M’Cheyne Bible Reading Plan
การสร้างสรรพสิ่ง
1 ในปฐมกาล พระเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 2 แผ่นดินโลกยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอีกทั้งยังว่างเปล่า มีเพียงความมืดปกคลุมอยู่เหนือพื้นผิวห้วงน้ำลึก พระวิญญาณพระเจ้าสถิตเหนือผิวน้ำ
3 แล้วพระเจ้ากล่าวว่า “ความสว่างจงเกิดขึ้นเถิด” ความสว่างจึงบังเกิดขึ้น 4 พระเจ้าเห็นว่าความสว่างนั้นดี พระองค์จึงแยกความสว่างออกจากความมืด 5 พระเจ้าเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และเรียกความมืดว่า คืน เกิดเป็นเวลาเย็นและเวลาเช้าขึ้นเป็นวันแรก
6 แล้วพระเจ้ากล่าวว่า “จงมีโดมกว้างใหญ่ที่แยกห้วงน้ำออกเป็นสองส่วน” 7 พระเจ้าได้สร้างโดมกว้างใหญ่ที่แยกระหว่างห้วงน้ำที่อยู่ใต้โดมกว้างใหญ่และห้วงน้ำที่อยู่เหนือโดมกว้างใหญ่ แล้วมันก็เป็นไปตามนั้น 8 และพระเจ้าเรียกโดมกว้างใหญ่นั้นว่า ฟ้า จึงเกิดเป็นเวลาเย็นและเวลาเช้าขึ้นเป็นวันที่สอง
9 แล้วพระเจ้ากล่าวว่า “ห้วงน้ำใต้ฟ้าจงรวมตัวเข้าในที่เดียวกัน และให้พื้นดินแห้งปรากฏขึ้น” แล้วมันก็เป็นไปตามนั้น 10 พระเจ้าเรียกพื้นที่แห้งว่า แผ่นดิน และพระองค์เรียกห้วงน้ำที่รวมตัวกันอยู่ว่า ทะเล และพระเจ้าเห็นว่าดี
11 ครั้นแล้วพระเจ้ากล่าวว่า “แผ่นดินจงผลิตพืชพรรณไม้ อันได้แก่ธัญพืช และบรรดาต้นไม้ซึ่งให้ผลที่มีเมล็ดหลากชนิดบนแผ่นดิน” แล้วมันก็เป็นไปตามนั้น 12 ดังนั้น แผ่นดินก็ผลิตพืชพรรณไม้ อันได้แก่ธัญพืชทุกชนิด และต้นไม้ซึ่งให้ผลที่มีเมล็ดตามแต่ละชนิด และพระเจ้าเห็นว่าดี 13 ฉะนั้นจึงเกิดเป็นเวลาเย็นและเวลาเช้าขึ้นเป็นวันที่สาม
14 แล้วพระเจ้ากล่าวว่า “ให้ดวงไฟสว่างทั้งหลายบังเกิดขึ้นในโดมกว้างใหญ่ของท้องฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน และให้ดวงไฟสว่างเหล่านั้นเป็นเครื่องหมายกำหนดฤดูกาล วัน และปี 15 และให้เป็นดวงไฟสว่างในโดมกว้างใหญ่ของท้องฟ้า เพื่อส่องแสงสว่างแก่แผ่นดินโลก” แล้วมันก็เป็นไปตามนั้น 16 พระเจ้าได้สร้างดวงไฟสว่างใหญ่สองดวง ดวงที่ใหญ่กว่าให้ทำงานควบคุมเวลากลางวัน และดวงที่เล็กกว่าให้ทำงานควบคุมเวลากลางคืน พระองค์สร้างดวงดาวทั้งหลายขึ้นด้วย 17 แล้วพระเจ้าก็ได้วางดวงไฟสว่างเหล่านั้นไว้บนโดมกว้างใหญ่ของท้องฟ้า เพื่อส่องแสงสว่างแก่แผ่นดินโลก 18 เพื่อควบคุมกลางวันและกลางคืน และเพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด และพระเจ้าเห็นว่าดี 19 ฉะนั้นจึงเกิดเป็นเวลาเย็นและเวลาเช้าขึ้นเป็นวันที่สี่
20 แล้วพระเจ้ากล่าวว่า “ให้สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นในท้องทะเล และแหวกว่ายอยู่เป็นฝูง หมู่นกโบยบินอยู่เหนือแผ่นดินโลก โผผินไปในโดมกว้างใหญ่ของท้องฟ้า” 21 ฉะนั้น พระเจ้าจึงสร้างฝูงสัตว์ทะเลขนาดมหึมาและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เคลื่อนไหวได้อยู่ในน้ำเป็นฝูง รวมถึงนกมีปีกทุกชนิดด้วย และพระเจ้าเห็นว่าดี 22 พระเจ้าได้ให้พรแก่สัตว์ทั้งปวงโดยกล่าวว่า “จงแพร่พันธุ์ให้ทวีจำนวนขึ้นจนเต็มท้องทะเล หมู่นกจงทวีคูณขึ้นในโลก” 23 ฉะนั้นจึงเกิดเป็นเวลาเย็นและเวลาเช้าขึ้นเป็นวันที่ห้า
24 แล้วพระเจ้าก็กล่าวขึ้นอีกว่า “ให้สิ่งมีชีวิตทุกๆ ชนิดบังเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก อันได้แก่สัตว์เลี้ยง สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ” แล้วมันก็เป็นไปตามนั้น 25 พระเจ้าได้สร้างสัตว์ป่าชนิดต่างๆ มากมายคือ สัตว์เลี้ยงทุกชนิด สัตว์เลื้อยคลานบนดินชนิดต่างๆ และพระเจ้าเห็นว่าดี
