M’Cheyne Bible Reading Plan
คาอินกับอาแบล
4 อาดัม[a]ได้ร่วมหลับนอนกับเอวา นางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายชื่อคาอิน[b] นางกล่าวว่า “ฉันได้ลูกชายคนนี้มาโดยความช่วยเหลือขององค์พระผู้เป็นเจ้า” 2 ภายหลังนางให้กำเนิดน้องชายของเขาคือ อาแบล
อาแบลเลี้ยงสัตว์ ส่วนคาอินทำไร่ไถนา 3 เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว คาอินนำพืชผลจากไร่นามาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า 4 ส่วนอาแบลนำไขมันของลูกสัตว์หัวปีที่ดีที่สุดในฝูงสัตว์ของเขามาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดปรานอาแบลและเครื่องถวายของเขา 5 แต่ไม่ได้ทรงโปรดปรานคาอินและเครื่องถวายของเขา คาอินจึงโกรธนักและชักสีหน้า
6 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับคาอินว่า “เจ้าโกรธทำไม? เจ้าชักสีหน้าทำไม? 7 หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกที่ควร เจ้าก็จะเป็นที่ยอมรับไม่ใช่หรือ? แต่หากเจ้าไม่ทำสิ่งที่ถูกต้อง บาปก็หมอบอยู่ที่ประตูคอยเล่นงานเจ้า แต่เจ้าจะต้องชนะบาปให้ได้”
8 ฝ่ายคาอินชวนอาแบลน้องชายของเขาว่า “เราไปที่ทุ่งนากันเถอะ”[c] ขณะอยู่ด้วยกันที่นั่น คาอินก็ทำร้ายและฆ่าอาแบลน้องชายของเขา
9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามคาอินว่า “อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
เขาตอบว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์เป็นผู้ดูแลน้องชายหรือ?”
10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เจ้าทำอะไรลงไป! ฟังให้ดี โลหิตของน้องชายเจ้าร้องขึ้นจากแผ่นดินมาถึงเรา 11 บัดนี้เจ้าถูกสาปแช่งและขับออกจากแผ่นดินซึ่งรองรับโลหิตของน้องชายของเจ้าเพราะน้ำมือของเจ้า 12 เมื่อเจ้าไถพรวนดิน มันจะไม่ให้ผลผลิตแก่เจ้าอีกต่อไป เจ้าจะเป็นคนร่อนเร่พเนจรไปในโลก”
13 คาอินทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โทษทัณฑ์นี้ใหญ่หลวงเกินกว่าข้าพระองค์จะรับได้ 14 ในวันนี้พระองค์ทรงขับไล่ข้าพระองค์ไปจากแผ่นดินนี้ และทรงปิดกั้นข้าพระองค์จากพระพักตร์ของพระองค์ ข้าพระองค์จะเป็นคนร่อนเร่พเนจรไปในโลก ใครพบเห็นก็จะฆ่าข้าพระองค์”
15 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น ถ้าผู้ใดฆ่าคาอิน จะถูกเอาคืนเจ็ดเท่า” แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวคาอินเพื่อไม่ให้ผู้ที่พบเข้าฆ่าเขา 16 ดังนั้นคาอินจึงออกไปจากเบื้องหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนโนด[d]ทางทิศตะวันออกของเอเดน
17 คาอินร่วมหลับนอนกับภรรยา นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดเอโนค ขณะนั้นคาอินกำลังสร้างเมือง เขาจึงตั้งชื่อเมืองนั้นว่าเอโนคตามชื่อบุตรชายของตน 18 เอโนคมีบุตรชายชื่ออิราด และอิราดเป็นบิดาของเมหุยาเอล เมหุยาเอลเป็นบิดาของเมธูชาเอล และเมธูชาเอลเป็นบิดาของลาเมค
19 ลาเมคมีภรรยาสองคน คนหนึ่งชื่ออาดาห์ อีกคนหนึ่งชื่อศิลลาห์ 20 อาดาห์มีบุตรชายชื่อยาบาล ซึ่งเป็นบิดาของคนเลี้ยงสัตว์และอาศัยในเต็นท์ 21 ยาบาลมีน้องชายชื่อยูบาล ซึ่งเป็นบิดาของคนเล่นพิณและขลุ่ย 22 ส่วนศิลลาห์ก็มีบุตรชายคนหนึ่งด้วย ชื่อทูบัลคาอิน เขาทำเครื่องมือเครื่องใช้จาก[e]ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก ทูบัลคาอินมีน้องสาวชื่อนาอามาห์
23 ลาเมคพูดกับภรรยาทั้งสองของเขาว่า
“อาดาห์และศิลลาห์ จงฟังเรา
ภรรยาของลาเมคเอ๋ย จงฟังคำของเรา
เราได้ฆ่าชายคนหนึ่งที่ทำร้ายเรา
ฆ่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทำให้เราบาดเจ็บ
24 หากใครทำร้ายคาอินจะถูกเอาคืนเจ็ดเท่า
ส่วนคนที่ทำร้ายลาเมคจะถูกเอาคืนเจ็ดสิบเจ็ดเท่า”
25 อาดัมร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขาอีก และนางให้กำเนิดบุตรชายอีกคนหนึ่ง จึงตั้งชื่อเขาว่าเสท[f] นางกล่าวว่า “พระเจ้าประทานลูกชายอีกคนหนึ่งแทนอาแบลเพราะคาอินได้ฆ่าเขา” 26 เสทก็มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่าเอโนช
ในเวลานั้นมนุษย์เริ่มนมัสการโดยออก[g]พระนามพระยาห์เวห์
