Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Old/New Testament

Each day includes a passage from both the Old Testament and New Testament.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เยเรมียาห์ 3-5

“ถ้าผู้ชายหย่ากับภรรยาของเขา แล้วเธอก็ไปจากเขาและไปแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่
    หญิงคนนั้นจะกลับมาหาสามีคนแรกของเธอได้อีกหรือ
การทำแบบนั้นจะไม่ทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนไปหมดหรือ[a]
    แต่ยูดาห์ เจ้าได้สำส่อนกับคู่นอนคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด แล้วยังจะมีหน้ากลับมาหาเราอีกหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“เบิกตาดูเนินเขาโล่งเตียนพวกนั้นสิ
    แล้วลองหาดูสิว่ามีที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
เจ้านั่งรอพวกนั้นอยู่ข้างทาง
    เหมือนพวกอาหรับในทะเลทราย
    เจ้าทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนไปด้วยการสำส่อนทางเพศและความชั่วช้าของเจ้า
ดังนั้นฝนที่ตกชุกก็เลยถูกยับยั้งไป
    และไม่มีฝนในฤดูใบไม้ผลิ
เจ้ามีหน้าผากของผู้หญิงที่สำส่อน
    เจ้ามันไม่มียางอาย
เมื่อตะกี้นี้ เจ้าเพิ่งจะร้องหาเราว่า ‘พระบิดาของฉัน
    พระองค์เป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สาวๆ’
เจ้าพูดว่า ‘พระองค์จะไม่โกรธฉันตลอดไปหรอก
    พระองค์จะไม่โกรธไปตลอดกาลหรอก’
เจ้าพูดอย่างนี้
    แต่เจ้าก็ทำชั่วมากเท่าที่จะมากได้”

อิสราเอลกับยูดาห์ พี่น้องที่ชั่วช้า

ต่อมา พระยาห์เวห์พูดกับผม ในสมัยที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ พระองค์พูดว่า “เจ้าเห็นสิ่งที่อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อทำไหม นางจะขึ้นไปบนเนินเขาสูงทุกลูกและใต้ต้นไม้เขียวขจีทุกต้น แล้วนางก็จะสำส่อนที่ตรงนั้น เราก็ได้พูดกับตัวเองว่า ‘หลังจากที่นางได้ทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว นางก็จะกลับมาหาเราเอง’ แต่นางก็ไม่ได้กลับมา แล้วยูดาห์น้องสาวจอมทรยศของนางก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ นางเห็นเรื่องสำส่อนทุกเรื่องที่อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อได้ทำไป และเห็นว่าเราได้ขับไล่อิสราเอลไป และเราได้หย่ากับนาง แต่ยูดาห์น้องสาวจอมโกงของนางก็ไม่กลัว และนางก็ไปสำส่อนเหมือนกัน อันที่จริง นางเห็นว่าเรื่องสำส่อนของตัวเองนั้นเป็นเรื่องเล็กๆ ดังนั้นนางจึงทำให้แผ่นดินทั้งหมดต้องแปดเปื้อนไป โดยไปล่วงประเวณีกับก้อนหินและต้นไม้[b] 10 และถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา ยูดาห์น้องสาวจอมทรยศของนาง ก็ไม่ได้กลับมาหาเรา ด้วยสิ้นสุดใจของนาง แต่แกล้งทำเท่านั้น” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

11 แล้วพระยาห์เวห์ก็บอกกับผมว่า “อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อก็ยังดีกว่ายูดาห์จอมทรยศ 12 เยเรมียาห์ ให้ไปประกาศคำพูดของเราทางเหนือ พูดว่า

‘อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อ กลับมาเถิด’
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
‘เราไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พวกเจ้าอีกแล้ว
    เพราะเรามีเมตตา
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
เราไม่สามารถโกรธเจ้าได้ตลอดไปหรอก
13 ขอแค่เจ้ายอมรับว่าเจ้าทำบาป
    และยอมรับว่าเจ้าทรยศต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
และยอมรับว่าเจ้าได้ทุ่มตัวให้กับพระต่างชาติมากมายใต้ต้นไม้เขียวขจี
    และเจ้าไม่ได้ฟังเสียงของเรา’”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
14 “กลับมาเถอะ ลูกที่ทรยศต่อเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
    “เพราะเราเป็นนายของเจ้า
เราจะเอาพวกเจ้ามาเมืองละคน ตระกูลละสองคน
    แล้วเราจะนำเจ้าไปที่ศิโยน