26 ครั้นแล้วพระเจ้าก็กล่าวว่า “เรามาสร้างมนุษย์[a]ตามภาพลักษณ์ของเรากันเถิด ให้มีคุณลักษณะเหมือนเรา และให้พวกเขาควบคุมดูแลปลาในท้องทะเล นกในอากาศ และสัตว์เลี้ยง รวมทั้งควบคุมทั่วทั้งแผ่นดินโลกและบรรดาสัตว์ที่เลื้อยคลานบนพื้นดิน”
27 ฉะนั้น พระเจ้าจึงสร้างมนุษย์ขึ้นตามภาพลักษณ์ของพระองค์
พระองค์สร้างมนุษย์ขึ้นตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า
พระองค์ได้สร้างทั้งชายและหญิง[b]
28 พระเจ้าให้พรแก่พวกเขา โดยได้กล่าวกับพวกเขาว่า “จงเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทวีคนขึ้นจนเต็มแผ่นดินโลก และจงมีอำนาจเหนือแผ่นดินโลก ควบคุมปลาในท้องทะเล หมู่นกในอากาศ และควบคุมสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวทั้งหลายบนพื้นดิน” 29 แล้วพระเจ้าได้กล่าวต่อไปอีกว่า “ดูเถิด เราได้ให้ธัญพืชที่อยู่บนพื้นแผ่นดินโลกทุกชนิดแก่พวกเจ้า รวมถึงต้นไม้ซึ่งให้ผลที่มีเมล็ดทุกชนิดแก่เจ้า เพื่อจะได้ใช้เป็นอาหาร 30 สำหรับสัตว์ป่าทั้งปวงบนแผ่นดินโลก นกในอากาศทุกตัว สัตว์ทุกชนิดที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินโลก รวมทั้งสรรพสิ่งที่มีลมหายใจ เรามอบพืชใบเขียวทั้งปวงไว้ให้เป็นอาหาร” แล้วมันก็เป็นไปตามนั้น 31 พระเจ้าเห็นทุกสิ่งที่พระองค์สร้างไว้แล้ว ดูเถิด ทุกสิ่งวิเศษสุด เกิดเป็นเวลาเย็นและเวลาเช้าขึ้นเป็นวันที่หก
ลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์
1 บันทึกลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์[a] ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิดผู้สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม
2 อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค
อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ
ยาโคบเป็นบิดาของยูดาห์และพี่น้องของเขา
3 ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศกับเศรัคซึ่งเกิดจากนางทามาร์
เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน
เฮสโรนเป็นบิดาของราม
4 รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ
อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาโชน
นาโชนเป็นบิดาของสัลโมน
5 สัลโมนเป็นบิดาของโบอาสซึ่งเกิดจากนางราหับ
โบอาสเป็นบิดาของโอเบดซึ่งเกิดจากนางรูธ
โอเบดเป็นบิดาของเจสซี
6 เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด
ดาวิดเป็นบิดาของซาโลมอน ซึ่งเกิดจากภรรยาของอุรียาห์
7 ซาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม
เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์
อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา
8 อาสาเป็นบิดาของเยโฮชาฟัท
เยโฮชาฟัทเป็นบิดาของเยโฮรัม
เยโฮรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์
9 อุสซียาห์เป็นบิดาของโยธาม
โยธามเป็นบิดาของอาหัส
อาหัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์
10 เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์
มนัสเสห์เป็นบิดาของอาโมน
อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์
11 โยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนิยาห์กับพวกพี่น้อง เกิดในยามที่ถูกเนรเทศไปยังบาบิโลน