พระเยซูถูกมารทดลอง(A)
4 จากนั้นพระวิญญาณทรงนำพระเยซูไปยังถิ่นกันดารเพื่อให้มารทดลอง 2 หลังจากอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเยซูทรงหิว 3 มารผู้ทดลองได้มาหาพระองค์และทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง”
4 พระเยซูตรัสตอบว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวแต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’[a]”
5 แล้วมารนำพระองค์ไปยังนครบริสุทธิ์และให้พระองค์ประทับยืนที่จุดสูงสุดของพระวิหาร 6 แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้าจงกระโดดลงไปเถิด เพราะมีคำเขียนไว้ว่า
“ ‘พระองค์จะทรงบัญชาทูตสวรรค์ของพระองค์ให้ดูแลท่าน
ทูตเหล่านั้นจะยื่นมือประคองท่าน
เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน’[b]”
7 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “มีคำเขียนไว้เช่นกันว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน’[c]”
8 อีกครั้งหนึ่งมารนำพระองค์มายังภูเขาที่สูงมาก แล้วแสดงอาณาจักรทั้งปวงของโลกกับความโอ่อ่าตระการของอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร 9 แล้วทูลว่า “ทั้งหมดนี้เราจะยกให้ท่านหากท่านกราบนมัสการเรา”
10 พระเยซูตรัสว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น! เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’[d]”
11 แล้วมารก็ละพระองค์ไปและเหล่าทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์
พระเยซูทรงเริ่มเทศนา
12 เมื่อพระเยซูทรงทราบว่ายอห์นถูกจับขังคุก พระองค์จึงเสด็จกลับไปยังแคว้นกาลิลี 13 ทรงย้ายจากเมืองนาซาเร็ธมาประทับที่เมืองคาเปอรนาอุมซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบบริเวณเขตแดนเศบูลุนและนัฟทาลี 14 เพื่อให้เป็นไปตามที่กล่าวไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า
15 “ดินแดนเศบูลุนกับดินแดนนัฟทาลี
เส้นทางสู่ทะเลเลียบแม่น้ำจอร์แดน
กาลิลีแห่งชนต่างชาติ
16 ประชากรผู้อยู่ในความมืด
ได้เห็นแสงสว่างยิ่งใหญ่
บรรดาผู้อาศัยในดินแดนแห่งเงาของความตาย
แสงสว่างเริ่มสาดต้องพวกเขาแล้ว”[e]
17 ตั้งแต่นั้นมาพระเยซูทรงเริ่มต้นเทศนาว่า “จงกลับใจใหม่เพราะอาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว”
ทรงเรียกสาวกกลุ่มแรก(B)
18 ขณะพระเยซูทรงดำเนินอยู่ริมทะเลกาลิลี ทรงเห็นชาวประมงสองพี่น้องคือซีโมนที่เรียกกันว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายของเขากำลังทอดแหอยู่ที่ทะเลสาบ 19 พระเยซูตรัสว่า “จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา” 20 ทั้งสองก็ละแหแล้วติดตามพระองค์ไปทันที
21 เมื่อเสด็จต่อไปทรงพบพี่น้องอีกสองคน คือยากอบบุตรเศเบดีกับยอห์นน้องชายของเขากำลังชุนอวนอยู่ในเรือร่วมกับเศเบดีบิดาของพวกเขา พระเยซูทรงเรียกพวกเขา 22 ทั้งสองก็ละเรือและบิดา แล้วติดตามพระองค์ไปทันที
พระเยซูทรงรักษาคนเจ็บป่วย
23 พระเยซูเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงในหมู่ประชาชน 24 กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วแคว้นซีเรีย และประชาชนนำคนเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ มาให้พระเยซูทรงรักษา มีทั้งคนที่เจ็บปวดทรมาน คนถูกผีสิง คนเป็นโรคลมชัก คนเป็นอัมพาต และพระองค์ทรงรักษาพวกเขาให้หาย 25 คนเป็นอันมากจากแคว้นกาลิลี แคว้นเดคาโปลิส[f] กรุงเยรูซาเล็ม แคว้นยูเดียและจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนก็ติดตามพระองค์ไป
ศัตรูพยายามขัดขวาง
4 เมื่อบรรดาศัตรูของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า เชลยทั้งหลายกำลังสร้างพระวิหารเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 2 พวกเขาก็มาพบเศรุบบาเบลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ และกล่าวว่า “ขอให้พวกเราช่วยท่านสร้างเถิด เพราะเราก็แสวงหาพระเจ้าของท่านเช่นเดียวกับท่าน เราได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์นับตั้งแต่กษัตริย์เอสารฮัดโดนแห่งอัสซีเรียนำเรามาที่นี่”
