายของลุงผม เป็นท้องทุ่งที่อยู่ในอานาโธท แล้วผมก็จ่ายไปเป็นเงินหนักสิบเจ็ดเชเขล[b] 10 ผมได้เขียนเป็นสัญญาซื้อขายขึ้นมา เอาเชือกมัดแล้วหยดครั่งลงบนเชือก และให้พยานเซ็นชื่อรับรอง แล้วผมก็ชั่งเงินจ่ายเขาไป

11 จากนั้นผมก็เอาหนังสือซื้อขายมา ซึ่งก็รวมถึงสำเนาของสัญญาที่มีครั่งหยดปิดอยู่ คำสั่งและเงื่อนไข รวมทั้งสำเนาที่ยังไม่ได้ลงครั่งด้วย 12 แล้วผมก็ให้หนังสือซื้อขายกับบารุคลูกชายของเนริยาห์ ซึ่งเป็นลูกชายของมาอาเสอาห์ ต่อหน้าฮานาเมล กับลุงของผม และต่อหน้าพวกพยานที่ลงชื่อไว้ในสัญญาซื้อขาย รวมทั้งพวกชาวยูดาห์ทุกคนที่นั่งอยู่ที่ลานคุกนั้น

13 แล้วผมก็สั่งบารุคต่อหน้าพวกเขาว่า 14 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้อย่างนี้ว่า “ให้เอาหนังสือพวกนี้ คือหนังสือซื้อขายนี้ ทั้งที่มีครั่งปิด และไม่มีครั่งปิด ไปใส่ไว้ในหม้อดิน เพื่อพวกมันจะอยู่ได้นานๆ” 15 เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้ว่า “ในอนาคต คนของเราก็จะซื้อบ้านเรือน ท้องทุ่ง และ พวกสวนองุ่นในแผ่นดินนี้อีกครั้งหนึ่ง”

16 หลังจากที่ผมได้ให้หนังสือซื้อขายกับบารุคลูกชายของเนริยาห์ไปแล้ว ผมก็ได้อธิษฐานถึงพระยาห์เวห์ว่า

17 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์สร้างฟ้าและแผ่นดินโลกด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และแขนที่ยื่นออกมาของพระองค์ ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปสำหรับพระองค์ 18 พระองค์คือผู้ที่แสดงความเมตตาแก่คนเป็นพันๆและเป็นผู้ที่ตอบแทนความผิดบาปของพ่อแม่ให้กับลูกๆของพวกเขา พระองค์คือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าที่ทรงพลังที่มีชื่อว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น

19 แผนการของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ และการกระทำของพระองค์ก็ยอดเยี่ยม พระองค์เป็นผู้ที่มีดวงตาคอยสอดส่องการกระทำทั้งหมดของมนุษย์ เพื่อตอบแทนให้กับแต่ละคนตามวิถีทางต่างๆของเขา และการกระทำต่างๆของเขา ตามที่เขาสมควรจะได้รับ

20 พระองค์คือผู้ที่ได้ทำหมายสำคัญ และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งไม่มีอะไรที่จะเหนือกว่านั้นอีกแล้ว มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะในอิสราเอลหรือในชนกลุ่มไหนก็ตาม พระองค์สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เอง ชื่อเสียงพระองค์เป็นที่เคารพยำเกรงมาจนถึงทุกวันนี้ 21 พระองค์ได้นำอิสราเอลที่เป็นคนของพระองค์ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและสิ่งมหัศจรรย์มากมายด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่เหยียดออกและด้วยความน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

22 พระองค์ได้ให้แผ่นดินนี้กับคนอิสราเอล แผ่นดินที่พระองค์ได้สาบานไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่า พระองค์จะให้กับพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำเชื่อมผลไม้ 23 พวกอิสราเอลก็ได้เข้ามาในแผ่นดินนี้ และก็ได้ครอบครองมัน แต่พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ และไม่เดินตามกฎต่างๆของพระองค์ พวกเขาไม่ทำสิ่งต่างๆที่พระองค์สั่งให้พวกเขาทำ แล้วพระองค์ก็ทำให้พวกเขาต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดเหล่านี้