12 หลังจากช่วงเวลาที่ถูกเนรเทศไปยังบาบิโลนแล้ว
เยโคนิยาห์เป็นบิดาของเชอัลทิเอล
เชอัลทิเอลเป็นบิดาของเศรุบบาเบล
13 เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด
อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม
เอลียาคิมเป็นบิดาของอาซอร์
14 อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก
ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม
อาคิมเป็นบิดาของเอลีอูด
15 เอลีอูดเป็นบิดาของเอเลอาซาร์
เอเลอาซาร์เป็นบิดาของมัทธาน
มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ
16 ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟสามีของมารีย์ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดพระเยซูที่เรียกว่า พระคริสต์
17 ดังนั้นตั้งแต่อับราฮัมมาจนถึงดาวิดนับได้ 14 ชั่วอายุคน และระยะเวลานับจากดาวิดมาจนถึงช่วงเวลาการเนรเทศไปยังบาบิโลนก็มีอีก 14 ชั่วอายุคน และนับจากการเนรเทศไปยังบาบิโลนมาจนถึงพระคริสต์มี 14 ชั่วอายุคนเช่นกัน
การเกิดของพระเยซูคริสต์
18 เรื่องการเกิดของพระเยซูคริสต์เป็นไปดังนี้คือ มารีย์มารดาของพระองค์ได้รับหมั้นไว้กับโยเซฟ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา มารีย์ทราบว่าเธอตั้งครรภ์แล้วโดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์[b] 19 โยเซฟสามีของนางเป็นคนมีความชอบธรรม และไม่ปรารถนาที่จะให้นางได้รับความอับอายจากคนทั่วไป จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างลับๆ[c] 20 แต่หลังจากที่โยเซฟได้ไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว ทูตสวรรค์[d]ของพระผู้เป็นเจ้าก็ได้มาปรากฏแก่เขาในฝันกล่าวว่า “โยเซฟ บุตรของดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์เป็นภรรยาของท่าน ที่นางตั้งครรภ์ก็เนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ 21 นางจะได้บุตรชาย และท่านจะตั้งชื่อบุตรว่า เยซู เพราะพระองค์จะเป็นผู้ที่โปรดให้ชนชาติของพระองค์รอดพ้นจากบาปของพวกเขา”
22 เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อเป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้โดยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า
23 “ดูเถิด พรหมจาริณีผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง
และคนทั้งหลายจะเรียกพระนามของพระองค์ว่า อิมมานูเอล”[e]
ซึ่งแปลได้ความว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา”
24 เมื่อโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามที่ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้สั่งไว้ โดยรับมารีย์มาเป็นภรรยาของตน 25 และให้นางดำรงความเป็นพรหมจาริณีอยู่จนนางได้ให้กำเนิดบุตรชาย และโยเซฟตั้งชื่อบุตรนั้นว่า เยซู
ไซรัสประกาศให้อิสรภาพ
1 ในปีแรกของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระผู้เป็นเจ้าดลใจไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียให้ประกาศทั่วอาณาจักรของท่าน พร้อมกับบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผ่านเยเรมีย์ว่า
