M’Cheyne Bible Reading Plan
พระนางอาธาลิยาห์กับโยอาช(A)
11 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ราชมารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว ก็สังหารเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด 2 แต่เยโฮเชบาธิดาของกษัตริย์เยโฮรัม[a] น้องสาวของอาหัสยาห์ซ่อนตัวโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ไว้ไม่ให้ถูกประหารพร้อมโอรสองค์อื่นๆ เยโฮเชบาพาโยอาชกับพี่เลี้ยงไปซ่อนไว้ในห้องบรรทม ให้พ้นจากพระนางอาธาลิยาห์ โยอาชจึงไม่ถูกประหาร 3 โยอาชกับพี่เลี้ยงหลบซ่อนตัวในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดหกปีที่พระนางอาธาลิยาห์ครองราชย์
4 ในปีที่เจ็ดเยโฮยาดาเรียกชุมนุมนายกองทหารรักษาพระองค์ชาวคารีและยามให้มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาทำพันธสัญญากับคนเหล่านั้นและให้พวกเขาถวายสัตย์ปฏิญาณที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า จากนั้นนำโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ออกมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา 5 เยโฮยาดาสั่งพวกเขาว่า “หนึ่งในสามของผู้ประจำหน้าที่รักษาการณ์ในวันสะบาโตจะเฝ้าพระราชวัง 6 หนึ่งในสามอยู่ที่ประตูสูร และหนึ่งในสามอยู่ที่ประตูหลังยามซึ่งอยู่เวรเฝ้าพระวิหาร 7 และอีกสองพวกซึ่งออกเวรวันสะบาโตทั้งหมดจะเฝ้าพระวิหารเพื่ออารักขากษัตริย์ 8 จงอารักขารอบองค์กษัตริย์ ถืออาวุธพร้อมและประหารทุกคนที่พยายามจะบุกเข้ามา จงอยู่เคียงข้างพระองค์ไม่ว่าจะเสด็จไปทางใด”
9 บรรดานายทหารจึงปฏิบัติตามคำสั่งของปุโรหิตเยโฮยาดา ต่างนำพลที่จะผลัดเวรกันในวันสะบาโตมาพบเยโฮยาดา 10 แล้วเขานำหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดในคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาแจกจ่ายให้บรรดานายทหาร 11 ทหารยามถืออาวุธพร้อมยืนอารักขารอบองค์กษัตริย์ ประจำการอยู่ใกล้แท่นบูชาและจากด้านทิศใต้ของพระวิหารไปจดด้านทิศเหนือ
12 เยโฮยาดานำราชโอรสออกมาและสวมมงกุฎให้พระองค์ ถวายหนังสือพันธสัญญาและประกาศว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมตั้งพระองค์ ประชาชนปรบมือและโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!”
13 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงยามและประชาชน พระนางก็เสด็จมาหาประชาชนที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 14 พระนางทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ประทับยืนอยู่ข้างเสาตามพระราชประเพณี มีเจ้าหน้าที่กับคนเป่าแตรอยู่ข้างพระองค์ และปวงชนกำลังรื่นเริงยินดีและเป่าแตร พระนางอาธาลิยาห์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์และร้องตะโกนว่า “กบฏ! กบฏ!”
