Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เยเรมียาห์ 15-17

15 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า

“ถึงแม้โมเสสกับซามูเอลจะมายืนอ้อนวอนต่อหน้าเรา เราก็จะไม่ยกโทษให้กับคนพวกนี้ ไล่พวกมันไป ให้พวกมันออกไปให้พ้น

และถ้าพวกนั้นถามเจ้าว่า ‘แล้วจะให้พวกเราไปไหนหรือ’ ก็ให้เจ้าตอบพวกมันว่า พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้

‘ถ้าเราได้กำหนดให้เจ้าตาย เจ้าก็จะต้องตาย
    ถ้าเรากำหนดให้เจ้าถูกดาบฆ่าฟัน
    เจ้าก็จะต้องตายด้วยดาบ
ถ้าเรากำหนดให้เจ้าอดอยาก เจ้าก็จะต้องอดอยาก
    และถ้าเรากำหนดให้เจ้าถูกจับไปเป็นเชลย เจ้าก็จะต้องเป็นเชลย
เราจะลงโทษพวกเขาสี่อย่าง คือ
ด้วยดาบ ที่จะฆ่าฟันพวกเขา
ด้วยพวกสุนัข ที่จะลากพวกเขา
ด้วยนกในอากาศ
และด้วยสัตว์ร้ายที่อยู่บนดิน
ซึ่งจะกัดกินและทำลายพวกเขา
และเราจะทำให้พวกเขาเป็นที่น่าสยดสยองให้กับอาณาจักรทั่วโลก
เราจะทำอย่างนี้ ก็เพราะ
สิ่งต่างๆที่มนัสเสห์[a] กษัตริย์แห่งยูดาห์ ลูกชายของเฮเซคียาห์
    ได้ทำไปในเมืองเยรูซาเล็ม’”

“เยรูซาเล็มที่รัก ใครเล่าจะมาเห็นอกเห็นใจเจ้า
    ใครเล่าจะมาเสียใจกับเจ้า
    ใครเล่าจะมาสนใจถามทุกข์สุขของเจ้า
เจ้าได้ทอดทิ้งเราไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
    “เจ้าหันหลังให้เรา
ดังนั้นเราจะโจมตีเจ้าและทำลายเจ้าซะ
    เราเบื่อที่จะให้โอกาสกับเจ้าแก้ตัวครั้งแล้วครั้งเล่า
เราจะเอาส้อมโกยฟางซัดพวกเขา
    ให้กระจัดกระจายไปที่ตรงประตูเมือง
เราจะทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีลูก เราจะทำให้คนของเราพินาศ
    เพราะวิถีทางต่างๆของพวกเขา พวกเขาไม่ยอมหันกลับมาหาเรา
พวกเขาจะมีแม่ม่ายมากกว่าจำนวนเม็ดทรายที่ทะเลเสียอีก
    ในตอนกลางวัน เราจะทำลายล้างแม่ทุกคนของคนหนุ่ม
เราจะนำความหวาดกลัวและสิ่งที่น่าสยดสยองให้เกิดขึ้นกับเขาในทันที
ผู้หญิงที่เลี้ยงดูลูกเจ็ดคนจะอ่อนแอลง
    แล้วพวกนางก็จะตาย
ดวงอาทิตย์จะไม่ส่องแสงมาหานางอีก
    นางจะอับอายและขายหน้า
ใครก็ตามที่ยังคงเหลืออยู่
    ก็จะถูกฆ่าฟันด้วยดาบของศัตรูของพวกเขา”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น

เยเรมียาห์บ่นอีก

10 แม่ครับ ความหายนะเกิดขึ้นกับผม
    ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะแม่คลอดผมมา
ผมกลายเป็นคนที่ชอบโต้เถียง
    เป็นคนที่ชอบทะเลาะวิวาทกับคนไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ผมไม่เคยให้ใครยืมอะไรและผมก็ไม่เคยขอยืมอะไรใคร
    แต่ทุกคนกลับพากันสาปแช่งผม
11 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า
“แน่นอน เราได้สวมเสื้อเกราะให้เจ้าอย่างดี
    แน่นอน เราได้เข้ามาช่วยเจ้าตอนทุกข์ทรมาน
    และตอนยากลำบาก คือตอนที่เจอกับศัตรู”