24 พวกชาวบาบิโลน ได้สร้างเนินดินติดกำแพงเมืองเพื่อที่จะบุกยึดเมือง เนื่องจากคมดาบ ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บ เมืองก็เลยตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลนที่กำลังต่อสู้กับมัน สิ่งที่พระองค์บอกว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และพระองค์ก็เห็น

25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘ให้เอาเงินไปซื้อท้องทุ่งนั้นเอาไว้เอง และให้มีพยานรับรองด้วย’ แต่เมืองนี้กำลังจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกบาบิโลนอยู่แล้ว”

26 และข่าวสารของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ พระองค์พูดว่า 27 “เยเรมียาห์ เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราหรือ”[c] 28 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่าอย่างนี้ “เราจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน และเขาจะยึดครองมัน 29 ชาวบาบิโลนที่กำลังสู้รบอยู่กับเมืองนี้จะบุกเข้ามาในเมือง และจุดไฟเผาเมือง พวกเขาจะเผาบ้านเรือนต่างๆที่เผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัลบนดาดฟ้า และถวายเครื่องดื่มบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เราโกรธ 30 เพราะชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำสิ่งที่เราถือว่าชั่วร้ายจริงๆมาตั้งแต่เด็กๆเพราะชาวอิสราเอลได้สร้างรูปเคารพขึ้นมากับมือ ซึ่งทำให้เราโกรธ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 31 “ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราโกรธเมืองนี้ตั้งแต่วันที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาแล้ว โกรธมาจนถึงทุกวันนี้ เราโกรธถึงขนาดที่จะกำจัดมันให้พ้นไปจากหน้าเรา 32 เราโกรธเพราะชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นการยั่วโมโหเรา พวกมันต่างพากันทำสิ่งที่ชั่วร้ายกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พวกนักบวช พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกคนยูดาห์ หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม

33 พวกมันหันหลังให้เรา ไม่ได้หันหน้าให้เรา ถึงแม้เราจะสอนพวกมัน ลุกขึ้นแต่เช้ามาสอนพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่ยอมรับการตักเตือน 34 พวกมันเอาสิ่งที่น่ารังเกียจขยะแขยงมาตั้งไว้ในบ้านที่ถูกเรียกว่าเป็นของเรา ทำให้บ้านนั้นเสื่อมไป

35 พวกมันก็ได้สร้างสถานนมัสการต่างๆสำหรับพระบาอัล ในหุบเขาแห่งเบน-ฮินโนม เพื่อเอาไว้เป็นที่สำหรับเซ่นไหว้พวกลูกชายและลูกสาวของพวกมันให้กับพระโมเลค ทั้งๆที่เราไม่ได้สั่ง หรือแม้แต่คิดจะสั่งเรื่องน่าขยะแขยงอย่างนี้ ดังนั้นมันจึงทำให้ชาวยูดาห์บาป

36 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดเกี่ยวกับเมืองนี้ คือ ‘ที่พวกเจ้าพูดกันว่า กษัตริย์บาบิโลนจะยึดเยรูซาเล็ม ด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคร้าย’ แต่เราจะบอกว่า 37 ‘เรากำลังจะรวบรวมพวกเขามาจากทุกหนทุกแห่ง ที่เราได้ขับไล่พวกเขาไปด้วยความโกรธแค้น เดือดดาลอย่างใหญ่หลวง เราจะพาพวกเขากลับมาที่นี่ และจะทำให้พวกเขาอยู่กันอย่างปลอดภัย 38 พวกเขาจะเป็นคนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา 39 เราจะให้หัวใจกับพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน และให้ทำอย่างเดียวกัน พวกเขาจะได้ยำเกรงเราตลอดไป เพื่อเป็นผลดีสำหรับพวกเขาและสำหรับลูกหลานของพวกเขา