15 ปุโรหิตเยโฮยาดาสั่งบรรดาผู้บังคับกองร้อยซึ่งรับผิดชอบกองทหารว่า “คุมตัวพระนางออกไปจากแถวทหาร อย่าประหารพระนางในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ให้ฆ่าทุกคนที่พยายามจะเข้ามาช่วยพระนาง” 16 พวกเขาจึงคุมตัวพระนางไปยังประตูที่ม้าผ่านเข้าพระราชวัง และปลงพระชนม์พระนางที่นั่น
17 จากนั้นเยโฮยาดาให้กษัตริย์และประชากรทั้งปวงทำพันธสัญญาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าพวกเขาจะเป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งให้กษัตริย์และประชาชนกระทำพันธสัญญาต่อกัน 18 ประชาชนทุกคนทั่วแดนกรูเข้าไปรื้อทำลายวิหารของพระบาอัล ทุบแท่นบูชาและเทวรูปทั้งหลายทิ้ง และประหารมัททานปุโรหิตของพระบาอัลตรงหน้าแท่น
แล้วปุโรหิตเยโฮยาดาตั้งกองรักษาการณ์ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 19 เยโฮยาดา บรรดานายทหาร ทหารรักษาพระองค์ ชาวคารี ทหารยาม และประชากรทั้งปวงนำเสด็จกษัตริย์โยอาชจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านป้อมทหารรักษาการณ์เข้าสู่พระราชวัง แล้วกษัตริย์ขึ้นประทับบนราชบัลลังก์ 20 ประชาชนทั่วแดนพากันชื่นชมยินดี และนครก็สงบสุข เพราะพระนางอาธาลิยาห์ถูกประหารด้วยดาบที่พระราชวังแล้ว
21 โยอาช[b]มีพระชนมายุเจ็ดพรรษาเมื่อขึ้นครองราชย์
โยอาชทรงซ่อมแซมพระวิหาร(B)
12 โยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์ตรงกับปีที่เจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เยฮู พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มอยู่สี่สิบปี ราชมารดาคือศิบียาห์จากเบเออร์เชบา 2 โยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดหลายปีที่มีปุโรหิตเยโฮยาดาคอยถวายคำปรึกษา 3 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ถูกทำลาย ประชากรยังคงไปถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น
4 โยอาชตรัสกับเหล่าปุโรหิตว่า “จงรวบรวมเงินที่ผู้คนนำมาถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือเงินที่เรียกเก็บรายบุคคลจากการทำสำมะโนประชากร เงินถวายตามคำปฏิญาณ และเงินถวายตามความสมัครใจให้แก่พระวิหาร 5 ให้ปุโรหิตทุกคนรับเงินจากผู้ดูแลรักษาเงินคนใดคนหนึ่ง แล้วใช้เงินนั้นซ่อมแซมพระวิหารส่วนที่ชำรุด”
6 แต่จนถึงปีที่ยี่สิบสามแห่งรัชกาลโยอาช บรรดาปุโรหิตก็ยังไม่ได้ซ่อมแซมพระวิหาร 7 โยอาชจึงเรียกเยโฮยาดาและปุโรหิตอื่นๆ มาเข้าเฝ้าและตรัสถามว่า “เหตุใดท่านทั้งหลายจึงยังไม่ได้ซ่อมแซมพระวิหารส่วนที่ชำรุด? ต่อแต่นี้ไปอย่ารับเงินจากผู้ดูแลรักษาเงินอีกเลย แต่จงมอบไว้สำหรับการบูรณะซ่อมแซมพระวิหาร” 8 บรรดาปุโรหิตจึงตกลงกันว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีกต่อไป และจะไม่ดำเนินการซ่อมแซมพระวิหารเอง
9 ปุโรหิตเยโฮยาดาเจาะรูไว้ที่ฝาหีบใหญ่ และนำหีบมาตั้งไว้ที่ข้างขวาแท่นบูชา ตรงทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ปุโรหิตที่เฝ้าประตูจะนำเงินถวายทั้งหมดที่คนนำมาถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าหย่อนลงในหีบ 10 เมื่อใดก็ตามที่เห็นว่าในหีบมีเงินมากแล้ว ราชเลขาและมหาปุโรหิตจะนับเงินที่นำมาถวายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเก็บใส่ถุง 11 หลังจากจัดสรรเงินที่นับแล้วก็นำไปมอบให้ผู้ควบคุมการก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจ่ายให้ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง 12 ช่างก่อ ช่างสกัดหิน เพื่อซื้อไม้ซุงและหินสกัด และเพื่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับการซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
