Old/New Testament
9 ผมอยากจะให้หัวของผมเต็มไปด้วยน้ำ
และดวงตาของผมเป็นน้ำพุแห่งน้ำตา
ผมจะได้ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน
ผมจะได้ร้องไห้ให้กับคนที่ผมรักที่ถูกฆ่า
2 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราหวังเหลือเกินว่าเราจะมีที่หยุดพัก
สำหรับคนเดินทางในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
เพื่อว่าเราจะได้ทิ้งคนของเรา
และไปให้พ้นๆพวกเขา
เพราะพวกเขาทุกคนเป็นคนเล่นชู้
และเป็นกลุ่มของคนขี้โกง
3 พวกเขาโก่งลิ้นของพวกเขาเหมือนคันธนู
และพวกเขาประสบความสำเร็จในแผ่นดินนี้ ด้วยการหลอกลวง ไม่ใช่ด้วยความสัตย์ซื่อ
เพราะพวกเขาทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีก
และพวกเขาก็ไม่รู้จักเราด้วย”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
4 “พวกเขาปกป้องตัวเองจากเพื่อนบ้าน
และแม้แต่พี่น้องของพวกเจ้าเองก็ยังไว้ใจไม่ได้
เพราะพี่น้องทุกคนขี้โกง
และเพื่อนบ้านทุกคนก็ชอบนินทา
5 ผู้คนโกงเพื่อนบ้านของเขาเอง
และไม่พูดความจริง
พวกเขาสอนลิ้นตัวเองให้พูดโกหก
พวกเขาทำให้ตัวเองเหนื่อยอ่อนด้วยการทำผิด
6 เยเรมียาห์ บ้านของเจ้าตั้งอยู่ท่ามกลางคนขี้โกง
พวกเขาปฏิเสธที่จะรู้จักเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
7 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ
“เรากำลังจะหลอมพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยไฟ
และทดสอบพวกเขาด้วยไฟ
ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้แล้ว
เราจะทำอะไรให้กับคนที่น่าสงสารของเราได้อีกหรือ
8 ลิ้นของพวกเขาแหลมคมเหมือนธนู
เขาพูดโกหกด้วยปากของเขา
พวกเขาแต่ละคนพูดกับเพื่อนบ้านอย่างเป็นมิตร
แต่ในใจกลับคิดหาทางเอาเปรียบเพื่อนบ้านอยู่
9 เพราะเรื่องพวกนี้ สมควรที่เราจะลงโทษพวกเขาอีกครั้ง ไม่ใช่หรือ” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
“สมควรที่เราจะแก้แค้นชนชาติที่ทำตัวอย่างนี้ ไม่ใช่หรือ”
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะร้องไห้คร่ำครวญให้ภูเขา
และเราจะร้องเพลงงานศพให้ทุ่งหญ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
เพราะพวกมันถูกทิ้งร้างว่างเปล่า เพื่อจะได้ไม่มีใครเดินผ่านมา
และพวกมันก็ไม่ได้ยินเสียงวัวในแผ่นดินนั้น
แม้แต่นกบนท้องฟ้าไปจนถึงสัตว์ป่าก็หนีไปกันหมดแล้ว
พวกมันไปกันหมดแล้ว
11 เราจะทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นกองหิน
เป็นที่อยู่ของหมาไน
และเราจะทำให้บ้านเมืองในยูดาห์กลายเป็นซากปรักหักพัง
ที่ไม่มีใครเหลือสักคน”