15 เราจะให้ผู้เลี้ยงกับเจ้า ที่เราจะเลือกมา และพวกเขาจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ 16 เจ้าจะมีจำนวนมากมาย และเจ้าจะเกิดลูกหลานมากมายบนแผ่นดินในวันนั้น” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “เมื่อถึงตอนนั้นคนก็จะไม่พูดถึงหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์อีกต่อไป พวกเขาจะไม่คิดถึงมันหรือจดจำมันอีกต่อไป พวกเขาจะไม่คิดถึงมันและจะไม่ทำมันขึ้นมาใหม่อีก 17 ในเวลานั้น ผู้คนจะเรียกเยรูซาเล็มว่า ‘บัลลังก์ของพระยาห์เวห์’ ทุกๆชนชาติจะมารวมตัวกันในวิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม แล้วพวกเขาก็จะไม่ไปทำตามจิตใจที่ชั่วร้ายดื้อดึงของพวกเขาอีกต่อไป 18 ในวันนั้น ครอบครัวยูดาห์และครอบครัวอิสราเอลจะออกมาจากดินแดนทางเหนือพร้อมๆกัน และไปยังดินแดนที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก

19 และเราได้พูดไว้ว่า
    ‘เราอยากจะทำกับเจ้าเหมือนกับลูกๆของเราเอง
เราจะให้ดินแดนที่น่าชื่นชมยินดีกับเจ้า
    ซึ่งเป็นมรดกที่มีค่าที่สุดในบรรดาชาติทั้งหลายทั้งปวง’
และเราได้พูดกับตัวเองว่าเจ้าจะเรียกเราว่า
    ‘พระบิดาของข้าพระองค์’
และเจ้าจะไม่หันหลังไปจากเรา
20 แต่ชุมชนอิสราเอล เจ้าได้ทรยศต่อเรา
    เหมือนกับภรรยาทรยศต่อคนรักของนาง”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
21 ฟังสิ เสียงมาจากบนเนินเขาโล่งเตียนเหล่านั้น
    มันเป็นเสียงของลูกๆของอิสราเอลที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญและอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
เพราะพวกเขาได้ทำทางของตัวเองให้คดไป
    พวกเขาได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

22 พระยาห์เวห์พูดว่า “กลับมาเถอะลูกๆที่ทรยศต่อเรา
    เราจะเยียวยารักษาการทรยศของเจ้าเอง”

ผู้คนก็พูดว่า “เราจะมาหาพระองค์
    เพราะพระองค์เป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
23 พวกเนินเขาต่างๆช่วยอะไรไม่ได้แน่นอน
    เสียงร้องอึกทึกบนภูเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ความรอดของอิสราเอลอยู่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างแน่นอน
24 สิ่งที่น่าอับอายนั้นได้กลืนกินสิ่งที่บรรพบุรุษของเราหามาได้ด้วยการทุ่มเททำงานอย่างหนัก
    ตั้งแต่เรายังเป็นหนุ่มสาว
สิ่งเหล่านั้นก็คือฝูงแกะ ฝูงวัว และลูกชายลูกสาวของพวกเขา
25 ขอให้เรานอนลงในความอับอายของตัวเอง
    และปล่อยให้ความอับอายขายหน้าคลุมตัวเราไว้
เพราะว่าเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
    ทั้งเราและบรรพบุรุษของเรา
ตั้งแต่เรายังเป็นหนุ่มสาวจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
    เราไม่ได้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเลย”
พระยาห์เวห์พูดว่า
    “อิสราเอล ถ้าเจ้าจะกลับมาหาเราจริงๆ
ถ้าเจ้าจะเอาพวกรูปเคารพของเจ้าไปให้พ้นหน้าเรา
    ถ้าเจ้าจะไม่โลเล
ถ้าเจ้าจะซื่อสัตย์ ยุติธรรมและจริงใจ
    ตอนที่เจ้าสาบานต่อพระยาห์เวห์
แล้วเมื่อนั้นชนชาติต่างๆก็จะได้รับพระพรจากพระองค์
    แล้วพวกเขาก็จะร้องสรรเสริญพระองค์”