2 “ไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียกล่าวดังนี้ ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้มอบอาณาจักรทั้งหมดบนแผ่นดินโลกให้แก่เรา และพระองค์มอบหมายให้เราสร้างพระตำหนักแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในยูดาห์ 3 ใครก็ตามในพวกท่านที่เป็นชนชาติของพระองค์ ขอพระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และให้เขาขึ้นไปยังเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในยูดาห์ และสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นใหม่ พระองค์เป็นพระเจ้าผู้สถิตในเยรูซาเล็ม 4 ผู้ที่รอดตายมาได้ทุกคนไม่ว่าจะพลัดถิ่นไปที่ใดก็ตาม จงให้เขาได้รับความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่นนั้นด้วยเงินและทองคำ ทรัพย์สิ่งของและสัตว์เลี้ยง ซึ่งนอกเหนือจากเครื่องสักการะที่ให้ด้วยใจสมัคร สำหรับพระตำหนักของพระเจ้าผู้สถิตในเยรูซาเล็ม’”
5 ครั้นแล้ว บรรดาผู้นำตระกูลของยูดาห์และเบนยามิน บรรดาปุโรหิตและชาวเลวี และทุกคนที่พระเจ้าดลใจ ต่างก็พร้อมที่จะขึ้นไปสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม 6 คนทั้งปวงที่อยู่รอบข้างก็ช่วยพวกเขาด้วยเครื่องใช้เงิน ทองคำ ทรัพย์สิ่งของ สัตว์เลี้ยง และด้วยของมีค่า ซึ่งนอกเหนือจากทุกสิ่งที่ให้ด้วยใจสมัคร 7 กษัตริย์ไซรัสนำเครื่องใช้ของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าออกมาด้วย เป็นสิ่งที่เนบูคัดเนสซาร์ได้ขนไปจากเยรูซาเล็มและนำไปไว้ในวิหารของเทพเจ้าของท่าน 8 ไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซียให้มิทเรดาทผู้ดูแลกองคลังนำสิ่งเหล่านี้ออกมา เขาเป็นคนนับจำนวนให้แก่เชชบัสซาร์ผู้นำของยูดาห์ 9 จำนวนของทั้งหมดคือ อ่างทองคำ 30 ใบ อ่างเงิน 1,000 ใบ ถาดเก็บถ่านร้อน 29 ใบ 10 ชามทองคำ 30 ใบ ชามเงิน 410 ใบ และภาชนะอื่นๆ 1,000 ใบ 11 ภาชนะทองคำและเงินรวมทั้งสิ้น 5,400 ใบ เชชบัสซาร์ได้นำภาชนะเหล่านี้ไปด้วย เมื่อบรรดาผู้ที่ถูกเนรเทศขึ้นมาจากบาบิโลนเพื่อกลับไปยังเยรูซาเล็ม
พระเยซูคืนสู่สวรรค์
1 เรียนใต้เท้าเธโอฟีลัส ในฉบับแรก ข้าพเจ้าได้เขียนถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเริ่มกระทำและสั่งสอน 2 จนถึงวันที่พระองค์ถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ หลังจากที่พระองค์สั่งเหล่าอัครทูตซึ่งพระองค์ได้เลือกไว้แล้ว โดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 3 หลังจากที่ทนทุกข์ทรมาน พระองค์ได้ปรากฏให้คนเหล่านั้นเห็น และได้กระทำสิ่งอันเป็นข้อพิสูจน์หลายประการว่า พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ปรากฏแก่พวกเขาในช่วงเวลา 40 วัน และได้กล่าวถึงอาณาจักรของพระเจ้า
4 ครั้งหนึ่ง ขณะที่พระองค์กำลังรับประทานอยู่กับพวกเขา พระองค์ได้สั่งพวกเขาว่า “อย่าออกไปจากเมืองเยรูซาเล็ม แต่จงรอรับของประทานซึ่งพระบิดาได้ให้สัญญาไว้ ดังที่เราพูดไว้กับพวกเจ้าแล้ว 5 ด้วยว่ายอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ[a]แต่อีกไม่กี่วัน เจ้าจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
