New Testament in a Year
กลุ่มที่ไปกับพระเยซู
8 ต่อมาพระเยซูเดินทางไปตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวดีเกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า พวกศิษย์เอกทั้งสิบสองคนก็อยู่กับพระองค์ด้วย 2 แล้วยังมีพวกผู้หญิงบางคนติดตามมาด้วย ที่พระองค์เคยขับผีชั่วและรักษาโรคต่างๆให้ คือ มารีย์ชาวมักดาลาที่พระเยซูเคยขับผีชั่วทั้งเจ็ดออกให้ 3 นางโยอันนาเมียของคูซาผู้จัดการทรัพย์สินส่วนตัวของกษัตริย์เฮโรด และนางสูสันนากับผู้หญิงคนอื่นๆที่ใช้ทรัพย์สินส่วนตัวของพวกนางเองคอยช่วยเหลือพระเยซูกับพวกศิษย์เอกของพระองค์นั้น
เรื่องชาวนาหว่านเมล็ดพืช
(มธ. 13:1-17; มก. 4:1-12)
4 มีชาวบ้านมากมายจากเมืองต่างๆมาหาพระเยซู พระองค์เล่าเรื่องเปรียบเทียบให้พวกเขาฟังว่า
5 “มีชาวนาคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่หว่านอยู่นั้น พืชบางเมล็ดตกตามถนนหนทาง ถูกเหยียบย่ำ และถูกนกมาจิกกิน 6 บางเมล็ดก็ตกลงในดินที่ชั้นล่างเป็นหิน หลังจากที่งอกแล้วก็เหี่ยวแห้งไป เพราะรากตื้นจึงขาดความชุ่มชื้น 7 บางเมล็ดก็ตกอยู่ในพงหนาม เมื่องอกขึ้นมาก็ถูกพงหนามปกคลุมจนทำให้ไม่เจริญเติบโต 8 บางเมล็ดตกในที่ดินดี เมื่องอกขึ้นมาก็เกิดผลเป็นร้อยเท่าของที่หว่านไว้” เมื่อพระองค์เล่าเสร็จแล้ว ก็พูดว่า “ใครมีหู ก็ฟังไว้ให้ดี”
9 พวกศิษย์ถามพระองค์ว่า “เรื่องที่เล่าให้ฟังนี้ หมายถึงอะไรครับ”
10 พระองค์ตอบว่า “มีแต่พวกคุณเท่านั้นที่เราจะบอกให้รู้ถึงเรื่องความลับของอาณาจักรของพระเจ้า แต่สำหรับคนอื่น เราจะพูดเป็นเรื่องเปรียบเทียบให้ฟัง เพื่อว่า
‘แม้พวกเขามองดู
ก็จะไม่เห็น
แม้พวกเขาได้ยิน
ก็จะไม่เข้าใจ’”[a]
พระเยซูอธิบายเรื่องเมล็ดพืช
(มธ. 13:18-23; มก. 4:13-20)
11 นี่คือความหมายของเรื่องเปรียบเทียบนั้น “เมล็ดพืชก็คือถ้อยคำของพระเจ้า 12 เมล็ดพืชที่ตกตามถนนหนทางก็คือ คนที่ได้ยินถ้อยคำของพระเจ้า แต่ถูกมารร้ายมาแย่งเอาถ้อยคำนั้นไปจากใจของเขา ทำให้เขาไม่เชื่อ ก็เลยไม่รอด 13 เมล็ดพืชที่ตกในดินที่ชั้นล่างเป็นหินก็คือ คนที่ได้ยินถ้อยคำ และรับไว้ทันทีด้วยความดีใจแต่มีรากที่ไม่ลึก จึงเหมือนคนที่เชื่อประเดี๋ยวเดียว เมื่อเกิดความทุกข์ยากในชีวิตก็เลิกเชื่อ 14 เมล็ดพืชที่ตกอยู่กลางพงหนาม ก็คือคนที่ฟังถ้อยคำของพระเจ้าและรับไว้ แต่เพราะความกังวลใจ หรือการเห็นแก่ความร่ำรวย หรือความสนุกสนานในชีวิต ทำให้ไม่เกิดผล[b] 15 เมล็ดพืชที่ตกในดินดี ก็คือคนที่มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ เมื่อได้ยินถ้อยคำของพระเจ้า ก็เก็บรักษาไว้ และเกิดผลมากด้วยความมานะอดทน”
จุดตะเกียงซ่อนไว้ใต้ถัง
(มก. 4:21-25)
16 “คงไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาถังมาครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียงหรอก แต่เขาจะวางไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างให้กับคนที่เข้ามาในบ้าน 17 ทุกอย่างที่ซ่อนไว้เดี๋ยวนี้ ก็จะถูกค้นพบ ทุกอย่างที่เป็นความลับเดี๋ยวนี้ ก็จะถูกเปิดเผย 18 ถ้าอย่างนั้น ระวังให้ดีว่าคุณจะเป็นผู้ฟังแบบไหน คนที่เข้าใจดีอยู่แล้ว ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ส่วนคนที่ไม่เข้าใจแล้วยังไม่สนใจฟังอีก แม้แต่เรื่องที่เขาคิดว่าเข้าใจก็จะหายไปด้วย”
ครอบครัวที่แท้จริงของพระเยซูคือคนที่ติดตามพระองค์
(มธ. 12:46-50; มก. 3:31-35)
19 เมื่อแม่กับน้องๆของพระเยซูมาหา ก็เข้าไปไม่ถึงพระองค์เพราะคนแน่นมาก 20 มีคนมาบอกพระเยซูว่า “อาจารย์ แม่กับพวกน้องๆของอาจารย์ มายืนรอพบอาจารย์อยู่ด้านนอกครับ”
21 พระองค์ตอบไปว่า “แม่และน้องๆของเราก็คือคนเหล่านั้นที่ฟังถ้อยคำของพระเจ้า แล้วทำตาม”
พระเยซูห้ามลมและคลื่น
(มธ. 8:23-27; มก. 4:35-41)
22 วันหนึ่งที่ทะเลสาบพระเยซูลงเรือพร้อมกับพวกศิษย์ พระองค์ออกปากชวนว่า “พวกเราข้ามไปฝั่งโน้นกันเถอะ” พวกเขาจึงออกเรือ 23 ขณะที่เรือแล่นไปพระเยซูก็นอนหลับ เกิดพายุใหญ่ขึ้นกลางทะเลสาบ น้ำซัดเข้าเรือจนเกือบจะจมอยู่แล้ว ทุกคนตกอยู่ในอันตราย 24 พวกเขาจึงพากันไปปลุกพระเยซู ตะโกนว่า “อาจารย์ อาจารย์ พวกเรากำลังจะจมอยู่แล้ว” พระองค์ก็ตื่นขึ้นมา และสั่งลมและคลื่นให้สงบ พายุก็หยุด ทุกอย่างสงบนิ่ง 25 แล้วพระเยซูพูดกับพวกเขาว่า “ความเชื่อของพวกคุณหายไปไหนหมด”
พวกเขาก็เกรงกลัวและประหลาดใจ เขาพูดกันว่า “คนนี้เป็นใครกัน แม้แต่ลมและคลื่นก็ยังสั่งได้ และพวกมันก็เชื่อฟังด้วย”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International