40 เราได้ทำข้อตกลงกับพวกเขาชั่วนิรันดร์ ว่าเราจะไม่มีวันหันหลังไปจากพวกเขา คือเราจะทำสิ่งที่ดีๆให้กับพวกเขา และเราจะทำให้จิตใจของพวกเขายำเกรงเรา เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่หันหลังไปจากเรา 41 เราจะมีความสุขที่ทำสิ่งดีๆให้กับพวกเขา และด้วยชีวิตจิตใจทั้งหมดของเรา เราจะปลูกพวกเขาไว้ในแผ่นดินนี้อย่างสัตย์ซื่อ’”

42 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เราเคยนำความเลวร้ายทั้งหมดนี้มาให้คนพวกนี้อย่างไร เราก็จะนำสิ่งดีๆมาให้กับพวกเขาอย่างนั้น สิ่งดีๆที่เราได้สัญญาว่าจะทำเพื่อพวกเขา 43 แล้วท้องทุ่งในแผ่นดินนี้ก็จะมีคนมาซื้อกัน แผ่นดินที่พวกเจ้าพูดว่า ‘มันเป็นแผ่นดินที่พินาศย่อยยับ ไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยอยู่ และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน’ 44 คนจะเอาเงินมาซื้อท้องทุ่งกัน และจะมีการเขียนสัญญา ติดครั่งบนสัญญานั้น และมีพยานรับรอง พวกเขาจะซื้อท้องทุ่งในแผ่นดินของเบนยามิน และบริเวณรอบๆเยรูซาเล็ม รวมทั้งเมืองต่างๆในยูดาห์ ในแถบเนินเขา ในแถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก และในแถบเนเกบด้วย เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ให้กับพวกเขา” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น

คำสัญญาของพระเจ้า

33 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มีมาถึงเยเรมียาห์เป็นครั้งที่สอง ในขณะที่เขายังถูกคุมขังอยู่ในลานคุก พระยาห์เวห์ คือผู้ที่สร้างโลกนี้ และเป็นผู้ที่ทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เพื่อที่จะวางรากฐานของมัน พระยาห์เวห์คือชื่อของพระองค์ พระองค์พูดว่า “ยูดาห์ เรียกเราสิ แล้วเราจะตอบเจ้า เราจะบอกเจ้าถึงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆและเรื่องลึกลับที่เจ้ายังไม่รู้ เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดไว้เกี่ยวกับพวกบ้านเรือนในเมืองนี้ และวังของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ที่จะถูกศัตรูรื้อทำลายไป ศัตรูจะสร้างเนินดินบุกขึ้นบนกำแพงและจะใช้ดาบฆ่าฟันคนในเมือง

พวกบาบิโลนกำลังจะมาสู้รบกับเมืองนี้ และจะทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยซากศพของผู้คนที่ถูกเราฆ่าเพราะความโกรธแค้นของเรา และเราก็ได้ซ่อนหน้า[d] ของเราไปจากเมืองนี้ เพราะความชั่วช้าทั้งหลายที่ชาวเมืองนี้ทำ

แต่เรากำลังจะมาเยียวยารักษาให้ เราจะรักษาพวกเขา และจะให้พวกเขามีความสงบสุขและความปลอดภัยอย่างล้นเหลือ เราจะพลิกสถานการณ์ให้กับยูดาห์และอิสราเอล และเราจะสร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่ให้เป็นเหมือนในตอนแรกที่พวกเขาเป็น เราจะทำให้พวกเขาสะอาดบริสุทธิ์จากความผิดบาปที่พวกเขาเคยทำไว้กับเรา และเราจะยกโทษให้กับพวกการอธรรมและการละเมิดต่างๆทั้งหมดที่พวกเขาเคยทำกับเรา

แล้วหลังจากนั้นเมืองนี้ก็จะเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองที่นำความสุข คำสรรเสริญ และความภูมิใจมาให้กับเรา ต่อหน้าชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ ชนชาติต่างๆเหล่านั้น จะได้ยินสิ่งดีๆทั้งหมดที่เรากำลังทำให้กับชาวยูดาห์ที่กลับมานั้น ชนชาติทั้งหลายจะเกรงกลัวจนตัวสั่น เพราะสิ่งดีๆทั้งหลายและความสงบสุขที่เรากำลังมอบให้กับผู้ที่อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม”