6 ดังนั้นเมื่อเหล่าสาวกมาประชุมร่วมกันแล้วก็ได้ถามพระองค์ว่า “พระองค์ท่าน พระองค์จะให้อิสราเอลกลับมาปกครองอาณาจักรในไม่ช้าหรือ” 7 พระองค์กล่าวกับเขาเหล่านั้นว่า “ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะได้รู้วันเวลาที่พระบิดาได้กำหนดขึ้นด้วยสิทธิอำนาจของพระองค์เอง 8 แต่เจ้าจะได้รับฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเจ้า และเจ้าจะเป็นบรรดาพยานของเราในเมืองเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และสุดขอบโลก” 9 สิ้นคำกล่าวแล้ว พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไปต่อหน้าคนเหล่านั้น ครั้นแล้วก็มีเมฆก้อนหนึ่งมาบังพระองค์พ้นจากสายตาพวกเขา 10 ขณะที่คนเหล่านั้นแหงนหน้ามองพระเยซูจากไป โดยไม่กะพริบตาอยู่นั้นเอง ดูเถิด มีชาย 2 คนสวมเสื้อผ้าสีขาวมายืนอยู่ข้างๆ 11 ชายทั้งสองกล่าวขึ้นว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมท่านจึงยืนแหงนดูฟ้าอยู่ที่นี่ พระเยซูถูกรับไปจากท่านขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์จะกลับมาในแบบเดียวกันกับที่ท่านเห็นพระองค์คืนสู่สวรรค์”
มัทธีอัสมาแทนยูดาส
12 พวกเขาเดินกลับจากภูเขามะกอกไปยังเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นระยะทางเดินสำหรับวันสะบาโต[b] 13 เมื่อถึงแล้วก็ขึ้นไปยังห้องชั้นบนที่กำลังพักอยู่ ซึ่งขณะนั้นมีเปโตร ยอห์น ยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป โธมัส บาร์โธโลมิว มัทธิว ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ซีโมนผู้เป็นพรรคชาตินิยม และยูดาสบุตรของยากอบ 14 เขาเหล่านี้อธิษฐานร่วมกัน พร้อมกับกลุ่มสตรีและมารีย์มารดาของพระเยซู และกับเหล่าน้องชายของพระองค์อยู่เสมอ
15 แล้วเปโตรก็ยืนขึ้นท่ามกลางหมู่พี่น้อง (รวมทั้งกลุ่มได้ประมาณ 120 คน) 16 พูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย เรื่องของยูดาสผู้นำคนไปจับพระเยซู ต้องเป็นไปตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้ ดังที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวถึงโดยผ่านดาวิดนานมาแล้ว 17 เขาเป็นคนหนึ่งในพวกเรา และทำงานรับใช้ร่วมกัน” 18 (ยูดาสได้นำเงินรางวัลที่ได้จากการทำความชั่วของตนไปซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง แล้วเขาล้มคะมำลง ท้องแตกและไส้ทะลัก ณ ที่นั้น 19 เมื่อทุกคนในเมืองเยรูซาเล็มได้ยินเรื่องนี้ ก็เรียกที่ดินนั้นตามภาษาของตนว่า อาเคลดามา คือที่ดินเลือด)
20 เปโตรพูดว่า “ด้วยเหตุว่ามีบันทึกไว้ในฉบับสดุดีดังนี้
‘ขอให้ค่ายของเขาร้าง
และอย่าได้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย’[c]
และ
‘ขอให้คนอื่นมาเป็นผู้นำ แทนในตำแหน่งของเขา’[d]
21 ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งในบรรดาผู้ชายที่ได้อยู่กับพวกเรา ตลอดระยะเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าเข้านอกออกในท่ามกลางพวกเรา 22 นับตั้งแต่เวลาที่ยอห์นทำพิธีบัพติศมาให้แก่พระเยซู จนถึงเวลาที่พระองค์ถูกรับขึ้นไปจากเรา เพราะผู้ที่จะได้รับเลือกต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการฟื้นคืนชีวิตของพระองค์”
23 ดังนั้น พวกเขาจึงเสนอชื่อชาย 2 คนคือ โยเซฟที่บางคนเรียกว่าบาร์ซับบาส (มีอีกชื่อหนึ่งด้วยว่า ยุสทัส) และมัทธีอัส 24 แล้วก็อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบถึงจิตใจของทุกๆ คน ขอพระองค์ได้โปรดชี้ให้พวกเราเห็นว่า ในระหว่าง 2 คนนี้ ผู้ใดคือผู้ที่พระองค์เลือก 25 ให้ปฏิบัติงานรับใช้ของอัครทูตแทนยูดาส ซึ่งได้จากไปยังที่ๆ เขาสมควรอยู่” 26 จากนั้นพวกเขาก็จับฉลาก ซึ่งได้เป็นชื่อของมัทธีอัส ฉะนั้นเขาจึงเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาในหมู่อัครทูตทั้งสิบเอ็ด
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation