Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
กันดารวิถี 21

สงครามกับชาวคานาอัน

21 กษัตริย์ชาวคานาอันแห่งเมืองอาราด ที่อาศัยอยู่ในเนเกบ ได้ยินว่าอิสราเอลกำลังเดินทางมาอาธาริม ท่านจึงเข้าโจมตีชาวอิสราเอลและจับตัวชาวอิสราเอลบางคนไป ชาวอิสราเอลจึงบนไว้กับพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าพระองค์ให้พวกมันตกอยู่ในเงื้อมมือของเรา เราจะทำลายเมืองของพวกมันทั้งหมด”

พระยาห์เวห์ฟังเสียงของชาวอิสราเอล และให้ชาวคานาอันตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกอิสราเอล ชาวอิสราเอลจึงได้ทำลายชาวคานาอันและเมืองทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่าโฮรมาห์[a]

งูทองสัมฤทธิ์

แล้วชาวอิสราเอลก็จากภูเขาโฮร์ ใช้เส้นทางที่มุ่งไปยังทะเลต้นกก[b] เพื่ออ้อมดินแดนของเอโดม ในระหว่างทางประชาชนเริ่มหมดความอดทน พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าและโมเสสว่า “ทำไมพวกท่านถึงทำให้เราต้องออกจากอียิปต์ เพื่อมาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ ที่นี่ไม่มีขนมปังและน้ำ และพวกเราก็เบื่ออาหารที่ห่วยๆนี้เต็มทนแล้ว”

พระยาห์เวห์จึงส่งงูพิษลงมาท่ามกลางพวกเขา งูพวกนั้นได้กัดคนอิสราเอลตายไปเป็นจำนวนมาก ประชาชนจึงมาหาโมเสสและพูดว่า “พวกเราได้ทำบาปไปแล้ว ที่ไปพูดต่อว่าพระยาห์เวห์และท่าน ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ให้พระองค์ช่วยเอางูพวกนี้ไปจากพวกเราด้วยเถิด” โมเสสจึงอธิษฐานให้กับประชาชน

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ทำงูพิษขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วเอาไปแขวนไว้บนเสา เมื่อคนที่ถูกงูกัด มองดูมัน คนๆนั้นก็จะหาย” ดังนั้นโมเสสจึงทำงูจากทองสัมฤทธิ์ และเอาไปแขวนไว้บนเสา เมื่องูไปกัดใครเข้า แล้วคนๆนั้นมองไปที่งูทองสัมฤทธิ์ เขาก็จะหาย

การเดินทางสู่โมอับ

10 ประชาชนชาวอิสราเอลได้ออกจากที่นั่น และมาตั้งค่ายอยู่ที่โอโบท 11 จากนั้นพวกเขาได้ออกจากโอโบทและมาตั้งค่ายอยู่ที่อิเยอาบาริมในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ติดชายแดนทางทิศตะวันออกของโมอับ 12 พวกเขาออกจากที่นั่นแล้วมาตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเศเรด 13 พวกเขาออกจากที่นั่นและมาตั้งค่ายอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำอารโนน ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง แม่น้ำนี้เริ่มจากเขตแดนของชาวอาโมไรต์ แม่น้ำอารโนนจึงเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างโมอับและชาวอาโมไรต์ 14 ถึงได้มีคำบรรยายอยู่ในหนังสือสงครามของพระยาห์เวห์[c] ไว้อย่างนี้ว่า

“และวาเฮบในเมืองสุฟาห์ และหุบเขาของแม่น้ำอารโนน 15 และเนินเขาต่างๆของหุบเขาที่นำไปสู่ที่ตั้งของเมืองอาร์ และทอดยาวไปตามพรมแดนของโมอับ”

16 จากที่นั่น พวกเขาไปต่อถึงเมืองเบเออร์[d] นี่คือบ่อน้ำที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับโมเสสว่า “ให้เรียกชุมนุมประชาชน และเราจะให้น้ำกับพวกเขา” 17 แล้วอิสราเอลได้ร้องเพลงนี้

“เจ้าบ่อน้ำเอ๋ย ให้น้ำไหลพุ่งออกมา
    ให้ร้องเพลงเกี่ยวกับมัน
18 บ่อน้ำที่พวกผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ขุด
    ผู้นำของประชาชนได้ขุดมันขึ้น
    ด้วยไม้คทาของพวกเขาและด้วยไม้เท้าของพวกเขา”
แล้วพวกเขาก็ออกจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งไปสู่มัทธานาห์[e]