3 แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลตอบว่า “ท่านไม่มีส่วนร่วมกับเราในการสร้างพระวิหารถวายแด่พระเจ้าของเรา เราเท่านั้นที่จะสร้างถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตามที่กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงบัญชาเราไว้”
4 บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นนั้นจึงพยายามทำลายขวัญของชาวยูดาห์ และทำให้เขาไม่กล้าสร้างต่อ[a] 5 คนเหล่านั้นว่าจ้างที่ปรึกษาไว้คอยก่อกวนขัดขวางงานของพวกเขาตลอดรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียจวบจนรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย
การขัดขวางในรัชกาลเซอร์ซีสและอารทาเซอร์ซีส
6 ต้นรัชกาลกษัตริย์เซอร์ซีส[b] พวกเขาตั้งข้อหาฟ้องร้องประชาชนยูดาห์และเยรูซาเล็ม
7 และในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอลกับพรรคพวกเขียนจดหมายราบทูลพระองค์เป็นภาษาอารเมค[c]และมีผู้แปลถวาย
8 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยเขียนจดหมายฟ้องร้องเยรูซาเล็ม กราบทูลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสดังนี้ว่า
9 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยพร้อมคณะ อันได้แก่ เหล่าตุลาการ และเจ้าหน้าที่ปกครองคนจากทริโปลิส เปอร์เซีย[d] เอเรก และบาบิโลน พวกเอลามแห่งสุสา 10 และชนชาติอื่นซึ่งอาชูร์บานิปาล[e]ผู้ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์นำตัวมาและให้ตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเล็ม สะมาเรีย และทั่วดินแดนใกล้เคียงที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส
11 (สำเนาจดหมายที่พวกเขานำขึ้นกราบทูลกษัตริย์ ความว่า)
กราบทูล กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส
จากบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส
12 ขอกราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวยิวซึ่งถูกส่งตัวจากบาบิโลนไปยังเยรูซาเล็มกำลังสร้างนครจอมกบฏและชั่วร้ายนั้นขึ้นใหม่ พวกเขากำลังซ่อมแซมกำแพงเมืองและฐานราก
13 ยิ่งกว่านั้นฝ่าพระบาทควรจะได้ทราบว่า หากเมืองนี้สร้างเสร็จและซ่อมแซมกำแพงเมืองเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม และค่าภาษี ทำให้เงินรายได้ของหลวงขาดหายไป 14 เนื่องจากเหล่าข้าพระบาทจงรักภักดีต่อฝ่าพระบาท ไม่ประสงค์จะเห็นฝ่าพระบาทถูกหมิ่นพระเกียรติ จึงนำความขึ้นกราบทูล 15 เพื่อขอทรงสั่งให้ค้นดูจดหมายเหตุของกษัตริย์องค์ก่อนๆ ในบันทึกเหล่านี้ฝ่าพระบาทจะพบว่านครแห่งนี้ชอบกบฏและสร้างความเดือดร้อนแก่เหล่ากษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ เป็นนครที่ชอบกบฏแข็งเมืองมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ด้วยเหตุนี้จึงถูกทำลายไป 16 ข้าพระบาททั้งหลาย ขอกราบทูลว่าหากเมืองนี้สร้างสำเร็จและกำแพงเมืองสร้างขึ้นได้ ฝ่าพระบาทอาจจะสูญเสียจักรวรรดิที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสนี้ไป
17 กษัตริย์ทรงส่งพระราชสาส์นตอบว่า
ถึงผู้บัญชาการเรฮูม เลขานุการชิมชัย และพวกพ้องซึ่งอาศัยในสะมาเรียและอาศัยอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส
สวัสดี
18 จดหมายที่ท่านส่งมามีการอ่านและแปลให้เราฟังแล้ว 19 เราสั่งให้สืบค้นเรื่องราวก็พบว่าเมืองนี้มีประวัติยาวนานว่าได้กบฏแข็งเมืองต่อกษัตริย์ต่างๆ และมักก่อการจลาจลและความวุ่นวายต่างๆ 20 ในเยรูซาเล็มยังเคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งปกครองดินแดนทั้งหมดเหนือแม่น้ำยูเฟรติส และเรียกเก็บภาษี เครื่องบรรณาการ และค่าธรรมเนียมมากมาย 21 ฉะนั้นจงสั่งให้คนเหล่านี้หยุดงานจะได้ไม่มีการสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่จนกว่าเราจะสั่ง 22 จงใส่ใจ อย่าละเลยเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้สถานการณ์นี้บานปลายจนเสียหายกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของหลวงทำไม?