12 มีใครที่เฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องนี้บ้าง และขอให้คนที่พระยาห์เวห์พูดด้วย อธิบายเรื่องนี้ให้หน่อยว่าทำไมแผ่นดินถึงถูกทำลาย ทำไมต้องถูกเผาและทิ้งร้างเหมือนทะเลทรายที่ไม่มีใครเดินผ่าน 13 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดว่า “ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกเขาทอดทิ้งกฎของเรา ที่เราได้ให้ไว้ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ฟังเสียงของเรา และพวกเขาก็ไม่เดินตามกฎนั้น 14 แต่พวกเขายืนกรานที่จะทำตามจิตใจที่ดื้อดึงของตัวเอง พวกเขาหันไปติดตามพระบาอัลเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาสอนให้พวกเขาทำ” 15 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด คือ “เราจะทำให้คนพวกนี้ต้องกลืนกินความขมขื่น และเราจะทำให้พวกเขาดื่มยาพิษ 16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆที่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เราจะส่งดาบตามล่าพวกเขาไป จนกว่าเราจะทำลายพวกเขาจนสิ้นซาก”
17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“ให้ไตร่ตรองดูถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
แล้วไปเรียกพวกผู้หญิงที่รับจ้างร้องไห้ในงานศพมา
ให้ไปเชิญพวกผู้หญิงที่ชำนาญในเรื่องนี้มา”
18 ผู้คนพูดว่า
“ให้พวกนางมาเร็วๆแล้วมาร้องไห้ให้พวกเรา
น้ำตาจะได้ไหลออกมาจากตาของพวกเรา
และเปลือกตาของพวกเราจะได้มีน้ำตาไหลนอง”
19 เพราะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญจากศิโยนว่า
“เราถูกทำลายถึงขนาดนี้ได้ยังไง
พวกเราอับอายเหลือเกิน
เพราะพวกเราถูกบีบบังคับให้ทิ้งแผ่นดินนี้
เมื่อพวกศัตรูพังทลายบ้านของพวกเรา”
20 ไปเรียกพวกผู้หญิง และบอกพวกเขาว่า “พวกผู้หญิง ให้ฟังพระคำของพระยาห์เวห์
และฟังว่าพระองค์พูดอะไร
ให้สอนลูกสาวของพวกเจ้าถึงวิธีร้องไห้ไว้ทุกข์
และให้ผู้หญิงไปสอนเพื่อนบ้านของเธอให้ร้องเพลงไว้ทุกข์นี้ด้วย ที่ว่า
21 โธ่ ความตายเข้ามาทางหน้าต่างแล้ว
มันเข้ามาในป้อมปราการของเราแล้ว
มันมาเพื่อกำจัดเด็กๆให้หมดไปจากถนน
และกำจัดคนหนุ่มออกจากสี่แยกต่างๆ”
22 เยเรมียาห์ ให้พูดเรื่องพวกนี้
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด “ศพคนจะกองกันอยู่บนพื้นเหมือนมูลสัตว์
เหมือนฟ่อนข้าวที่ถูกทิ้งไว้หลังเก็บเกี่ยว
และไม่มีใครไปเก็บรวบรวมมัน”
23 พระยาห์เวห์พูดว่า
“อย่าให้คนฉลาด
โอ้อวดสติปัญญาของตัวเอง
อย่าให้คนแข็งแรง
โอ้อวดความแข็งแกร่งของตัวเอง
และอย่าให้คนรวย
โอ้อวดความร่ำรวยของตัวเอง
24 แต่ให้คนที่โอ้อวด โอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ
ให้เขาโอ้อวดว่าเขามีความเข้าใจและรู้จักเรา
เขารู้ว่าเราคือยาห์เวห์
ผู้ที่มีความรักมั่นคง มีความยุติธรรม
และมีความชอบธรรมในแผ่นดินนี้
และเขาก็รู้ว่าเราชอบใจในเรื่องพวกนี้”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
25 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึงแล้ว วันที่เราจะจัดการลงโทษทุกคนที่ทำพิธีขลิบแต่เปลือกนอก 26 เราจะลงโทษอียิปต์ ยูดาห์ เอโดม อัมโมน และโมอับ และเราจะลงโทษคนพวกนั้นทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งและเข้าพิธีโกนผมจอน[a] เพราะพลเมืองของชนชาติอื่นๆทั้งหมด ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบ แต่คนอิสราเอลทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบที่ใจ”