10 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “พวกเจ้าพูดว่า ‘บ้านเมืองของเราถูกทิ้งรกร้าง ไม่มีแม้แต่ผู้คนและสัตว์อาศัยอยู่’ แต่ในอนาคต ในเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของอิสราเอลที่เงียบสงัด เพราะถูกทำลายไปจนไม่มีผู้คนและพลเมืองอาศัยอยู่ ไม่มีแม้แต่สัตว์นั้น พวกเจ้าจะได้ยิน 11 เสียงร้องเพลง เสียงเฉลิมฉลอง และเสียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกครั้งหนึ่ง จะได้ยินเสียงของผู้คนร้องว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เพราะว่าพระองค์แสนดี เพราะความรักของพระองค์นั้นอยู่ชั่วนิจนิรันดร์’ และจะได้ยินเสียงคนนำเครื่องถวายมาถวายเพื่อแสดงความขอบคุณในวิหารของพระยาห์เวห์อีกครั้งหนึ่ง เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ของแผ่นดินนี้” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

12 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนี้ “ในสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างและไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยอยู่นี้ รวมทั้งเมืองต่างๆของมันด้วย จะกลับมามีทุ่งหญ้าให้กับคนเลี้ยงแกะที่กำลังเลี้ยงแกะอีกครั้ง 13 คนเลี้ยงแกะจะได้นับแกะของพวกเขาอีกครั้ง แกะพวกนี้จะเดินผ่านมือของผู้นับไป ผู้คนจะนับแกะของเขากันไปทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมืองต่างๆในแถบเนินเขา ในแถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก ในแถบเนเกบ ในยูดาห์ ในแผ่นดินของเบนยามิน และในพื้นที่บริเวณรอบๆเมืองเยรูซาเล็ม” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

กิ่งก้านที่ดี

14 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะทำให้สัญญาที่เราได้ทำไว้กับครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์เป็นจริง 15 ในวันนั้นและในเวลานั้น เราจะทำให้กิ่งอันชอบธรรมงอกออกมาสำหรับราชวงศ์ของดาวิด เขาจะรักษาความยุติธรรมและความชอบธรรมบนแผ่นดินนี้ 16 ในวันนั้นยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้ และเยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย และผู้คนจะเรียกเมืองนี้ว่า ‘พระยาห์เวห์คือความชอบธรรมของพวกเรา’”

17 เพราะพระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ดาวิดจะไม่ขาดทายาทที่จะมานั่งอยู่บนบัลลังก์ของชนชาติอิสราเอล

18 และพวกนักบวชชาวเลวีจะไม่ขาดทายาทที่จะมาถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องสังสรรค์บูชา ให้กับเราตลอดไป”

19 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมียาห์ว่า 20 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถหักข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับวันและคืน คือทำให้วันและคืนไม่เกิดขึ้นตามเวลาของมัน 21 เมื่อนั้นแหละ เจ้าถึงจะสามารถหักข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของเรา และกับพวกนักบวชชาวเลวีที่เป็นผู้รับใช้ของเราด้วย

22 เราจะทำให้ลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้เรา และชาวเลวีที่รับใช้เรา มีลูกหลานเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ไม่สามารถนับได้ และเหมือนกับเม็ดทรายที่ทะเลที่นับไม่ถ้วน’”

23 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 24 “เยเรมียาห์ เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนพวกนี้พูดอะไรออกไป พวกเขาพูดว่า ‘ตอนนี้พระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์ สองครอบครัวที่พระเจ้าเคยเลือกไว้ แต่ตอนนี้พระองค์ได้ปฏิเสธพวกเขาไปแล้ว’ และชนชาติอื่นๆก็ดูถูกดูหมิ่นคนของเรา และชนชาติเหล่านั้นก็ไม่ได้นับพวกเขาว่าเป็นชนชาติหนึ่งอีกต่อไป”

25 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ถ้าเราไม่ได้รักษาข้อตกลงกับวันและคืน และไม่ได้ออกกฎควบคุมฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกแล้วละก็ 26 เมื่อนั้นแหละ เราก็จะปฏิเสธลูกหลานของยาโคบและลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราก็คงไม่ให้ลูกหลานของดาวิดปกครองอยู่เหนือลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ให้กับพวกเขา และเราจะแสดงความเมตตากับพวกเขา”

ฮีบรู 1

พระเจ้าพูดผ่านพระบุตรของพระองค์

ในสมัยก่อน พระเจ้าได้พูดกับบรรพบุรุษของเราผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระองค์หลายครั้ง ด้วยวิธีการที่หลากหลาย แต่ในยุคสุดท้ายนี้ พระองค์พูดกับเราผ่านทางพระบุตร พระบุตรนั้นเป็นผู้ที่พระองค์แต่งตั้งให้รับทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมรดก พระเจ้าสร้างจักรวาลโดยผ่านทางพระบุตรด้วย พระบุตรนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเป็นพิมพ์เดียวกับพระเจ้าทุกอย่าง พระบุตรใช้คำพูดอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ค้ำจุนทุกสิ่งในโลกไว้แล้ว เมื่อพระบุตรได้ล้างบาปให้มนุษย์เสร็จ พระองค์ได้นั่งลงทางขวามือของผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในสวรรค์[a] ดังนั้นพระบุตรจึงยิ่งใหญ่กว่าพวกทูตสวรรค์มากมายนัก เหมือนกับชื่อที่พระองค์ได้รับนั้นก็ยิ่งใหญ่กว่าชื่อของพวกทูตสวรรค์ด้วย

เพราะพระเจ้าไม่เคยพูดกับทูตสวรรค์องค์ไหนเลยว่า

“เจ้าคือลูกของเรา
    วันนี้เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว”[b]

และพระเจ้าก็ไม่เคยพูดถึงทูตสวรรค์องค์ไหนด้วยว่า

“เราจะเป็นพ่อของเขา
    และเขาจะเป็นลูกของเรา”[c]

เมื่อพระเจ้านำบุตรหัวปีของพระองค์มาที่โลกนี้ พระองค์พูดว่า

“ขอให้พวกทูตสวรรค์ทั้งหมดของพระเจ้ากราบไหว้เขา”[d]

เมื่อพระเจ้าพูดถึงทูตสวรรค์ พระองค์พูดว่า

“พระเจ้าทำให้พวกทูตสวรรค์ของพระองค์เป็นสายลม[e]
    และทำให้พวกทาสรับใช้ของพระองค์เป็นเปลวไฟ”[f]

แต่พระเจ้าพูดกับพระบุตรว่า

“ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของพระองค์ จะอยู่ถาวรตลอดไป
    และพระองค์จะปกครองอาณาจักรของพระองค์อย่างยุติธรรม
พระองค์รักความถูกต้องและเกลียดความชั่ว
    นั่นเป็นเหตุที่เรา พระเจ้าของลูก[g] ได้เจิมลูกด้วยการเทน้ำมันบนหัว
เพื่อลูกจะมีเกียรติและมีความยินดีมากกว่าเพื่อนๆของลูก”[h]

10 พระเจ้ายังพูดอีกว่า

“ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ในตอนเริ่มต้นนั้น
พระองค์วางรากฐานของแผ่นดินโลกนี้
    และพระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยมือของพระองค์เอง
11 สิ่งเหล่านี้จะสูญสลายไป แต่พระองค์จะยังคงอยู่
    สิ่งเหล่านี้จะเปื่อยไปเหมือนเสื้อผ้า
12 พระองค์จะม้วนสิ่งเหล่านี้เก็บเหมือนกับเสื้อคลุม
    สิ่งเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนไปเหมือนกับเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่พระองค์จะยังคงเหมือนเดิม
    และวันเวลาของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”[i]

13 พระเจ้าไม่เคยพูดกับทูตสวรรค์องค์ไหนด้วยว่า

“นั่งลงทางขวามือของเราสิ
    จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นที่วางเท้าสำหรับเจ้า”[j]

14 ทูตสวรรค์พวกนี้ เป็นวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่พระองค์ส่งไปช่วยคนที่กำลังจะได้รับความรอด ไม่ใช่หรือ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International