เพราะพระยาห์เวห์บอกกับคนยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า

“ทุ่งนาที่ยังไม่ได้ไถ ก็ให้ไถซะ
    และอย่าหว่านเมล็ดพืชลงไปในพงหนาม
คนยูดาห์และพลเมืองของเยรูซาเล็ม
    ให้ขลิบตัวเจ้าเองให้กับพระยาห์เวห์
และขลิบหนังหุ้มใจของเจ้าออกด้วย
    ถ้าเจ้าไม่ทำตามสิ่งเหล่านี้
ความโกรธของเราก็จะเผาเจ้าเหมือนไฟ
    มันจะเผาผลาญ
และไม่มีใครสักคนที่ดับมันได้
    เพราะการกระทำต่างๆของเจ้านั้นชั่วร้ายเหลือเกิน”

ความหายนะจากทางเหนือ

“ให้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนยูดาห์และทำให้คนในเยรูซาเล็มฟังเรื่องนี้ ให้บอกพวกเขาว่า

เป่าแตรเข้าไป
    และร้องเรียกให้สุดเสียงและบอกว่า
‘รวบรวมกันเข้ามา
    และให้พวกเราหนีไปที่ป้อมปราการกันเถอะ’
ยกธงขึ้นเตือนศิโยนว่า
    วิ่งหาที่หลบภัย อย่าได้รอช้า
เพราะเราจะนำการทำลายล้าง
    และความหายนะครั้งยิ่งใหญ่มาจากทางเหนือ”
สิงโตโผล่ออกมาจากถ้ำแล้ว
    และผู้ที่จะทำลายชนชาติต่างๆเริ่มเดินทัพแล้ว
    สิงโตได้ออกจากบ้านเมืองของมัน
เพื่อมาทำลายแผ่นดินของเจ้า
    เมืองต่างๆของเจ้าจะพังพินาศและจะไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในเมืองเหล่านั้นเลย
เพราะอย่างนี้ ให้สวมผ้ากระสอบร้องไห้คร่ำครวญ
    เพราะความโกรธอันร้อนแรงของพระยาห์เวห์ยังไม่ได้หันไปจากเรา
พระยาห์เวห์พูดว่า “ในเวลานั้น
    กษัตริย์และพวกแม่ทัพของเขาจะเสียขวัญ
พวกนักบวชจะหวาดผวา
    และพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจะตกตะลึง”

10 แล้วผมก็พูดว่า “ตายแน่ น่าสยดสยองเหลือเกิน พระยาห์เวห์เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์ได้หลอกคนพวกนี้ และเยรูซาเล็ม พระองค์บอกพวกเขาว่า ‘พวกเจ้าจะปลอดภัย’ ในขณะที่ดาบกำลังจ่อคอหอยพวกเขาอยู่”

11 ในเวลานั้น คนพวกนี้และเยรูซาเล็มจะได้ยินว่า “ลมพายุร้อนจากเนินเขาโล่งเตียนจากถิ่นแห้งแล้งในทะเลทรายจะพัดถล่มใส่คนที่น่าสงสารของเรา มันไม่ได้เป็นลมชนิดที่พัดให้แกลบกระจัดกระจายไปหรือเพื่อพัดให้สะอาด 12 แต่เป็นลมที่แรงเกินกว่าที่จะมาทำเรื่องเหล่านั้น เราเป็นผู้ที่ส่งลมนั้นมา ตอนนี้ เราจะประกาศตัดสินลงโทษพวกเขา”

13 พระองค์ลุกขึ้นมาเหมือนเมฆ
    พวกรถม้าของพระองค์แล่นเหมือนพายุ
และพวกม้าของพระองค์ว่องไวกว่าพวกนกอินทรี
    ผู้คนพูดว่า “ความหายนะเกิดกับพวกเราแล้ว พวกเรากำลังถูกทำลาย”