พระยาห์เวห์กับรูปเคารพ
10 คนอิสราเอล ให้ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดกับเจ้า 2 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้คือ
“อย่าไปเรียนรู้วิถีทางของชนชาติต่างๆ
และอย่ากลัวปรากฏการณ์ต่างๆบนท้องฟ้า
ใช่ ชนชาติต่างๆพากันเกรงกลัวสิ่งเหล่านั้น
3 ประเพณีต่างๆของคนต่างชาตินั้นไม่มีประโยชน์
คนหนึ่งในพวกนั้นจะตัดต้นไม้จากป่า
มันเป็นผลงานที่ช่างแกะสลักทำขึ้นมากับมือและกับเครื่องมือของเขา
4 เขาตกแต่งมันด้วยเงินและทอง
เขาเอาค้อนตอกตะปูยึดมันไม่ให้โคลงเคลง
5 พวกมันเป็นเหมือนหุ่นไล่กาในไร่แตงกวา
พวกมันพูดไม่ได้
ต้องให้คนอุ้มไปเพราะเดินเองก็ไม่ได้
อย่าไปกลัวพวกมัน
เพราะมันทำร้ายเจ้าไม่ได้หรอก
และมันก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เหมือนกัน”
6 พระยาห์เวห์ ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์อีกแล้ว
ชื่อของพระองค์ยิ่งใหญ่และทรงพลัง
7 จะมีใครกันที่ไม่ยำเกรงพระองค์ พระองค์เป็นกษัตริย์ของชนชาติต่างๆ
พระองค์สมควรจะได้รับความยำเกรง
เพราะไม่มีใครเหมือนกับพระองค์แม้แต่คนฉลาดของทุกชนชาติ
และคนฉลาดของอาณาจักรทั้งหลาย
8 พวกนั้นทั้งโง่ทั้งทึ่ม
พวกเขาร่ำเรียนในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
และครูผู้สอนของเขาก็คือต้นไม้นั่นเอง
9 เงินที่ถูกทุบเป็นแผ่นนั้นก็เอามาจากทารชิช
ส่วนทองก็เอามาจากอุฟาส
รูปเคารพต่างๆที่ชนชาติทั้งหลายกราบไหว้บูชานั้นก็เป็นผลงานของช่างแกะสลักและเป็นฝีมือของช่างทอง
เสื้อผ้าของรูปเคารพนั้นทำจากผ้าสีม่วง
พวกมันทั้งหมดเป็นผลงานของช่างผู้ชำนาญ
10 แต่พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้
พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตจริงๆและเป็นกษัตริย์ตลอดกาล
แผ่นดินสั่นสะเทือนเมื่อพระองค์โกรธ
และชนชาติต่างๆย่อมไม่สามารถต้านทานความโกรธของพระองค์ได้
11 พระยาห์เวห์พูดว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องบอกกับพวกเขา ในเมื่อพระพวกนั้นไม่ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกขึ้นมา พวกมันก็จะต้องพินาศไปจากแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์”
12 แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้สร้างแผ่นดินโลกด้วยพละกำลังของพระองค์
พระองค์เป็นผู้ก่อตั้งโลกนี้ขึ้นมาด้วยสติปัญญาของพระองค์
และเป็นผู้กางฟ้าสวรรค์ออกด้วยความรู้ของพระองค์เอง
13 เมื่อพระองค์พูดมันเหมือนกับเสียงน้ำบนฟ้าสวรรค์
แล้วเมฆหมอกก็ลอยขึ้นมาจากสุดขอบโลก
พระองค์สร้างสายฟ้าแลบขึ้นสำหรับฝน
ส่วนสายลมก็พัดออกมาจากคลังของพระองค์
14 มนุษย์ทุกคนโง่เขลาเบาปัญญา
พระองค์ทำให้ช่างทองทุกคนต้องละอายใจที่ทำรูปเคารพขึ้นมา