13 เงินถวายนี้ไม่ได้ใช้สำหรับทำอ่างเงิน กรรไกรตัดไส้ตะเกียง อ่างประพรม แตร หรือภาชนะเงินหรือทองในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 14 แต่จ่ายให้กับคนงานเพื่อการซ่อมแซมพระวิหารเท่านั้น 15 ไม่จำเป็นต้องมีรายงานบัญชีจากผู้ควบคุมการก่อสร้างเหล่านี้ เพราะพวกเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริง 16 ส่วนเงินที่นำมาถวายเป็นเครื่องบูชาลบมลทินและเครื่องบูชาไถ่บาปนั้นให้เป็นของปุโรหิต ไม่ต้องนำมาในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 ครั้งนั้นกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมมาโจมตีเมืองกัทและยึดเมืองไว้ได้ แล้วเคลื่อนทัพมุ่งหน้าจะมาโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม 18 แต่กษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์นำสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ซึ่งบรรพบุรุษ คือเยโฮชาฟัท เยโฮรัม และกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์ได้ถวาย พร้อมทั้งสิ่งของที่โยอาชเองได้ถวาย รวมถึงทองคำทั้งหมดในคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและของพระราชวัง ส่งไปให้กษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัม ฮาซาเอลจึงถอนทัพจากเยรูซาเล็ม
19 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยอาช และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 20 ข้าราชการของโยอาชสมคบกันปลงพระชนม์พระองค์ที่เบธมิลโลบนเส้นทางจะไปสิลลา 21 ผู้ปลงพระชนม์คือโยซาบาดบุตรชิเมอัท และเยโฮซาบาดบุตรโชเมอร์ โยอาชสิ้นพระชนม์และถูกฝังไว้ร่วมกับบรรพบุรุษในเมืองดาวิด แล้วอามาซิยาห์โอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน
2 เหตุฉะนั้นลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ท่านจงเข้มแข็งในพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ 2 สิ่งต่างๆ ที่ท่านได้ยินข้าพเจ้าพูดต่อหน้าพยานหลายคนจงมอบหมายแก่ผู้ที่เชื่อถือได้ ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะสอนผู้อื่นด้วย 3 จงทนต่อความยากลำบากร่วมกับเราเยี่ยงทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ 4 ไม่มีทหารคนใดเข้าประจำการแล้วยังยุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายพลเรือน เขาย่อมมุ่งทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ 5 เช่นกันนักกีฬาย่อมไม่ได้รับมงกุฎแห่งชัยชนะหากไม่แข่งขันตามกติกา 6 กสิกรผู้ตรากตรำควรได้รับส่วนแบ่งของพืชผลก่อนใคร 7 จงใคร่ครวญสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พูดมา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน
8 จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์ซึ่งทรงให้เป็นขึ้นจากตาย ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด นี่คือข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศ 9 เพื่อข่าวประเสริฐนี้ข้าพเจ้าจึงทนทุกข์อยู่ ถึงขนาดถูกล่ามโซ่เหมือนโจรผู้ร้าย แต่ไม่มีใครเอาโซ่ล่ามพระวจนะของพระเจ้าไว้ได้ 10 ฉะนั้นข้าพเจ้ายอมทนทุกอย่างเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ เพื่อว่าคนเหล่านั้นจะได้รับความรอดซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์พร้อมด้วยศักดิ์ศรีนิรันดร์