23 เมื่อเรฮูมและเลขานุการชิมชัยกับพรรคพวกได้ฟังความในพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแล้ว ก็รีบมายังเยรูซาเล็ม และใช้กำลังบังคับให้ชาวยิวหยุดการก่อสร้าง
24 ฉะนั้นงานก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มจึงหยุดชะงักลงจนถึงปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย
เปโตรกับยอห์นต่อหน้าสภาแซนเฮดริน
4 ขณะเปโตรกับยอห์นกล่าวแก่ประชาชนอยู่ พวกปุโรหิต หัวหน้ายามพระวิหาร และพวกสะดูสีก็มาหา 2 พวกเขางุ่นง่านใจมากเพราะอัครทูตสั่งสอนและประกาศแก่คนทั้งหลายถึงการเป็นขึ้นจากตายโดยอ้างถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซู 3 เขาได้จับเปโตรและยอห์นไว้และเนื่องจากเย็นแล้วจึงขังทั้งสองคนไว้ในคุกจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น 4 แต่หลายคนที่ได้ยินคำสอนก็เชื่อ จำนวนของผู้เชื่อเพิ่มขึ้นเป็นห้าพันคนโดยประมาณ
5 วันรุ่งขึ้นพวกผู้นำ ผู้อาวุโส และเหล่าธรรมาจารย์มาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม 6 ทั้งมหาปุโรหิตอันนาส คายาฟาส ยอห์น อเล็กซานเดอร์และคนอื่นๆ ในครอบครัวของมหาปุโรหิตก็อยู่ที่นั่น 7 พวกเขาให้นำตัวเปโตรกับยอห์นมาอยู่ต่อหน้าและถามว่า “พวกเจ้าทำเช่นนี้โดยฤทธิ์อำนาจหรือในนามของผู้ใด?”
8 แล้วเปโตรซึ่งเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็กล่าวแก่พวกเขาว่า “เรียนท่านผู้นำและเหล่าผู้อาวุโสของประชาชน! 9 หากเราถูกเรียกตัวมาให้การในวันนี้เพราะเรื่องที่แสดงความเมตตาแก่คนง่อยและถูกสอบสวนว่าเขาหายพิการได้อย่าง ไร 10 ทั้งท่านและปวงประชากรอิสราเอลก็จงทราบเถิดว่าสิ่งนี้เป็นโดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธซึ่งท่านได้ตรึงตายที่ไม้กางเขนแต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายโดยพระนามของพระองค์นั้นเอง ชายผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่านนี้จึงได้รับการรักษาให้หาย 11 พระองค์ทรงเป็น
12 ในผู้อื่นไม่มีความรอดเลยเพราะไม่ได้ประทานนามอื่นที่จะช่วยให้เราทั้งหลายรอดแก่มนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
13 เมื่อพวกเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์นและตระหนักว่าคนทั้งสองเป็นชาวบ้านธรรมดาไร้การศึกษาก็ประหลาดใจและนึกขึ้นได้ว่าคนเหล่านี้เคยอยู่กับพระเยซู 14 แต่เพราะเขาได้เห็นชายที่หายโรคยืนอยู่กับคนเหล่านี้เขาก็พูดอะไรไม่ได้ 15 ดังนั้นจึงสั่งให้คนทั้งสองออกไปจากสภาแซนเฮดรินจากนั้นจึงหารือกันว่า 16 “เราจะทำอย่างไรกับพวกนี้ดี? ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มรู้ว่าพวกเขาได้ทำการอัศจรรย์อันโดดเด่นประการหนึ่งและเราไม่อาจปฏิเสธได้ 17 แต่เพื่อยุติเรื่องนี้ไม่ให้เลื่องลือไปอีกในหมู่ประชาชนเราต้องสั่งห้ามพวกนี้ไม่ให้เอ่ยนามนั้นกับใครอีก”
18 จากนั้นพวกเขาจึงเรียกตัวคนทั้งสองมาอีกและสั่งห้ามไม่ให้พูดหรือสอนในพระนามพระเยซูอีกเลย 19 แต่เปโตรกับยอห์นกล่าวตอบว่า “พวกท่านตัดสินเอาเองเถิดว่าเป็นการถูกต้องแล้วหรือในสายพระเนตรของพระเจ้าที่จะเชื่อฟังพวกท่านยิ่งกว่าเชื่อฟังพระเจ้า? 20 เพราะพวกเราต้องพูดในสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมา”