เพราะรูปเคารพเหล่านั้นของเขาเป็นสิ่งหลอกลวง
พวกมันไม่หายใจเสียด้วยซ้ำ
15 พวกมันไม่มีความหมาย เป็นผลงานที่น่าหัวเราะเยาะ
เมื่อเราลงโทษพวกมัน พวกมันก็จะพินาศไป
16 ส่วนพระเจ้าของยาโคบนั้น ไม่เหมือนรูปเคารพพวกนี้
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง
และอิสราเอลก็เป็นเผ่าที่เป็นสมบัติส่วนตัวของพระองค์
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
การทำลายล้างกำลังมา
17 ชาวเมืองทั้งหลายที่อยู่ในป้อมปราการ
เก็บกระเป๋าของเจ้าขึ้นจากพื้น
18 เพราะพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“เรากำลังเหวี่ยงคนบนโลกตอนนี้
และเราจะทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน
แบบที่พวกเขาจะต้องรู้สึกจริงๆ”
19 สงสารผมด้วย เพราะผมได้รับบาดเจ็บ
แผลของผมนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก
แล้วผมก็พูดว่า แน่ล่ะ นี่คือความเจ็บปวดของผม
และผมก็ต้องอดทนกับมัน
20 เต็นท์ของผมถูกทำลาย
เชือกเต็นท์ของผมก็ขาดหมด
พวกลูกๆทิ้งผมไป
ไม่มีลูกเหลือสักคน
ไม่เหลือใครไว้คอยขึงเต็นท์ของผมเลย
คนยกม่านเต็นท์ขึ้นก็ไม่มี
21 เพราะคนเลี้ยงแกะนั้นโง่เขลา
พวกเขาไม่แสวงหาพระยาห์เวห์
นั่นเป็นเหตุที่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ
และฝูงแกะของพวกเขาก็กระจัดกระจายไปหมด
22 มีเสียงรายงานดังมา มันกำลังมาทางนี้
เสียงกระหึ่มจากทางแผ่นดินทางเหนือ
มันจะเปลี่ยนบ้านเมืองของยูดาห์ให้เป็นซาก
และให้กลายเป็นโพรงหมาไน
23 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ผมรู้ว่าคนเราไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้
คนเราไม่สามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างในอนาคต
24 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตีสอนผมเถิดแต่ขอให้ทำอย่างยุติธรรม
อย่าได้ทำด้วยความโกรธเลย ไม่อย่างนั้นพระองค์จะทำให้ผมถึงจุดจบ
25 ขอให้ระบายความโกรธเกรี้ยวของพระองค์กับชนชาติต่างๆที่ไม่รู้จักพระองค์
และกับตระกูลต่างๆที่ไม่ได้อธิษฐานต่อพระองค์
เพราะชนชาติพวกนั้นได้กลืนกินยาโคบ
พวกเขาได้กำจัดเขา
แถมยังพังบ้านของเขาด้วย
ฝ่าฝืนพันธสัญญา
11 นี่คือถ้อยคำที่เยเรมียาห์ได้รับจากพระยาห์เวห์ พระองค์พูดว่า 2 “ฟังถ้อยคำเหล่านี้ที่เกี่ยวกับพันธสัญญาไว้ให้ดี แล้วเอาไปบอกชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม 3 ให้บอกพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้คือ ‘คนที่ไม่ยอมฟังถ้อยคำที่เกี่ยวกับพันธสัญญานี้ จะต้องถูกสาปแช่ง’ 4 เป็นถ้อยคำที่เราได้สั่งกับบรรพบุรุษของเจ้าไว้ ตอนที่เราพาพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ออกจากเตาไฟเหล็ก เราได้บอกกับพวกเขาว่า ‘ให้เชื่อฟังเรา และให้ทำตามสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เราได้สั่งให้เจ้าทำ แล้วเจ้าจะเป็นคนของเรา และเราก็จะเป็นพระเจ้าของเจ้า’”
5 ที่เราทำอย่างนี้ก็เพื่อทำให้คำสัญญาที่เราได้สาบานไว้กับบรรพบุรุษของเจ้าเป็นจริง คำสัญญานั้นคือ “เราจะให้แผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำเชื่อมผลไม้อุดมสมบูรณ์เหมือนกับที่มันเป็นอยู่ตอนนี้” แล้วผมก็ตอบว่า “อาเมน ขอให้เป็นตามนั้นเถิดพระยาห์เวห์”
6 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “ให้ประกาศถ้อยคำเหล่านี้ตามเมืองต่างๆของยูดาห์และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็มว่า ‘ฟังถ้อยคำแห่งคำสัญญานี้ และให้ทำตามถ้อยคำเหล่านั้น’
7 ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราเตือนบรรพบุรุษของเจ้า นับตั้งแต่วันที่เรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราเตือนพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อนว่าให้ฟังเสียงของเรา
8 แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง หรือเอียงหูมาฟัง แต่ละคนก็หันไปตามจิตใจที่ดื้อดึงชั่วร้ายของเขา ดังนั้นเราจะนำการลงโทษทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับคำสัญญานี้ ให้มาตกลงบนพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ยอมทำตามสิ่งที่เราสั่งให้พวกเขาทำในคำสัญญานี้”
9 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “เราพบแผนชั่วของคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม 10 พวกเขาได้หันไปทำสิ่งชั่วร้ายที่พวกบรรพบุรุษของพวกเขาทำ พวกบรรพบุรุษนี้เป็นพวกแรกที่ไม่ยอมฟังถ้อยคำต่างๆของเรา พวกเขาไปติดตามรับใช้พระอื่นๆ พวกคนอิสราเอลและคนยูดาห์ได้ละเมิดคำสัญญาที่เราได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา”
11 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ “เรากำลังจะนำความหายนะมาสู่พวกเขา และพวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีไปได้ พวกเขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากเรา แต่เราจะไม่ฟังพวกเขา 12 หลังจากนั้นชาวเมืองต่างๆของยูดาห์และชาวเมืองเยรูซาเล็มก็จะไปร้องไห้คร่ำครวญเอากับพระต่างๆที่พวกเขาเผาเครื่องหอมถวาย แต่พระปลอมพวกนั้นจะไม่ช่วยพวกเขา ในเวลาที่พวกเขากำลังเดือดร้อน
13 ยูดาห์ ที่เราพูดอย่างนี้ ก็เพราะตามเมืองต่างๆของเจ้า มีแต่พระต่างๆมากมาย และตามท้องถนนในเมืองเยรูซาเล็ม เจ้าก็ตั้งแท่นบูชาให้กับรูปเคารพที่น่าอับอายไปทั่วทุกหนแห่ง พวกมันใช้สำหรับเผาเครื่องหอมให้พระบาอัล
14 ส่วนเจ้า เยเรมียาห์ อย่าได้อธิษฐานให้กับคนพวกนี้ และอย่าได้คร่ำครวญหรือวิงวอนให้กับพวกเขาด้วย เพราะเราจะไม่ฟังในเวลาที่พวกเขาร้องหาเราตอนที่เดือดร้อน
15 ยูดาห์ ที่รักของเรา มาทำอะไรในวิหารของเรา
เห็นๆอยู่ว่านางได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากมาย
เครื่องเซ่นไหว้ของเจ้าจะถูกเอาไปจากเจ้า
เพราะเจ้าสนุกสนานกับความชั่วช้าของเจ้า”
16 ครั้งหนึ่งพระยาห์เวห์เคยเรียกเจ้าว่า
“ต้นมะกอกเขียวสวยสดพร้อมผลที่เอร็ดอร่อย”
แต่เดี๋ยวนี้ ด้วยเสียงที่เหมือนกับพายุใหญ่ พระองค์จะจุดไฟเพื่อเผาเจ้า
และกิ่งก้านของเจ้าก็จะหักลง
17 และพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ที่ปลูกเจ้า
ได้สั่งให้ความหายนะนี้เกิดขึ้นกับเจ้า
ที่พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพราะ
ความชั่วร้ายที่ชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำ
พวกเขายั่วโมโหพระองค์
ด้วยการเผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัล
แผนชั่วร้ายต่อเยเรมียาห์
18 พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยแผนการของพวกเขาให้กับผม เพื่อผมจะได้รู้
19 ผมเป็นเหมือนแกะว่าง่ายที่กำลังถูกลากไปเชือด ผมไม่รู้ว่าพวกเขาได้วางแผนชั่วร้ายต่อผม พวกเขาพูดว่า “ให้พวกเราทำลายต้นไม้กับผลของมันและให้เราตัดเยเรมียาห์ออกจากแผ่นดินของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และอย่าให้ใครจดจำชื่อของเขาอีกต่อไป”
20 แต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรม ผู้ที่ทดสอบความคิดและจิตใจของมนุษย์
ขอให้ผมได้เห็นพระองค์แก้แค้นพวกเขาด้วยเถิด เพราะผมได้ร้องเรียนต่อพระองค์แล้ว
21 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับคนอานาโธท คนที่กำลังพยายามจะฆ่าเยเรมียาห์ คนที่พูดว่า “ถ้าแกหยุดพูดแทนพระยาห์เวห์ พวกเราก็จะไว้ชีวิตแก”
22 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “เรากำลังจะลงโทษพวกเขา คนหนุ่มของพวกเขาจะถูกฆ่าตายในสงคราม พวกลูกชายลูกสาวของพวกเขาจะตายเพราะความหิวโหย
23 จะไม่มีใครรอดชีวิตสักคน เพราะเราจะนำความหายนะมาให้กับชาวอานาโธท ตอนที่เราลงโทษพวกเขา”
6 ทุกคนที่เป็นทาสอยู่ภายใต้แอกของเจ้านายที่ไม่เชื่อพระเจ้า ให้เคารพนับถือนายของเขาในทุกเรื่อง จะได้ไม่มีใครดูหมิ่นชื่อของพระเจ้าและคำสอนของเรา 2 ส่วนทาสที่มีเจ้านายที่เชื่อในพระเจ้า ก็ไม่ควรดูหมิ่นเจ้านายนั้น เพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่น้อง แต่ควรจะเคารพนับถือเขามากยิ่งขึ้น เพราะถือว่ากำลังรับใช้คนที่เขารักซึ่งเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้าด้วยกัน นี่แหละคือสิ่งที่คุณจะต้องสั่งสอนและขอร้องให้คนทำ
คำสั่งสอนที่ไม่ถูกต้องและความร่ำรวยที่แท้จริง
3 ถ้ามีใครมาสอนเรื่องอื่นที่แตกต่างออกไปจากนี้ หรือสอนขัดกับคำสอนที่เป็นประโยชน์ของพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตของเรา หรือสอนเพี้ยนไปจากคำสอนตามหลักศาสนาที่แท้จริง 4 เขาก็เป็นคนที่หยิ่งยโสและไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วยังเป็นโรคชอบเถียง และชอบขัดแย้งในความหมายของคำต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดการอิจฉาริษยา การแก่งแย่งชิงดี การใส่ร้ายป้ายสี การระแวงสงสัยกัน 5 และการกระทบกระทั่งกันอย่างไม่สิ้นสุด คนพวกนี้มีจิตใจที่ชั่วร้ายและความจริงถูกปล้นไปจากเขาเสียแล้ว และคนพวกนี้ยังคิดแสวงหาความร่ำรวยจากการเอาศาสนาบังหน้าอีกด้วย