19 จากมัทธานาห์ พวกเขาไปถึงนาหะลีเอล และจากนาหะลีเอลพวกเขาก็ไปบาโมท 20 จากบาโมทไปถึงหุบเขาซึ่งอยู่ในแคว้นโมอับบนยอดเขาปิสกาห์ จากบนนั้น สามารถมองเห็นที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งทั้งหมด

สิโหนและโอก

(ฉธบ. 2:26-37; 3:1-11)

21 แล้วอิสราเอลก็ได้ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ พวกเขาบอกว่า

22 “ขออนุญาตให้เราเดินผ่านประเทศของท่านไปด้วยเถิด เราจะไม่เข้าไปในทุ่งนาของท่านหรือไร่องุ่นของท่าน เราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อน้ำของท่าน เราจะเดินอยู่แต่บนถนนหลวงของท่าน จนกว่าจะผ่านดินแดนของท่านไป”

23 แต่สิโหนไม่ยอมให้ชาวอิสราเอลเดินผ่านดินแดนของเขา และสิโหนก็ได้รวบรวมประชาชนของเขาและยกออกมาสู้รบกับชาวอิสราเอลในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เขามาถึงยาฮาสและเข้าโจมตีชาวอิสราเอล

24 แต่ชาวอิสราเอลได้ฆ่าเขาตาย และยึดเอาดินแดนของเขาตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำอารโนนไปจนถึงแม่น้ำยับบอก ไกลออกไปจนถึงพรมแดนของชาวอัมโมน เพราะชายแดนของชาวอัมโมนเข้มแข็งมาก 25 ชาวอิสราเอลจึงยึดเอาเมืองเหล่านี้ไว้ทั้งหมด และชาวอิสราเอลก็เริ่มตั้งถิ่นฐานตามเมืองต่างๆของชาวอาโมไรต์ ในเมืองเฮชโบนและเมืองรอบๆ 26 ขณะนั้น เมืองเฮชโบนคือเมืองหลวงของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ สิโหนได้ต่อสู้กับกษัตริย์โมอับองค์ก่อนและยึดเอาดินแดนทั้งหมดของโมอับมาจนสุดแม่น้ำอารโนน 27 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกนักร้องร้องว่า

“มาที่เฮชโบน มาสร้างมันใหม่อีกครั้ง
    มาสร้างเมืองสิโหนขึ้นใหม่
28 เพราะมีไฟออกมาจากเมืองเฮชโบน
    เปลวไฟออกมาจากเมืองสิโหน
ไฟได้กลืนกินเมืองอาร์ในโมอับ
    มันได้กลืนกินเนินเขาเหนือแม่น้ำอารโนน
29 เจ้า โมอับ ความพินาศมาถึงเจ้าแล้ว
    ประชาชนของพระเคโมช[f] เจ้าถูกทำลายแล้ว
พระเคโมชทำให้พวกลูกชายของเขาต้องวิ่งหนี
    และทำให้พวกลูกสาวของเขาต้องถูกจับตัวไปให้กษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
30 ลูกหลานของพวกเขา[g] ถูกทำลายตั้งแต่เมืองเฮชโบนไปจนถึงดีโบน
    และเราได้ทำลาย[h] ไปจนถึงโนฟาห์ซึ่งอยู่ใกล้เมเดบา”

31 ชาวอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ในดินแดนของชาวอาโมไรต์

32 โมเสสส่งคนไปสอดแนม เมืองยาเซอร์ และชาวอิสราเอลได้เข้ายึดเมืองรอบๆมันและไล่ชาวอาโมไรต์ที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นออกไป

33 แล้วชาวอิสราเอลก็ไปต่อตามทางที่ไปสู่เมืองบาชาน กษัตริย์โอกของเมืองบาชานกับประชาชนของเขาจึงออกมาที่เอเดรอี เพื่อสู้รบกับชาวอิสราเอลในสนามรบ

34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไม่ต้องไปกลัวเขา เพราะเราจะมอบเขา ประชาชนทั้งหมดของเขาและดินแดนของเขาให้กับเจ้า และเจ้าจะทำกับเขาเหมือนกับที่เจ้าเคยทำกับสิโหนกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ที่อยู่ในเฮชโบน”