21 หลังจากขู่สำทับแล้วพวกเขาก็ปล่อยคนทั้งสองไป พวกเขาตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงโทษคนพวกนี้ได้อย่างไรเพราะประชาชนทั้งปวงพากันสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น 22 เนื่องจากชายคนที่ได้รับการรักษาให้หายอย่างอัศจรรย์นั้นอายุกว่าสี่สิบปีแล้ว
คำอธิษฐานของผู้เชื่อ
23 เมื่อได้รับการปล่อยตัวแล้วเปโตรกับยอห์นก็กลับมาหาพวกพ้องของตน แล้วเล่าทุกอย่างตามที่พวกหัวหน้าปุโรหิตกับผู้อาวุโสได้กล่าวกับพวกเขา 24 เมื่อพวกเขาได้ฟังแล้วก็พร้อมใจกันเปล่งเสียงอธิษฐานทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิต พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้น 25 พระองค์ตรัสโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านปากผู้รับใช้ของพระองค์ คือดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า
“ ‘เหตุใดประชาชาติทั้งหลายจึงลุกฮือ
ชนชาติต่างๆ จะวางแผนให้ป่วยการไปทำไม?
26 เหล่ากษัตริย์ของโลกตั้งตนขัดขืน
บรรดาผู้ปกครองรวมตัวกันเพื่อวางแผนต่อต้านองค์พระผู้เป็นเจ้า
และต่อต้านผู้หนึ่งซึ่งพระองค์ทรงเจิมตั้งไว้[c]’[d]
27 อันที่จริงเฮโรดกับปอนทิอัสปีลาตร่วมกับคนต่างชาติและประชาชนชนชาวอิสราเอลในกรุงนี้คบคิดกันต่อต้านองค์พระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งไว้นั้น 28 สิ่งที่พวกเขาได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ฤทธานุภาพและพระดำริของพระองค์ได้กำหนดไว้ก่อนแล้วว่าจะเกิดขึ้น 29 บัดนี้ พระองค์เจ้าข้า ขอทรงพิจารณาคำข่มขู่ของเขา และขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์สามารถกล่าวพระวจนะของพระองค์ด้วยใจกล้าหาญอย่างมาก 30 ขอทรงเหยียดพระหัตถ์ออกรักษาโรคและกระทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ต่างๆ โดยพระนามของพระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์เถิด”
31 หลังจากพวกเขาอธิษฐานจบสถานที่ซึ่งพวกเขาประชุมกันอยู่นั้นก็สะเทือนสะท้านและพวกเขาล้วนเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และกล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้า
ผู้เชื่อแบ่งปันสิ่งที่ตนมี
32 ผู้เชื่อทั้งปวงมีความคิดจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกันไม่มีใครอ้างว่าทรัพย์สินที่มีอยู่เป็นของตนเองแต่พวกเขาแบ่งปันทุกสิ่งที่ตนมี 33 โดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ เหล่าอัครทูตเป็นพยานอย่างต่อเนื่องถึงการคืนพระชนม์ขององค์พระเยซูเจ้าและพระคุณมากล้นมีแก่พวกเขาทุกคน 34 ในหมู่พวกเขาไม่มีใครขัดสนเพราะบางครั้งบางคราวผู้ที่มีบ้านหรือที่ดินก็นำไปขายและนำเงินที่ได้ 35 มาวางแทบเท้าของอัครทูตจากนั้นจึงแจกจ่ายให้ทุกคนตามความจำเป็น
36 โยเซฟคนเลวีจากเกาะไซปรัสซึ่งอัครทูตเรียกว่าบารนาบัส (แปลว่าลูกแห่งการให้กำลังใจ) 37 ได้ขายที่ดินของเขาและนำเงินมาวางแทบเท้าของอัครทูต
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.