พระเจ้าตอบเยเรมียาห์

12 “มีใครสามารถหักเหล็กได้บ้าง คือ เหล็กจากทางเหนือ
    หรือทองสัมฤทธิ์
13 เราจะทำกับทรัพย์สินเงินทองของเจ้าเหมือนของที่ยึดมาได้จากสงคราม
    เราจะแจกจ่ายมันไปให้หมดแทนที่จะขายมัน
เราจะทำอย่างนี้ไปทั่วแผ่นดินของเจ้า
    เพราะความบาปทั้งหลายของเจ้า
14 เราจะให้เจ้าไปเป็นทาสรับใช้ศัตรูในแผ่นดินที่เจ้าไม่รู้จักเพราะความโกรธของเราเริ่มคุเป็นไฟแล้ว
    และมันจะเผาผลาญเจ้าทุกคน”
15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
    โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าและดูแลข้าพเจ้าด้วย
และแก้แค้นให้กับข้าพเจ้าด้วย
    แก้แค้นคนพวกนั้นที่ไล่ล่าข้าพเจ้า
ขออย่าได้รอนานเกินไปที่จะลงมือ ไม่อย่างนั้นข้าพเจ้าจะตายเสียก่อน
    พระองค์รู้ว่าพวกเขาดูถูกข้าพเจ้าก็เพราะพระองค์
16 ข้าพเจ้าค้นพบถ้อยคำต่างๆของพระองค์
    แล้วข้าพเจ้าก็กลืนกินพระคำเหล่านั้น
และถ้อยคำของพระองค์ก็ทำให้ข้าพเจ้าเป็นสุขและเบิกบานใจ
    เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระองค์ได้อ้างว่าข้าพเจ้าเป็นของพระองค์
17 ข้าพเจ้าไม่เคยนั่งกับพวกที่ชอบจัดงานเลี้ยง
    และข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้เฉลิมฉลองด้วย
เพราะพระองค์เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เลยนั่งอยู่คนเดียว
    เพราะพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าโกรธคนพวกนั้นมาก
18 ทำไมความเจ็บปวดของข้าพเจ้าถึงไม่เคยหยุด
    ทำไมบาดแผลของข้าพเจ้าถึงกลัดหนองและรักษาไม่หายสักที
สำหรับข้าพเจ้าแล้ว
    พระองค์เป็นเหมือนตาน้ำที่ไม่ให้น้ำ
    หรือลำธารที่เหือดแห้งในหน้าร้อน

19 ดังนั้น พระยาห์เวห์ก็เลยพูดว่า “เยเรมียาห์ ถ้าเจ้ากลับมาหาเรา
    เราก็จะยอมรับเจ้ากลับมา
แล้วเจ้าก็จะมายืนอยู่ต่อหน้าเรา
    ถ้าเจ้าพูดในสิ่งที่มีสาระและไม่พูดไร้สาระ
เจ้าก็จะเป็นปากให้เราได้
    คนพวกนี้จะหันมาหาเจ้า ไม่ใช่เจ้าหันไปหาพวกเขา
20 เราจะทำให้เจ้าเป็นเหมือนกำแพงป้อมปราการทองสัมฤทธิ์
    ซึ่งจะทนต่อการถูกโจมตีของคนพวกนี้ได้
พวกเขาจะสู้กับเจ้าแต่ก็จะเอาชนะเจ้าไม่ได้
    เจ้ามั่นใจเรื่องนี้ได้เลยเพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะช่วยให้เจ้ารอดพ้น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

21 “เราจะช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากเงื้อมมือของคนชั่วร้าย
    และเราจะไถ่เจ้าออกจากเงื้อมมือของพวกอำมหิต”

วันแห่งความหายนะ

16 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับผมว่า

“เยเรมียาห์ เจ้าจะต้องไม่หาเมีย และต้องไม่มีลูกชายลูกสาวในที่แห่งนี้” เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดถึงลูกชายลูกสาวที่จะเกิดมาในที่แห่งนี้ และพูดถึงแม่ๆของพวกเขาที่จะคลอดพวกเขามา และพูดถึงพ่อๆของพวกเขาที่ทำให้พวกเขาเกิดมาในแผ่นดินนี้ว่า

“พวกเขาจะตายด้วยเชื้อโรค จะไม่มีใครไว้ทุกข์ให้กับพวกเขา และจะไม่มีใครฝังศพให้กับพวกเขา พวกเขาจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ที่กองอยู่บนพื้นดิน พวกเขาจะถูกกำจัดไปด้วยดาบและด้วยความอดอยากหิวโหย ศพของพวกเขาจะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศและของสัตว์บนพื้นดิน”

เพราะพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ คือ “อย่าเข้าใกล้บ้านที่มีงานศพ และอย่าเข้าไปในบ้านที่มีการไว้ทุกข์ อย่าไปเศร้าโศกเสียใจให้กับพวกเขา เพราะเราได้รวบรวมเอาสันติสุข ความรักและความเมตตาของเราไปจากคนพวกนี้แล้ว” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

ทั้งคนใหญ่โตและคนต่ำต้อยในแผ่นดินนี้ก็จะต้องตาย จะไม่มีใครฝังพวกเขา และจะไม่มีใครไว้ทุกข์ให้กับพวกเขาด้วย จะไม่มีใครเชือดเฉือนเนื้อตัวเองหรือโกนหัวเพื่อพวกเขา

จะไม่มีใครแบ่งอาหารให้กับพวกเขา ในช่วงที่พวกเขาเศร้าโศกเสียใจ เพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจพวกเขาต่อคนที่ตายไป และจะไม่มีใครเอาน้ำมาให้พวกเขาดื่มเพื่อปลอบโยนพวกเขาที่พ่อแม่ตายไป

อย่าเข้าไปในโรงเหล้า และนั่งลงกินดื่มกับคนพวกนี้

เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้อย่างนี้ว่า “ในชั่วชีวิตของเจ้านี้ เสียงเพลงที่มีความสุข เสียงร้องเฉลิมฉลองกัน และเสียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาว เจ้าจะเห็นเรากำจัดเสียงร้องพวกนี้ให้หมดไปจากสถานที่แห่งนี้

10 และเมื่อเจ้าประกาศถ้อยคำเหล่านี้ให้กับคนพวกนี้ฟัง พวกเขาก็จะบอกกับเจ้าว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์ถึงได้บอกว่าเราจะต้องพบกับสิ่งชั่วร้ายอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยล่ะ พวกเราทำอะไรผิดหรือ พวกเราทำบาปอะไรหรือที่ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราไม่พอใจ’

11 เจ้าจะต้องบอกพวกนั้นว่า พระยาห์เวห์บอกว่า ‘ก็เพราะพวกบรรพบุรุษของเจ้าทอดทิ้งเราไปและหันไปติดตามพระอื่นๆ ไปรับใช้ และกราบไหว้พวกมัน พวกเขาทอดทิ้งเรา และไม่ได้รักษากฎของเรา

12 แต่พวกเจ้ากลับทำชั่วร้ายยิ่งกว่าพวกบรรพบุรุษของเจ้าเสียอีก แถมพวกเจ้าแต่ละคนยังไปทำตามใจชั่วๆของเจ้าเองแทนที่จะฟังเรา

13 ดังนั้นเราจะเหวี่ยงเจ้าออกไปจากแผ่นดินนี้ ไปอยู่ในดินแดนที่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จัก และเจ้าจะต้องรับใช้พระอื่นๆที่นั่นทั้งวันทั้งคืน และเราก็จะไม่ช่วยอะไรเจ้าเลยที่นั่น’”

14 พระยาห์เวห์พูดว่า “ดังนั้น วันนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว เมื่อคนจะเลิกพูดว่า ‘เราขอสาบานโดยอ้างพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำลูกหลานของอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’

15 แต่พวกเขาจะพูดอย่างนี้แทน คือ ‘เราขอสาบานโดยอ้างพระยาห์เวห์ผู้ที่นำลูกหลานของอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินทางตอนเหนือ และนำออกมาจากทุกที่ที่พระองค์เคยไล่พวกเขาไป’ แล้วเราจะนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินของพวกเขาเอง แผ่นดินที่เราได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา”