11 นี่เป็นคำกล่าวที่เชื่อถือได้คือ
ถ้าเราตายกับพระองค์
เราก็จะมีชีวิตกับพระองค์ด้วย
12 ถ้าเราอดทน
เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์ด้วย
ถ้าเราปฏิเสธพระองค์
พระองค์ก็จะทรงปฏิเสธเราด้วย
13 ถ้าเราไม่สัตย์ซื่อ
พระองค์ก็ยังคงสัตย์ซื่อ
เพราะพระองค์ปฏิเสธพระองค์เองไม่ได้
คนงานที่พระเจ้าพอพระทัย
14 จงหมั่นเตือนประชากรทั้งหลายให้ระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ จงตักเตือนพวกเขาต่อหน้าพระเจ้าไม่ให้โต้เถียงกันเรื่องคำต่างๆ ซึ่งไร้ค่า มีแต่จะทำลายผู้ฟัง 15 จงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะให้ตัวท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรับรอง เป็นคนงานที่ไม่ต้องอับอาย และใช้ถ้อยคำแห่งความจริงอย่างถูกต้อง 16 จงหลีกห่างจากการพูดจาไร้สาระไม่ยำเกรงพระเจ้าซึ่งจะนำผู้ที่หมกมุ่นให้ยิ่งต่ำทรามลง 17 คำสอนของพวกเขาแพร่ลามเหมือนเนื้อร้าย ฮิเมเนอัสกับฟีเลทัสก็อยู่ในพวกนี้ 18 เขาทั้งสองเตลิดจากความจริง พวกเขากล่าวว่าการเป็นขึ้นจากตายได้ผ่านพ้นไปแล้ว และได้ทำลายความเชื่อของบางคนลง 19 แต่รากฐานมั่นคงของพระเจ้าตั้งอยู่อย่างไม่คลอนแคลน ประทับตราด้วยข้อความที่ว่า “พระเจ้าทรงรู้จักบรรดาผู้ที่เป็นของพระองค์”[a] และ “ทุกคนที่เอ่ยพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงหลีกหนีจากความชั่วร้าย”
20 ในบ้านหลังใหญ่ไม่ใช่มีแต่ภาชนะทองและเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และดินด้วย บางชิ้นใช้ในงานที่ทรงเกียรติ บางชิ้นเพื่อใช้สอยธรรมดา 21 ถ้าผู้ใดชำระตนให้พ้นจากสิ่งไร้ค่า เขาก็จะเป็นภาชนะอันทรงเกียรติ ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ มีประโยชน์สำหรับองค์เจ้านาย และถูกเตรียมไว้พร้อมเพื่อจะทำการดีทุกประการ
22 ท่านจงหนีจากราคะตัณหาของคนหนุ่มและจงใฝ่หาความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับบรรดาผู้ที่ร้องเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ 23 อย่าข้องแวะกับการโต้แย้งต่างๆ อันโง่เขลาไร้สาระเพราะท่านรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท 24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่ทะเลาะวิวาท แต่เขาต้องสุภาพอ่อนโยนต่อทุกคน สามารถสอนผู้อื่นได้ ไม่เจ้าอารมณ์ 25 เขาต้องชี้แจงอย่างสุภาพแก่บรรดาผู้ที่ต่อต้านเขาโดยหวังว่าพระเจ้าจะทรงให้คนเหล่านี้กลับใจเพื่อจะรู้ถึงความจริง 26 และโดยหวังว่าคนเหล่านี้จะได้สติและหลุดพ้นจากกับดักของมารซึ่งได้จับพวกเขาไว้เป็นเชลยให้ทำตามความประสงค์ของมัน
โฮเชยาคืนดีกับภรรยา
3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงไปแสดงความรักแก่ภรรยาของเจ้าอีกครั้ง แม้ว่ามีคนอื่นรักนางอยู่และนางคบชู้ จงรักนางเหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักชนอิสราเอล แม้ว่าพวกเขาหันไปหาพระอื่นๆ และรักขนมลูกเกดที่ถวายแก่พระเหล่านั้น”
2 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงซื้อตัวนางคืนมาด้วยเงินหนัก 15 เชเขล[a] และข้าวบาร์เลย์ประมาณ 330 ลิตร[b] 3 ข้าพเจ้าจึงบอกนางว่า “เจ้าจะต้องอยู่กับเราหลายวัน เจ้าต้องเลิกทำตัวเป็นโสเภณี และไม่ทำตัวใกล้ชิดกับชายใดๆ แล้วเราจะอยู่กับ[c]เจ้า”
4 ฉะนั้นชาวอิสราเอลจึงอยู่โดยไม่มีกษัตริย์หรือเจ้านาย ไม่มีการถวายเครื่องบูชาหรือมีศิลาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเอโฟดหรือรูปเคารพเป็นเวลานาน 5 หลังจากนั้นชนชาติอิสราเอลจะกลับมาแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาและดาวิดกษัตริย์ของเขา พวกเขาจะตัวสั่นเข้ามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าและกลับมาหาพระพรของพระองค์ในบั้นปลาย
ข้อกล่าวหาต่ออิสราเอล
4 ชนอิสราเอลทั้งหลาย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีข้อกล่าวหา
ต่อเจ้าผู้อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ ความว่า
“ในดินแดนนี้ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่มีความรัก
ไม่ยอมรับรู้พระเจ้า
2 มีแต่การสาปแช่ง[d] การโกหก และการเข่นฆ่า
การลักขโมย และการล่วงประเวณี
พวกเขาละเมิดพันธะผูกพันต่างๆ
และเข่นฆ่ากันครั้งแล้วครั้งเล่า
3 ด้วยเหตุนี้แผ่นดินจึงโศกเศร้าคร่ำครวญ[e]
และทุกคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ก็เสื่อมสูญไป
สัตว์ในท้องทุ่ง นกในอากาศ
และปลาในทะเลกำลังจะตายไป
4 “แต่อย่าให้ใครฟ้องร้อง
อย่าให้ใครกล่าวโทษคนอื่น
เพราะประชากรของเจ้า
ก็เป็นเหมือนคนที่ฟ้องร้องกล่าวโทษปุโรหิต
5 เจ้าสะดุดล้มทั้งวันทั้งคืน
และบรรดาผู้พยากรณ์ก็สะดุดล้มไปกับเจ้า
ฉะนั้นเราจะทำลายมารดาของเจ้า
6 ประชากรของเราถูกทำลายไปเพราะขาดความรู้
“เนื่องจากเจ้าปฏิเสธความรู้
เราจึงไม่ยอมรับว่าพวกเจ้าเป็นปุโรหิตของเรา
เนื่องจากเจ้าเพิกเฉยต่อบทบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า
เราจึงเพิกเฉยต่อลูกๆ ของเจ้า
7 จำนวนปุโรหิตเพิ่มมากขึ้นเท่าใด
พวกเขาก็ยิ่งทำบาปต่อเรามากขึ้นเท่านั้น
พวกเขาได้แลก[f]องค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา[g]กับสิ่งที่น่าละอาย
8 พวกเขาเลี้ยงชีพด้วยบาปของประชากรของเรา
และชื่นชอบความชั่วร้ายของพวกเขา
9 และจะเป็นเช่นนี้คือ ประชาชนเป็นอย่างไรปุโรหิตก็เป็นอย่างนั้น
เราจะลงโทษทั้งสองฝ่ายเนื่องด้วยวิถีความประพฤติของพวกเขา
และตอบสนองการกระทำของพวกเขา
10 “พวกเขาจะกิน แต่ไม่อิ่ม
พวกเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเป็นโสเภณี แต่จะไม่มีลูก
เพราะพวกเขาละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยอมตัว 11 เป็นโสเภณี
ปล่อยตัวไปกับเหล้าองุ่นทั้งเก่าและใหม่
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ริบความเข้าใจไปจากพวกเขา
12 ประชากรของเราไปปรึกษารูปเคารพไม้
อาศัยคำตอบจากไม้เสี่ยงโชค
วิญญาณแห่งการเป็นโสเภณีชักนำเขาให้หลงเตลิด
เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเขา
13 เขาถวายเครื่องบูชาบนยอดเขา
และเผาเครื่องบูชาต่างๆ บนเนินเขา
ใต้ต้นโอ๊ก ต้นปอปลาร์ และต้นเทเลบินธ์
ซึ่งแผ่ร่มเงาเย็นสบาย
ฉะนั้นลูกสาวทั้งหลายของเจ้าก็หันไปเป็นโสเภณี
และลูกสะใภ้ของเจ้าก็คบชู้
14 “เราจะไม่ลงโทษลูกสาวของเจ้า
เมื่อพวกเขาหันไปเป็นโสเภณี
หรือลงโทษลูกสะใภ้ของเจ้า
ที่ไปคบชู้
เพราะพวกผู้ชายเองก็ไปคบค้ากับโสเภณี
และทอดตัวให้กับหญิงโสเภณีประจำเทวสถานต่างๆ
ประชาชาติที่ไม่มีความเข้าใจจะถึงแก่ความพินาศ!
15 “อิสราเอลเอ๋ย แม้เจ้าจะคบชู้
ก็อย่าให้ยูดาห์ทำผิดไป
“อย่าไปที่กิลกาล
อย่าไปยังเบธอาเวน[h]
และอย่าสาบานโดยกล่าวว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด!’
16 ชนอิสราเอลดื้อ
เหมือนวัวสาวที่ดื้อรั้น
แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเลี้ยงดูเขา
เหมือนลูกแกะในทุ่งหญ้าได้อย่างไร?
17 เอฟราอิมไปยึดติดกับรูปเคารพ
จงปล่อยเขาไว้ตามลำพังเถิด!
18 แม้เครื่องดื่มของพวกเขาจะหมดไปแล้ว
พวกเขาก็ยังคงทำตัวเป็นโสเภณีต่อไป
บรรดาผู้ปกครองของเขารักใคร่หลงใหลวิถีอันน่าอับอาย
19 ลมพายุหมุนจะกวาดซัดพวกเขาไป
และเครื่องบูชาต่างๆ ของพวกเขาจะนำความอัปยศอดสูมาถึงพวกเขา
อายิน
121 ข้าพระองค์ทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม
ขออย่าทรงทิ้งข้าพระองค์ไว้กับผู้กดขี่ข่มเหง
122 ขอทรงค้ำประกันความผาสุกร่มเย็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
อย่าให้คนเย่อหยิ่งข่มเหงข้าพระองค์ได้
123 ดวงตาของข้าพระองค์อ่อนล้าเพราะรอคอยความรอดจากพระองค์
ใฝ่หาคำมั่นสัญญาอันชอบธรรมของพระองค์
124 ขอทรงปฏิบัติต่อผู้รับใช้ตามความรักมั่นคงของพระองค์
และสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
125 ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ขอโปรดประทานความฉลาดหลักแหลม
เพื่อข้าพระองค์จะได้เข้าใจกฎเกณฑ์ของพระองค์
126 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจัดการ
เพราะบทบัญญัติของพระองค์ถูกละเมิดฝ่าฝืน
127 เพราะว่าข้าพระองค์รักพระบัญชาของพระองค์
ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์
128 และเพราะข้าพระองค์เห็นว่าข้อบังคับของพระองค์ล้วนแต่ถูกต้อง
ข้าพระองค์จึงเกลียดทางที่ผิดทุกทาง
เพ
129 กฎเกณฑ์ของพระองค์ล้ำเลิศ
ฉะนั้นข้าพระองค์จึงเชื่อฟัง
130 การเปิดเผยพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง
ทำให้คนรู้น้อยมีความเข้าใจ
131 ข้าพระองค์อ้าปากหอบ
โหยหาพระบัญชาของพระองค์
132 ขอทรงหันมาเมตตาข้าพระองค์
ดังที่ทรงกระทำเสมอมาต่อบรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์
133 ขอทรงนำย่างก้าวของข้าพระองค์ไปตามพระวจนะของพระองค์
ขออย่าให้บาปใดๆ ครอบงำข้าพระองค์
134 ขอทรงไถ่ข้าพระองค์จากการกดขี่ข่มเหงของมนุษย์
เพื่อข้าพระองค์จะได้เชื่อฟังข้อบังคับของพระองค์
135 ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงอยู่เหนือผู้รับใช้ของพระองค์
และสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
136 น้ำตาของข้าพระองค์ไหลรินเป็นสาย
เพราะผู้คนไม่เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์
สาเดห์
137 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงชอบธรรม
และบทบัญญัติของพระองค์ถูกต้อง
138 กฎเกณฑ์ที่ทรงวางไว้นั้นชอบธรรม
น่าเชื่อถือยิ่งนัก
139 จิตใจของข้าพระองค์ร้อนรุ่มนัก
เพราะศัตรูไม่แยแสพระวจนะของพระองค์
140 พระสัญญาของพระองค์ผ่านการพิสูจน์มาอย่างถี่ถ้วน
และผู้รับใช้ของพระองค์รักพระสัญญานั้น
141 แม้ข้าพระองค์ต่ำต้อยและถูกดูแคลน
ข้าพระองค์ก็ไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์
142 ความชอบธรรมของพระองค์ดำรงนิรันดร์
และบทบัญญัติของพระองค์เป็นความจริง
143 แม้ความทุกข์และความโศกเศร้าถาโถมเข้าใส่ข้าพระองค์
แต่พระบัญชาของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์ปีติยินดี
144 กฎเกณฑ์ของพระองค์ถูกต้องเสมอ
ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์เข้าใจเพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.