6 ศาสนาอันแท้จริงจะทำให้เราร่ำรวยมหาศาลอย่างแน่นอน ถ้าเรารู้จักพอใจในสิ่งที่เรามี 7 เราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกนี้ เราก็เอาอะไรออกไปไม่ได้เหมือนกัน 8 มีอาหารกินกับเสื้อผ้าใส่ แค่นี้เราก็น่าจะพอใจได้แล้ว 9 ส่วนคนที่อยากจะร่ำรวย ก็ตกลงไปในการทดลองและกับดัก ความอยากได้ที่โง่ๆและเต็มไปด้วยอันตรายทั้งหลาย ทำให้เขาจมดิ่งลงสู่ความพินาศและสูญสิ้นไป 10 เพราะการรักเงินทอง เป็นรากเหง้าของความชั่วทุกชนิด ความอยากรวยนี้ทำให้บางคนทิ้งความเชื่อไป และทั่วทั้งร่างกายก็ถูกทิ่มแทงอย่างเจ็บปวด
บางสิ่งที่คุณควรจดจำ
11 ส่วนคุณที่เป็นคนของพระเจ้า ให้วิ่งหนีไปให้ไกลจากเรื่องพวกนี้ และให้ใช้ชีวิตตามที่พระเจ้าชอบใจ ทำตามหลักศาสนาที่แท้จริง มีความเชื่อ ความรัก ความอดทนอดกลั้น และความสุภาพอ่อนโยน 12 รักษาความเชื่อไว้ให้มั่นคงเหมือนพยายามวิ่งเข้าสู่เส้นชัย ยึดชีวิตที่จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไปเอาไว้ ซึ่งเป็นชีวิตที่พระเจ้าเรียกให้คุณมารับตอนที่คุณได้ประกาศความเชื่อต่อหน้าคนจำนวนมากเป็นอย่างดี 13 ต่อหน้าพระเจ้าผู้ให้ชีวิตกับทุกสิ่งทุกอย่าง และต่อหน้าพระเยซูคริสต์ผู้ได้ประกาศความเชื่อต่อหน้าปอนทัสปีลาต[a]เป็นอย่างดี 14 ผมขอสั่งให้คุณทำตามคำสั่งนี้ อย่างเคร่งครัดและไร้ที่ติ จนกว่าพระเยซูคริสต์เจ้าจะถูกเปิดเผย 15 เมื่อถึงเวลานั้น พระเจ้าจะเป็นผู้เปิดเผยให้เห็นเอง พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงเกียรติ และเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และเป็นองค์เจ้าชีวิตเหนือเจ้าชีวิตทั้งหลาย 16 เป็นผู้เดียวที่ไม่มีวันตาย และเป็นผู้ที่อยู่ในความสว่างที่มนุษย์เข้าไม่ถึง พระองค์เป็นผู้ที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยเห็นหรือสามารถมองเห็นได้ ขอให้พระองค์ได้รับเกียรติและมีฤทธิ์อำนาจตลอดไป อาเมน
17 สั่งคนร่ำรวยในยุคนี้ อย่าหยิ่งยโสหรือฝากความหวังไว้กับความร่ำรวยนั้น เพราะมันไม่เที่ยงแท้ แต่ให้ฝากความหวังไว้กับพระเจ้าผู้แบ่งปันทุกสิ่งให้กับเราอย่างล้นเหลือ เพราะเห็นแก่ความสุขสบายของเรา 18 สั่งคนร่ำรวยพวกนั้นให้ทำความดี ให้ร่ำรวยในการทำดี ให้ใจดีใจกว้าง และรู้จักแบ่งปันด้วย 19 เมื่อทำอย่างนี้ เขาก็ได้เก็บทรัพย์สมบัติไว้ให้กับตัวเองในสวรรค์ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต เพื่อจะได้ยึดชีวิตที่แท้จริงไว้
20 ทิโมธีเอ๋ย รักษาสิ่งที่พระเจ้าได้ฝากไว้กับคุณให้ดี อยู่ห่างจากการพูดไร้สาระ และหลีกเลี่ยงการโต้เถียงในเรื่องที่คนเข้าใจผิดเรียกว่าเป็น “ความรู้” 21 บางคนที่โอ้อวดความรู้ไร้สาระนั้นได้พลาดไปจากเป้าหมายของความเชื่อ ขอให้พระเจ้ามีเมตตากรุณากับพวกคุณ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International