35 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงฆ่าโอก พวกลูกชายและประชาชนทั้งหมดของเขา จนไม่เหลือใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว แล้วชาวอิสราเอลก็เข้ายึดดินแดนของเขาไว้

สดุดี 60-61

อธิษฐานขอชัยชนะหลังจากสู้รบแพ้

(สดด. 108:6-13)

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงโดยใช้ทำนอง “ดอกลิลลี่แห่งสัญญา” เพลงมิคทามของดาวิด สำหรับการสั่งสอน เขียนในช่วงที่ดาวิดต่อสู้กับชาวอารัมนาหะราอิมและชาวอารัมโซบาห์ ตอนขากลับโยอาบได้ฆ่าทหารชาวเอโดมไปหนึ่งหมื่นสองพันคนที่หุบเขาเกลือ[a]

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทอดทิ้งพวกเรา
    และทลายกำแพงของพวกเรา
พระองค์โกรธพวกเรา
    โปรดนำพวกเรากลับไปสู่สภาพเดิมด้วยเถิด
พระองค์ทำให้แผ่นดินไหวและแยกแผ่นดินออก
    โปรดซ่อมรอยร้าวด้วยเถิดเพราะมันกำลังจะพังทลาย
พระองค์ทำให้คนของพระองค์เดือดร้อนจนล้มโซเซไป
    เหมือนกับพระองค์มอมเหล้าองุ่นเราจนโซซัดโซเซไป
พระองค์ยกธงให้กับคนที่เกรงกลัวพระองค์เห็น
    เพื่อพวกเขาจะได้หนีคมธนูที่วิ่งเข้าไปหา เซลาห์

ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยและใช้มือขวาอันทรงพลังของพระองค์
    ช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิดเพื่อคนที่พระองค์รักจะหนีไปได้

ในวิหารของพระองค์ พระเจ้าพูดว่า
    “เราจะชนะและเราจะวัดและจัดสรรปันส่วนเมืองเชเคม
    และหุบเขาสุคคทให้กับคนของเรา
ดินแดนกิเลอาดเป็นของเรา ดินแดนมนัสเสห์เป็นของเรา
    เผ่าเอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
    ส่วนเผ่ายูดาห์ เป็นคทา[b] ของเรา
ชนชาติโมอับเป็นอ่างล้างของเรา
    เราโยนรองเท้าของเราให้ชนชาติเอโดมที่เป็นทาสของเรา
    เราโห่ร้องอย่างผู้มีชัยเหนือดินแดนฟิลิสเตีย”

ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปยึดเมืองที่มีกำแพงแน่นหนานั้น
    ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปไกลถึงดินแดนเอโดม
10 เพราะพระองค์ทอดทิ้งพวกเราแล้ว ไม่ใช่หรือ
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ไปร่วมทัพกับพวกเราแล้ว
11 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยเหลือพวกเราต่อสู้กับศัตรูด้วยเถิด
    เพราะความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่มีประโยชน์
12 ต้องเป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้นพวกเราถึงจะชนะ
    พระองค์จะเหยียบย่ำศัตรูของพวกเรา

การปกป้องภายใต้ปีกของพระองค์

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบ เพลงของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดรับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้ารู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอยู่ที่สุดปลายโลกนี้
    ข้าพเจ้าจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
ขอพระองค์นำข้าพเจ้าไปอยู่ที่ป้อมปราการสูง
เพราะพระองค์เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นหอสูงแข็งแกร่งที่ปกป้องข้าพเจ้าจากศัตรู
ข้าพเจ้าขอพักอาศัยอยู่ในเต็นท์ของพระองค์ตลอดไป
    และหลบภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ยินคำสาบานของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีส่วนในมรดกที่เป็นของคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระองค์
ขอพระองค์ช่วยต่ออายุให้กับกษัตริย์
    ขอพระองค์ช่วยเพิ่มจำนวนวันปีของกษัตริย์ให้ออกไปอีกหลายชั่วอายุคน
ขอให้กษัตริย์นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่อหน้าพระเจ้าตลอดไป
    ขอให้ความสัตย์ซื่อและความรักมั่นคงของพระองค์ปกป้องกษัตริย์

แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์เสมอ
    และจะแก้บนต่างๆของข้าพเจ้าในแต่ละวัน

อิสยาห์ 10:5-34

พระเจ้าจะลงโทษอัสซีเรียด้วย

พระยาห์เวห์พูดว่า “เฮ้ย ไอ้พวกอัสซีเรีย ซึ่งเป็นไม้ที่เราใช้ตีเมื่อเราโกรธ
    ที่ถือไม้กระบองแห่งความโกรธแค้นของเราอยู่ในมือ
เราได้ส่งอัสซีเรียไปต่อสู้กับชนชาติที่ไม่เคารพพระเจ้า
    และเราสั่งให้พวกเขาต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำให้เราโกรธ
เพื่อจะริบเอาทรัพย์สมบัติของพวกนั้น
    และจะเหยียบย่ำพวกนั้นเหมือนโคลนตมบนถนนต่างๆ
แต่อัสซีเรียไม่รู้หรอกว่าเรากำลังใช้พวกเขาอยู่
    ในใจของพวกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น
ในใจพวกเขาคิดแต่จะทำลายล้าง
    และกำจัดชนชาติจำนวนมากให้สิ้นซากไป
เพราะอัสซีเรียพูดว่า
    ‘ผู้นำกองทัพของเราแต่ละคนก็มีอำนาจอย่างกับกษัตริย์ ไม่ใช่หรือ
เมืองคาลโนกลายเป็นเหมือนเมืองคารเคมิชไปแล้วไม่ใช่หรือ
    เมืองฮามัทกลายเป็นเหมือนเมืองอารปัดไปแล้วไม่ใช่หรือ
    เมืองสะมาเรียกลายเป็นเหมือนเมืองดามัสกัส[a]ไปแล้วไม่ใช่หรือ
10 มือของเราได้ยึดอาณาจักรทั้งหลายที่มีรูปเคารพครอบครองอยู่
    และรูปเคารพเหล่านั้นยังมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าพวกรูปเคารพของเยรูซาเล็มและสะมาเรียเสียอีก
11 เราจะไม่จัดการกับเยรูซาเล็มและพวกรูปเคารพต่างๆของมัน
    เหมือนกับที่เราได้จัดการกับสะมาเรียและรูปเคารพต่างๆของมันหรือ’”

12 เมื่อองค์เจ้าชีวิตได้จัดการกับภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็จะลงโทษกษัตริย์ของอัสซีเรีย ที่คุยโวโอ้อวดและมีสายตาที่หยิ่งผยอง 13 เพราะกษัตริย์ของอัสซีเรียพูดว่า

“ข้าทำสิ่งนี้ได้ด้วยพละกำลังและสติปัญญาของข้าเอง
    เพราะข้ามีความเข้าใจ
ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติต่างๆออกไปและได้ปล้นเอาทรัพย์สมบัติของพวกเขามา
    ข้าเป็นเหมือนวัวตัวผู้ที่ได้ชนคนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ให้ล้มลง
14 ข้าใช้มือของข้าเองหยิบฉวยเอาทรัพย์สมบัติของชนชาติอื่นๆมา
    เหมือนคนที่หยิบไข่จากรังนก
และข้าก็รวบรวมประเทศทั้งหลายทั่วโลกมา
    เหมือนรวบรวมไข่ที่ถูกทิ้งแล้ว ไม่มีแม่นกมากระพือปีกหรืออ้าปากร้อง”
15 แต่พระเจ้าตอบเขาไปว่า
อ้าว ขวานจะอ้างว่าตัวมันเองยิ่งใหญ่กว่าคนที่ใช้มันฟันได้หรือ
    หรือเลื่อยจะอ้างว่ามันสำคัญกว่าคนที่ใช้มันเลื่อยได้หรือ
หรือไม้พลองจะสามารถยกเจ้าของมันขึ้นมาได้หรือ
    หรือไม้ตะบองสามารถยกผู้นั้นที่ไม่ใช่ไม้ขึ้นมาได้หรือ
16 ดังนั้น พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้เป็นองค์เจ้าชีวิตจะส่งเชื้อโรคมาทำให้พวกทหารที่บึกบึนของอัสซีเรียซูบผอมไป
    พระองค์ก็จะก่อไฟเผาผลาญสิ่งทั้งหมดที่ทำให้อัสซีเรียยิ่งใหญ่
17 แสงสว่างของอิสราเอลจะกลายเป็นไฟ พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลจะเป็นเปลวเพลิง
    พระองค์จะเผาผลาญและทำลายต้นหนามและหญ้าคาทั้งหลายหมดในวันเดียว
18 พระยาห์เวห์จะทำลายความสวยงามของผืนป่าและสวนของอัสซีเรียจนสิ้นซากไป
    และมันจะเป็นเหมือนกับคนป่วยที่ซูบผอมไป
19 จะมีต้นไม้เหลืออยู่น้อยมาก
    แม้แต่เด็กก็นับมันได้

