Old/New Testament
1 นี่คือคำพูดของเยเรมียาห์ ลูกชายของฮิลคียาห์ เยเรมียาห์เป็นหนึ่งในนักบวชที่อาศัยอยู่ในเมืองอานาโธท เมืองนี้ตั้งอยู่ในดินแดนที่เป็นของเผ่าเบนยามิน 2 ถ้อยคำที่เยเรมียาห์เอามาบอกนี้ เป็นข่าวสารที่พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้เยเรมียาห์รู้ ปีนั้นตรงกับปีที่สิบสามที่กษัตริย์โยสิยาห์ปกครองยูดาห์ โยสิยาห์เป็นลูกของอาโมน 3 พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยข่าวสารนี้ให้กับเยเรมียาห์อีก ในช่วงสมัยของกษัตริย์เยโฮยาคิมปกครองยูดาห์ เยโฮยาคิมเป็นลูกของกษัตริย์โยสิยาห์ และพระยาห์เวห์ยังเปิดเผยให้เยเรมียาห์รู้ต่อไปเรื่อยๆจนถึงปีที่สิบเอ็ด ที่กษัตริย์เศเดคิยาห์ปกครองยูดาห์ เศเดคิยาห์เป็นลูกของกษัตริย์โยสิยาห์ และในเดือนที่ห้าของปีที่สิบเอ็ดที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองนั้น ชาวเยรูซาเล็มก็ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
พระเจ้าเรียกเยเรมียาห์
4 นี่คือข่าวสารที่พระยาห์เวห์เปิดเผยให้ผมรู้ คือ
5 “เรารู้จักเจ้า ก่อนที่เราจะก่อร่างเจ้าขึ้นมาในครรภ์เสียอีก
เราได้แยกเจ้าออกมาสำหรับเรา
ก่อนที่เจ้าจะคลอดจากท้องแม่เสียอีก
เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า
ให้กับชนชาติทั้งหลาย”
6 แต่ผมพูดว่า “แต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะข้าพเจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”
7 แต่พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า
“อย่าพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น’
เพราะเจ้าจะต้องไปหาทุกคนที่เราส่งให้เจ้าไป
และเจ้าจะต้องพูดทุกอย่างตามที่เราสั่งเจ้า
8 ไม่ต้องกลัวคนพวกนั้น
เพราะเราจะอยู่กับเจ้า
และปกป้องเจ้า”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
9 แล้วพระยาห์เวห์ก็ยื่นมือออกมาแตะปากของผม และพระองค์พูดกับผมว่า
“เราได้ใส่คำพูดของเราเข้าไปในปากของเจ้าแล้ว
10 ดูสิ ในวันนี้ เราได้แต่งตั้งเจ้าให้มีอำนาจเหนือชนชาติและอาณาจักรทั้งหลาย
เจ้าจะถอน และจะรื้อพวกมันทิ้ง
เจ้าจะทำลาย และจะคว่ำพวกมัน
เจ้าจะสร้าง และจะปลูกพวกมันขึ้นมาใหม่”
นิมิตสองอย่าง
11 พระยาห์เวห์ ได้เปิดเผยข่าวสารนี้กับผม
พระองค์ถามว่า “เยเรมียาห์ เจ้าเห็นอะไร”
ผมตอบว่า “ผมเห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งจากต้นอัลมอนด์ครับ”
12 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “เจ้ามองเห็นได้ชัดเจนดีมาก เพราะเรากำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่เราพูด เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเกิดขึ้นตามนั้น”
13 พระคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมอีกเป็นครั้งที่สองว่า “เจ้าเห็นอะไร” ผมตอบว่า “ผมเห็นหม้อที่กำลังเดือดอยู่หม้อหนึ่งหันหน้าไปจากทิศเหนือ”
14 แล้วพระยาห์เวห์ก็บอกผมว่า “ความหายนะจากทางเหนือจะถูกปลดปล่อยออกมาเหนือทุกชีวิตบนแผ่นดินยูดาห์
15 เรากำลังนำตระกูลต่างๆในอาณาจักรภาคเหนือมา” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“พวกนั้นจะมาที่นี่ แต่ละคนจะตั้งบัลลังก์ของตัวเองไว้ที่ปากประตูทางเข้าของเมืองเยรูซาเล็ม พวกนั้นจะโจมตีกำแพงที่ล้อมรอบเมืองนั้น และโจมตีเมืองทุกเมืองของยูดาห์
16 และเราจะตัดสินลงโทษพวกมัน สำหรับความชั่วทั้งหมดที่พวกมันทำ คือที่ทอดทิ้งเราไป และไปเผาเครื่องหอมให้กับพระอื่นๆและไปก้มหัวกราบสิ่งที่พวกมันสร้างขึ้นมากับมือ
17 ส่วนเจ้า เยเรมียาห์ เตรียมตัวให้พร้อม ลุกขึ้น ไปบอกพวกมันทุกอย่างตามที่เราสั่งเจ้า ไม่ต้องกลัวพวกมัน ไม่อย่างนั้น เราจะหาสาเหตุทำให้เจ้าต้องกลัวพวกมันจริงๆเวลาที่อยู่ต่อหน้าพวกมัน
18 ส่วนเรา วันนี้เราจะทำให้เจ้าเป็นเหมือนป้อมปราการเมือง เป็นเหมือนเสาเหล็ก เป็นเหมือนกำแพงทองสัมฤทธิ์ ที่สามารถยืนหยัดสู้กับแผ่นดินทั้งสิ้น สู้กับพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์ พวกเจ้าเมือง พวกนักบวช รวมทั้งสู้กับประชาชน
19 คนพวกนั้นจะต่อสู้กับเจ้า แต่พวกมันจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ เพราะเราจะอยู่ปกป้องเจ้า” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
ยูดาห์ไม่สัตย์ซื่อ
2 พระคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เยเรมียาห์ ไปพูดให้กับคนเยรูซาเล็มได้ยินว่า พระยาห์เวห์พูดว่า
เรายังจำได้ถึงความรักอันมั่นคงที่เจ้ามีให้กับเราเมื่อเจ้ายังเป็นเด็กอยู่
เรายังจำได้ถึงความรักที่เจ้ามีให้กับเราในฐานะเจ้าสาว
และเรายังจำได้ว่าเจ้าได้ติดตามเราไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
และในดินแดนที่ยังไม่เคยเพาะปลูกมาก่อน
3 อิสราเอลนั้นถูกแยกออกมาสำหรับพระยาห์เวห์ เป็นผลแรกที่ดีเยี่ยมของสิ่งที่พระองค์ปลูก
ใครที่คิดจะกินส่วนนั้น ก็จะต้องถูกลงโทษ
และคนพวกนั้นจะต้องได้รับความหายนะ”
พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้
4 พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ
ที่เป็นตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล ฟังคำของพระยาห์เวห์ไว้ให้ดี
5 พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้
“บรรพบุรุษของเจ้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือ พวกเขาถึงอยากจะไปให้ไกลจากเรา
พวกเขาหันไปติดตามสิ่งที่ไร้ค่า ก็เลยทำให้พวกเขาไร้ค่าไปด้วย
6 บรรพบุรุษของเจ้าไม่ได้พูดว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหนแล้ว
พระองค์ผู้ที่ได้นำเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้ที่นำเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ในดินแดนที่รกร้างและหุบเขาลึก
ในดินแดนที่แห้งแล้งและอันตราย
ในดินแดนที่ไม่มีใครเคยผ่านเข้าไปมาก่อน
เป็นดินแดนที่ไม่เคยมีคนอยู่มาก่อน’
พระยาห์เวห์พูดว่า
7 แต่เราได้นำเจ้าไปยังแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
เพื่อให้เจ้าได้กินผลไม้และผลผลิตต่างๆของมัน
แล้วเมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ เจ้าก็ได้ทำให้แผ่นดินของเราไม่บริสุทธิ์
และเจ้าได้ทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง
8 พวกนักบวชไม่ได้ถามว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหน’
และคนพวกนั้นที่เชี่ยวชาญกฎโมเสส ก็ไม่รู้จักเรา
เหล่าผู้เลี้ยงแกะ ก็ได้ทรยศต่อเรา
ส่วนพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดแทนพระบาอัล
ผู้คนก็ไปติดตามสิ่งต่างๆที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย”
9 พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะฉะนั้นเราจะยังโต้แย้งกับเจ้าต่อไป
และโต้แย้งกับลูกของเจ้าและหลานของเจ้าด้วย
10 ข้ามไปที่เกาะไซปรัสสิ ไปดูว่าคนที่นั่นทำอะไรกัน
หรือไม่ก็ส่งคนไปที่เคดาร์ ไปสำรวจให้ละเอียด
ไปดูสิว่ามีใครเคยทำอะไรอย่างนี้เหมือนกับที่ยูดาห์บ้างไหม
11 มีชนชาติไหนบ้างที่เอาพระเจ้าของพวกเขาไปแลกกับพระอื่นๆ ไม่มีหรอก
นี่ขนาดพระของคนพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้สักหน่อย
แต่คนของเราสิ กลับเอาศักดิ์ศรีของเราไปแลกกับของที่ไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย
12 ฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย ให้ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ให้สะดุ้งกลัว และหมดเรี่ยวแรงไป”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ
13 “ที่เราพูดอย่างนี้ เพราะคนของเราได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่อเราสองอย่าง คือ
พวกเขาได้ละทิ้งเราซึ่งเป็นน้ำพุที่ไหลริน
เพื่อจะได้ขุดแอ่งเก็บน้ำสำหรับตัวเอง
แต่แอ่งน้ำพวกนั้นเป็นแอ่งน้ำแตกที่กักเก็บน้ำไม่ได้
14 อิสราเอลเป็นทาสหรือยังไง เขาเป็นลูกของคนใช้หรือยังไง ไม่ใช่เลย
แล้วทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเชลยสงครามไป
15 พวกสิงโตได้ขู่คำรามใส่อิสราเอล
พวกสิงโตได้ส่งเสียงคำรามดังขึ้น
พวกสิงโตได้ทำให้แผ่นดินของพวกเขาว่างเปล่า
จนไม่เหลือใครเลยในเมืองต่างๆเหล่านั้น
16 แม้แต่ลูกๆของชาวเมมฟิสและชาวทาปานเหส
ก็ยังทำให้หัวของเจ้าบาดเจ็บ
17 ที่มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับเจ้า ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปหรอกหรือ
ตอนที่พระองค์นำเจ้าเดินไปตามทางที่ถูกต้อง
18 แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงอยากจะเดินกลับไปอียิปต์
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์เล่า
และทำไมเจ้าถึงอยากจะไปอัสซีเรีย
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสเล่า
19 สิ่งชั่วร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไปจะตีสอนเจ้า
และการหันเหไปจากเราก็จะทำให้เจ้าได้รับบทเรียน
เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายและขมขื่นแค่ไหนที่เจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไป
และเจ้าก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อเราเลย”
พระยาห์เวห์ เจ้านายของผม ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้
20 “ที่เราพูดเรื่องนี้ก็เพราะเมื่อก่อนโน้นเจ้าหักแอกของเจ้า เจ้ากระชากเชือกทั้งหลายของเจ้าออก
เจ้าพูดว่า ‘ฉันจะไม่รับใช้พระยาห์เวห์’
แน่ล่ะ ก็เจ้าเล่นนอนเอกเขนกอย่างกับโสเภณีอยู่บนเนินเขาสูงทุกลูก
และใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น
21 แต่เราปลูกเจ้าขึ้นมาเหมือนเถาองุ่นอย่างดีจากเมล็ดที่ดีที่สุดที่มีอยู่
แล้วนี่เจ้ากลายพันธุ์ไปเป็นองุ่นป่าได้ยังไงกัน
22 ถึงเจ้าจะเอากรดหรือสบู่สารพัดมาล้างตัว เจ้าก็ยังดูเลอะเปรอะเปื้อน ในสายตาเราอยู่ดี
เพราะการกระทำที่ชั่วช้าของเจ้านั่นแหละ”
พระยาห์เวห์เจ้านายของผม พูดไว้ว่าอย่างนั้น
23 “เจ้าพูดได้ยังไงว่า ‘ฉันไม่ได้ด่างพร้อย
ฉันไม่ได้ติดตามพวกพระบาอัลสักหน่อย’
ดูการใช้ชีวิตของเจ้าในหุบเขาสิ
ให้รับรู้เสียบ้างว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป
เจ้าทำตัวเหมือนอูฐสาวที่อยู่ไม่สุขในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของมัน
24 เจ้าเป็นเหมือนลาป่าที่เคยชินกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
หมกมุ่นอยู่กับความอยากของตัวเอง
แล้วก็ดมกลิ่นลม เมื่อถึงเวลาติดสัตว์ของนาง
ใครจะไปเหนี่ยวรั้งนางได้ สัตว์ที่ตามหานางเพื่อผสมพันธุ์ ไม่มีสักตัวที่ต้องตามหานางจนหมดแรง
เพราะพวกเขาต่างหานางได้ง่ายๆในฤดูผสมพันธุ์นั้น
25 ทำไมเจ้าจะต้องวิ่งเท้าเปล่าและหิวน้ำตามพระเหล่านั้น
แต่เจ้ากลับพูดว่า ‘ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ ฉันรักพระของคนต่างชาติ
และฉันจะไปติดตามพวกพระเหล่านั้น’
26 ก็เหมือนกับที่หัวขโมยต้องอับอายขายหน้าเมื่อถูกจับ
ชาติอิสราเอลก็จะต้องอับอายขายหน้าอย่างนั้นเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็น ตัวพวกมันเอง หรือพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่ พวกนักบวช หรือพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของพวกมัน
27 เรากำลังพูดถึงคนพวกนั้นที่พูดกับต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นพ่อของฉัน’
และคนพวกนั้นที่พูดกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดฉันมา’
พวกมันหันหลังให้เรา
ไม่ได้หันหน้าให้เรา
แต่พอพวกมันมีปัญหาก็พูดว่า
‘พระยาห์เวห์เจ้าข้า ลุกขึ้นมาช่วยพวกเราด้วยเถิด’
28 แล้วไหนละ ยูดาห์ พวกพระที่เจ้าทำขึ้นมาให้กับตัวเอง
ให้พวกมันลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้าตอนที่เจ้ามีปัญหาสิ
เพราะเจ้ามีพระตั้งมากมายเท่ากับจำนวนเมืองของเจ้า
29 ทำไมเจ้าถึงเถียงเรา
พวกเจ้าทุกคนทรยศต่อเรา”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ
30 “เราได้ตีลูกๆของพวกเจ้า แต่การตีนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
พวกเขาไม่ได้รับบทเรียนจากการถูกตีสอนนั้น
เจ้าได้ฆ่าผู้พูดแทนพระเจ้าทุกคนที่เราส่งมาเตือนเจ้า เหมือนสิงโตที่หิวจัด
31 พวกเจ้าที่เป็นคนในรุ่นนี้ ให้สนใจสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดกับเจ้า
‘เราเป็นเหมือนทะเลทรายให้กับอิสราเอลหรือยังไง เราเป็นเหมือนแผ่นดินที่มืดมิดให้กับพวกเขาหรือยังไง’
ทำไมคนของเราถึงได้พูดว่า ‘พวกเราเป็นอิสระไปไหนก็ได้ พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีกแล้ว’
32 มีเจ้าสาวที่ไหนลืมเครื่องประดับของเธอบ้าง
มีเจ้าสาวที่ไหนลืมชุดแต่งงานของตัวเองบ้าง
แต่คนของเรากลับลืมเรานานซะจนนับไม่ถ้วนแล้ว
33 เจ้านี่เก่งจริงๆเลย ที่แสวงหาคนรักอื่นๆ
และเจ้ายังได้สอนคนอื่นๆให้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆแบบเดียวกัน
34 เจ้ามีเลือดติตอยู่ที่ฝ่ามือของเจ้า
เป็นเลือดของคนบริสุทธิ์และคนยากจน
เจ้าไม่ได้พบว่าพวกเขาปล้นบ้านของเจ้าสักหน่อย
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้ทั้งหมด
35 เจ้าพูดว่า ‘ฉันบริสุทธิ์แน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่มีวันโกรธฉันแน่’
ดูสิ เรากำลังนำตัวเจ้าไปศาล เพราะเจ้าพูดว่า ‘ฉันไม่ได้ทำบาป’
36 ทำไมเจ้าเปลี่ยนใจง่ายจัง
อียิปต์ก็จะทำให้เจ้าผิดหวัง เหมือนกับที่อัสซีเรียทำให้เจ้าผิดหวังมาแล้วก่อนหน้านี้
37 เจ้าจะต้องออกจากอียิปต์ด้วยมือกุมหัว
เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธชนชาติเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ
พวกเขาจะไม่ทำให้เจ้าประสบความสำเร็จหรอก”
พวกผู้นำในหมู่ประชุมของพระเจ้า
3 คำพูดต่อไปนี้เป็นจริงและเชื่อถือได้ คือคำพูดที่ว่า ถ้าใครอยากจะเป็นผู้ดูแลหมู่ประชุมของพระเจ้า[a] แสดงว่าคนนั้นอยากจะทำงานที่ดี 2 ผู้ดูแลหมู่ประชุมของพระเจ้า จะต้องเป็นคนที่ไม่มีที่ติ มีเมียแค่คนเดียว ควบคุมตัวเองได้ มีสติรอบคอบ น่านับถือ ยินดีต้อนรับแขกแปลกหน้า และสอนเก่ง 3 ต้องไม่ขี้เมา ไม่ชอบต่อยตี แต่สุภาพอ่อนโยน ไม่ชอบโต้เถียง ไม่โลภเงินทอง 4 ต้องรู้จักเอาใจใส่คนในครัวเรือนของตนเป็นอย่างดี ต้องมีลูกที่ว่านอนสอนง่ายและให้ความเคารพยำเกรงเขาอย่างยิ่ง 5 (เพราะถ้าคนในครัวเรือนของตนเองยังเอาไม่รอด แล้วจะมาดูแลหมู่ประชุมของพระเจ้าได้อย่างไร) 6 เขาจะต้องไม่ใช่คนที่เพิ่งมาเชื่อใหม่ๆ เพราะดีไม่ดีเขาอาจจะเหลิงได้ แล้วถูกลงโทษแบบเดียวกับมาร 7 นอกจากนั้น เขาจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงดีในหมู่คนภายนอกด้วย เพื่อจะได้ไม่อับอายขายหน้าเพราะถูกคนต่อว่า และเข้าไปติดกับดักของมาร
พวกผู้รับใช้พิเศษ
8 ผู้รับใช้พิเศษ[b]ก็เหมือนกัน จะต้องเป็นคนที่น่านับถือ ไม่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่ขี้เหล้า ไม่โลภเงินทอง 9 ต้องยึดมั่นข้อลึกลับในหลักความเชื่อที่พระเจ้าได้เปิดเผยให้เรารู้แล้วด้วยใจที่ไม่ฟ้องว่าผิด 10 ให้คนพวกนี้ผ่านการทดสอบเสียก่อน ถ้าไม่มีข้อเสื่อมเสีย ก็ค่อยให้เขามารับใช้ 11 ผู้ช่วยพิเศษที่เป็นผู้หญิง[c]ก็เหมือนกัน จะต้องเป็นคนที่น่านับถือ ต้องไม่ใส่ร้ายคนอื่น แต่ต้องเป็นคนที่รู้จักควบคุมตนเอง และไว้ใจได้ในทุกเรื่อง 12 ผู้รับใช้พิเศษที่เป็นผู้ชาย ต้องมีเมียแค่คนเดียว ต้องดูแลคนในครัวเรือนของตน และอบรมลูกๆเป็นอย่างดี 13 เพราะคนที่ทำหน้าที่ผู้รับใช้พิเศษนั้นจะเป็นที่นับถือ และตัวเขาเองจะมีความมั่นใจในความเชื่อที่เขามีต่อพระเยซูคริสต์มากขึ้น
ความลับในศาสนาเรา
14 ถึงแม้ผมหวังว่าจะได้มาเยี่ยมคุณในเร็วๆนี้ แต่ผมก็ยังเขียนข้อความเหล่านี้มาให้ 15 เพื่อว่าถ้าผมมาช้า คุณจะได้รู้ว่าสมาชิกในบ้านเรือนของพระเจ้านั้นจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง บ้านเรือนนี้คือหมู่ประชุมของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และหมู่ประชุมนี้เป็นเสาหลักและรากฐานแห่งความจริง 16 ไม่ต้องสงสัยเลย นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของความลับในศาสนาอันแท้จริงของเรา คือ
พระคริสต์ได้มาปรากฏในร่างของมนุษย์
พระวิญญาณได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง
เหล่าทูตสวรรค์ก็เห็น
เรื่องของพระองค์ได้ถูกประกาศไปทั่วทุกชนชาติ
ผู้คนในโลกต่างเชื่อในพระองค์
และพระเจ้าได้รับพระองค์ขึ้นไปสู่สง่าราศีอันยิ่งใหญ่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International