14 เยรูซาเล็ม ล้างความชั่วร้ายออกจากใจของเจ้าซะ
    เพื่อว่า เจ้าจะได้ปลอดภัย
เจ้าจะปล่อยให้แผนชั่วของเจ้าอยู่ในเจ้าไปนานแค่ไหนกัน
15 แน่นอนที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะว่าที่เมืองดานมีคนกำลังพูดกัน
    และในแถบเนินเขาเอฟราอิมก็มีคนกำลังพูดกันถึงความหายนะนี้
16 ให้บอกชนชาติต่างๆ
    อันที่จริง บอกให้พวกเขารู้เรื่องเยรูซาเล็ม
ข้าศึกกำลังมาจากแดนไกล
    และพวกมันก็คุยโวกันว่าพวกมันจะทำอะไรกับเมืองต่างๆของยูดาห์บ้าง
17 พวกมันได้ล้อมเมืองไว้เหมือนทหารยามเฝ้าระวังท้องทุ่ง
    ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมืองเยรูซาเล็มได้ทรยศต่อเรา
พระยาห์เวห์ได้พูดว่าอย่างนั้น
18 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเจ้าเพราะผลจากการทำชั่วของเจ้าเอง
นี่แหละคือโทษของเจ้า มันขมขื่นจริงๆ
    มันจี้ใจดำเจ้าจริงๆ

เยเรมียาห์ร้องไห้

19 ผมรู้สึกป่วยมาก ผมชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด
    ใจผมแตกร้าว ใจผมเต้นระรัว
แล้วผมก็ทำให้มันสงบลงไม่ได้
    เพราะผมได้ยินเสียงแตรออกศึกที่เตือนว่ากำลังจะเกิดสงคราม
20 หายนะหนึ่งผ่านไป อีกหายนะหนึ่งตามมา
    แผ่นดินทั้งหมดได้ถูกทำลายราบคาบ
ทันใดนั้น พวกเต็นท์ของผมก็ถูกทำลาย
    ภายในพริบตา พวกม่านของเต็นท์ก็ถูกทำลายไปด้วย
21 ผมจะต้องทนดูธงรบอีกนานแค่ไหน
    ผมจะต้องฟังเสียงแตรเรียกรบไปอีกนานแค่ไหนกัน

22 พระยาห์เวห์พูดว่า “คนของเราโง่เขลา
    พวกเขาไม่รู้จักเรา
พวกเขาเป็นลูกที่โง่เขลา
    และไม่มีสักคนที่เข้าใจ
พวกเขาเก่งแต่เรื่องชั่วๆ
    แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำดียังไง”

ความหายนะกำลังมา

23 ผมมองไปที่แผ่นดินมันก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
    แล้วผมก็มองขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ก็ไม่เห็นมีแสงสว่าง
24 ผมมองไปที่ภูเขาต่างๆพวกมันกำลังสั่นไหว
    และเนินเขาต่างๆกำลังสั่นสะเทือน
25 ผมมองดู และเห็นว่าไม่มีคนเลย
    และนกบนฟ้าก็บินหนีไปหมด
26 ผมมองดู และเห็นว่าแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นที่แห้งแล้ง
    และเมืองต่างๆของมันก็ถูกรื้อทำลาย นั่นก็เพราะพระยาห์เวห์ เพราะความโกรธเกรี้ยวของพระองค์

27 เพราะพระยาห์เวห์พูดว่า
“แผ่นดินทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย
    แต่เราจะไม่ทำลายมันจนหมดเกลี้ยงหรอก
28 เพราะอย่างนี้ แผ่นดินก็เลยร้องไห้คร่ำครวญ
    และฟ้าสวรรค์เบื้องบนก็มืดครึ้มไป
เพราะเราได้พูดไปแล้ว เราคิดแผนออกแผนหนึ่ง
    เราจะไม่มีวันเปลี่ยนใจหรือยกเลิกแผนของเรา”

29 เมื่อได้ยินเสียงม้าและพวกพลธนู ชาวเมืองทุกเมืองก็หนีไป
    พวกเขาหนีเข้าไปแอบอยู่ในพงไม้
และปีนขึ้นไปแอบอยู่ตามซอกหิน[c]
    เมืองทุกเมืองถูกปล่อยทิ้งร้าง
    ไม่มีใครอาศัยอยู่ในเมืองเลยสักคน

30 เจ้าถูกทำลายจนยับเยินแล้ว
    แต่ทำไมเจ้ายังสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดอย่างนั้น
เพราะเจ้ายังประดับประดาด้วยทองคำ
    และยังใช้สีดำทาตาให้สวยงาม
เจ้าทำตัวเองสวยงาม โดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย
    คนรักของพวกเจ้าก็ปฏิเสธเจ้าแล้ว
    และตอนนี้พวกเขาก็หมายจะเอาชีวิตเจ้า
31 เราพูดอย่างนี้ เพราะเราได้ยินเสียงเหมือนเสียงร้องของผู้หญิง
    ที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดจากการคลอดลูกคนแรก
เราได้ยินเสียงร้องของลูกสาวศิโยนเธอไขว่คว้าหาอากาศ
    เธอยืดแขนออกไปขอความช่วยเหลือ
    เธอร้องว่า “ความหายนะเกิดกับฉันแล้วเพราะฉันเหนื่อยจนหนีฆาตกรไม่ไหวแล้ว”

ความชั่วช้าของคนยูดาห์

พระยาห์เวห์พูดว่า “วิ่งไปวิ่งมาตามท้องถนนของเยรูซาเล็มสิ แล้วไปดูให้รู้ว่าเป็นอย่างไร ไปค้นหาดูตามลานเมืองต่างๆ

ถ้าเจ้าสามารถหาเจอแค่คนเดียว ใครก็ได้ที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม และเป็นคนที่เชื่อถือได้ แล้วเราจะยกโทษให้กับเยรูซาเล็ม

คนพวกนี้เมื่อเขาสาบาน พวกเขาชอบพูดว่า ‘ฉันขอสาบานโดยพระยาห์เวห์’ พวกนี้ก็โกหก สาบานส่งๆไปอย่างนั้นเอง”

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ต้องการให้คนสัตย์ซื่อต่อพระองค์ ใช่ไหม
พระองค์เฆี่ยนตีพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ
พระองค์เกือบจะทำลายพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับการตีสอนของพระองค์
พวกเขาดื้อด้านเหมือนหิน
    พวกเขาไม่ยอมกลับใจ

แล้วผมพูดว่า “พวกนี้เป็นแค่คนยากจน
    พวกเขาโง่เกินกว่าจะได้รับการสอนอะไร
เพราะพวกเขาไม่รู้จักทางของพระยาห์เวห์
    และไม่รู้จักกฎต่างๆของพระเจ้าของเขา
ผมจะไปหาคนใหญ่คนโต และพูดกับพวกเขา
    เพราะพวกเขารู้จักทางของพระยาห์เวห์
และรู้จักกฎต่างๆของพระเจ้าของเขา”
    แต่พวกเขาร่วมกันหักแอก แล้วดึงเชือกวัวจนขาด
ดังนั้นสิงโตจากป่าออกมาจู่โจมพวกเขา
    หมาป่าจากทะเลทรายออกมาทำร้ายพวกเขา
เสือดาวก็กำลังเฝ้าคอยจับจ้องเมืองต่างๆของพวกเขา
    คนที่ออกมาจากเมืองเหล่านั้นก็จะถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกเขาได้ทรยศต่อพระเจ้าหลายครั้ง
    และพวกเขามักจะออกนอกลู่นอกทางของพระเจ้า

พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะยกโทษให้กับเจ้าได้อย่างไรกัน
    ลูกของเจ้าได้ทอดทิ้งเราไป
    แถมพวกเขายังไปสาบานกับพวกพระที่ไม่มีตัวตน
เราได้ให้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ
    แต่พวกเขากลับสำส่อนและมั่วสุมกันตามบ้านโสเภณี
พวกเขาเหมือนม้าผู้อ้วนพีที่กลัดมัน
    แต่ละคนส่งเสียงเรียกเมียเพื่อนบ้าน
เราไม่ควรจะทำโทษพวกเขาเพราะเรื่องพวกนี้หรอกหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
    “และเราไม่ควรจะแก้แค้นชนชาติที่เป็นอย่างนี้หรอกหรือ

10 ให้บุกเข้าไปในสวนองุ่นและทำลายพวกมัน
    แต่อย่าทำลายจนราบคาบ
ให้ริดกิ่งก้านของเถาองุ่นเหล่านั้น
    เพราะพวกมันไม่ได้เป็นของพระยาห์เวห์
11 เพราะว่าคนอิสราเอลและคนยูดาห์ไม่จริงใจกับเราครั้งแล้วครั้งเล่า”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

12 พวกเขาพูดโกหกเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
    พวกเขาพูดว่า “พระองค์จะไม่ทำอะไรพวกเราหรอก
เรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก
    และเราก็จะไม่เจอกับสงครามและความอดอยาก”
13 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมไม่มีอะไรเลย เป็นแต่ลมๆแล้งๆ
    และพระคำของพระเจ้าจะไม่อยู่ในพวกเขา
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา

14 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
    “เพราะพวกเขาพูดสิ่งต่างๆเหล่านี้
เราจะทำให้คำที่เราใส่ไว้ในปากเจ้าเป็นเหมือนไฟและคนพวกนี้จะเป็นเหมือนต้นไม้
    และพระคำต่างๆของพระเจ้าก็จะเผาผลาญพวกเขา
15 ชาวอิสราเอลทั้งหลาย เรากำลังนำชนชาติหนึ่งจากแดนไกลมาสู้รบกับพวกเจ้า
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
มันเป็นชนชาติที่เข้มแข็งที่อยู่มาช้านานแล้ว
    และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
มันเป็นชนชาติที่มีภาษาที่เจ้าไม่รู้จัก
    และเจ้าก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่พวกมันพูดได้
16 แล่งธนูของพวกเขาเป็นเหมือนหลุมศพที่เปิดอ้า
    ผู้ชายของเขาทุกคนต่างก็เป็นนักรบ
17 พวกเขาจะเขมือบพืชผลและอาหารของเจ้าจนหมด
    พวกเขาจะเขมือบลูกชายลูกสาวของเจ้า
พวกเขาจะกินฝูงแกะและฝูงวัวของเจ้า
    พวกเขาจะกินเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของเจ้า
พวกเขาจะทลายเมืองที่มีป้อมปราการต่างๆของเจ้า
    ป้อมปราการที่เจ้าไว้ใจหนักหนา”

18 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่แม้แต่ในวันนั้น เราก็จะไม่ทำลายเจ้าอย่างสิ้นเชิง 19 และถ้าคนของเจ้าพูดว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราถึงทำสิ่งต่างๆเหล่านี้กับเรา’ ก็ให้เจ้าบอกไปว่า ‘ก็เพราะพวกเจ้าทอดทิ้งเราไปบูชาพระต่างชาติในแผ่นดินของเจ้า ดังนั้น เจ้าจะต้องรับใช้พวกต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของพวกเจ้าเอง’

20 ให้ประกาศเรื่องนี้ท่ามกลางลูกหลานของยาโคบ
    และทำให้ได้ยินไปถึงยูดาห์ด้วย
21 ฟังเรื่องนี้ให้ดี เจ้าพวกคนโง่ที่ขาดสติ
    เจ้าที่มีตาแต่ดันมองไม่เห็น
    เจ้าที่มีหูแต่ดันไม่ได้ยิน
22 เจ้าไม่ยำเกรงเราเลยหรือ”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
    “เจ้าไม่ตัวสั่นงันงกต่อหน้าเราเลยหรือไง
เราเป็นผู้ตั้งทรายขึ้นเป็นขอบเขตน้ำทะเล
    ซึ่งเป็นคำสั่งถาวรไม่ให้น้ำทะเลล้นข้ามมันได้
คลื่นซัดไปซัดมาแต่มันก็ไม่เคยพ้นทรายขึ้นมาได้
    และคลื่นร้องสนั่นหวั่นไหว แต่ก็ข้ามมันมาไม่ได้อยู่ดี
23 คนพวกนี้ดื้อดึงและมีใจกบฏ
    พวกเขาหันหลังไปจากเรา
24 พวกเขาไม่ได้พูดในใจว่า
    ‘พวกเราน่าจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
ผู้ที่ให้ฝนกับเรา ตรงตามฤดูกาลของมัน
    ไม่ว่าจะเป็นฝนตอนฤดูใบไม้ร่วงกับฝนตอนฤดูใบไม้ผลิ
ผู้ที่ทำให้เราได้เก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม’
25 ความผิดบาปของพวกเจ้าได้กีดกันเจ้าไม่ให้ได้รับสิ่งเหล่านี้
    และบาปต่างๆของเจ้าก็กีดกันเจ้าไม่ให้ได้รับผลผลิต
26 เพราะมีคนชั่วอยู่ในหมู่คนของเรา
    พวกมันล่าเหยื่อของมันอย่างเงียบเชียบเหมือนนายพราน
    พวกมันวางกับดักและจับมนุษย์
27 บ้านของพวกมันเต็มไปด้วยคนขี้โกง
    เหมือนกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยนก
เพราะอย่างนี้ พวกมันจึงยิ่งใหญ่และร่ำรวย
28     พวกมันทั้งอ้วนทั้งฉุ
มันทำชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว
    พวกมันไม่ตัดสินคดีความ
มันไม่สอบสวนคดีของลูกที่ไม่มีพ่อ
    และไม่ให้ความยุติธรรมกับคดีของคนยากจน
29 เราไม่ควรจะลงโทษคนพวกนี้สำหรับเรื่องเหล่านี้หรอกหรือ”
นั่นคือสิ่งที่พระยาห์เวห์ถาม
    “เราไม่ควรจะแก้แค้นชนชาติอย่างนี้หรอกหรือ”

30 เรื่องน่าขนลุกขนพองและน่าขยะแขยงเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้แล้ว
31 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้ทำนายเรื่องโกหก
    ส่วนพวกนักบวชก็ทำในสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าบอก
คนของเราชอบให้มันเป็นอย่างนี้
    แต่เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อจุดจบมาถึง

1 ทิโมธี 4

คำเตือนเรื่องครูจอมปลอม

พระวิญญาณพูดไว้ชัดเจนว่า ต่อไปในอนาคตจะมีบางคนทิ้งความเชื่อ แล้วหันไปเชื่อถือวิญญาณที่หลอกลวง รวมทั้งคำสอนต่างๆของพวกมารทั้งหลาย และคำหลอกลวงของพวกหน้าซื่อใจคด ใจของพวกเขาชินชากับความผิดเสียแล้ว เหมือนถูกเหล็กร้อนนาบจนตายด้าน พวกเขาสั่งว่าห้ามแต่งงานและห้ามกินอาหารบางชนิด อันที่จริงพระเจ้าได้สร้างอาหารขึ้นมาให้คนที่มีความเชื่อ และคนที่รู้จักความจริง กินกันด้วยความขอบคุณ ทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นมานั้นดีหมด ถ้ารับมาด้วยการขอบคุณพระเจ้า ก็กินได้หมดทุกอย่าง เพราะถ้อยคำของพระเจ้าและคำอธิษฐานทำให้สิ่งเหล่านั้นบริสุทธิ์แล้วในสายตาพระเจ้า

ผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูคริสต์

ถ้าคุณอธิบายเรื่องนี้ให้พี่น้องฟัง คุณก็จะเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเยซูคริสต์ ซึ่งจะพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณได้รับการเลี้ยงดูด้วยถ้อยคำแห่งความเชื่อ และด้วยคำสั่งสอนที่ดีที่คุณได้ทำตามอยู่นั้น อย่าไปเสียเวลากับนิยายปรัมปราไร้สาระที่หญิงแก่ๆพวกนั้นชอบเล่ากัน แต่ให้ฝึกฝนตนเองเพื่อรับใช้พระเจ้า เพราะการฝึกฝนทางร่างกายก็มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่การรับใช้พระเจ้ามีประโยชน์ทุกอย่าง ทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า นั่นเป็นความจริงที่เชื่อถือได้และคุ้มค่าที่จะรับเอาไว้ 10 ที่เรายอมทำงานหนัก และต่อสู้ดิ้นรนอยู่นี้ เพราะเรามีความหวังในพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เชื่อ

11 ให้สั่งสอนเรื่องเหล่านี้ 12 อย่าให้ใครมาดูถูกคุณ เพราะเห็นว่าคุณเป็นแค่เด็กหนุ่ม แต่ให้คำพูด การกระทำ ความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์ของคุณ เป็นแบบอย่างให้กับทุกคนที่เชื่อ 13 ให้เอาใจใส่ทั้งในเรื่องการอ่านพระคัมภีร์ให้คนอื่นฟัง การให้กำลังใจและการสั่งสอนจนกว่าผมจะมา 14 อย่าละเลยที่จะใช้พรสวรรค์ของคุณที่ได้รับมาตอนที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพูดเกี่ยวกับคุณและตอนที่พวกผู้นำอาวุโสได้วางมือ[a]บนคุณ 15 ให้เอาใจใส่และทุ่มเทในเรื่องเหล่านี้ ทุกคนจะได้เห็นชัดว่า คุณก้าวหน้าไปมากแค่ไหนแล้ว 16 ให้ระมัดระวังชีวิตและคำสอนของคุณให้ดี ยึดเรื่องเหล่านี้ไว้ให้มั่น เพราะถ้าทำอย่างนี้ คุณก็จะช่วยทั้งตัวคุณเองและคนที่ฟังคุณให้รอด

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International