20 ในวันนั้น คนที่ยังคงเหลืออยู่ในอิสราเอล คือผู้ที่รอดชีวิตจากครอบครัวของยาโคบจะไม่พึ่งกษัตริย์อัสซีเรียที่เคยทุบตีพวกเขา แต่พวกเขาจะพึ่งพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล 21 จะมีไม่กี่คนกลับมา[b] คือไม่กี่คนจากครอบครัวของยาโคบที่หันกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

22 คนอิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ว่าคนของเจ้าจะมีมากมายเหมือนกับทรายที่ชายหาด แต่จะมีเพียงไม่กี่คนในพวกนั้นที่กลับมา พระเจ้าได้ออกคำสั่งให้ทำลายชนชาตินี้ไปแล้ว การลงโทษอันยุติธรรมจะมาท่วมท้นเจ้า 23 เพราะพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ออกคำสั่งให้ความพินาศเกิดขึ้นกับแผ่นดินนี้ทั้งหมด และพระองค์จะทำตามนั้น

24 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้พูดไว้ “คนของเราที่อาศัยอยู่ในศิโยนเอ๋ย ไม่ต้องไปกลัวอัสซีเรีย พวกมันอาจจะตีเจ้าด้วยไม้พลองและยกไม้ตะบองขึ้นตีเจ้าเหมือนกับที่คนอียิปต์เคยทำ 25 แต่ในไม่ช้า ความโกรธของเราที่มีต่อเจ้าจะหมดลงและเราจะทำลายพวกมันด้วยความโกรธแค้นของเรา

26 และพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะเอาแส้ไปหวดพวกมัน เหมือนกับตอนที่พระองค์ทุบตีชาวมีเดียนที่หินของโอเรบ[c] ไม้เท้าของพระยาห์เวห์จะยื่นออกไปต่อต้านพวกมัน พระองค์จะยกมันขึ้นมาเหมือนกับที่พระองค์เคยทำในอียิปต์[d]

27 ในวันนั้นภาระของอัสซีเรียจะถูกยกออกไปจากบ่าเจ้า และแอกของมันที่อยู่บนคอเจ้าก็จะถูกทำลายไป”

กองทัพของอัสซีเรียมาบุกอิสราเอล

28 กองทัพของผู้รุกรานได้บุกขึ้นมาถึงซากปรักหักพังที่อัยยาทแล้ว
    พวกเขาผ่านลานนวดข้าวที่มิโกรนมาแล้ว
    พวกเขาสะสมเสบียงไว้ที่มิคมาช
29 พวกเขาได้ข้ามแม่น้ำตรงทางข้ามมาบาราห์แล้ว
    พวกเขาพูดว่า “พวกเราจะตั้งค่ายค้างคืนที่เกบา”
เมืองรามาห์ก็กลัวจนตัวสั่น
    ผู้คนที่กิเบอาห์ของซาอูลก็วิ่งหนีไปหมดแล้ว
30 นางสาวกัลลิม[e] เอ๋ย ให้ร้องตะโกนออกมา
    ไลชาห์เอ๋ย ตั้งใจฟังให้ดี
    อานาโธทเอ๋ย ตอบเรามาสิ
31 ชาวเมืองมัดเมนาห์กำลังวิ่งหนีกัน
    ชาวเมืองเกบิมวิ่งหาที่หลบภัย
32 ในวันนี้เอง กองทัพผู้บุกรุกจะหยุดอยู่ที่โนบ
    พวกเขาจะชูกำปั้นขึ้นเตรียมรบกับภูเขาแห่งนางสาวศิโยน
    เตรียมเข้าประจัญบานกับเนินเขาของเยรูซาเล็ม
33 ดูสิ พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    กำลังจะตัดกิ่งไม้ใหญ่ด้วยกำลังอันน่าสะพรึงกลัวของพระองค์
พวกต้นที่อยู่สูงลิบลิ่วนั้น[f] ก็จะถูกโค่นลง
    และพวกผู้สูงส่งจะถูกทลายลง
34 พระยาห์เวห์จะเอาขวานฟันป่าทึบลง
    และต้นไม้อันยิ่งใหญ่อลังการของเลบานอนก็จะถูกโค่นลง

ยากอบ 4

ให้ถวายตัวต่อพระเจ้า

รู้หรือเปล่าว่า ที่พวกคุณทะเลาะวิวาทกันนั้น มันเกิดมาจากอะไร ก็เกิดจากกิเลสตัณหาที่ต่อสู้กันอยู่ในจิตใจของพวกคุณไง คุณอยากได้ พอไม่ได้ก็เลยฆ่ากัน คุณอิจฉากัน ก็เลยทะเลาะวิวาทกัน ที่คุณไม่ได้ก็เพราะไม่ได้ขอจากพระเจ้า แต่ที่คุณขอแล้วยังไม่ได้ ก็เพราะขอผิดๆ คิดไว้ว่าจะเอาไปสนองตัณหาของตัวเอง พวกไม่ซื่อทั้งหลาย คุณไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลก[a] ก็เท่ากับเกลียดชังพระเจ้า ดังนั้นคนที่อยากเป็นมิตรกับโลก ก็เท่ากับทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า คุณคิดว่าพระคัมภีร์เขียนเรื่อยเปื่อยไปหรืออย่างไร คุณคิดว่าวิญญาณที่พระเจ้าให้อาศัยอยู่ในพวกเรานั้น ขี้อิจฉาริษยาอย่างรุนแรงแบบนั้นหรือ ไม่ควรเป็นอย่างนั้นเลย แต่พระเจ้าได้ให้ความเมตตามากยิ่งขึ้นไปอีก พระคัมภีร์ถึงได้พูดไว้ว่า “พระเจ้าต่อต้านคนหยิ่งยโส แต่พระองค์เมตตาปรานีกับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน”[b]

ดังนั้น ให้อุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีไปจากคุณ เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคุณ พวกคนบาปทั้งหลาย ล้างมือให้สะอาด และคนโลเลทั้งหลาย ทำใจให้บริสุทธิ์ ให้เศร้าโศกเสียใจ และร้องไห้ ให้เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงคร่ำครวญ ให้เปลี่ยนความสุขสนุกสนานเป็นความเศร้าหมอง 10 ให้ถ่อมตัวลงต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต แล้วพระองค์จะยกคุณขึ้น

คุณไม่ใช่ผู้พิพากษา

11 พี่น้องครับ อย่าใส่ร้ายป้ายสีกันเลย เพราะคนที่ใส่ร้ายป้ายสีพี่น้อง หรือตัดสินพี่น้องของตน ก็เท่ากับว่ากำลังใส่ร้ายป้ายสีกฎที่สั่งให้เรารักกัน และตัดสินกฎด้วย และถ้าคุณตัดสินกฎ ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำตามกฎ แต่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินซะเอง 12 ผู้ตั้งกฎ และผู้ตัดสิน มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น คือพระเจ้า พระองค์เป็นผู้มีอำนาจที่จะช่วยให้รอดหรือทำลาย แล้วคุณเป็นใครถึงเที่ยวไปตัดสินคนโน้นคนนี้

ให้พระเจ้าเป็นผู้นำชีวิต

13 ฟังไว้ให้ดีๆนะ คนที่ชอบพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนั้นเมืองนี้ อยู่ที่นั่นสักปี ค้าขายเอากำไร” 14 ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า พรุ่งนี้ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคุณเป็นเพียงแค่หมอก ที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวเดียว แล้วก็จางหายไป 15 คุณควรจะพูดว่า “ถ้าเป็นความต้องการขององค์เจ้าชีวิต เราก็จะมีชีวิตอยู่และทำสิ่งนั้นสิ่งนี้” 16 แต่ตอนนี้ คุณกำลังคุยโม้โอ้อวด ถึงความเก่งกาจของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายนัก 17 ดังนั้น สำหรับคนที่รู้ตัวว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะทำแต่ไม่ยอมทำ ก็ถือว่าคนนั้นกำลังทำบาป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International