16 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะส่งชาวประมงออกไปจำนวนมาก และพวกเขาจะไปจับคนยูดาห์ แล้วหลังจากนั้นเราจะส่งนายพรานออกไปเป็นจำนวนมาก พวกนายพรานจะไปล่าพวกยูดาห์ ตามภูเขาและเนินเขาทุกลูก และตามซอกหิน

17 เพราะเรากำลังดูว่าพวกเขาทำอะไร พวกเขาไม่มีทางหลบรอดสายตาเราไปได้ ความบาปของพวกเขาไม่อาจปิดบังไปจากเราได้หรอก

18 เราจะตอบแทนพวกเขาเป็นสองเท่า สำหรับความผิดและความบาปของพวกเขา เพราะพวกเขาทำให้แผ่นดินของเราแปดเปื้อนด้วยซากทั้งหลายของรูปเคารพที่น่าขยะแขยง และได้ทำให้แผ่นดินของเราเต็มไปด้วยสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งหลาย”

19 พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า เป็นที่กำบังอันมั่นคงของข้าพเจ้า
    และเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้าในเวลาทุกข์ยากลำบาก
ชนชาติทั้งหลายจะมาหาพระองค์จากทั่วทุกมุมโลก
และพูดว่า
    “บรรพบุรุษของพวกเราได้รับแต่ของที่ไม่ได้เรื่อง ไร้สาระ และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย
20 ควรแล้วหรือที่มนุษย์จะสร้างพระเจ้าให้กับตนเอง
    สิ่งที่พวกเขาสร้างนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าอะไรเลย”

21 “ดังนั้น ตอนนี้เราจะสอนพวกเขา ครั้งนี้เราจะสอนพวกเขาเกี่ยวกับฤทธิ์อำนาจและความแข็งแกร่งของเรา แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าชื่อของเราคือยาห์เวห์”

17 “ความผิดบาปของยูดาห์ถูกบันทึกไว้ด้วยปากกาเหล็ก
    มันถูกบันทึกไว้ด้วยเหล็กแหลมบนแผ่นใจของพวกเขา
    และบนเชิงงอนต่างๆของแท่นบูชาของพวกเขา
เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ต่อต้านพวกเขา
    แท่นบูชาต่างๆและพวกเสาของพระอาเชราห์[b] ของพวกเขาอยู่ใกล้ๆต้นไม้ใบหนาตามเนินเขาสูงๆ
ภูเขาที่อยู่ในท้องทุ่ง
รวมทั้งความร่ำรวยและทรัพย์สินเงินทองของเจ้า
และศาลเจ้าต่างๆของเจ้าที่อยู่บนยอดเนินเขา
    เราจะยกทั้งหมดนี้ให้กับคนอื่น
เป็นเหมือนของที่ยึดมาได้จากเชลย
    เพราะบาปที่มีอยู่ทั่วเขตแดนของเจ้า
เพราะการกระทำต่างๆของเจ้าเอง เจ้าจะต้องสูญเสียมรดกของเจ้าไป มรดกที่เราได้ยกให้กับเจ้า
    เราจะทำให้เจ้าต้องรับใช้พวกศัตรูของเจ้าในแผ่นดินที่เจ้าไม่รู้จัก
เพราะเจ้าจุดไฟแห่งความเกรี้ยวโกรธของเราขึ้น
    และมันจะเผาไหม้ตลอดไป”

จะหวังพึ่งในมนุษย์หรือพระเจ้า

พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“สิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับคนที่ไว้วางใจในมนุษย์ด้วยกัน คนที่หวังพึ่งในกำลังของมนุษย์
    คนที่ไม่ได้คิดถึงพระยาห์เวห์
เขาจะเป็นเหมือนพุ่มไม้ในทะเลทราย
    ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเมื่อมีสิ่งที่ดีๆเกิดขึ้น
เขาอาศัยอยู่ในที่แห้งแล้งในทะเลทราย
    ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีผู้อื่นอาศัยอยู่
สิ่งที่ดีๆจะเกิดขึ้นกับคนที่ไว้วางใจในพระยาห์เวห์
    พระยาห์เวห์เป็นความเชื่อมั่นของเขา
เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
    และมันก็แผ่รากของมันออกไปถึงริมน้ำ
มันไม่กลัวความร้อนเมื่อหน้าแล้งมา
    ต้นของมันมีใบเขียวชอุ่มปกคลุมเอาไว้
ในปีที่แล้งจัดมันก็ไม่กลัว
    และมันก็ออกผลอย่างสม่ำเสมอไม่ขาด”

“ใจนั้นเจ้าเล่ห์กว่าทุกสิ่ง
    และมันก็ไม่มีทางเยียวยารักษาได้
    ใครจะเข้าใจมันได้ล่ะ
10 เรา ยาห์เวห์
    เป็นผู้นั้นที่ทดสอบใจและสำรวจสิ่งที่อยู่ในคน
เพื่อตอบแทนแก่คนตามวิถีทางของเขา
    และตามผลของการกระทำต่างๆของเขา
11 คนที่ร่ำรวยขึ้นมาเพราะการคดโกง
    ก็เหมือนกับนกกระทาที่ฟักไข่ที่ไม่ใช่เป็นของตัวเอง
เมื่อถึงวัยกลางคนเขาก็จะสูญเสียความร่ำรวยของเขา
    เมื่อถึงจุดจบของชีวิตเขาก็จะกลายเป็นคนโง่”

12 ตั้งแต่เริ่มแรก วิหารของเราก็เป็นบัลลังก์ที่เต็มไปด้วยสง่าราศีสำหรับพระเจ้า
    มันเป็นสถานที่สำคัญมาก
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์คือความหวังของอิสราเอล
    ใครที่ทอดทิ้งพระองค์ไปจะต้องละอายใจ
คนที่หันหลังให้พระองค์ได้ลงชื่อจองที่ในแดนผู้ตาย
    เพราะพวกเขาทอดทิ้งพระยาห์เวห์ผู้เป็นเหมือนตาน้ำที่ไหลริน

เยเรมียาห์บ่นเป็นครั้งที่สาม

14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ รักษาเยียวยาข้าพเจ้าด้วยเถิด แล้วข้าพเจ้าจะได้หาย
    ช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด แล้วข้าพเจ้าจะได้รอดชีวิต
    เพราะพระองค์เป็นผู้เดียวที่ทำให้ข้าพเจ้าอยากร้องเพลงสรรเสริญ
15 คนพวกนี้พูดกันว่า
    “ไหนล่ะถ้อยคำของพระยาห์เวห์ ให้มันเกิดขึ้นตามนั้นเลย”
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังไม่ได้เลิกเป็นคนเลี้ยงแกะของพระองค์
    และข้าพเจ้าก็ไม่เคยอยากให้มีวันหายนะเกิดขึ้น
พระองค์รู้ทุกอย่างที่ข้าพเจ้าพูด
    มันชัดเจนมากสำหรับพระองค์
17 อย่าทำให้ข้าพเจ้ากลัวเลย
    พระองค์เป็นที่กำบังของข้าพเจ้าตอนที่ความหายนะมา
18 ขอให้คนที่ไล่ล่าข้าพเจ้าต้องอับอาย
    แต่ขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
ขอให้คนพวกนั้นหวาดกลัว
    แต่ขออย่าให้ข้าพเจ้าหวาดกลัว
ขอนำความทุกข์ทรมานมาให้พวกนั้น
    และทำลายพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

ให้รักษาวันหยุดทางศาสนา

19 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ให้ไปยืนอยู่ที่ประตูประชาชน

ซึ่งเป็นประตูที่กษัตริย์ยูดาห์ใช้เดินเข้าออก แล้วก็ไปยืนอยู่หน้าประตูทุกบานในเมืองเยรูซาเล็ม”

20 ให้เจ้าบอกพวกนั้นว่า “กษัตริย์ทั้งหลายแห่งยูดาห์ ทุกคนในยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มทั้งหลาย รวมทั้งคนที่เดินผ่านประตูเหล่านี้เข้ามาด้วย ให้ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด

21 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ให้ระวังรักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดี อย่าได้แบกของในวันหยุดทางศาสนา และอย่าแบกของผ่านเข้ามาในประตูเมืองเยรูซาเล็ม

22 ในวันหยุดทางศาสนา อย่าได้แบกอะไรเลยออกจากบ้านของพวกเจ้า และอย่าทำงานอะไรทั้งนั้น ให้รักษาวันหยุดทางศาสนาเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เหมือนที่เราสั่งบรรพบุรุษของเจ้าไว้

23 แต่บรรพบุรุษของเจ้าไม่ได้เงี่ยหูฟังเรา แต่พวกเขากลับทำหัวแข็งและเมินเรา ไม่ยอมฟังและไม่ยอมรับการตีสอนจากเรา’”

24 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ถ้าเจ้าตั้งใจฟังเราจริงๆละก็ ถ้าเจ้าไม่เอาของเข้าประตูเมืองมาในวันหยุดทางศาสนา และถ้าเจ้ารักษาวันหยุดทางศาสนาเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการไม่ทำงานในวันนั้น

25 แล้วพวกกษัตริย์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของดาวิด รวมทั้งพวกเจ้านายทั้งหลายก็จะขี่รถม้าและขี่ม้าผ่านประตูเมืองพวกนี้เข้ามา พวกเขาเหล่านี้จะมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ชาวยูดาห์ และชาวเมืองเยรูซาเล็ม แล้วเมืองนี้ก็จะมีคนอาศัยอยู่ตลอดไป

26 ผู้คนจะมาจากบ้านเมืองต่างๆของยูดาห์ และรอบๆเมืองเยรูซาเล็ม และมาจากดินแดนของเบนยามิน ที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก[c] และจากเนินเขา และจากแคว้นเนเกบ พวกเขาจะนำเครื่องเผาบูชา เอาสัตว์ เครื่องหอม และของขวัญต่างๆมาถวายยังวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้า

27 แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมฟังเรา ที่บอกให้เจ้ารักษาวันหยุดทางศาสนาให้ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงแบกข้าวของผ่านเข้ามาในประตูเมืองเยรูซาเล็มในวันหยุดทางศาสนาแล้วละก็ เราก็จะจุดไฟในประตูเมืองเยรูซาเล็ม แล้วมันก็จะเผาป้อมปราการของเยรูซาเล็มจนวอดวาย และมันก็จะไม่มีวันดับ”

2 ทิโมธี 2

ทหารผู้ซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์

ลูกทิโมธีเอ๋ย ขอให้ความเมตตาที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ทำให้คุณเข้มแข็ง ให้เอาคำสอนต่างๆที่คุณได้ยินจากผมต่อหน้าพยานมากมายนั้น ไปให้กับคนที่ไว้ใจได้และสามารถสอนต่อได้ มาร่วมทุกข์กับผมดีกว่า เหมือนทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีใครหรอกที่มาเป็นทหารแล้วยังมัวยุ่งกับเรื่องของทางบ้าน เพราะเขาก็อยากจะเอาใจผู้บังคับบัญชาของเขา นักกีฬาที่เข้าแข่งขันก็เหมือนกัน จะต้องแข่งขันตามกฎกติกาเสียก่อนถึงจะได้รับรางวัลของผู้ชนะ ชาวนาที่ทำงานหนัก ก็ควรจะเป็นคนแรกที่ได้รับส่วนแบ่งจากพืชผลนั้น คิดดูให้ดีถึงเรื่องที่ผมพูดให้คุณฟังนี้ แล้วองค์เจ้าชีวิตจะทำให้คุณเข้าใจมันทั้งหมด

จำไว้ว่า ข่าวดีที่ผมประกาศ คือพระเยซูคริสต์ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระองค์เป็นลูกหลานของดาวิด[a] เพราะข่าวดีนี้แหละ ผมถึงต้องทนทุกข์อยู่ตอนนี้ ถึงกับถูกล่ามโซ่เหมือนกับผู้ร้าย แต่ถ้อยคำของพระเจ้านั้น เอาโซ่ล่ามไว้ไม่อยู่หรอกนะ 10 ผมจึงยอมอดทนทุกอย่าง เพราะเห็นแก่คนที่พระเจ้าได้เลือกเอาไว้ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้รับความรอดซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ และสง่าราศีจากพระเจ้าตลอดไป

11 นี่เป็นคำพูดที่เชื่อถือได้ คือ
ถ้าเราตายกับพระองค์
    เราก็จะมีชีวิตกับพระองค์
12 ถ้าเราอดทนต่อความทุกข์ยาก
    เราจะได้ปกครองร่วมกับพระองค์
ถ้าเราทิ้งพระองค์
    พระองค์ก็จะทิ้งเราเหมือนกัน
13 ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์
    พระองค์ก็ยังคงซื่อสัตย์อยู่ดี
เพราะพระองค์จะทำตัวขัดกับอุปนิสัยที่แท้จริงของพระองค์เองไม่ได้

คนงานแบบที่พระเจ้ายอมรับ

14 ให้เตือนพวกเขาบ่อยๆในเรื่องพวกนี้ และตักเตือนพวกเขาต่อหน้าพระเจ้าว่า อย่าถกเถียงกันในเรื่องคำพูด มันไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำลายคนฟังเท่านั้น 15 พยายามเต็มที่ให้เป็นคนที่พระเจ้ารับรอง เป็นคนงานที่ไม่มีอะไรต้องอาย และเป็นคนงานที่สอนถ้อยคำแห่งความจริงของพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง 16 แต่ให้หลีกเลี่ยงจากการพูดคุยที่หยาบช้าและไม่ยำเกรงพระเจ้า เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งไม่ยำเกรงพระเจ้า 17 คำสอนของพวกเขาก็จะลามไปทั่วเหมือนกับมะเร็ง ฮีเมเนอัสและฟีเลทัสก็รวมอยู่ในคนพวกนั้นด้วย 18 สองคนนี้ได้หลงไปจากความจริง เขาพูดว่าการฟื้นขึ้นมาจากความตายสำหรับเรานั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว สองคนนี้ได้ทำลายความเชื่อของบางคนไป 19 อย่างไรก็ตาม รากฐานที่แข็งแกร่งของพระเจ้ายังยืนหยัดอย่างมั่นคง และยังมีข้อความจารึกไว้ว่า “องค์เจ้าชีวิตรู้จักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์”[b] และ “ให้คนที่อ้างว่าเป็นคนขององค์เจ้าชีวิต เลิกทำชั่วทุกชนิด”

20 ในบ้านหลังใหญ่ ไม่ได้มีแต่ของใช้ที่ทำจากทองและเงินเท่านั้น แต่ยังมีของใช้ที่ทำจากไม้และดินเหนียวด้วย ของใช้บางอย่างก็ใช้สำหรับงานพิเศษต่างๆและบางอย่างก็ใช้สำหรับงานประจำวัน 21 ดังนั้น ถ้าคนไหนได้ชำระล้างตนเองจากสิ่งที่ชั่วร้ายเหล่านี้แล้ว คนนั้นก็จะเป็นของใช้ที่ใช้สำหรับงานที่พิเศษ เขาจะเป็นคนของพระเจ้า เป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของ และพร้อมสำหรับการงานที่ดีทุกอย่าง

22 ให้วิ่งหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่มสาว แต่ไล่ตามสิ่งที่ถูกต้อง เช่นความเชื่อ ความรัก และสันติสุข ร่วมกับคนเหล่านั้นที่ร้องเรียกองค์เจ้าชีวิตด้วยใจที่สะอาดบริสุทธิ์ 23 อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับการโต้เถียงที่เหลวไหลและโง่เขลา เพราะคุณก็รู้ว่ามันจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน 24 ส่วนผู้รับใช้ขององค์เจ้าชีวิตต้องไม่ทะเลาะวิวาท แต่ต้องสุภาพกับทุกคน ต้องสอนคนอื่นได้ และต้องอดทน 25 เขาจะต้องสอนคนที่ต่อต้านเขาอย่างใจเย็น ด้วยหวังว่าพระเจ้าจะทำให้คนพวกนี้กลับตัวกลับใจ และได้รู้ถึงความจริง 26 ซึ่งจะช่วยให้พวกนี้ได้สติคืนมา และหลุดพ้นจากกับดักของมารที่จับพวกเขาไว้ให้ทำตามใจของมัน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International